Skip to content

King of Gods 67

King Of Gods

บทที่ 67 : สิบองครักษ์ฟ้า

เสียงคำรามของฮวงชี่เรียกความสนใจของจ้าวหยูเฟ่ยและจ้าวเฟิงไป

เขาจะท้าประลองเช่นนั้นหรือ?

จ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟ่ยสบตากันและมองฮวงชี่พุ่งตรงไปยังห้องไม้

“ชิชิชิ… คราวนี้ปาหี่ก็เริ่มขึ้นแล้ว…”

ร่างหลายๆ ร่างเริ่มออกจากกระโจมของตน

“เขามีความกล้าอยู่บ้างที่จะท้าประลองสิบองครักษ์ฟ้าตั้งแต่วันแรก”

“เขาก็พอมีสิทธิอยู่บ้าง เขาเป็นผู้ฝึกตนขั้นหก”

ดวงตาของจ้าวเฟิงกวาดมองไปยังเด็กหนุ่มสาวที่ออกจากกระโจมของตนและพบว่าพลังฝึกตนส่วนมากของพวกเขานั้นอยู่ที่ขั้นสี่หรือขั้นห้า

มีบางคนที่แก่กว่าหน่อยที่อยู่ขั้นหกเช่นกัน ผู้ที่มีพรสวรรค์ต่ำที่สุดในที่แห่งนี้ก็เทียบเท่าได้กับจ้าวหลินหลงแห่งเมืองประอายอรุณแล้ว

ไม่ช้า ฮวงชี่ก็ไปถึงยังหน้าห้องไม้ซึ่งมีหมายเลขเขียนอยู่เรียงตามความแข็งแกร่ง หมายเลขสิบคือผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสิบ และเพราะมันเป็นครั้งแรกที่ฮวงชี่ท้าประลองผู้อื่น เด็กหนุ่มย่อมเลือกผู้ที่อยู่ท้ายสุด

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้ใดกล้าท้าข้า ลีชางเฟิง?” เสียงหัวเราะเย่อหยิ่งดังขึ้นจากภายในห้อง

เสียง ‘แคร่ก’ ดังขึ้นพร้อมกับบานประตูที่เปิดออก เด็กหนุ่มที่ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยแผลเป็นเดินออกมา

อันดับสิบ ลีชางเฟิงนั้นมีพลังฝึกตนเพียงขั้นห้า ทว่าเขากลับมีกลิ่นอายน่ากลัว

“หึ! เจ้าขั้นห้าต่ำต้อยกล้าที่จะทำตัวเย่อหยิ่ง!”

บนลานที่เต็มไปด้วยโคลน ทั้งสองเผชิญหน้ากัน

“เย่อหยิ่งหรือไม่ เจ้าจะได้รู้ในไม่ช้า” ลีชางเฟิงหัวเราะและดึงดาบสีดำสนิทที่ปรากฏรูจำนวนมากบนนั้น เช่นเดียวกับรอยแผลเป็นบนร่างของเขา

“หยุดเอ่ยไร้สาระแล้วสู้ได้แล้ว!”

ร่างของฮวงชี่พลันพร่าเลือนเมื่อเขาใช้วิชาระดับสูงที่ถูกฝึกจนเข้าขั้นสุดยอด

“สิบสามแข้งแห่งใบหลิว!” ฮวงชี่ตวาดลั่นขณะที่เขาใช้วิชาระดับสูงขั้นสุดยอดอีกวิชาออก

เพียงแค่สองวิชานี้ก็ทำให้เขาเหนือกว่าเหล่าเด็กหนุ่มสาวทั่วทั้งเมืองพฤกษามุกแล้ว

ดาบทลายภูผา!

ดาบโค้งของลีชางเฟิงวาดออกพร้อมกับพลังภายในสีแดงอมดำที่ครอบคลุมมัน ความเชี่ยวชาญของกระบวนท่านั้นเข้าสู่ขั้นหลอมรวมแล้ว!

เคร้ง!

วิชาระดับสูงทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง

ฮวงชี่คราง ‘ฮึ่ม’ ก่อนจะถอยออกไปสองสามก้าว

วิชาระดับสูง… ขั้นหลอมรวม?

