บทที่ 119 : สร้างอำนาจ (2)
ฝ่ามือกังหันผ่าธารา!
อี้เฟิงอวิ๋นได้แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้เขาครองอันดับที่สิบสามในบรรดาศิษย์สายนอกทั้งหมด ภายใต้ฝ่ามือกราดเกรี้ยวอันตรายนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับพายุ
ดรรชนีชี้ดารา! กระบวนท่าวายุกรรโชก!
จ้าวเฟิงรวมพลังทั้งหมดของเขาลงในดรรชนีดาราและกระบวนท่าวายุกรรโชก ในเวลาเดียวกันนั้น เขาไม่ได้จำกัดพลังของวิชากำแพงเงินของเขาอีก
ประกายแสงสีม่วงปะทะเข้ากับสายลมอย่างรุนแรง
ฟิ้ว!
เมื่อฝ่ามือและนิ้วเผชิญหน้ากันที่ใจกลางอากาศและปะทะกันกลับไม่ปรากฏแรงระเบิดเช่นที่คิด
ภาพนั้นสงบเงียบยิ่งนักจนน่าหวาดกลัว
ครึ่งลมหายใจต่อมา ก็ปรากฏแรงปะทุขึ้นพร้อมกับที่มันสร้างร่องขึ้นบนเวที
ตูม!
ร่างของจ้าวเฟิงถูกส่งกระเด็นถอยไปนับสิบก้าว ใบหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด แต่ไม่นานก็กลับมามีสีเลือดเช่นเดิม การปะทะก่อนหน้าเกือบทำให้เขากระอักเลือด
เขาไม่คาดว่าวิชามนุษย์ระดับต่ำจะมีพลังมากถึงเพียงนี้ในมือของผู้ฝึกตนขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณ
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจลึก แม้ว่าเขาจะชนะในวันนี้ มันย่อมเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากโดยไม่ต้องสงสัย
จนกระทั่งบัดนี้ ทั้งอี้เฟิงอวิ๋นและเขาต่างได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งระเบิดกังหันและฝ่ามือกังหันผ่าธาราล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนท่าที่ทรงพลัง
ฝ่ามือกังหันผ่าธารา!
อี้เฟิงอวิ๋นโจมตีขณะที่เขายังคงได้เปรียบอยู่ กระบวนท่านี้ของเขาสามารถใช้ออกอย่างต่อเนื่องได้
กระบวนท่าเสี้ยววายุ! ดรรชนีดารา!
รูปแบบการเคลื่อนไหวของจ้าวเฟิงพลันแปรเปลี่ยนไปขณะที่การโจมตีของเด็กหนุ่มกลายเป็นรุนแรงและเฉียบคมยิ่งขึ้น
กระบวนท่าเสี้ยววายุนั้นเป็นกระบวนท่าที่สามในสี่กระบวนท่าวายุและจุดเด่นของมันนั้นอยู่ที่การโจมตี
คราที่แล้ว ดรรชนีดาราของจ้าวเฟิงยังไม่เข้าสู่ระดับเจ็ด และกระบวนท่าเสี้ยววายุเองก็ยังไม่ได้ถูกทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทว่าเขาก็ยังสามารถเอาชนะเฉินเฟิงได้
บัดนี้ ทั้งสองกระบวนท่าถูกทำความเข้าใจโดยสมบูรณ์ มันทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
การโจมตีที่แหลมคมของเด็กหนุ่มนั้นราวกับมีดที่ปะทะเข้ากับฝ่ามือกังหันผ่าธารา
ฟุ่บ!
