บทที่ 402 : แผนของแมวมากเล่ห์
เย่หยานหยูและจ้าวเฟิงหยุดยืนดูอยู่พักหนึ่ง ไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง
จ้าวเฟิงชั่งน้ำหนักดูแล้วเข้าใจว่าตนเองนั้นไม่ได้ส่งผลอันใดมาก ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้
บางทีเย่หยานหยูอาจรอหยิบชิ้นปลามัน ใบหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม
กองกำลังทั้งสองที่กำลังต่อสู้กับแมงป่องยักษ์โบราณไม่โง่เขลา มองไปยังเย่หยานหยูอย่างไม่เป็นมิตร
“เปลี่ยนแผน เย่หยานหยูมา”
ชายหนุ่มจมูกดำ ‘ชื่อกุ้ย’ วาดมืออย่างกะทันหัน ทำให้อัจฉริยะฝ่ายตำหนักผาดำล่าถอยออกไปชั่วคราว ต่างคนต่างหอบหายใจหนักหน่วง
ชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดจากตำหนักมารจันทราสบตากัน
กองกำลังทั้งสองฝ่ายได้ล่าถอยออกไปรอบนอกอย่างพร้อมเพรียงกัน
จะอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจที่จะเอาชนะแมงป่องยักษ์โบราณได้ในระยะเวลาสั้นๆ เมื่ออีกฝ่ายทำเพียงต้านทานอย่างดื้อดึงอยู่หน้าทางเข้าถ้ำ ไม่ยอมไล่ตามออกมาโจมตี
ยามที่ ‘ชื่อกุ้ย’ เห็นจ้าวเฟิง นัยน์ตาก็ส่องประกายเพลิงสีซีดขึ้น รูม่านตาหดเล็กลง
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นจ้าวเฟิงมาก่อน ทว่ากลิ่นอายของเด็กหนุ่มสร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้เขามากนัก
หากไม่ใช่เพราะเย่หยานหยู บางทีคนของตำหนักผาดำอาจจะร่วมมือกันโจมตี จัดการจ้าวเฟิงในครั้งเดียว
“หากอยู่กับเย่หยานหยู แม้กวาดตามองไปทั่วทั้งซากปรักหักพังสือเฉิง บางทีอาจไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับข้า”
จ้าวเฟิงรู้เรื่องนี้อยู่ในใจอย่างชัดเจน
ในด้านพลังฝึกตน เย่หยานหยูอยู่ในขั้นนายเหนือแท้ระดับสูง แตกต่างจากชื่อกุ้ยและผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้อีกคน
นอกจากนั้น เย่หยานหยูยังมาจากสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง ความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับขั้นนายเหนือแท้ทั้งสิบแล้วยังสามารถติดหนึ่งในสามได้
หากชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดร่วมมือกันอาจพอต่อสู้กับเย่หยานหยูได้บ้าง
โดยไม่รู้ตัว
เย่หยานหยูได้กลายเป็นหลุมหลบภัยของจ้าวเฟิงใน ‘ซากปรักหักพังสือเฉิง’ ไป
หรือมิเช่นนั้น ตัวเขาที่อ่อนแอและตัวคนเดียว หากต้องการที่จะมีชีวิตรอดในซากปรักหักพังสือเฉิงย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย หากต้องการที่จะแย่งชิงโอกาสในมรดกยิ่งยากเย็นกว่าเดิมนับสิบเท่า
ชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดแยกตัวออกมา เผชิญหน้ากับเย่หยานหยูห่างออกไปไกล
อัจฉริยะขั้นนายเหนือแท้ทั้งสามเริ่มเจรจากัน
“เย่หยานหยู เจ้ามาพอดี หากเจ้าร่วมมือกับข้าและคนอื่นๆ ย่อมสามารถดึงดูดความสนใจ หรือกระทั่งฆ่าแมงป่องยักษ์โบราณนี่ได้”
ชื่อกุ้ยเสนอ
ชายหนุ่มชุดสีเลือดผู้นั้นผงกศีรษะซ้ำๆ
