บทที่ 443 พันธมิตรมังกรโลหะ
แดนมังกรศิลา
ผู้เฒ่าเจียงในชุดสีน้ำตาลใช้พลังกดดันให้ศัตรูที่ทรงพลังไม่อาจเคลื่อนไหว สายลมหวีดหวิวส่งเสียงคำรามของมังกรออกมาแผ่วเบา ภายใต้แสงสว่างจ้าสีแดงอมเหลืองนั้นได้แผ่ขยายไปทั่วระยะหลายสิบจ้างในเสี้ยววินาที ตาเปล่าสามารถเห็นได้เพียงเงามังกรศิลาสีแดงอมเหลืองที่เช้าปะทะกับจ้าวเฟิง สร้างแรงกดดันราวกับภูเขาที่กดทับ รัดพันเกาะเกี่ยวจนกระทั่งอีกฝ่ายตายตก มีพลังในการกักขังเข่นฆ่าที่น่าพรั่นพรึง
กระบวนท่าที่สามารถก่อกวนสายลม พัดฝุ่นทรายให้ปลิวว่อนทำให้ ‘องค์ชายสาม’ และคนอื่นๆ ที่รีบล่าถอยไปต้องตื่นตะลึง ปราณแท้ในร่างสั่นสะท้านไม่หยุดยั้ง
ควรค่าแล้วที่เป็นยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณในยุทธภพ ความแข็งแกร่งวิชาล้วนทำให้ผู้คนต้องชื่นชม
ในยามนี้
ผู้เฒ่าเจียงในชุดสีน้ำตาลไม่สนใจว่าต้องสูญเสียสิ่งใด เผาไหม้ปราณจิตวิญญาณใช้วิชาไม้ตาย คิดจะสละพลังฝึกตน ‘ชั้นผู้วิเศษแท้’ สร้างโอกาสให้องค์ชายสามและคนอื่นๆ หลบหนีไป
“ผู้เฒ่าเจียงถึงกับใช้พลังที่แท้จริงออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ เด็กหนุ่มผมฟ้านั่นเป็นผู้ใดมาจากที่ไหนกัน จะสามารถรับการโจมตีของผู้เฒ่าเจียงได้จริงๆ หรือ?”
ในขณะที่องค์ชายสามหลบหนีก็อดที่จะให้ความสนใจกับการต่อสู้เบื้องหลังไม่ได้
สำหรับคำพูดของผู้เฒ่าเจียง ตัวเขาไม่กล้าที่จะคัดค้าน แต่เด็กหนุ่มผมฟ้าผู้นั้นเยาว์วัยนัก กระทั่งเด็กกว่าเขา จะมีสิ่งใดให้ผู้เฒ่าเจียงต้องลนลาน ไม่ลังเลที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อสร้างโอกาสหลบหนีให้ตัวเขากัน?
องค์ชายสามรู้สึกไม่เต็มใจไม่ยอมรับอยู่ภายในใจ รวมทั้งความเคลือบแคลงสงสัยที่ลึกล้ำ
ฟึ่บ เปรี้ยง
อากาศสั่นสะท้าน เงามังกรพุ่งแหวกสายลมตรงไปยังเด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าที่อยู่ในสายตาก่อนจะสร้างเสียงระเบิดรุนแรงขึ้นในที่สุด
องค์ชายสามและคนอื่นๆ หลบหนีไปมากกว่าหนึ่งร้อยจ้างรู้สึกผวา
“ตาย?”
การหลบหนีขององค์ชายสามและคนอื่นๆ เชื่องช้าลงเล็กๆ มองไปยังบริเวณที่ฟุ้งไปด้วยฝุ่นผง
คนทั้งเจ็ดมีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้า
บางทีเด็กหนุ่มผมฟ้าผู้นั้นอาจดูแข็งแกร่งเพียงภายนอก ไม่มีความสามารถแต่อันใด เพียงหนึ่งกระบวนท่าของผู้เฒ่าเจียงก็สามารถจัดการได้
“ไม่มีการต่อต้าน… อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเป็นร่างปลอม?”