เด็กหนุ่มจากเมืองพฤกษามุกไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น ข้างๆ ร่างของจ้าวเฟิง ความตื่นตะลึงก็ปรากฏในแววตาของจ้าวหยูเฟ่ยเช่นกัน

ผาศิลา!

ลีชางเฟิงโจมตีอีกครั้ง กลิ่นอายอันตรายของเขาพลันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ขนปักษาลิ่วลอย!

ภายใต้แรงกดดันนั้น ฮวงชี่ได้ใช้วิชาออกอีกวิชาที่ทำให้เขาสามารถหลบการโจมตีของอีกฝ่ายพ้นได้

“ทลายศิลาศักดิ์สิทธิ์!” ลีชางเฟิงตวาด ในค่ำคืนนั้น ดาบนั้นราวกับจะถล่มภูเขาได้

“พลังของกระบวนท่านั้นเหนือกว่าพลังแต่เดิมของวิชานั้นแล้ว”

“เป็นการโจมตีที่น่าหวาดกลัวอันใดเช่นนี้”

หัวใจของเด็กหนุ่มสาวที่เฝ้ามองอยู่บีบรัด กลิ่นอายอันตรายที่หลอมรวมเข้ากับดาบนั้นราวกับจะผ่าท้องฟ้าได้

ฝ่ามือลมลิ่ว!

ในช่วงเวลาแสนอันตรายนั้น ฮวงชี่ไม่เก็บงำฝีมืออีกต่อไปและพลันใช้วิชาฝ่ามืดระดับสุดยอดออก ฝ่ามือนั้นราวกับจะผลักดันเมฆได้

เคร้ง

พลังทั้งสองเข้าปะทะกันสร้างหลุมลึกอีกหลุมบนลาน

พรวด!

ฮวงชี่พ่นเลือดออกคำโตกลางอากาศ รอยแดงลากยาวปรากฏให้เห็นบนเสื้อของเขา กระบวนท่านั้นของลีชางเฟิงน่ากลัวจนเกินไปและราวกับจะหั่นทุกคนที่ขวางทางได้ ในการปะทะกันครั้งนี้ลีชางเฟิงไม่แม้แต่จะบาดเจ็บ ร่างของเขาเพียงสั่นสะท้านเล็กน้อยเท่านั้น

“เจ้าเป็นอันใดหรือไม่?” จ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟ่ยรีบรุดมานำร่างของฮวงชี่ไป

“ข้าแพ้ได้อย่างไร…?”

ฮวงชี่ไม่ได้บาดเจ็บหนัก แต่เขาเต็มไปด้วยความตะลึงและเหลือเชื่อ ในฐานะของอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองพฤกษามุกและผู้ฝึกตนขั้นหก เขากระทั่งแพ้ผู้ฝึกตนขั้นห้าคนหนึ่งได้อย่างไร?

ในฐานะของผู้ชมนั้น จ้าวเฟิงเห็นอย่างชัดเจนในสิ่งที่เกิดขึ้น

อย่างแรก ลีชางเฟิงนั้นมีประสบการณ์การต่อสู้มาก สามารถเห็นได้ชัดจากรอยแผลเป็นบนร่างของเขา อย่างที่สอง วิชาดาบของลีชางเฟิงได้เข้าสู่ขั้นสูงมาก เมื่อรวมเข้ากับกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นนั้น กระบวนท่าของเขาจึงดูเหมือนร้ายแรงขึ้นไปอีก หลายคนเห็นสองจุดแรกนี้ ทว่าไม่มีใครเห็นจุดที่สาม

ร่างกายของลีชางเฟิงนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก เทียบเท่าได้กับวิชากำแพงเหล็กระดับสี่

“แข็งแกร่ง” จ้าวเฟิงผงกศีรษะ

เขาและจ้าวหยูเฟ่ยนำร่างของฮวงชี่เดินกลับไปอย่างเงียบงัน

“โฮ่ย พ่อเด็กใหม่ เจ้าต้องการจะท้าประลองกับสิบองครักษ์ฟ้าด้วยความแข็งแกร่งเพียงนั้น?”