ความแข็งแกร่งของแมงป่องยักษ์โบราณนั้น แม้พวกเขาร่วมมือกันก็ไม่อาจนับเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้ แม้ว่าจะสามารถฆ่าแมงป่องยักษ์นั่นได้ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะเหลือผู้รอดชีวิตสักกี่คน
ในเมื่อเย่หยานหยูมา แทนที่จะปล่อยให้นางคอยหยิบชิ้นปลามัน การให้นางร่วมมือด้วยย่อมดีกว่า
หนึ่ง พวกเขาสามารถลดแรงกดดันและความสูญเสียได้ โอกาสที่จะจัดการแมงป่องยักษ์ได้มีมากขึ้น
สอง เย่หยานหยูมาคนเดียว การเข้าไปในถ้ำแย่งชิงทรัพยากรย่อมด้อยกว่าพวกเขาที่มีคนมากกว่า
ดังนั้นแล้ว
ข้อเสนอของพวกชื่อกุ้ยทั้งสองจึงนับว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาด
เย่หยานหยูยืนอยู่ที่เดิม ดึงหน้าเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำพูดใด
เมื่อชายหนุ่มชุดสีเลือดเห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างเร่งรีบ”เย่เซียนจื่อ เมื่อครู่ผีของพี่ชื่อได้ไปสำรวจ ในถ้ำนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรล้ำค่าหายาก เหตุผลที่แมงป่องยักษ์โบราณนั่นดึงดันป้องกันถ้ำนั่นอย่างมากนั้นเป็นเพราะลูกแมงป่องยักษ์สายเลือดบริสุทธิ์หลายตัวด้านใน ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้เย่เซียนจื่อคงจะคาดไว้อยู่แล้ว”
“โอ้? ลูกแมงป่องยักษ์สายเลือดบริสุทธิ์หรือ?”
เย่หยานหยูรู้สึกสนใจ
เรื่องพลังต่อสู้ของแมงป่องยักษ์โบราณ ทุกคนได้ประสบมากับตนเอง แม้จะเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ 4-5 คนพร้อมกันก็ไม่ใช่ปัญหา
สายเลือดของแมงป่องยักษ์นั้นทรงพลัง มีพิษของแมงป่องยักษ์ แม้สัมผัสเพียงนิดก็สามารถคร่าชีวิตของผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ได้
หากไม่ใช่เพราะภูตผีของตำหนักผาดำที่สามารถต้านทานพิษของแมงป่องยักษ์ได้ เช่นนั้นแม้จะเป็นผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั้งสองก็ไร้หนทาง
สัตว์ปีศาจโบราณที่มีพลังสายเลือดในระดับนี้ หากไปอยู่ที่ด้านนอกมันย่อมไม่อาจประเมินค่าได้ แม้จะเทียบกับสัตว์ล้ำค่าตัวเต็มวัยก็ยังนับว่ามีมูลค่ามากกว่า
ลูกสัตว์ปีศาจง่ายที่จะจับเป็นสัตว์เลี้ยง ความสามารถมากมาย หากฝึกฝนตั้งแต่ยังเยาว์ ความภักดีจะสูง
ด้วยการฝึกฝนของสำนัก เพียงหนึ่งปีให้หลังก็สามารถกลายเป็นสัตว์วิเศษที่ทรงพลังได้แล้ว
หากจะพูดโดยส่วนตัว มันยังสามารถเติบโตตามผู้เป็นนาย เหมือนเป็นแท่นกระโดดของสัตว์วิเศษ
“แมงป่องยักษ์นี่นับเป็นสัตว์เลี้ยงสายต่อสู้ระดับสูง ทั้งการโจมตีและป้องกันล้วนแข็งแกร่งอย่างมาก ทั้งยังมีพิษแมงป่อง…”
จ้าวเฟิงสังเกตความสามารถของแมงป่องยักษ์โบราณ ในหลายๆ ด้านของมันอาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ
เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาไปมองแมวขโมยตัวน้อยสลับกับแมงป่องยักษ์
ในด้านของพลังต่อสู้และความอันตราย แมวขโมยตัวน้อยอาจเรียกได้ว่าเป็นเพียงเต้าหู้ก้อนหนึ่ง เป็นแท่งไม้พยากรณ์เท่านั้น
การเคลื่อนไหวหน้าของจ้าวเฟิงได้ตกอยู่ในสายตาของเย่หยานหยู มุมปากของหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะยกโค้งขึ้นอย่างยินดี