หลังจากที่หลอมรวมกระบวนท่าเสี้ยววายุเข้ากับดรรชนีดารา กระบวนท่านี้สามารถตอบโต้ฝ่ามือกังหันผ่าธาราของอี้เฟิงอวิ๋นได้
จ้าวเฟิงตะลึงพร้อมกับเพิ่มพลังมากขึ้นไปอีก แม้ว่าฝ่ามือกังหันผ่าธาราจะใช้เวลานานกว่าในการใช้ออก มันก็มีระยะคงอยู่นานกว่าดรรชนีดารา เมื่อรวมกับความที่อี้เฟิงอวิ๋นนั้นมีพลังฝึกตนสูงกว่า ความแตกต่างของทั้งสองจึงเพิ่มมากขึ้น
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
การโจมตีของจ้าวเฟิงพุ่งทะลุผ่านฝ่ามือกังหันผ่าธารา ทว่ามันไม่สามารถตอบโต้ได้อย่างเต็มที่ กระบวนท่านี้หลอมรวมพลังภายในของอี้เฟิงอวิ๋นผู้ที่เป็นผู้ฝึกตนขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณลงไป คนสามารถเอ่ยได้ว่าพลังโจมตีของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวนั้นเป็นดั่งธนู พลังโจมตีสูงสุดของมันนั้นสูงส่ง การโจมตีของอี้เฟิงอวิ๋นก็เหมือนกับเลื่อย ต่อเนื่องและทรงพลัง
จ้าวเฟิงยังคงใช้กระบวนท่าลมเคลื่อน กระบวนท่าเสี้ยววายุ และดรรชนีดาราในการปะทะกับอี้เฟิงอวิ๋น ทว่าสิ่งที่เขาสามารถทำได้ทั้งหมดมีเพียงแค่ไม่แพ้
ในอีกด้าน
เหงื่อเย็นเยียบปรากฏขึ้นบนหน้าผากของอี้เฟิงอวิ๋น ฝ่ามือกังหันผ่าธารานั้นเป็นท่าไม้ตายของเขาและเป็นเพียงกระบวนท่าเดียวที่สามารถป้องกันดรรชนีดาราของจ้าวเฟิงได้
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่มีกระบวนท่าโจมตีอื่น มันก็แค่ไม่มีกระบวนท่าใดที่ระเบิดและสามารถป้องกันดรรชนีดาราได้
มีเพียงฝ่ามือกังหันผ่าธาราที่สามารถป้องกันและโจมตีไปได้พร้อมๆ กันโดยที่แทบไม่เปิดช่องว่าง
เมื่อเห็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อของทั้งสอง เหล่าศิษย์สายนอกต่างก็นิ่งอึ้งไป
ไม่ว่าผู้ใดจะชนะ การประลองครั้งนี้ก็ได้เกินกว่าที่พวกเขาคาดไว้ไปแล้ว ความสามารถของจ้าวเฟิงได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ศิษย์สายนอกผู้อื่น
หวังหยางและเซี่ยอวิ๋นตงมองหน้ากันและพบความเหลือเชื่อในแววตาของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาคนใด หากเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวผู้นั้นเพียงผู้เดียวก็มีแต่พ่ายแพ้
การหลอมรวมของกระบวนท่าเสี้ยววายุและดรรชนีดาราสามารถนับเป็นหนึ่งในสิบของการโจมตีที่แข็งแกร่งได้
จากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าจะเป็นการเสมอ จุดตัดสินนั้นคือผู้ใดจะสามารถทนได้นานกว่า
“กระบวนท่าทั้งสองล้วนแล้วแต่ใช้พลังอย่างมาก ทว่าอี้เฟิงอวิ๋นน่าจะชนะเพราะเขาอยู่ในขั้นครึ่งก้าวของขอบเขตก่อกำเนิดปราณ” หวังหยางเอ่ยคำนวณ
การถกเถียงดังขึ้นในบรรดาผู้ชม ทว่าส่วนมากคาดว่าอี้เฟิงอวิ๋นจะชนะ
“พลังภายในของไอ้หมอนี่มากมายเพียงนี้ได้อย่างไร?”
บนเวที อี้เฟิงอวิ้นนิ่งอึ้ง ไม่มีเด็กหนุ่มผู้ฝึกตนขั้นแปดในขอบเขตแห่งการรวบรวมคนใดสามารถใช้กระบวนท่านั้นได้อย่างต่อเนื่องเช่นนี้
เคล็ดลมหายใจหวนของจ้าวเฟิงนั้นทำให้พลังภายในของเขามีปริมาณมากขึ้นสองเท่าจากที่ควรมี และยิ่งไปกว่านั้น วิชากำแพงเงินของเขาได้เสริมพลังของเขาให้มากขึ้นไปอีก
จากการคาดคำนวณของดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง มีโอกาสครึ่งหนึ่งที่จะชนะด้วยการต่อสู้ยืดเยื้อเช่นนี้ จากสิ่งนี้ก็สามารถเห็นได้ว่าอี้เฟิงอวิ๋นนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
หากเขาท้าประลองผู้อื่นที่ครองอันดับต่ำกว่าเช่นเซี่ยอวิ๋นตงแทน เขาย่อมสามารถเอาชนะได้โดยง่าย ทว่าความแตกต่างของอันดับที่ 20 และ 13 นั้นมากมายจนเกินไป
เมื่อเผชิญหน้ากับโอกาสเพียงครึ่ง จ้าวเฟิงก็รู้สึกไม่เต็มใจ
ในขณะที่ต่อสู้นั้น ดวงตาของเขาได้กวาดไปทางหยางชิงชั่นและหนานกงฟั่น ทั้งสองนั้นยืนนิ่งอึ้ง หัวใจจุกแน่นอยู่ที่ลำคอ นอกจากความตื่นตะลึงและประหลาดใจแล้ว ยังมีความรู้สึกผิดปะปนอยู่เสมอ
ในฐานะของศิษย์พี่ของเด็กหนุ่ม พวกเขาได้ดูแคลนอีกฝ่ายไปยิ่งนัก เมื่อมองไปยังความแข็งแกร่งยามนี้ของจ้าวเฟิง เขานั้นมีคุณสมบัติในการท้าประลองว่าที่ศิษย์สายในจริงๆ
“จ้าวเฟิงผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดอันใดกัน…? เขามีพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงเช่นนี้ได้อย่างไร?”