ลมหายใจของผู้เฒ่าเจียงถี่กระชั้น สีหน้าขาวซีดลงเล็กๆ
เด็กหนุ่มผมฟ้าที่อยู่ในสายตาของเขาไม่แม้แต่จะต่อต้าน ถูกกำจัดไปโดยหนึ่งกระบวนท่าของเขา
เมื่อ ‘ชัยชนะ’ มาถึงโดยไม่ทันตั้งตัว ผู้เฒ่าเจียงมั่นใจว่ามันไม่ใช่ความจริง มักจะรู้สึกว่าผิดพลาดอยู่เสมอ
ฝุ่นที่คละคลุ้งทิ้งตัวลง
ร่องรอยของเด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าจางหายไปพร้อมกับพายุทราย ไม่เหลือกระทั่งกลิ่นอาย
“ฮ่าฮ่า หัวหน้าสาขาก็ธรรมดาเพียงนี้เอง”
“แดนมังกรศิลาของผู้เฒ่าเจียงพวกเราเพียงเคยได้ยินคำเล่าลือมา วันนี้ได้เห็นด้วยตาตนเอง นับว่าสมกับคำเล่าลือโดยแท้”
พวกองค์ชายสาม 6-7 คนเปลี่ยนจากสภาพหดหู่มาเป็นยิ้มแย้มยินดี หยุดหลบหนีไป
เสียงคำรามของสายฟ้าดังก้อง
“ไม่ดีแล้ว รีบหนี”
ผู้เฒ่าเจียงราวกับรับรู้ได้ รีบตะโกนขึ้นอย่างตกใจ
องค์ชายสามและคนอื่นๆ งุนงงไปชั่วครู่
“ช้าไป”
ไม่ทันที่พวกเขาจะมีปฏิกิริยาตอบรับ น้ำเสียงแห้งแล้งไร้ความรู้สึกก็ดังขึ้นในใบหูของพวกเขา เงาร่างประกายสายฟ้าทะยานวูบขึ้นไปเหนือศีรษะ ควบรวมกันเป็นร่างร่างหนึ่ง
อันใดกัน?
องค์ชายสามและคนอื่นๆ แหงนศีรษะขึ้นอย่างหวาดกลัว
เด็กหนุ่มที่มีเรือนผมสีฟ้างดงาม ทั่วทั้งร่างถูกโอบล้อมไปด้วยคลื่นกระแสไฟฟ้าสีฟ้าผู้หนึ่งปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของพวกเขาเมื่อใดไม่มีผู้ใดล่วงรู้
“องค์ชายรีบหนีไป เจ้าตัวบัดซบจันทราชาดนี่มีความสามารถ ตาแก่ผู้นี้จะเปิดทางและคอยขัดขวางเขาไว้”
ผู้เฒ่าเจียงส่งเสียงคำรามโหยหวน
จ้าวเฟิงไม่สนใจเขา วาดแขนเสื้ออย่างง่ายๆ คลื่นกระแสไฟฟ้าสีฟ้าก็ครอบคลุมร่างของคน 6-7 คนเบื้องล่างเอาไว้ คลื่นกระแสไฟฟ้านั้นราวกับคลื่นที่สั่นกระเพื่อม กวาดไปในระยะ 20-30 จ้าง ครอบคลุมคนทั้งหมดเอาไว้
“อ๊ากกก”
คนหกเจ็ดคนเหล่านั้นตกอยู่ภายใต้คลื่นกระแสไฟฟ้า ร่างกายสั่นสะท้านหดเกร็งรุนแรง
หลังจากครึ่งลมหายใจ
ตุบ ตุบ
พวกองค์ชายสามทั้งหมดเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ร่างชาหนึบร่วงลงที่พื้น
ความรู้สึกหนึบชารุนแรงทำให้พวกเขาไม่อาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว มองไปยังเด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าที่ดูราวกับฝันร้ายพลิ้วกายเช้ามาใกล้อย่างเชื่องช้าด้วยความสิ้นหวัง
“เจ้าคือองค์ชายสามหรือ?”
