Skip to content

King of Gods 435

King Of Gods

บทที่ 435 : แมวเจ้าเล่ห์ลงมือ

แมงป่องตัวเล็กที่ดูไม่บริสุทธิ์นี้คือลูกแมงป่องยักษ์ที่จ้าวเฟิงจับมาจากถ้ำเมื่อก่อนหน้า

ระดับสายเลือดของบุตรแห่งแมงป่องนี้ไม่เพียงสืบทอดมาจากแมงป่องยักษ์โบราณที่น่าหวาดกลัวนั่น ทว่ายังมีความผันแปรในตนเอง ความสามารถย่อมไม่อาจคาดการณ์ได้ในอนาคต

“บุตรแห่งแมงป่องยักษ์ที่มีสายเลือดผันแปร แม้ว่าพลังจะยากที่จะคุกคามผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง ทว่ามันได้ครอบครองพิษรุนแรงจากแมงป่องยักษ์โบราณอย่างสมบูรณ์แบบ กระทั่งมีปัจจัยที่ทำให้มันสามารถกลายพันธุ์ได้”

สายตาของจ้าวเฟิงส่องประกายวูบ

ตามทฤษฎี อาจกล่าวได้ว่าพิษรุนแรงของลูกแมงป่องยักษ์นี้สามารถฆ่าผู้ฝึกตนในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงได้หากสามารถตัดผ่านการป้องกันของเป้าหมายเข้าไปได้

สิ่งที่มันได้เปรียบคือขนาดร่างกายที่เล็ก ทำให้สามารถถูกมองข้ามได้ง่ายๆ

เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวก็ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ

หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ ด้วยสายเลือดผันแปรของลูกแมงป่องยักษ์นี่ เขาย่อมฝูมฝักเลี้ยงดูมันอย่างดี ในอนาคตมันย่อมกลายเป็นมือขวาของเขาได้ สถานะเทียบเคียงได้กับแมวขโมยตัวน้อย

แม้ว่าจ้าวเฟิงจะฝึกฝนมันไม่ได้ การนำมันไปประมูลที่โรงประมูลเฉิงหลงย่อมสามารถขายมันออกได้ด้วยราคาที่สูงเสียดฟ้า

ทว่าในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ จ้าวเฟิงจำต้องเลือก

เพื่อที่จะขัดขวางลู่เทียนอี้และถ่วงเวลาให้นานขึ้น เขาได้สละหุ่นเชิดศพลายเงินขั้นนายเหนือแท้ไปแล้วตัวหนึ่ง

การสูญเสียหุ่นเชิดศพลายเงินไปทำให้จ้าวเฟิงมั่นใจในระดับความแข็งแกร่งของลู่เทียนอี้มากขึ้น

ทว่าบัดนี้

จ้าวเฟิงจำต้องตัดสินใจสังเวยหุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬทั้งสองของตนเองกับลูกแมงป่องยักษ์

ในเรื่องนี้ จ้าวเฟิงไม่ได้ลังเลมากนัก

เพราะผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากหอคอยพฤกษาปีศาจนั้นมากมายกว่าสิ่งที่เสียไป

แก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาได้ทำให้ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงขยายออกจนถึงขีดสุด เหนือกว่าขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอด

มันได้เพิ่มพลังของวิชาดวงตาของจ้าวเฟิงขึ้นอย่างมาก ภายใต้ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ส่วนใหญ่ไม่อาจต่อต้านวิชาดวงตาของเด็กหนุ่มได้

และนี่เป็นเพียงผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่แก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาได้มอบให้ ในแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษายังมีแก่นแท้แห่งชีวิตและเสวียนอ้าวแห่งดวงวิญญาณที่ถูกดวงตาเทพเจ้าดูดกลืนกักเก็บเอาไว้อีก

เมื่อได้ครอบครองผลประโยชน์เหล่านี้ หากจ้าวเฟิงคิดจะทะลวงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดในอนาคต โอกาสสำเร็จเมื่อเทียบกับขั้นนายเหนือแท้ทั่วไปย่อมสูงกว่านับสิบเท่า

เมื่อเทียบกันแล้ว การเสียหุ่นเชิดศพขั้นนายเหนือแท้ไปสักหนึ่งหรือสองตัว หรือเสียลูกแมงป่องยักษ์ไปก็ไม่นับเป็นอันใดได้

สายตาของจ้าวเฟิงเยือกเย็น ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

เมี้ยว เมี้ยว

แมวขโมยตัวน้อยพลันปรากฏขึ้นบนไหล่ของเด็กหนุ่ม ร่างกายของมันเมื่อเทียบกับลูกแมงป่องยักษ์แล้วกลับใหญ่กว่าเพียงไม่กี่ส่วน

“เจ้าอยากลงมือหรือ?”