“ไอสวรรค์ในถ้ำนั่นพิเศษอย่างมาก หากสามารถเอาชนะแมงป่องยักษ์โบราณนี่ได้และแบ่งผลประโยชน์ให้ทุกคน มูลค่าของมันย่อมไม่จำกัดอยู่แค่ที่ลูกแมงป่องยักษ์”
จ้าวเฟิงพลันเอ่ยนอกเรื่องขึ้น
ชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดที่มีพลังขั้นนายเหนือแท้มองตรงไปยังร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้า
จ้าวเฟิงยืนอยู่ด้านหลังของเย่หยานหยู พวกเขาจึงไม่อาจเข้าใจถึงสถานะของเด็กหนุ่มผู้นี้ได้
ทว่าในเมื่อเขากล้าที่จะเอ่ยแทรกขึ้น ทั้งเย่หยานหยูยังไม่เอ่ยอันใด บางทีเขาอาจเป็นคนของสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง
“ด้วยพลังสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งของเด็กนี่ เป็นไปได้มากที่มันจะได้รับความเชื่อใจอย่างมากจากเย่หยานหยู”
ชื่อกุ้ยและคนอื่นๆ กระทั่งหวาดกลัวจ้าวเฟิงมากกว่าเดิม
อัจฉริยะจากตำหนักผาดำเข้าใจถึงพลังและวิธีการแปลกประหลาดของจ้าวเฟิงเป็นอย่างดี
ทว่าพวกเขาคงไม่อาจที่จะคาดเดาถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างจ้าวเฟิงและเย่หยานหยูได้
เย่หยานหยูขี้เกียจเอ่ยปาก ทำให้พลาดโอกาสในการค้นหาพลังที่แท้จริงของจ้าวเฟิงไปโดยไม่รู้ตัว
“เป็นเช่นนี้ ในถ้ำนั่นมีทรัพยากรสมบัติอื่นๆ อยู่จริง มันได้มีสมบัติโบราณหายากอยู่บางส่วน ตัวอย่างเช่นเห็ดอินตู๋ ผลโลหิต และหญ้าคืนชีวิต”
ชายหนุ่มชุดสีเลือดเอ่ยตอบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่หยานหยูจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นบ้าง
สมุนไพรล้ำค่าที่ชายหนุ่มชุดสีเลือดเอ่ยมานั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ต้องริษยา กระทั่งทำให้ผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเกิดความละโมบ
‘เห็ดอินตู๋’ จะเติบโตขึ้นบริเวณที่มีธาตุหยินหนาแน่น ได้รับการบำรุงจากปราณหยิน หลังจากผ่านไปมากกว่าหมื่นปีจึงจะถือกำเนิดขึ้น เห็ดนี้ยอดเยี่ยมในการใช้พัฒนาภูตผีซากศพ เป็นหนึ่งในวัตถุดิบในการกลั่นพิษของฟ้าดิน
‘ผลโลหิต’ เป็นสมุนไพรที่สูญพันธ์ไปจากโลกแล้ว ควบรวมแก่นแท้ของโลหิตหยิน สามารถเพิ่มพลังชีวิต เสริมความแข็งแกร่งให้พลังฝึกตนอย่างมาก โดยเฉพาะยอดฝีมือในศาสตร์แห่งโลหิตจะได้รับผลเป็นสองเท่า
หลังจากที่จ้าวเฟิงได้ยินชื่อของสมบัติที่สูญหายเหล่านั้น หัวใจก็เต้นรัว
ไม่แปลกใจเลยที่สายตาของเย่หยานหยูจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กๆ
“ผลโลหิตนี้ หากไปอยู่ที่ทวีปบุปผาครามย่อมกลายเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างมากแน่นอน หากผู้นำลัทธิมารจันทราชาดบาดเจ็บสาหัสทว่ายังไม่ตาย กินมันเข้าไปสัก 1-2 ลูก บางทีพลังอาจจะกลับสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดอีกครั้งอย่างรวดเร็ว หากข้าได้ครอบครองสักลูก แม้จะไม่ได้ฝึกฝนในศาสตร์แห่งโลหิต ทว่าข้าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ได้อย่างแน่นอน”
หัวใจของจ้าวเฟิงเต้นรัว
ผลโลหิตสามารถทำให้พลังของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด กระทั่งมีโอกาสที่จะทะลวงขั้นได้