เด็กหนุ่มผมฟ้าพลิ้วกายลงเบื้องหน้าชายหนุ่มในชุดไหมทอง เอ่ยขึ้นด้วยความเร็วปกติ ในบรรดาคน 6-7 คนนี้ พลังของชายหนุ่มในชุดไหมทองแข็งแกร่งที่สุด พลังฝึกตนสูงถึงชั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริง สามารถกัดฟันต่อต้านได้ถึงครึ่งลมหายใจอย่างยากลำบาก
“หากจะฆ่าก็ฆ่า ตามแต่ที่เจ้าต้องการ”
องค์ชายสามมีท่าทีเยือกเย็น ปกปิดความหวาดกลัวไว้ในใจ
จ้าวเฟิงส่ายศีรษะแย้มยิ้ม เขาไม่ได้วางแผนจะบีบให้อีกฝ่ายเอ่ยตอบคำถาม การทำแบบนั้นมีเพียงแค่จะทำให้เรื่องราวยุ่งยากขึ้น
สายตาของเขาไปหยุดลงที่ผู้เฒ่าเจียงอย่างรวดเร็ว
“ข้าถามเจ้าตอบ ถ้ามีคำโกหกอยู่แม้เพียงคำ หัวหน้าสาขาผู้นี้จะหักขาเขาก่อน”
สีหน้าของจ้าวเฟิงเผยความโหดเหี้ยมขึ้นหลายส่วน
ร่างของผู้เฒ่าเจียงแข็งทื่อ จิตสังหารที่เด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าส่งมานั้นทำให้เขารู้สึกราวกับตกลงสู่หล่มน้ำแข็ง รู้สึกหวาดกลัว ที่สำคัญไปกว่านั้น องค์ชายสามยังถูกคนผู้นี้จับเป็นตัวประกัน ทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะตั้งรับอย่างสมบูรณ์
จากการตัดสินของเขา พลังฝึกตนของอีกฝ่ายอยู่ใน ‘ชั้นผู้วิเศษแท้’ เป็นอย่างน้อย แม้คิดจะต่อต้านโดยไม่สนว่าจะเสียสิ่งใดก็ยังไม่มีโอกาส
“เจ้าถามมา”
ผู้เฒ่าเจียงถอนหายใจ ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่นสิ้นหวัง
ใบหน้าของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยความยินดี ผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ
ทุกคนบริเวณนั้นเงียบงัน รอให้จ้าวเฟิง ‘สอบถามและทรมาน’
เรื่องแรก “ที่นี่ที่ไหน?” เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ
อันใดนะ?
พวกองค์ชายสาม 6-7 คนรวมทั้งผู้เฒ่าเจียงนิ่งอึ้ง ท่าทีราวกับจะร้องไห้แต่ผู้เฒ่าเจียงไม่กล้าที่จะเมินเฉย “ที่นี่คือชายแดนแคว้นใหญ่สมบัตินภาเดิม หากขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงใต้อีกหลายพันลี้จะเจอเมืองชายแดนของแคว้นใหญ่สมบัตินภาเดิม”
แคว้นใหญ่สมบัตินภา
นัยน์ตาของจ้าวเฟิงส่องประกายวูบ สิ่งที่คาดเดาไว้ไม่แตกต่างไปมากนักที่นี่เป็นไปได้เพียงว่าอยู่ใกล้สองแคว้นใหญ่ หากเป็นสิบสามแคว้น เมื่อจ้าวเฟิงเอ่ยนามออกไป เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ใดรู้เลย
“เกิดอันใดขึ้นกับแคว้นใหญ่สมบัตินภา? พันธมิตรมังกรโลหะคือสิ่งใด?”