จ้าวเฟิงแลกเปลี่ยนความคิดกับแมวขโมยตัวน้อย

ในยามนี้ ลู่เทียนอี้กลับมาสู่สภาวะปกติ เข้าใกล้หอคอยพฤกษาปีศาจอย่างรวดเร็วพร้อมกับฝ่ามือหนึ่งที่วาดออก เงาฝ่ามือขนาดยักษ์ทำลายกิ่งก้านของปีศาจต้นไม้ได้อย่างง่ายดาย

ฟุ่บ เปรี้ยง เปรี้ยง

กิ่งก้านของหอคอยพฤกษาปีศาจตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง ขัดขวางไม่ให้ลู่เทียนอี้ฝ่าเข้ามาได้ไกลกว่านั้น

เป้าหมายของลู่เทียนอี้ไม่ใช่ปีศาจต้นไม้ แต่เป็นจ้าวเฟิงที่อยู่ในส่วนลึกของพุ่มไม้

แม้กวาดตามองทั่วทั้งสิบยอดฝีมือขั้นนายเหนือแท้ บางทีอาจมีเพียงลู่เทียนอี้ที่มีพลังในระดับนี้ กล้าบุกฝ่าเข้าไปในอาณาเขตของปีศาจต้นไม้ด้วยตัวคนเดียวเพื่อที่จะ ‘ตัดศีรษะ’ ของจ้าวเฟิง

“มนุษย์ บางทีข้าอาจต้านเขาไว้ได้เพียงไม่กี่ลมหายใจ”

น้ำเสียงอ่อนแรงราวกับเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายของหอคอยพฤกษาปีศาจดังขึ้น

ผลของการที่พลังจากแก่นแท้จิตวิญญาณพฤกษาถูกใช้ออกไปจำนวนมากทำให้พลังต่อสู้ของมันเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของสภาวะสมบูรณ์พร้อม ยากที่จะขัดขวางลู่เทียนอี้ไว้ได้

เนตรจิตวิญญาณเหมันต์

สตินึกคิดของจ้าวเฟิงจางหายไปจากร่างอีกครั้ง

ท่ามกลางหมู่เมฆได้ปรากฏดวงตาสีฟ้าใสราวผลึกขึ้นครอบครองมุมมองที่สูงกว่าอีกครึ่ง ดวงตานั้นส่องประกายสีฟ้าหมองหม่น จับจ้องไปยังร่างของลู่เทียนอี้

ครืนนนน

สตินึกคิดและกระทั่งร่างกายของลู่เทียนอี้ราวกับตกลงสู่หล่มน้ำแข็ง ทั้งแข็งทื่อและเชื่องช้า

เมี้ยว เมี้ยว

ร่างของแมวขโมยตัวน้อยจางหายไปจากไหล่ของจ้าวเฟิง

สิ่งที่หายไปพร้อมกับการ ‘หายตัวไป’ ของแมวขโมยตัวน้อยคือลูกแมงป่องยักษ์

หุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬยังคงยืนอยู่ข้างกายของจ้าวเฟิง ไม่ได้ลงมือ

“แมวขโมยตัวน้อย ขอดูฝีมือเจ้าหน่อย”

จ้าวเฟิงครอบครองมุมมองที่สูงกว่า ใช้เนตรจิตวิญญาณเหมันต์จับจ้องไปยังลู่เทียนอี้

ในสภาวะดวงตาข้ามผ่านระยะทาง ความสามารถในการใช้พลังฟ้าดินของเนตรจิตวิญญาณเหมันต์นับว่าเทียบเคียงได้กับลู่เทียนอี้ การเคลื่อนไหวของฝ่ายหลังเชื่องช้าลงจนถึงขีดสุด

สิ่งที่ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจคือ แมวขโมยตัวน้อยไม่เพียงแค่สามารถพรางกายได้ ทว่ายังสามารถทำให้ลูกแมงป่องยักษ์หลบซ่อนไปด้วยกันได้

