Skip to content

King of Gods 151

King Of Gods

บทที่ 151 : พลังแห่งสายเลือด

หนึ่งลมหายใจ… สองลมหายใจ… สามลมหายใจ…

จ้าวเฟิงยืนนิ่งอย่างเยือกเย็นในจุดเดิมและไม่มีท่าทางผิดปกติใดๆ

ศพโลหิตลายเงินรอเป็นเวลาสิบลมหายใจเต็มๆ ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเด็กหนุ่มเบื้องหน้า กลับกัน ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับกระทั่งแดงซ่านขึ้น

เป็นไปได้อย่างไร?

ความตื่นตะลึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของศพโลหิตลายเงิน แม้ว่ามันจะหลับใหลมาสองสามร้อยปีและพลังของมันอ่อนแอลง มันก็ยังสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนที่มีพลังต่ำกว่านภาที่สี่แห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้โดยง่าย

ทว่าจ้าวเฟิงได้ยืนอยู่เบื้องหน้ามัน ไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บ ความจริงนั้น เมื่อพิษศพได้แพร่กระจายไปทั่วร่างของเด็กหนุ่มนั้น โลหิตสีครามก็ได้ไหลเวียนไปทั่วร่างและทำลายพิษนั้นในเสี้ยววินาที

สำหรับเวลาที่เหลือ เขาได้โคจรปราณแท้เพื่อรักษาตนเอง

“ดูเหมือนว่าพิษศพจะแค่งั้นงั้น”

จ้าวเฟิงรู้สึกเหลือเชื่อ พิษที่แข็งแกร่งนั้นราวกับน้ำแข็งใต้เปลวเพลิงของดวงอาทิตย์เมื่อมันเจอกับโลหิตสีคราม

“ไอ้เด็กเวรนี่มันเป็นบัดซบอันใดกัน!?”

รูม่านตาของศพโลหิตลายเงินหดลงและความรู้สึกที่แตกต่างออกไปได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน อย่างไรก็ตาม มันคือสัตว์ประหลาดที่อยู่มายาวนานกว่าร้อยปี ไม่ช้ามันก็ๆได้หัวเราะขึ้นอย่างชั่วร้าย

“ไอ้หนู แม้ว่าเจ้าจะสามารถจัดการกับพิษศพได้ แต่เจ้าคิดว่าเจ้าคนเดียวจะสามารถต่อกรกับข้าได้นานเท่าใดกัน?”

การต่อสู้ก่อนหน้าได้พิสูจน์ทุกอย่าง แม้แต่ห้าคนร่วมมือกันก็ไม่อาจเอาชนะได้

“เช่นนั้นก็มาดูกัน…” จ้าวเฟิงพึมพำขณะที่เขานำที่ปิดตาของเขาออกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ที่ปิดตา?

ศพโลหิตเพิ่งตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายนั้นได้ใช้ดวงตาเพียงข้างเดียวก่อนหน้า

หลังจากที่ที่ปิดตาถูกถอดออก ดวงตาสีครามก็ปรากฏขึ้น มันราวกับมีนรกที่ไร้ก้นบึ้งอยู่ภายใน…

“ดวงตานั่น…”

หัวใจของศพโลหิตสั่นสะท้านขณะที่มันจ้องไปยังดวงตาของเด็กหนุ่ม ราวกับว่ามันถูกดึงดูดด้วยนรกนั้น

กลางอากาศ

ดวงตาสีแดงโลหิตคู่หนึ่งปะทะเข้ากับดวงตาสีครามบริสุทธิ์

พลังจิตได้กระแทกออกจากกลางอากาศพุ่งไปทุกทิศ ศพโลหิตลายเงินรู้สึกราวกับว่าดวงตาของมันได้ถูกหั่นด้วยคมมีดที่บดขยี้พลังจิตของมันลงในเสี้ยววินาที

นั่นหมายความว่าแม้ศพโลหิตจะยังมีข้อได้เปรียบอยู่ในระดับหนึ่ง ในด้านของพลังจิต มันกลับถูกตอบโต้ด้วยคู่ต่อสู้

แข็งแกร่งยิ่ง! เป็นพลังที่แปลกประหลาดอันใดเช่นนี้…

จ้าวเฟิงกดความรู้สึกตื่นเต้นเอาไว้ในใจ พลังของดวงตาซ้ายของเขาได้ถูกเปิดเผยออกในที่สุด

ในตอนนี้ ดวงตาซ้ายของเขาได้เข้าสู่สภาวะสุดยอดการมองเห็น

เด็กหนุ่มสามารถมองเห็นสายลม เศษฝุ่น อนุภาค และแสงได้ เขากระทั่งเห็นอวัยวะภายในของคู่ต่อสู้