องค์หญิงอวิ๋นเมิงเซียงสูดลมหายใจเย็นเยียบ นางตระหนักขึ้นในที่สุดว่าพรสวรรค์ของจ้าวเฟิงในการต่อสู้นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าพรสวรรค์ในการทำยาของเขาแม้แต่น้อย
ทั้งสองต่างมีช่วงเวลาอันยากลำบากบนเวที อี้เฟิงอวิ๋นคำรามอยู่ในใจ แม้ว่าเขาจะชนะ เขาก็เสียหน้า และถ้าหาก แค่ถ้าหากพวกเขาเสมอล่ะ? เขาย่อมไม่มีหน้าไปมองผู้อื่นอีกต่อไป
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเปิดออกอย่างช้าๆ และคำนวณสถานการณ์ของพวกเขาตามลำดับ
“บางครั้งการโจมตีที่แข็งแกร่งก็ไม่ได้หมายถึงชัยชนะ วิธีการต่อสู้ที่แตกต่างออกไปก็สามารถตัดสินผู้ชนะได้เช่นกัน”
จ้าวเฟิงคล้ายจะเข้าใจบางอย่าง
ในตอนนี้ แสงสีครามบางเบาปรากฏขึ้นบนดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่ม
“มาตัดสินกัน!”
ร่างของจ้าวเฟิงพลันพุ่งทะยานขึ้นไปบนอากาศและเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนไหวของเขา
ฝ่ามือลมลี้ลับ! กระบวนท่าวายุกรรโชก!
ในฝ่ามือของจ้าวเฟิง ลูกบอลสีครามซีดเริ่มปรากฏขึ้นรวมตัวกัน
กระบวนท่าของเขาดูเชื่องช้า ทว่าความจริงนั้นรวดเร็วนัก มันดูราวกับว่ากระทั่งสวรรค์ก็ช่วยเหลือเขาในการควบรวมมัน
ซู่วววว
เมื่อเด็กหนุ่มผลักฝ่ามือของเขาออก สายลมใกล้เคียงก็เริ่มกระโชกพัดอย่างกราดเกรี้ยวราวกับว่ากระบวนท่าของเขาได้ทำลายทุกสิ่งในทิศที่มันผ่านไป
“กระบวนท่านั่น…” สีหน้าของผู้คุมกฎชิวแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฝ่ามือลมลี้ลับของจ้าวเฟิงนั้นมาจากเด็กสาวในหุบเขาในวันนั้น และเขาได้ทำความเข้าใจวิชานี้พร้อมกับหลอมรวมมันเข้ากับกระบวนท่าลมเคลื่อน
เหตุใดจึงไม่หลอมรวมกับกระบวนท่าเสี้ยววายุแทน? เด็กหนุ่มตัดสินใจที่จะหลอมรวมเข้ากับกระบวนท่าวายุกรรโชกเพราะว่ากระบวนท่าทั้งสองนั้นมีความคล้ายคลึงกัน
นอกจากนั้น การหลอมรวมสองวิชานี้ทำให้พลังโจมตีนั้นคงอยู่นานขึ้น ซึ่งสามารถต่อกรกับท่าไม้ตายของอี้เฟิงอวิ๋นได้อย่างสมบูรณ์
ฝ่ามือกังหันผ่าธารา!
ฝ่ามือลมลี้ลับ! กระบวนท่าวายุกรรโชก!
