บทที่ 183 อีกไม่นานข้าก็กลับมาแล้ว…
พริบตานั้น เจิ้งหย่วนตงสะบัดปลายแขนเสื้อ รีบสวมอาภรณ์ชุดใหม่ลงบนร่างทันที ทว่าอาภรณ์นี้เพิ่งจะปรากฏขึ้น เสียงตูมดังหนึ่งทีก็แตกกระจายออกอีกครั้ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนกรีดร้องเสียงแหลม ร่างบินทะยานหนีออกไปทันใด เหงื่อเย็นๆ แตกพลั่กไปทั่วร่างของเขา รู้ว่าคราวนี้ตัวเองก่อเรื่องใหญ่แล้ว เขาถึงขนาดทำให้อาภรณ์ของศิษย์พี่เจ้าสำนักหายไป…นั่นยังพอว่า เพราะยังไงก็คือศิษย์พี่ของเขา ทว่ารอบกายของศิษย์พี่เจ้าสำนักดันมีผู้อาวุโสไท่ซ่างอีกหลายคนอยู่ด้วยนี่สิ
นั่นคือผู้อาวุโสไท่ซ่างเชียวนะ…สายตาฉงนสนเท่ห์เมื่อครู่ของพวกผู้อาวุโสทำให้หนังหัวของป๋ายเสี่ยวฉุนแทบจะระเบิด
“ป๋าย เสี่ยว ฉุน!!” เจิ้งหย่วนตงคำรามเดือดดาล เปลี่ยนอาภรณ์ให้ตัวเองอีกชุด เขาใกล้บ้าเต็มที แต่เสียงที่ดังราวกับเสียงอสนีบาต ดุดันยิ่งกว่าเขาหลายเท่า ก็คือเสียงจากผู้อาวุโสไท่ซ่างเหล่านั้น ดวงตาผู้เฒ่าแต่ละคนเผยความโกรธเกรี้ยว ตบะระเบิดออกอย่างเหี้ยมหาญ ดั่งภูเขาเพลิงหลายลูกพังทลาย ดังกัมปนาทสะเทือนนภากาศ
พริบตาเดียว พวกเขาก็พุ่งทะยานเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน
ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องโหยหวน คิดจะหลบหนี
“ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ…”
“หุบปาก!” พวกผู้อาวุโสไท่ซ่างคำรามเสียงดังราวหูจะดับ สะเทือนไปทั่วแปดทิศ พลานุภาพสยบแผ่ออกกว้าง
“ฆ่าคนแล้ว ฆ่าคนแล้ว!!” ครั้งนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลัวจริงๆ รีบหยิบเอาปีกพลังแม่เหล็กออกมา ร่างพุ่งถลาออกไป ใต้ฝ่าเท้าก็มีกระบี่วิหคทองปรากฏออกมาเช่นกัน ระเบิดความเร็วทั้งหมดของสร้างฐานรากวิถีฟ้า
นักพรตเหล่านั้นที่อยู่รอบด้าน ยามนี้ในใจทุกคนชื่นมื่น ช่วงที่ผ่านมาพวกเขาถูกป๋ายเสี่ยวฉุนทรมาทรกรรม ในใจแต่ละคนล้วนโมโหโกรธเคือง ตอนนี้มองเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนถูกผู้อาวุโสไท่ซ่างจัดการ จึงมีหลายคนที่กลั้นไม่ไหว หลุดหัวเราะออกมา
โดยเฉพาะซ่างกวานเทียนโย่วที่ยิ่งฮึกเหิม
“ในที่สุดสำนักก็ได้รู้สันดานของเจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนนี่เสียที ตัวหายนะเช่นนี้หากปล่อยทิ้งไว้ในสำนัก สักวันสำนักจะต้องพินาศเพราะเขาแน่นอน!”