สมบัติมรดกของจ้าวเฟิง ‘ผ้าคลุมเงาหยิน’ สามารถทำให้ตัวเขาซ่อนตัวได้ ทว่าจำกัดแค่ตัวเขาเองเท่านั้น ไม่อาจทำให้ผู้อื่นหลบซ่อนไปด้วยกันได้

ดังนั้นจึงสามารถเห็นได้ว่าด้วยการพัฒนาของแมวขโมยตัวน้อยทำให้ความสามารถของมันเพิ่มขึ้น

จ้าวเฟิงรู้สึกคาดหวังอยู่บ้างว่าแมวขโมยตัวน้อยจะใช้วิธีการใดในการช่วยตนเองลด ‘ความสูญเสีย’ ให้น้อยที่สุดพร้อมกับขัดขวางลู่เทียนอี้ไปด้วย

ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน การฆ่าลู่เทียนอี้นับว่าเป็นไปไม่ได้

ตั้งแต่เริ่มจนจบ เด็กหนุ่มใช้วิธีการ ‘ถ่วงเวลา’ ในการขัดขวางถ่วงรั้งการเข้าใกล้ของลู่เทียนอี้ให้ได้มากที่สุด

ด้วย ‘เนตรสวรรค์’ จ้าวเฟิงสามารถรับรู้ได้ถึงร่องรอยของแมวขโมยตัวน้อยและลูกแมงป่องยักษ์ที่หลบซ่อนอยู่ได้อย่างเลือนรางโดยไม่รู้ตัว

“บางทีผู้ที่มีพลังต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดคงยากที่จะรับรู้ได้ว่าแมวขโมยตัวน้อยกำลังเข้าไปใกล้”

จ้าวเฟิงลอบผงกศีรษะ

อาจกล่าวได้ว่าแมวขโมยตัวน้อยคือขโมยโดยกำเนิด เป็นนักฆ่าในยามราตรีอันมืดมิด

บางทีอาจเป็นเพราะดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงจึงทำให้เขาสามารถต่อต้านพรสวรรค์ของแมวขโมยตัวน้อยได้

ยามที่แมวขโมยตัวน้อยเข้าใกล้ลู่เทียนอี้ในระยะยี่สิบจ้าง ฝ่ายหลังไม่รู้สึกตัว

ในยามนี้ จ้าวเฟิงเองก็เริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมาบ้าง

ยี่สิบจ้าง… สิบห้าจ้าง… สิบจ้าง… แมวขโมยตัวน้อยนำลูกแมงป่องยักษ์เข้าไปใกล้ลู่เทียนอี้ทีล่ะน้อย

ยามที่แมวขโมยตัวน้อยเข้าไปใกล้ในระยะ 5-6 จ้าง ลู่เทียนอี้จึงราวกับรับรู้ขึ้นได้

จะอย่างไร ระดับพลังฝึกตนของเขาก็อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด เหนือกว่าสามสวรรค์ของขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง แม้ว่าจะถูกเนตรจิตวิญญาณเหมันต์จับจ้องก็ยังสามารถรับรู้ได้ในที่สุด

การเปลี่ยนแปลงสีหน้าของลู่เทียนอี้ย่อมไม่อาจหลบรอดไปจากสายตาของจ้าวเฟิงได้

หัวใจของเด็กหนุ่มตระกูลจ้าวกระตุกวูบ

ความน่ากลัวของลู่เทียนอี้ เขารู้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะเป็นเพียงการป้องกันโดยอัตโนมัติของปราณจิตวิญญาณก็ยังสามารถฆ่าผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ที่อ่อนแอได้

ในวินาทีนี้

ตราบเท่าที่ลู่เทียนอี้ระเบิดปราณจิตวิญญาณออกย่อมสามารถฆ่าแมวขโมยตัวน้อยและลูกแมงป่องยักษ์โบราณได้ในเสี้ยววินาที

พลังต่อสู้จริงๆ ของแมวขโมยตัวน้อยอาจใกล้เคียงกับขั้นนายเหนือแท้ ทว่าความสามารถที่แท้จริงของมันคือพรสวรรค์และลักษณะพิเศษเสียเป็นส่วนมาก

ร่างของแมวขโมยตัวน้อยและลูกแมงป่องยักษ์พลันเผยตัวออกมา เข้าใกล้ลู่เทียนอี้อย่างรวดเร็ว

ห้าจ้าง… สี่จ้าง… สามจ้าง…

แมวขโมยตัวน้อยเข้าใกล้เป้าหมายอย่างรวดเร็ว

ความเร็วของลูกแมงป่องยักษ์นั้นย่อมไม่อาจเทียบกับแมวขโมยตัวน้อยได้ ทว่ามันก็ไม่ได้ถูกอีกฝ่ายทิ้งห่าง

