Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1068

บทที่ 1068 สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

ดวงหน้านางแดงกํ่า ตรงขมับมีเหงื่อผุดออกมาเป็นสาย มือที่อยู่ข้างลำตัวหงิกงอคล้ายเป็นตะคริว ปากจิ้มลิ้มเผยอออกนิดๆ ราวกับกำลังกรีดร้องอยู่…

นี่คือฝันร้ายอีกแล้วหรือ?!

ตี้ฝูอีใจหายวาบ ยื่นมือไปกุมมือนางไว้ก่อน เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่านางเหงื่อออกโซมกาย ทว่ามือน้อยๆ กลับเย็นเฉียบเสมือนแท่งนํ้าแข็ง แรงกระตุกที่คล้ายอาการเป็นตะคริวทำให้มือของตี้ฝูอีที่กุมเอาไว้เจ็บไปหมดแล้ว!

ตี้ฝูอีจับชีพจรของนางก่อน พบว่าเลือดลมในร่างนางไหลเวียนรวดเร็วยิ่ง อุณหภูมในร่างเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คล้ายการติดเชื้อยิ่งนัก ภูมิต้านทานในร่างนางแข่งกับเชื้อโรคอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ กำลังสู้กันอย่างดุเดือด…

นางมีไข้สูง!

เกรงว่าจะมีอุณหภูมิถึงสี่สิบเอ็ดองศาแล้ว!

นอกเหนือจากมือน้อยๆ ของนาง ทั่วทั้งร่างล้วนร้อนผ่าวยิ่งนัก

เมื่อคนเราบาดเจ็บหนักจะมีไข้สูงเป็นปฏิกิริยาตามปกติของคนทั่วไป ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ไม่มีอะไรน่าตกอกตกใจ แต่กู้ซีจิ่วต่างออกไป ร่างกายของนางพิเศษ อีกทั้งฝึกฝนจนพลังวิญญาณใกล้บรรลุขั้นแปดแล้ว ซํ้ายังได้รับยาสมานแผลที่ดีที่สุดของตี้ฝูอีแล้ว นางไม่ควรจะมีไข้เลย!

ตี้ฝูอีตรวจอาการให้นางอย่างรวดเร็ว นอกจากมีไข้สูงแล้ว นางไม่มีความผิดปกติอย่างอื่นเลย ปากแผลก็ไม่มีวี่แววของการติดเชื้อ สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

“ซีจิ่ว! เสี่ยวซีจิ่ว!” ขณะที่ตี้ฝูอีกำลังเรียกนาง ก็ถ่ายทอดพลังวิญญาณผ่านทางมือที่กุมกันอยู่ให้นางด้วย ระงับเลือดลมที่แทบจะซัดโหมอยู่ในร่างนาง…

ดวงตาของนางที่อยู่ภายตาเปลือกตากลอกไปมาอย่างสุดกำลัง คล้ายว่าอยากลืมตาขึ้นมายิ่งนัก ทว่าลืมขึ้นมาไม่ได้เลย

“ซีจิ่ว เจ้าใช้เคล็ดคุมจิตที่ได้รับจากข้ารักษาสิ เร็วเข้า!” เสียงของตี้ฝูอีผนึกกันเป็นเส้นบางๆ ลอดเข้าไปในหูนาง ต่อให้นางตกอยู่ในความฝันก็เชื่อว่าจะได้ยิน

ดวงตาของกู้ซีจิ่วที่อยู่ภายใต้เปลือกตายังคงกลอกไปมาอยู่เช่นเดิมราวกับฟังคำพูดของเขาไม่เข้าใจเลย

เคล็ดคุมจิตนี้เป็นเคล็ดวิชาที่ตี้ฝูอีเพิ่งถ่ายทอดให้กู้ซีจิ่ว สะกดข่มจิตมารได้ยอดเยี่ยมที่สุด กู้ซีจิ่วเรียนรู้ได้ไวนัก เคล็ดวิชานี้นางใช้จนคล่องแล้ว บางครั้งต่อให้ฝันอยู่นางก็สามารถโคจรเคล็ดนี้ได้ หากว่านางโคจรเคล็ดนี้ประสานกับฝีมือการรักษาอันเป็นเอกของตี้ฝูอี น่าจะทำให้เลือดลมกลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้นางไม่มีทีท่าว่าจะสอดประสานเลย ถึงแม้ตี้ฝูอีจะฉงนใจอยู่บ้าง แต่ยามนี้มิใช่เวลามาพินิจพิเคราะห์เรื่องยิบย่อยวุ่นวายเหล่านี้ มีเพียงต้องใช้พลังวิญญาณฝืนสะกดไว้ก่อน ด้วยวิธีนี้ความเร็วจึงช้าลงมากนัก เดิมทีครึ่งชั่วยามก็สามารถฟื้นฟูได้แล้ว ทว่าตี้ฝูอีใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วยามเต็ม

โชคดีที่ผลลัพธ์ยังนับว่าไม่เลว หนึ่งชั่วยามผ่าน ไปในที่สุดเลือดลมที่ผันผวนของนางก็กลับสู่สภาพปกติแล้ว อุณหภูมิในร่างกายที่สูงลํ้าก็คลายลง ค่อยๆ ลดตํ่าลงแล้ว ไม่สั่นสะท้านอยู่ในผ้าห่มประหนึ่งเป็นไข้จับสั่นอีกต่อไป

ตี้ฝูอีก็เหนื่อยจนเหงื่อออก เขาแยกออกมาร่ายคาถาชำระล้างให้ตัวเองและกู้ซีจิ่ว แล้วค่อยนั่งลงข้างกายนางอีกครั้ง หลุบตามองนางครู่หนึ่ง

ครั้งนี้คล้ายว่ากู้ซีจิ่วจะหลับอย่างสงบแล้ว หายใจล้ำลึก ดวงตาปิดพริ้ม ดูเหมือนจะไมฝั่นร้ายแล้ว

“ซีจิ่ว…”

“เสี่ยวซีจิ่ว…” เขากุมมือนางไว้ แล้วลองปลุกนางอีกสองสามครั้ง เตรียมพร้อมว่าหากปลุกแล้วยังไม่ตื่น จะใช้วิชาเข้าฝันแล้วฝืนพานางออกมาอีกครั้ง วิชาเข้าฝันนี้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณนัก หากว่าสามารถใช้วิธีอื่นเพื่อปลุกนางได้ เขาก็จะพยายามเลี่ยงไม่ใช่วิชานั้น เคราะห์ดีที่หนนี้กู้ซีจิ่วมิได้ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่นอีก แพขนตานางสั่วไหวอยู่สองสามครา ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมา

ยามที่ดวงตาคู่นี้ลืมขึ้นมาคราแรกค่อนข้างงุนงงอยู่บ้าง ถึงขั้นที่ค่อนข้างซื่อบื้อ แววตาถึงขั้นที่ค่อนข้างขลาดเขลาเลยด้วยซ้ำ นางกะพริบตาติดๆ กันหลายครั้ง ในที่สุดก็รวมสายตาได้ มองดูตี้ฝูอีนิ่งๆ ริมฝีปากเผยอออกนิดๆ คล้ายต้องการจะพูดอะไร ทว่าเปล่งเสียงไม่ออกชั่วขณะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!