โหวอวิ๋นเฟยก็อยู่ในกลุ่มคนด้วย เวลานี้ได้แต่ยิ้มเจื่อน ถอนหายใจ
ป๋ายเสี่ยวฉุนตกใจจนขวัญกระเจิง น้ำตาเอ่อคลอ ครั้งนี้เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรม เขารู้ว่าตัวเองก่อเรื่องใหญ่จริงๆ ทำได้เพียงห้อทะยานสุดชีวิต พริบตาเดียวก็ห่างออกไปไกล ตรงดิ่งไปที่ชายฝั่งทิศเหนือ ผู้อาวุโสไท่ซ่างเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลังเขายิ่งเพิ่มความเร็ว และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีมายังชายฝั่งทิศเหนือนั้นเอง ลูกศิษย์ชายฝั่งทิศเหนือทุกคนล้วนได้ยินเสียงร้องโหยหวนแหลมเศร้าของเขา พากันเงยหน้า ยังมีบางคนที่มีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น รีบบินตามไปดูอยู่ห่างๆ
ทว่าเพิ่งจะบินขึ้นไป เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามผ่านด้วยความเร็วทั้งหมด อาภรณ์บนร่างของคนเหล่านี้ พลันแตกกระจาย…
คนเหล่านี้อึ้งงัน จากนั้นก็กรีดร้องเสียงแหลม
“ผู้อาวุโสไท่ซ่างข้าผิดไปแล้ว อย่าฆ่าข้านะ…”
“ข้าคือลูกศิษย์ผู้ทรงเกียรติ ข้าคือสร้างฐานรากวิถีฟ้า ข้าคือลำดับผู้สืบทอดที่แน่นอน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ เพิ่มความเร็วมากขึ้น พวกผู้อาวุโสไท่ซ่างที่ตามมาด้านหลังโมโหจนเกือบหลุดขำ ขณะเดียวกันในใจก็ตะลึงและแปลกใจ ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุน แม้แต่พวกเขาเองก็ยังรู้สึกไม่ธรรมดา
ตลอดทั้งชายฝั่งทิศเหนือโกลาหลกันขึ้นมาทันทีเพราะการมาถึงของป๋ายเสี่ยวฉุน โดยเฉพาะพื้นที่ที่เขาผ่าน ในรัศมีสิบจั้ง เสื้อผ้าของทุกคนล้วนขาดกระจาย ภาพนี้น่าตกใจเกินไป
และยามนี้เอง เถี่ยตั้นที่กำลังเล่นสนุกอยู่บนชายฝั่งทิศเหนือ มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้กลางท้องฟ้า มันก็ร้อนใจทันที เปล่งเสียงขู่คำรามต่ำ ทั้งยังระเบิดพลังที่เทียบเคียงได้กับรวมลมปราณขั้นเก้าขั้นสิบ หลังจากเสียงคำรามของมันดังขึ้น ร่างของสัตว์รบข้างกายของนักพรตจำนวนไม่น้อยตลอดทั้งชายฝั่งทิศเหนือพลันสั่นสะท้าน พากันขู่คำรามออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ไม่ว่าเจ้านายของพวกมันจะแปลกใจ พยายามห้ามปรามมากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ สัตว์รบเหล่านี้คล้ายตอบรับเถี่ยตั้น ขู่คำรามพลางทำท่าคล้ายจะพุ่งตัวขึ้นสู่ฟากฟ้า เพื่อขัดขวางพวกผู้อาวุโสไท่ซ่างที่ไล่ล่าป๋ายเสี่ยวฉุน
ทว่ายังไม่ทันที่เถี่ยตั้นจะเรียกให้เหล่าสัตว์รบลงมือ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กรีดร้องเสียงแหลม ร่างพลันถูกเชือกสีม่วงซึ่งโผล่มาจากจุดลึกของความว่างเปล่าเส้นหนึ่งตรงเข้ารัดพัน พริบตาเดียวก็รัดร่างเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา ถูกผู้อาวุโสไท่ซ่างคนหนึ่งดึงเอาไว้
ส่วนไข่มุกเม็ดนั้น ผู้อาวุโสไท่ซ่างอีกคนหนึ่งก็เก็บเอาไปด้วยความระมัดระวัง พยายามรักษาไม่ให้เสื้อผ้าฉีกขาด จากนั้นก็เตะป้าบลงไปบนก้นของป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งที
“ข้าเคยหลั่งเลือดเพื่อสำนัก ข้าเคยสร้างคุณความดีให้สำนัก…” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องโหยหวน