ผลโลหิตนั้น หากเป็นผู้ฝึกตนขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสูง หรือขั้นผู้วิเศษแท้ระดับสุดยอดทั่วไปอาจนับว่าสูญเปล่า
ทว่าจ้าวเฟิงมีขอบเขตจิตวิญญาณขั้นนายเหนือแท้ ความสามารถในการดูดกลืนพลังเทียบเคียงได้กับเหล่านายเหนือ หากกินไปสักลูก ปิดด่านฝึกตนสัก 4 วันย่อมสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นนายเหนือแท้ได้
หากผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดกินผลโลหิตเข้าไปยังได้รับผลประโยชน์อย่างมาก ไม่ต้องเอ่ยถึงขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงเลย
ที่น่าเสียดายคือสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ ในทวีปบุปผาครามไม่ปรากฏอยู่
นอกจากนั้น เมื่อเอ่ยถึง ‘เห็ดอินตู๋’ และ ‘หญ้าคืนชีวิต’ พวกมันก็นับเป็นสมบัติระดับสุดยอดที่เทียบเคียงกับ ‘ผลโลหิต’ ได้เป็นอย่างน้อย
“อืม หญ้าคืนชีวิต…”
จ้าวเฟิงพลันนึกถึงบางสิ่งขึ้นได้
‘หญ้าคืนชีวิต’ หนึ่งในของวิเศษของฟ้าดิน มีไอพลังชีวิต สามารถรักษาบาดแผลถึงตาย ย้อนคืนหยินหยาง หวนคืนชีวิต หญ้าคืนชีวิตนี้สามารถให้กำเนิดวารีแห่งชีวิตได้ มันสามารถรักษาบาดแผลได้ทุกประเภท หรือสามารถใช้ในการยืดอายุขัยได้
ทันใดนั้น
ในสมองของจ้าวเฟิงพลันปรากฏเสียงเสียงหนึ่งขึ้น”ทั้งหมดนับว่าขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าแล้ว หากเจ้าต้องการที่จะตอบแทนตาแก่ผู้นี้ ในงานชุมนุมเซียนมังกรก็จงสร้างชื่อให้เลื่องลือ เข้าสู่หนึ่งในยี่สิบอันดับแรก หากในมรดกแห่งยู่ไว่เจ้าสามารถช่วยตาแก่ผู้นี้หา ‘วารีแห่งชีวิต’ ‘ยาแปลงอายุเปลี่ยนชีพ’ และของอื่นๆ ที่มีพลังในการเติมเต็มพลังชีวิตได้ ตาแก่ผู้นี้จะซาบซึ้งยิ่งนัก”
ก่อนหน้า ที่กองบัญชาการลัทธิโลหะเลือด บุรุษผมสีเลือด เถี่ยหมัว เคยได้แนะนำจ้าวเฟิงให้กับชายชราคิ้วหนาผมแดงผู้หนึ่ง ชายชราคนนั้นได้เอ่ยประโยคนี้กับเขา
เป็นเพราะชายชราคนนั้น จ้าวเฟิงจึงสามารถเหยียบย่างเข้าไปในศาสตร์แห่งจิตวิญญาณและสายเลือดดวงตา วิสัยทัศน์กว้างไกลขึ้น
ชายชราลึกลับผู้นั้นต้องการ ‘วารีแห่งชีวิต’ ที่ ‘หญ้าคืนชีวิต’ ในถ้ำแห่งนี้สามารถให้กำเนิดได้
อาจกล่าวได้ว่า หญ้าคืนชีวิตนับว่าล้ำค่ากว่าวารีแห่งชีวิต
ในยามนี้
จ้าวเฟิงและเย่หยานหยูได้เข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดแมงป่องยักษ์โบราณนั่นจึงได้ป้องกันทางเข้าถ้ำอย่างหนาแน่น ไม่ยอมให้ผู้ใดรุกราน
ที่มันป้องกันอย่างสุดชีวิตนั้นไม่ใช่เพียงเพราะลูกของมัน ทว่าเพราะด้านในยังมีแดนสมบัติอยู่อีก
“เราร่วมมือกันจัดการแมงป่องยักษ์ ผลประโยชน์ในถ้ำนั่นให้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ล่ะคน”
พวกชื่อกุ้ยทั้งสองไม่ปิดบังอีกต่อไป
หากมีผลประโยชน์ไม่มากพอ พวกเขาเองก็คงต้องยอมแพ้ในความคิดที่จะให้เย่หยานหยูลงมือ
จ้าวเฟิงพอจะคาดการณ์ได้ว่าในถ้ำนั้นยังมีสมบัติล้ำค่าในระดับเดียวกับ ‘ผลโลหิต’ อยู่อีก มีเพียง 2-3 อย่างที่ถูกเอ่ยขึ้นเมื่อครู่