แมวขโมยตัวน้อยใช้แส้อสรพิษโลหิตลึกลับมัดตัวลูกแมงป่องยักษ์เอาไว้ เข้าใกล้ร่างของลู่เทียนอี้อย่างรวดเร็ว

ระยะสี่ห้าจ้าง แมวขโมยตัวน้อยใช้เวลาเพียงครึ่งลมหายใจก็ไปถึงแล้ว

ชายหนุ่มเผชิญหน้ากับแมวขโมยตัวน้อยที่เข้าใกล้มาอย่างกะทันหัน เป็นเพราะถูกเนตรจิตวิญญาณเหมันต์จับจ้อง ทำให้เขาไม่อาจป้องกันหรือหลบเลี่ยงอีกฝ่ายได้

“หึ รนหาที่ตาย”

มุมปากของลู่เทียนอี้เหยียดออกเป็นรอยยิ้มเยาะเย้ย

เขาไม่คิดที่จะหลบตั้งแต่แรก ความเร็วของเขาอาจถูกจำกัดไว้มาก ทว่าแสงปราณจิตวิญญาณป้องกันยังคงอยู่

เมื่อแมวขโมยตัวน้อยและลูกแมงป่องยักษ์เข้ามาใกล้ ลู่เทียนอี้สามารถใช้เพียงแสงปราณจิตวิญญาณป้องกันก็สามารถบดทั้งสองให้กลายเป็นฝุ่นไปได้

“แมวขโมยตัวน้อย ด้วยความสามารถของเจ้าย่อมไม่ยากที่จะทำลายการป้องกันของลู่เทียนอี้ จุดนี้เจ้าเองก็คงรู้ดี”

สายตาของจ้าวเฟิงมองผ่านหมู่เมฆ รับรู้ได้ถึงทุกรายละเอียดของสถานการณ์

ฟึ่บ

เมื่อเห็นว่าแมวขโมยตัวน้อยและลูกแมงป่องยักษ์เข้าใกล้ร่างของลู่เทียนอี้

“ตาย!”

ลู่เทียนอี้ได้เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว กระทั่งระเบิดแสงปราณจิตวิญญาณป้องกันออกก่อนเวลา ประกายแสงสีทองสว่างระเบิดออก กวาดระยะหลายสิบจ้างโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง เพียงพอที่จะคร่าชีวิตของผู้ฝึกตนขั้นนายเหนือแท้ทั่วไป

หัวใจของจ้าวเฟิงราวกับมาจุกอยู่ที่ลำคอ

ดวงตาเทพเจ้าของเขาจำต้องชื่นชมในพลังของศัตรูที่แม่นยำยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นแมวขโมยตัวน้อยหรือลูกแมงป่องยักษ์ก็ล้วนแล้วแต่เพิ่งจะไปถึงเบื้องหน้าของลู่เทียนอี้ นับว่าไร้ซึ่งหนทางต่อต้านโดยสิ้นเชิง

ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าแม้จะเป็นจ้าวเฟิง หากลู่เทียนอี้สามารถเข้ามาใกล้เขาได้ก็อาจจะถูกฆ่าในเสี้ยววินาทีเช่นกัน

ฟุ่บ เปรี้ยง

แสงสีทองระเบิดออกจากร่างของลู่เทียนอี้ กิ่งไม้ใบไม้ของต้นไม้ปีศาจรอบกายถูกทำลายจนกลายเป็นขี้เถ้าลอยว่อน

ในเวลาเดียวกัน หอคอยพฤกษาปีศาจเองก็อดที่จะส่งเสียงครางต่ำออกมาไม่ได้

“แมวขโมยตัวน้อย”

เย่หยานหยูที่เฝ้ามองอยู่ใกล้อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ สีหน้าค่อนข้างเลวร้าย

สำหรับแมวขโมยตัวน้อย สุดท้ายแล้วนางก็มีความรู้สึกพิเศษให้แก่อีกฝ่าย แม้ว่าแมวขโมยตัวน้อยและจ้าวเฟิงจะเคยร่วมมือกันวางแผนหลอกใช้นางก็ตาม