จ้าวเฟิงเอ่ยถามต่อไป
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า… เจ้าไม่ได้มาจากแคว้นเมฆา?”
ผู้เฒ่าเจียงตื่นตะลึง
อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่รู้ว่าแคว้นใหญ่สมบัตินภาถูกทำลายไปแล้ว สถานที่ที่เคยเป็นแคว้นใหญ่สมบัตินภาได้ถูก ‘พันธมิตรมังกรโลหะ’ ควบรวมเป็นหนึ่งเดียวไปแล้ว
หลังจากสอบถาม จ้าวเฟิงจึงเช้าใจถึงสถานการณ์ของแคว้นเมฆาในยามนี้อย่างหยาบๆ
ก่อนที่จ้าวเฟิงจะจากไป สมดุลระหว่างแคว้นใหญ่มังกรโลหะและแคว้นใหญ่สมบัตินภาได้พังทลายลง
ที่เป็นแบบนั้นมีสาเหตุมาจากแคว้นใหญ่มังกรโลหะได้ปรากฏผู้ฝึกตนชั้นนายเหนือแท้คนใหม่ขึ้น สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทุกสิ่ง แต่ในความเป็นจริง มันคือการเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟของลัทธิมารจันทราชาด
สองปีก่อน ยามที่มีงานชุมนุมสิบสามแคว้นพันธมิตร แคว้นใหญ่สมบัตินภาได้ถูกแคว้นใหญ่มังกรโลหะโจมตีอย่างหนัก สถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก
นอกจากนั้น
เพื่อไม่ให้สิบสามสำนักช่วยเหลือแคว้นใหญ่สมบัตินภา แคว้นใหญ่มังกรโลหะจึงเปิดศึกสองฝั่ง ส่งยอดฝีมือมาล้อมอัจฉริยะและยอดฝีมือในงานชุมนุมสิบสามสำนักพันธมิตร
ในยามนี้ จ้าวเฟิงยังคงจดจำถึงสถานการณ์ที่สำนักจันทร์สลายถูกไล่ล่าที่ทะเลสาบมังกรซ่อนได้
ในครั้งนั้นผู้อาวุโสหยุนไห่ทรยศ ลอบโจมตีเจ้าสำนักจันทร์สลายคนเดิม ทำให้สตรีผู้งดงามเคร่งขรึมคนนั้นต้องสิ้นชีพลง
การหลบหนีจากการไล่ล่าจากยอดฝีมือในขอบเขตจิตวิญญาณที่แท้จริงมีจ้าวเฟิงเป็นผู้นำ ทำให้สามารถหลบรอดจากอันตรายมาได้
สุดท้ายแล้ว
จ้าวเฟิงจึงนำจดหมายแนะนำของผู้อาวุโสหนึ่งหลบหนีไปยังอาณาจักรนภา ตามหาสตรีที่มีนามว่า ‘หลิวฉินซิน’
ก่อนที่จะจากไป จ้าวเฟิงได้ถูกผู้อาวุโสหยุนไห่ตั้งค่าหัวประกาศจับไปทั่วสิบสามแคว้น เมื่อนึกย้อนไปแล้ว หัวใจของจ้าวเฟิงก็เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายจากในอดีต หากไม่ผ่านสถานการณ์เสี่ยงตาย เขาย่อมไม่สามารถประสบความสำเร็จเช่นในวันนี้ได้
นี่ก็เป็นสาเหตุให้จ้าวเฟิงสละการอยู่ในซากปรักหักพังสือเฉิงและเลือกที่จะกลับมายังสิบสามแคว้นเมฆาอย่างแน่วแน่