เมื่อคิดดูแล้ว ในใจของเขาก็พลันปรากฏความคาดหวังและตื่นเต้นขึ้นอย่างมาก
ไม่นาน
ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั้งสามก็ได้ตกลงกันในที่สุด พลันส่งการโจมตีที่แข็งแกร่งไปยังร่างของแม่งป่องยักษ์โบราณอย่างพร้อมเพรียงกัน
มันคือการร่วมมือกันที่หาได้ยากของสามสำนัก สำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่าง ตำหนักมารจันทรา และตำหนักผาดำ
ย่าห์
ยามนี้ ชื่อกุ้ยได้ส่งหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้ออกไป แม้จะไม่ใช่โครงกระดูกลายเงินก่อนหน้า ทว่าก็ยังเป็นศพโลหิตเงิน
หุ่นเชิดศพทั้งสองนี้สูง 2-3 หลา กลิ่นอายมืดทะมึน ไม่หวาดกลัวพิษของแมงป่องยักษ์ ร่วมมือกันต้านทานเป้าหมาย
“ในมือของชื่อกุ้ยผู้นี้กลับมีหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้อยู่สองตัว”
จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจและริษยา
ไม่ว่าจะฆ่าแมงป่องยักษ์โบราณได้สำเร็จหรือไม่ หุ่นเชิดศพที่แข็งแกร่งของตำหนักผาดำก็นับเป็นกุญแจสำคัญ สามารถต้านทานแมงป่องยักษ์โบราณไว้ได้ตรงๆ
ในมือของชายหนุ่มชุดสีเลือดจากตำหนักมารจันทราได้ปรากฏดาบจันทร์เสี้ยวสีโลหิตขึ้น ส่งกลิ่นอายโหดเหี้ยมออกมา
ครืนนน เปรี้ยง
ดาบจันทร์เสี้ยวโลหิตในมือของชายหนุ่มวาดออก สร้างวงแสงสีเลือดที่มีกลิ่นอายอำมหิตออกไป กัดกร่อนร่างของแมงป่องยักษ์โบราณ
พลังของเย่หยานหยูเหนือกว่าชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือด มือขาววาดออกสร้างคลื่นแสงสีราวกับปรอท ส่องประกายราวจันทรา สร้างเป็นดาบโปร่งใสสีปรอทวาดผ่านม่านแห่งราตรี
ยามที่นางส่งการโจมตีออกไป กระทั่งแมงป่องโบราณยักษ์ที่แข็งแกร่งยังปรากฏความหวาดกลัวขึ้นในแววตา
ชื่อกุ้ยและชายหนุ่มชุดสีเลือดสบตากัน สีหน้าย่ำแย่ลงอย่างมาก
“เย่หยานหยูผู้นี้ได้ฝึกตนเพลงดาบจิตวิญญาณจันทราได้จนถึงระดับนี้แล้ว บางทีภายใต้ดาบของนาง โครงกระดูกขั้นนายเหนือแท้ของข้าคงจะขาดออกเป็นสองท่อน”
ใจของชื่อกุ้ยเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง
“ผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของวีรสตรีผู้นี้ได้”
ชายหนุ่มชุดสีเลือดสูดลมหายใจลึกเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้
ในสามสำนัก ตำหนักมารจันทราและตำหนักผาดำมียอดฝีมืออยู่หลายคนในขณะที่สำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างกลับมีเพียงเย่หยานหยูเพียงคนเดียว แต่นางกลับสามารถเอาชนะอีกสองสำนักได้
“พลังต่อสู้ของสตรีผู้นี้เป็นไปได้อย่างมากว่าจะอยู่ในระดับเดียวกับรองจ้าวลัทธิโลหะเลือด”
จ้าวเฟิงรู้สึกชื่นชมเย่หยานหยูมากขึ้น
เมื่อถึงเวลาหนึ่ง
นัยน์ตาของแมวขโมยตัวน้อยที่อยู่ที่มุมหนึ่งส่องประกายเจ้าเล่ห์ออกมา สบตากับจ้าวเฟิงเป็นครั้งแรก
เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวมองลึกเข้าไปในดวงตาของมัน แมวขโมยตัวน้อย แผนการของเจ้านับว่าละเอียดอ่อนโดยแท้ ทว่าก็ยังมีความเสี่ยงมหาศาล เย่หยานหยู รวมทั้งสำนักจิตวิญญาณจันทร์กระจ่างที่อยู่เบื้องหลังนางนั้นไม่อาจใช้คำว่าน่าพรั่นพรึงมาอธิบายได้