ความแหลมคมของดวงตาที่สามารถกระทั่งมองผ่านหินได้ได้กวาดมองไปรอบๆ อย่างลวกๆ ก่อนจะพบกับสมบัติล้ำค่าจำนวนมาก เสื้อผ้าของศพโลหิตลายเงิน แหวนบนนิ้วโป้งของมัน และสิ่งของที่ถูกซ่อนอยู่ในกระเป๋า

มันราวกับว่าเขามีพลังที่จะควบคุมทุกคน

ศพโลหิตลายเงินสะอึกเย็น บางอย่างทำให้เขาพลันนึกถึงวันที่เขาพบกับผู้นำลัทธิมารจันทราชาดเมื่อหลายร้อยปีก่อนขึ้น

แม้ว่าเขาจะเป็นผู้คุ้มครองของตำหนักรอง เขาก็ได้เห็นผู้นำลัทธิเพียงหนึ่งครั้ง ทว่าเขาไม่เคยลืมเลือนดวงตาคู่นั้น

ในตอนนี้ เขารู้สึกได้ถึงความรู้สึกนั้นอีกครั้ง

ฝ่ามือวายุอัสนี!

ร่างของจ้าวเฟิงพุ่งตรงไปและตั้งเป้าไปยังอกด้านซ้ายของศพโลหิตด้วยพลังที่รวดเร็วและแม่นยำกว่าเดิม

“ขะ… เขารู้ได้อย่างไรว่าข้าบาดเจ็บหนักที่ใด?”

หัวใจของศพโลหิตลายเงินสั่นสะท้าน

กระบวนท่าเดิม ปราณแท้เดิม ใช้ด้วยบุคคลคนเดิมกลับมีพลังที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

จ้าวเฟิงนั้นรู้สึกราวกับเขาได้เข้าสู่ระดับใหม่โดยสิ้นเชิงเมื่อทุกๆ กระบวนท่าได้มีพลังเพิ่มมากขึ้น ส่วนที่เขาโจมตีนั้นยังเป็นส่วนที่อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้า

ตูม!

เด็กหนุ่มปะทะเข้ากับศพโลหิตลายเงินโดยตรง ทว่าในครานี้ ฝ่ามือวายุอัสนีของเขาได้ใช้ออกไปในทิศทางเฉพาะและมุ่งตรงไปยังหัวใจที่บาดเจ็บสาหัสของศัตรู

ตึก! ตึก!

ร่างทั้งสองแยกจากกันในไม่ช้า ภายใต้พลังฝึกตนที่แตกต่าง จ้าวเฟิงได้ถูกบังคับให้ถอยหลังพร้อมกับโลหิตที่เดือดพล่าน สีหน้าของศพโลหิตลายเงินแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ทว่ามันราวกับว่ามันได้พ่ายแพ้

กระบวนท่าตัดวายุเพลิง!

จ้าวเฟิงโคจรวิชาเซียนวายุสวรรค์ที่ทำให้เขาถูกครอบคลุมด้วยบอลเพลิง มันเป็นเพียงแค่ความเข้าใจ ทว่ามันราวกับการระเบิดของภูเขาไฟ

ในตอนนั้นเองที่อุณหภูมิได้พุ่งสูงขึ้น อากาศนั้นราวกับถูกบีบอัดจนถึงขีดสุด พลังของกระบวนท่าตัดวายุเพลิงนั้นเทียบเท่าได้กับฝ่ามือวายุอัสนี ทว่าเด็กหนุ่มมีความเข้าใจใน ‘ลม’ มากกว่า ทำให้เขาสามารถคุกคามผู้ฝึกตนในนภาที่สามแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณได้เมื่อเขาใช้วิชาเซียนวายุสวรรค์พร้อมกับมัน

เพี้ยะ เปรี้ยง

เสียงระเบิดรุนแรงดังขึ้นพร้อมกับคลื่นอากาศที่กวาดทุกสิ่งในรยะสิบหลาออกไป สั่นสะเทือนถ้ำทั้งถ้ำ

ร่างของจ้าวเฟิงและศพโลหิตลายเงินแยกออกจากกันอีกครั้ง

“ไอ้เด็กเวร เจ้าสามารถไสหัวออกไปได้ในตอนนี้ แต่เอาคนอื่นไว้ให้ข้าในฐานะของเครื่องสังเวยโลหิต”

ศพโลหิตลายเงินสูดลมหายใจลึกและยอมถอยลงในที่สุด หลังจากนอนหลับมากว่าร้อยปี พลังของมันได้ลดลงอย่างมหาศาล ไม่แม้แต่จะเทียบเท่าได้ถึงหนึ่งในยี่สิบส่วนของยามที่มันอยู่ในจุดสูงสุด ความจริงที่ว่ามันบาดเจ็บสาหัสก็กระทั่งทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ขึ้นไปอีก

“เจ้าสามารถไสหัวออกไปจากถ้ำและทิ้งแหวนกับกระเป๋านั้นไว้ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

ประกายแสงสีครามแหลมคมส่องประกายบนดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงขณะที่เขาเอ่ยโต้

“แหวน? กระเป๋า? เจ้าอยากตายเช่นนั้นหรือ!!”

ศพโลหิตลายเงินนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนจะคำรามอย่างกราดเกรี้ยวพร้อมกับที่เปลวไฟสีม่วงได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของมัน

เด็กหนุ่มจ้องไปยังเปลวเพลิงสีม่วงบนฝ่ามือของอีกฝ่ายด้วยสีหน้านิ่งอึ้ง

แน่นอนว่าเมื่อคนผู้หนึ่งเข้าสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง พวกเขาจะสามารถควบรวมแก่นของเปลวเพลิงชีวิตที่เป็นแก่นแท้ของพลังของตนได้

แน่นอนว่าศพโลหิตลายเงินนั้นบาดเจ็บสาหัสและไม่อาจควบรวมเปลวเพลิงแท้ได้ มันเพียงแค่ใช้พลังที่หลงเหลืออยู่ในร่างของมันเท่านั้น

“ทำลาย…”

ศพโลหิตลายเงินหัวเราะอย่างโหดเหี้ยมก่อนจะกลายเป็นเพียงเงาพร่าเลือนที่มุ่งตรงไปยังศีรษะของจ้าวเฟิง

พลังที่น่าพรั่นพรึงนั้นทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุก

กระบวนท่าตัดวายุเพลิง!

จ้าวเฟิงตวาดขณะที่โลหิตสีครามของเขาได้ออกจากร่าง หลอมรวมเข้ากับปราณแท้วายุสวรรค์ของเขา

พลัง ประสาทสัมผัส และพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

ปราณแท้วายุสวรรค์แต่เดิมได้เข้าสู่ระดับใหม่อย่างปาฏิหาริย์ และในเสี้ยววินาทีที่ฝ่ามือนั้นถูกใช้ออก คนผู้หนึ่งเกือบจะเห็นเปลวเพลิงสีครามที่แผดเผาทุกสิ่งที่ขวางทาง

เปรี้ยงงงง

เปลวเพลิงสีม่วงในฝ่ามือของศพโลหิตลายเงินนั้นคงอยู่ได้เพียงแค่ครึ่งลมหายใจก่อนที่จะมอดดับไป!

ตึก! ตึก! ตึก!

ศพโลหิตได้ล่าถอยไปก้าวแล้วก้าวเล่า มันมองไปยังโลหิตสีครามที่ล้อมรอบร่างของจ้าวเฟิงด้วยความตื่นตะลึงและหวาดกลัว

“สายเลือดแห่งบรรพกาล…”

ตูมมม

เปลวเพลิงสีครามพลันระเบิดออกและส่งร่างของศพโลหิตกระเด็นลอยออกไป ร่างของมันกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรงจนกระทั่งกำแพงนั้นสั่นสะท้านเล็กๆ

พรวด!

ศพโลหิตลายเงินกระอักโลหิตออกมาคำโตด้วยอาการบาดเจ็บทั้งสองขณะที่มันมองไปยังเด็กหนุ่มผมครามด้วยสีหน้านิ่งอึ้ง

“สายเลือดแห่งบรรพกาล ดวงตาสีคราม… เขามาจากเชื้อสายโบราณใดกัน? เมื่อใดกันที่ทวีปครามมีสายเลือดโบราณที่บริสุทธิ์เพียงนี้?”

สายเลือดโบราณ?

โลหิตสีครามที่ล้อมรอบร่างของจ้าวเฟิงค่อยๆ กลับเข้าไปในร่างของเขา

“พลังนี่เรียกว่าสายเลือดแห่งบรรพกาลหรือ?”