“ในยามนี้อาจเรียกได้ว่าพันธมิตรมังกรโลหะได้ครอบครองแคว้นใหญ่มังกรโลหะและแคว้นใหญ่สมบัตินภา สิบสามแคว้นได้กลายเป็นเมืองขึ้น สามารถกล่าวได้ว่าทั้งแคว้นเมฆาได้ตกอยู่ในกำมือของศัตรู อำนาจของพันธมิตรมังกรโลหะกระทั่งขยายไปสู่แคว้นใหญ่รอบๆ…”
เมื่อผู้เฒ่าเจียงเอ่ยถึงความแข็งแกร่งของ ‘พันธมิตรมังกรโลหะ’ น้ำเสียงปรากฏความเคร่งเครียดปะปนอยู่
ระหว่างการพูดคุย ผู้เฒ่าเจียงลอบให้ความสนใจกับสีหน้าของจ้าวเฟิงอย่างลับๆ
เด็กหนุ่มเรือนผมสีฟ้าในสายตาของเขา ใบหน้าปรากฏความย้อนคิด นัยน์ตาส่องประกายจิตสังหารเย็นเยียบขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าบางครั้งก็อดที่จะทอดถอนใจไม่ได้
ผู้เฒ่าเจียงลอบคาดเดา เด็กหนุ่มผมฟ้าผู้นี้คงจะออกไปจากแคว้นเมฆาก่อนที่ ‘พันธมิตรมังกรโลหะ’ จะถือกำเนิดขึ้น
หรือมิเช่นนั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้เรื่องสถานการณ์ที่ยืดเยื้อมากว่าสองปีของสิบสามแคว้นเมฆาและมีความรู้สึกพิเศษต่อที่นี่
เมื่อเห็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มผู้นี้ก็อาจไม่ใช่ศัตรู
หัวใจของผู้เฒ่าเจียงผ่อนคลายลงเล็กๆ ลอบมองไปยังจ้าวเฟิง ทว่ากลับไม่อาจนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด ทว่ากลับเป็น ‘องค์ชายสาม’ ที่นอนนิ่งร่างชาอยู่ที่เดิม สายตาเพ่งมองไปยังจ้าวเฟิงอย่างใกล้ชิด ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ
“อย่าได้บอกข้าว่าเจ้าคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งเมื่อสองปีก่อนที่เป็นที่ต้องการตัว ผู้ที่หลบหนีออกไปจากสิบสามแคว้น?”
องค์ชายสามนึกถึงภาพของเด็กหนุ่มที่ถูกประกาศจับผู้นั้นอย่างละเอียด
อัจฉริยะอันดับหนึ่งที่เป็นที่ต้องการตัวของสิบสามแคว้น ดูเหมือนว่าจะมีเรือนผมสีเขียวและดวงตาข้างหนึ่งสีเขียว แต่เด็กหนุ่มผู้นี้มีเรือนผมสีฟ้า ทั้งดวงตาซ้ายยังหม่นทึบไร้ประกาย
“ไม่คิดว่าในแคว้นใหญ่สมบัตินภาจะมีคนที่จดจำข้าได้”
จ้าวเฟิงเอ่ยกระซิบกับตนเองอย่างขบขัน
“เช่นนั้นเราย่อมไม่ใช่ศัตรูกัน อาจเรียกได้ว่าเป็นมิตร…”
องค์ชายสามรู้สึกยินดีเกินที่จะคาดเดาได้
“ใช่แล้ว พวกเรามาจากแคว้นใหญ่สมบัตินภาเดิมที่ถูกทำลายไป ไม่อาจที่จะเช้าร่วมกับพันธมิตรมังกรโลหะได้”
“องค์ชายสาม รวมทั้งพวกเราเคยเป็นศิษย์หลักของสำนักอันดับหนึ่งในเจ็ดสำนักสมบัตินภา ตำหนักวายุนภา”
คนที่เหลือเอ่ยขึ้น เผยสีหน้าหวั่นเกรงออกมา