กระบวนท่าฝ่ามือที่คล้ายคลึงกันทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
ในเสี้ยววินาทีนั้น หินสีดำสนิทใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาพลันแตกสลายกลายเป็นฝุ่นและฟุ้งกระจายขึ้นไปบนอากาศ ภายใต้ม่านหมอกสีดำ ฝ่ามือทั้งสองเข้าปะทะกัน
ตอนแรกนั้น ฝ่ามือลมลี้ลับของจ้าวเฟิงได้สั่นสะท้านไปเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป มันกระทั่งแข็งแกร่งขึ้น
“กระบวนท่าแปลกประหลาดเช่นนี้คืออันใดกัน…?”
สีหน้าของอี้เฟิงอวิ๋นแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขารู้สึกราวกับว่าตกลงไปในวังน้ำวนที่ไม่อาจหลบหนีได้
ซู่มมมมม!
หัวใจของอี้เฟิงอวิ๋นกระตุกขณะที่เขาได้ยินเสียงม่านป้องกันที่สร้างขึ้นจากพลังภายในของเขาถูกฉีกออก วินาทีต่อมา ฝ่ามือกังหันผ่าธาราของเขาก็ถูกทำลายลงพร้อมกับความเจ็บปวดที่พุ่งจากแขนเขากระจายไปทั่วร่างกาย
“อ๊ากกกก!”
อี้เฟิงอวิ๋นกรีดร้องพร้อมกับร่างที่กระเด็นถอยหลัง
ฝูงชนหันศีรษะตามก่อนจะพบกับรอยเลือดนับร้อยบนร่างของอี้เฟิงอวิ๋น
กระทั่งบนใบหน้าของเขาก็มีรอยเลือดนับสิบ ราวกับว่าใบหน้าได้ถูกทำลายไป!
เป็นกระบวนท่าที่น่าสะพรึงอันใดเช่นนี้!
ศิษย์สายนอกผู้อื่นสูดลมหายใจเย็นเยียบ แม้ว่ากระบวนท่านี้จะไม่ได้สร้างอาการบาดเจ็บสาหัสให้กับอีกฝ่าย แต่บาดแผลที่ปรากฏไปทั่วร่างนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างของพวกเขาเย็นเยียบ
“กระบวนท่านั่นคล้ายกับวิชาเซียนวายุสวรรค์ของสำนัก…” ผู้คุมกฎชิวพึมพำกับตนเอง
บนเวที ทั้งสองร่างเผชิญหน้ากัน
แม้ว่าอี้เฟิงอวิ๋นจะแพ้ในการปะทะก่อนหน้า เขาก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ฝ่ามือลมลี้ลับ! กระบวนท่าวายุกรรโชก!
จ้าวเฟิงสูดลมหายใจลึกพร้อมกับที่แสงสีครามปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาอีกครั้ง รัศมีแหลมคมของมันทำให้ร่างของเหล่าผู้ชมเย็นเยียบ
“ข้ายอมแพ้!”
อี้เฟิงอวิ๋นสะอึก บาดแผลบนร่างเต้นตุบราวกับจะเตือนว่ากระบวนท่านั้นแข็งแกร่งเพียงใด
หากพลังของจ้าวเฟิงมีมากกว่านี้อีกนิด ร่างของเขาก็คงถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นไปแล้ว
ยอมแพ้!
หัวใจของฝูงชนสั่นสะท้าน ทว่าพวกเขาไม่ได้ประหลาดใจกับการตัดสินใจของอี้เฟิงอวิ๋น เพียงแค่มองใบหน้าอาบเลือดของอีกฝ่ายและรอยเลือดนับร้อยบนร่างก็ทำให้พวกเขาต้องสั่นสะท้านด้วยความกลัวแล้ว
“การประลองนี้จ้าวเฟิงเป็นผู้ชนะ! จ้าวเฟิงจะกลายเป็นว่าที่ศิษย์สายในคนใหม่ แทนที่ผู้แพ้…” น้ำเสียงดุดันของผู้คุมกฎชิวดังขึ้น
ในตอนนี้ เหล่าศิษย์สายนอกจึงได้ตื่นจากห้วงภวังค์
จ้าวเฟิงยืนอยู่บนเวทีและกวาดตามองฝูงชนเบื้องล่างอย่างเย็นชา
อ๊า!
เฉินเฟิงและศิษย์สายนอกอีกส่วนหนึ่งหวาดกลัวเสียจนขาอ่อน
เหตุผลที่จ้าวเฟิงท้าประลองอี้เฟิงอวิ๋นนั้นเพื่อสร้างอำนาจของเขาและมีฐานะที่สูงขึ้นในที่นี่
จากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะดีกว่าที่คาด ศิษย์สายนอกผู้อื่นล้วนมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวงและหวาดกลัว
ร่างโทรมโชกเลือกของอี้เฟิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างเดินได้