เมื่อเห็นว่าแมวขโมยตัวน้อยถูกฆ่า หัวใจของเย่หยานหยูก็รู้สึกทานทนไม่ได้

“เจ้าตัวเลวร้ายจ้าวเฟิง ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะไร้หัวใจเพียงนี้ ถึงขั้นยอมสังเวยชีวิตของแมวขโมยตัวน้อย”

ฟันขาวของเย่หยานหยูขบกันแน่น แหงนศีรษะขึ้นมองเนตรสวรรค์ที่อยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ

เนตรสวรรค์มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง ดูราวกับจะขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ

ในยามนี้

เนตรสวรรค์นั้นให้ความรู้สึกเฉยชา ราวกับไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ โดยสิ้นเชิง

ราวกับว่าการตายของแมวขโมยตัวน้อยและลูกแมงป่องยักษ์นั้นไม่อาจสร้างความรู้สึกใดๆ ให้แก่เด็กหนุ่มตระกูลจ้าวได้

เนตรสวรรค์สร้างความรู้สึกเย็นเยียบทิ่มแทงสู่ดวงวิญญาณ ยังคงเพ่งมองไปยังลู่เทียนอี้

“ฮ่า… ดูเหมือนเจ้าจะส่งโล่เนื้อพวกนั้นมาตายเปล่านะ”

ลู่เทียนอี้แย้มยิ้ม

ความเร็วของเขาอาจจะถูกจำกัดอยู่มาก ทว่าก็ยังคงใกล้เคียงกับจ้าวเฟิงอยู่

โดยไม่รู้ตัว

ลู่เทียนอี้มองไปยังร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้าที่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางพุ่มไม้หนา ดูราวกับไร้ซึ่งดวงวิญญาณ ไม่มีการขยับเคลื่อนไหว

ข้างกายของเด็กหนุ่มผมฟ้าคือหุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬทั้งสอง

มุมปากของลู่เทียนอี้ยกโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มโหดเหี้ยมก่อนจะหัวเราะออกมา

“พี่จ้าวเฟิง ซากวิหารจะไปถึงในสามลมหายใจ”

น้ำเสียงไพเราะของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นในสมองของจ้าวเฟิง

“ดี ในที่สุดก็มา”

จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ลอบถอนหายใจโล่งอก

ตั้งแต่วินาทีนี้

อีกเพียงสามลมหายใจ ซากวิหารก็จะมาถึง หน้าที่ของจ้าวเฟิงก็นับว่าเสร็จสิ้น

ทว่า

ในสามลมหายใจ ลู่เทียนอี้สามารถเข้ามาถึงร่างของจ้าวเฟิงได้

จ้าวเฟิงคิดขึ้น หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ แม้ว่าเขาจะสามารถต่อต้านได้ด้วยหุ่นเชิดศพพิษเงินทมิฬที่เหลืออยู่ก็ยังยากที่จะหนีรอดไปได้ ความเสียหายย่อมรุนแรงจนไม่ต้องเอ่ยถึง

“จ้าวเฟิง… ไม่ว่าเจ้าจะไร้ความรู้สึกมากเพียงใด วางแผนไว้มากมายแค่ไหนก็ยากที่จะมีชีวิตรอดไปได้”

ใบหน้าของเย่หยานหยูเย็นเยียบราวกับหิมะ เต็มไปด้วยความเกลียดชังจิตสังหาร

นางจับจ้องไปยังท้องฟ้า มองไปยังดวงตาท่ามกลางหมู่เมฆที่เรียบเฉยเยือกเย็น ไร้ซึ่งความสั่นไหว

เนตรสวรรค์นั่นกระทั่งปรากฏความเย้ยหยันขบขันออกมาเล็กๆ

“แมวขโมยตัวน้อย เจ้านี่ฉลาดโดยแท้”

เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในโลกแห่งจิตใจอันมืดมิด

วินาทีต่อมา

เมี้ยว เมี้ยว

แมวสีเทาเงินขนาดเท่าฝ่ามือตัวหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า ลอยคว้างอยู่เบื้องหน้าลู่เทียนอี้

อันใดกัน

เป็นไปได้อย่างไร

อัจฉริยะจากสามสำนักที่อยู่ใกล้ๆ ตื่นตะลึง ถลึงตามอง

‘ลูกแมงป่องยักษ์’ ที่มีขนาดเท่าฝ่ามือทารกถูกแมวขโมยตัวน้อยเหวี่ยงแส้โยนเข้าไปในปากที่กำลังอ้าค้างจากการหัวเราะของลู่เทียนอี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!