จ้าวเฟิงนึกย้อนกลับไป
เจ็ดสำนักสมบัตินภาเขาเคยได้ยินมาบ้าง สำนักอันดับหนึ่งแห่งแคว้นใหญ่สมบัตินภา ‘ตำหนักวายุนภา’ มีอำนาจแทบจะใกล้เคียงกับขั้วอำนาจทั้งแปดของอาณาจักรนภา กระทั่งทำให้ตระกูลที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาขั้วอำนาจรู้สึกหวาดหวั่นได้
ในอดีต
ยามที่เขาเช้าร่วมในงานชุมนุมสิบสามสำนักพันธมิตรได้รับข่าวร้ายจากสถานที่ห่างไกลว่าสำนักอันดับหนึ่งแห่งสมบัตินภา ‘ตำหนักวายุนภา’ ล่มสลายลงแล้ว
“ตาแก่ไร้ความสามารถผู้นี้เป็นอดีตผู้อาวุโสของตำหนักวายุนภา ร่วมมือกับราชวงศ์ของแคว้นใหญ่สมบัตินภา พวกเราพยายามที่จะตอบโต้ ทว่ากลับถูกพันธมิตรมังกรโลหะไล่ล่าไม่หยุด”
ผู้เฒ่าเจียงเผยสีหน้าขมขื่นหดหู่ออกมา
ในยามนี้เอง จ้าวเฟิงจึงเช้าใจถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งสถานะของสิบสามแคว้นอย่างสมบูรณ์
พูดง่ายๆ
สิบสามแคว้นในยามนี้ได้เป็นหนึ่งใน ‘พันธมิตรมังกรโลหะ’ ผู้ที่หลงเหลือบางส่วนไม่ยอมอยู่เฉยๆ ต่อต้านอย่างดื้อดึง สถานการณ์ในยามนี้ เมื่อเทียบกับที่เด็กหนุ่มคิดแล้วยังร้ายแรงกว่ามาก
เขากระทั่งเคยคิดว่าจะไปขอกำลังเสริมจาก ‘อาณาจักรนภา’ หากจำเป็น
แต่ความคิดนี้ได้ถูกลบไปจากสมองของเขาอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์ของสิบสามแคว้น แม้จะเลวร้ายกว่าที่คิด ทว่ามันก็ไม่ได้เกินมือของจ้าวเฟิง
ในยามนี้
ฟึ่บ
ท่ามกลางหมู่เมฆได้ปรากฏเสียงขึ้น
หืม?
จ้าวเฟิงเพ่งตามองไปยังชั้นเมฆ เมื่อใดไม่มีผู้ใดรู้ได้ปรากฏร่างของปักษาสีเลือดขนาดยักษ์ขึ้น กลิ่นอายของร่างด้านบนหลายร่างที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในนภาที่หกถึงเจ็ด
“ฮ่า พวกเศษเดนจากตำหนักวายุนภายากที่จะมีชีวิตรอดไปได้แล้ววันนี้”
ร่างหลายร่างพลิ้วกายลงมาจากแผนหลังของนกยักษ์
ร่างผอมแห้งที่ถือเคียวสีแดงสดไว้ในมือเลียริมฝีปาก ทั่วทั้งร่างของเขาปรากฏลวดลายสีโลหิตสั่นกระเพื่อม ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายกระหายเลือดแพร่ไปทั่วทั้งชั้นเมฆ
“ไม่ดีแล้ว คนคนนั้นคือตัวเลวร้ายแห่งพันธมิตรมังกรโลหะ จอมเชือดเคียวโลหิต ในอดีตมันเคยเข่นฆ่าคนทั้งเมืองไปหลายพันชีวิต กระทั่งเคยนำกลุ่มยอดฝีมือไปทำลายสำนักเล็กๆ ลง”
สีหน้าของผู้เฒ่าเจียงขาวซีดลงในทันที