“ฮี่ฮี่ เขาไม่แม้แต่จะสามารถปะทะกับสิบองครักษ์ฟ้าได้มากกว่าสามกระบวนท่าเสียด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าพวกที่มาใหม่ครานี้จะไม่ได้ดีเด่มากมาย” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านข้าง

ทั้งสามเพิ่งจะเข้าร่วมกองพันองครักษ์ฟ้าและถูกนับเป็นเพียงเด็กใหม่ ภายใต้เสียงหัวเราะขำขันนั้น จ้าวหยูเฟ่ยดึงดูดความสนใจของเด็กหนุ่มหลายคนเช่นกัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า คนสวย หากเจ้ารู้สึกว่ากระโจมของเจ้าไม่สบาย เจ้ามาที่ห้องข้าได้นะ!” ลีชางเฟิงเพิ่งเห็นความสวยของจ้าวหยูเฟ่ยและถูกดึงดูดโดยมันเช่นกัน

คำกล่าวนั้นทำให้เด็กหนุ่มแถวๆ นั้นหัวเราะเสียงลั่น ใบหน้าของจ้าวหยูเฟ่ยเย็นชา นางกำหมัดแน่น ชัดเจนว่านางกำลังจะท้าเขาประลอง

“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!” มือทรงพลังกำรอบข้อมือราวหยกของนาง

จ้าวเฟิงหยุดเด็กสาวเป็นเพราะดวงตาซ้ายของเขาได้คำนวณผลลัพธ์แล้ว แม้ว่าพลังฝึกตนของพวกเขาจะเท่าเทียมกัน ลีชางเฟิงนั้นมีประสบการณ์ต่อสู้มากกว่าและอำมหิตกว่า

หากจ้าวหยูเฟ่ยท้าอีกฝ่ายประลอง นางมีโอกาสเพียงสี่ในสิบส่วนเท่านั้นที่จะชนะ

“ข้าไม่เชื่อ” พวงแก้มของจ้าวหยูเฟ่ยแดงซ่านขึ้นเล็กๆ และแม้ว่านางจะดูไม่เต็มใจ นางก็ไม่ได้ขัดขืน

“ชิชิ เจ้าเด็กเหลือขอนั่นมาจากที่ใดกัน?”

ลีชางเฟิงเลียริมฝีปากของเขา ความโหดร้ายในแววตาข้นคลั่กขึ้น

“ไปเถอะ!” จ้าวเฟิงไม่ใส่ใจและเดินจากไปในขณะที่ดึงมือของจ้าวหยูเฟ่ยไปด้วย

“อยากไปรึ?” ลีชางเฟิงพลันกลายเป็นก้อนสายลมก่อนจะขวางทางของพวกเขา

วิชาเคลื่อนไหวระดับสูงของเขาก็เข้าสู่ขั้นสุดยอดแล้วเช่นกัน

“เจ้าอยากจะสู้รึอย่างไร?” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเย็นชา

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าไม่รู้กฎของกองพันองครักษ์ฟ้าหรืออย่างไร? ตราบเท่าที่เจ้าไม่บาดเจ็บสาหัสหรือพิการ เจ้าก็สามารถสู้ได้เท่าที่เจ้าต้องการ” ลีชางเฟิงหัวเราะลั่น

ปรากฏสายตาสงสารจากเด็กหนุ่มสาวใกล้ๆ ใช่ กองพันองครักษ์ฟ้านั้นไม่ได้ห้ามการต่อสู้ ในทางกลับกัน พวกเขากลับสนับสนุน

“แบบนี้ดีกว่า”

ประกายอันตรายสว่างวาบในแววตาของจ้าวเฟิง

“รอสักครู่พี่จ้าวหยูเฟ่ย ข้าจะเอาห้องมาให้ท่าน”

คำกล่าวของเขาทำให้เด็กหนุ่มใกล้ๆ และลีชางเฟิงแข็งค้าง แต่ก็หัวเราะออกมาในที่สุด

“ศิษย์น้องเฟิง…”

จ้าวหยูเฟ่ยดูกังวล แม้ว่านางจะรู้ว่าจ้าวเฟิงนั้นแข็งแกร่ง นางก็ไม่ได้มั่นใจว่าเขาจะชนะ

ฟุ่บ!