ด้วยดวงตาซ้ายของเขา เด็กหนุ่มสามารถควบคุมพลังนี้ได้อย่างง่ายดาย และเมื่อมันหลอมรวมเข้ากับกระบวนท่าตัดวายุเพลิงหรือวิชาเซียนวายุสวรรค์ มันก็น่าสะพรึงยิ่งนัก

เขาสามารถยืนยันได้ว่ากระบวนท่าก่อนหน้าได้สร้างอาการบาดเจ็บให้กับอีกฝ่ายอย่างมาก

สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้มีเพียงประหยัดพลังของเขาไว้

“เจ้าหนูผู้โง่เขลา ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่รู้อันใดเกี่ยวกับสมบัติที่เจ้ามีในร่าง สายเลือดแห่งบรรพกาลนั้นเป็นหนึ่งในสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุด”

ศพโลหิตลายเงินนำร่างของมันออกจากกำแพงได้ในที่สุด

“พลังแห่งสายเลือด… เช่นนั้นเหตุใดสำนักจึงเพียงเอ่ยถึงพรสวรรค์ด้วย ‘กายจิตวิญญาณ’ แต่มิใช่ ‘สายเลือด’?” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำอย่างสงสัย

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าสายเลือดนั้นล้ำค่าเพียงใด? กระทั่งสายเลือดที่อ่อนแอและชั้นต่ำที่สุดยังเทียบเท่าได้กับกายจิตวิญญาณระดับสุดยอด และความจริงนั้นมันไม่มีหนทางในการตรวจวัดสายเลือดได้ก่อนที่มันจะตื่นขึ้น” ศพโลหิตลายเงินแย้มยิ้มอย่างเยาะหยัน

ไม่แปลกใจเลย

จ้าวเฟิงโคจรปราณแท้และโลหิตสีครามของเขาช้าๆ เตรียมตัวที่จะโจมตีอีกฝ่ายอีกครั้ง

“ไอ้เด็กเวร หยุด! แม้ว่าเจ้าจะใช้พลังแห่งสายเลือดของเจ้า มากที่สุดก็เพียงแค่ตายตกไปพร้อมกัน”

ความแน่วแน่ปรากฏขึ้นในแววตาของศพโลหิตลายเงิน

หากจ้าวเฟิงบีบบังคับมันให้เข้าสู่ตาจนจริงๆ อีกฝ่ายอาจใช้การเคลื่อนไหวที่ไม่อาจคาดเดาได้

“เจ้าบาดเจ็บหนักและไม่รวดเร็วเช่นข้า หากเราสู้กันทีล่ะนิด เปลืองพลังกันสักหน่อย โอกาสที่เจ้าจะตายมีสูงกว่าข้า นอกจากนั้น เรายังอยู่ในอาณาเขตของสำนักจันทร์สลาย” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเยือกเย็น

ศพโลหิตลายเงินชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะกัดฟันกรอด หากจ้าวเฟิงนั้นได้ทำให้มันเสียพลังไปอย่างไร้ยางอายจริงๆ เช่นนั้นเขาคงต้องตาย

“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้าต้องการอันใด?” ศพโลหิตลายเงินเอ่ยอย่างโกรธแค้น

“ทิ้งแหวนบนมือกับของในกระเป๋าไว้”

ดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มนั้นแหลมคมราวมีดขณะที่มันมองเห็นความลับทั้งหมดของอีกฝ่าย เขาสามารถประมาณได้ว่าสิ่งใดที่มีค่ามากที่สุดในถ้ำ

“เจ้าเอาทุกสิ่งไปได้ แต่แหวนนี้นับเป็นสิ่งแทนตัวของผู้คุ้มครอง แม้ว่าเจ้าจะนำมันไป ประโยชน์ก็มีเพียงจำกัด และผู้อื่นอาจฆ่าเจ้าเพื่อมัน”

ศพโลหิตลายเงินกดความโกรธเอาไว้ในใจ เมื่อใดกันที่เขาถูกบีบบังคับให้เข้าสู่สถานการณ์นี้โดยมดปลวกที่อยู่ในนภาที่หนึ่งแห่งขอบเขตก่อกำเนิดปราณ? แต่เมื่อคิดถึงมัน คู่ต่อสู้นั้นมีพลังสายเลือดแห่งบรรพกาล และเขาเป็นบุตรผู้โชคดีของสรวงสวรรค์ เขาอาจกลายเป็นอัจฉริยะในภายหลัง

นั่นทำให้ศพโลหิตรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

เด็กหนุ่มครุ่นคิด หากไม่มีพลังที่เหนือกว่าโดยสิ้นเชิง เขาไม่ควรบีบบังคับอีกฝ่ายมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงผงกศีรษะอย่างยอมรับ

ไม่ช้าศพโลหิตลายเงินก็ได้นำกระเป๋าที่เก็บยาสีโลหิตใสไว้จำนวนหนึ่ง แผนที่หนังสัตว์ และดาบสีเลือดที่แตกหักอันหนึ่งออกมา

ขณะที่มันได้ส่งสิ่งเหล่านี้ออกมา ความไม่เต็มใจและเจ็บปวดได้ระบายอยู่บนใบหน้าของมัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!