เด็กหนุ่มข้างกายนางพลันหายไป และในพริบตาเขาก็ไปถึงเบื้องหน้าของลีชางเฟิง

ความเร็วอันใดกัน!

เด็กหนุ่มสาวทุกคนเห็นเพียงเงาพร่าเลือนเท่านั้น

“วิชาเคลื่อนไหวระดับสูงขั้นหลอมรวม” ลีชางเฟิงพลันใช้พลังทั้งหมดออกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม วิชาเคลื่อนไหวของเขานั้นเพียงใกล้เคียงขั้นหลอมรวม และยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นนั้น

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ขณะที่ทั้งสองปะทะกันนั้น ชัดเจนว่าจ้าวเฟิงได้เปรียบ

“ผ่าศิลา!” ดาบอันตรายของลีชางเฟิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง

กระบวนท่านี้เป็นกระบวนท่าที่เอาชนะฮวงชี่ที่มีระดับฝึกตนขั้นหกก่อนหน้า

ใต้ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงนั้น เขาค้นพบว่าคู่ต่อสู้ได้จงใจใส่กลิ่นอายอันตรายลงไปในดาบเพื่อทำให้มันรุนแรงยิ่งขึ้น กลิ่นอายอำมหิตนี้จะสามารถได้รับจากการฆ่าคนเท่านั้น มันยากที่จะจินตนาการว่าอีกฝ่ายนั้นมีอดีตเช่นไร

“ดรรชนีชี้ดารา!” จ้าวเฟิงตวาดลั่นและใช้กระบวนท่าสุดท้ายของเขา

ฟุ่บ

แสงสีครามพุ่งผ่านอากาศและปะทะเข้ากับดาบของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง

เคร้ง เคร้ง

โลหิตไหลออกทางมุมปากของลีชางเฟิงในขณะที่เขาถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ดรรชนีดาราทรงพลังเท่าใดกัน? มันยังมีพลังจากวิชากำแพงเหล็กด้วย

ดรรชนีดารา!

นิ้วของจ้าวเฟิงทิ้งร่องรอยวาดผ่านของอุกกาบาตไว้บนแผ่นฟ้า มันงดงามยิ่งนัก ลีชางเฟิงรับมืออีกฝ่ายได้ห้ากระบวนท่า และแม้อาการบาดเจ็บจะเริ่มปรากฏขึ้น เขาก็ไม่ได้ยอมแพ้

“เป็นความตั้งใจที่แน่วแน่อันใดเช่นนี้” แม้ว่าจ้าวเฟิงจะชื่นชมอีกฝ่าย เขาก็เกลียดความอำมหิตนั่น ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้ออมมือแต่อย่างใด

ฟุ่บ!

ลีชางเฟิงครางด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับที่ดาบโค้งถูกเตะกระเด็นออกจากมือ

เฮือก!

ความวุ่นวายปรากฏขึ้นในกลุ่มคนดูทันที ลีชางเฟิงที่มักจะเย่อหยิ่งและโหดเหี้ยมตลอดเวลาผู้นั้นถูกเอาชนะโดยเด็กหนุ่มที่เด็กกว่าเขา

“เจ้าแข็งแกร่งนัก… ข้าจะไม่แพ้เจ้าคราวหน้า” ลีชางเฟิงยันตัวขึ้นจกาพื้นก่อนจะนำของของเขาออกจากห้องไม้ นั่นยังหมายความว่าห้องนั้นไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป

“เขาชนะ…” ฮวงชี่จ้องมองไปยังเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเขาด้วยแววตาว่างเปล่า

ทั้งสามเข้าร่วมกองพันองครักษ์ฟ้าพร้อมกัน และเขาไม่ได้เห็นจ้าวเฟิงอยู่ในสายตาตั้งแต่ต้น

หลังจากเอาชนะลีชางเฟิงได้ จ้าวเฟิงก็สามารถเข้าไปอยู่ในห้องไม้ได้ในที่สุด หมายเลขสิบบนประตูของเขานั้นหมายความว่าเขาอันดับสิบในบรรดาสิบองครักษ์ฟ้า

ในตอนนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว เคารพ และระแวดระวังได้จากสายตาของผู้ที่มองมายังเขา…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!