“ไอ้เจ้าลูกหมา เจ้าคิดจะก่อกบฏรึ!” ภายนอกมองดูเหมือนผู้อาวุโสไท่ซ่างคนนี้เข้มงวด ทว่าในใจก็โมโหจนขำกับท่าทางหวาดกลัวของป๋ายเสี่ยวฉุน
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าม่อย ขณะที่ร้องโหยหวนก็ใช้สายตาห้ามปรามเถี่ยตั้นที่ไฟพิโรธลุกท่วมท้น เนื่องจากมองเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนถูกปฏิบัติด้วยท่าทางเช่นนั้น
เถี่ยตั้นแปลกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยอมก้มหน้าลง
พวกผู้อาวุโสไท่ซ่างก็ปรายตามองเถี่ยตั้นเช่นกัน สังเกตเห็นภาพเมื่อครู่นี้ พวกเขาตะลึงระคนแปลกใจ นึกขึ้นได้ว่าสัตว์รบตัวนี้คือสัตว์รบที่มีพลังแฝงมากมายอย่างถึงที่สุดซึ่งท่านบุรพาจารย์ให้ความสำคัญ นัยน์ตาจึงเผยความชื่นชม ไม่เพียงแต่ไม่มีอคติต่อกิริยาที่ต้องการปกป้องเจ้านายของมันก่อนหน้านี้ กลับยังชื่นชมมากด้วยซ้ำ
“นี่ต่างหากถึงจะเป็นสัตว์รบของสำนักธาราเทพเรา!” พวกผู้อาวุโสไท่ซ่างเตะก้นป๋ายเสี่ยวฉุนอีกหนึ่งที แล้วจึงหิ้วตัวป๋ายเสี่ยวฉุนที่ท่าทางน่าสงสาร ร้องโหยหวนไม่หยุด บินกลับไปยังเขาจ้งเต้า
เมื่อพวกเขาจากไป หลังจากที่ชายฝั่งทิศเหนือเกิดความเงียบงันครู่สั้นๆ เสียงไชโยโห่ร้องก็พลันระเบิดปะทุออกมา ทว่าเสียงไชโยนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว พวกเขานึกขึ้นได้ถึงสถานะของป๋ายเสี่ยวฉุน รู้ว่าต่อให้ครั้งนี้จะมีการลงโทษก็คงไม่ใช่การลงโทษที่รุนแรงนัก นึกถึงอนาคตวันข้างหน้าว่าด้วยตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เรื่องแปลกประหลาดเกินคาดคิดหลากหลายประเภทยังคงสามารถเกิดขึ้นได้อีก แต่ละคนจึงหวาดกลัวจนตัวสั่น
“ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้…เมื่อไหร่เขาถึงจะโตได้สักที…”
“เฮ้อ เขาน่ะมันราชาปีศาจ!!”
ไม่นาน คำสั่งลงโทษของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาถึง ลงโทษให้เขาทำความสะอาดเขาจ้งเต้าสามเดือน…ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าตาบูดบึ้ง เช้าตรู่ของทุกวันเขาจะต้องเดินถือไม้กวาดออกมาปัดกวาดขี้ฝุ่นตลอดทั้งเขาจ้งเต้า
นี่สำหรับเขาแล้ว ถือเป็นการลงโทษที่โหดร้ายทารุณ…
“เดิมทีนี่ก็เป็นภูเขาลูกหนึ่งอยู่แล้ว มีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด ข้าจะทำความสะอาดอย่างไรกัน” ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่สุดท้ายสามเดือนแห่งความทรมานก็ผ่านไปได้ ตอนที่กลับมายังถ้ำสถิต เขานอนอยู่ข้างทะเลสาบ มองท้องฟ้า รู้สึกเศร้ารันทด
“ข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ข้าคือลูกศิษย์ผู้ทรงเกียรติ ข้าคือลำดับผู้สืบทอดที่แน่นอน ข้าคือสร้างฐานรากวิถีฟ้า ข้าคือศิษย์น้องเจ้าสำนัก ข้าเคยสร้างคุณความดี เคยหลั่งเลือดเพื่อสำนัก…”
“ทำกันเกินไปแล้ว แถมยังเอาไข่มุกของข้าไปไม่ยอมคืน…” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจเฮือก พอลูบคลำถุงเก็บของก็กัดฟันกรอดหนึ่งที
“ช่างเถอะๆ ตอนนี้คงอยู่สำนักธาราเทพไม่ได้ชั่วคราว ข้าไปสำนักธาราโลหิตแล้วกัน ไปเอาวัตถุนิจนิรันดร์ไม่ดับสูบนั้นมา สำนักธาราโลหิตคือศัตรูของสำนักธาราเทพของข้า ไปที่นั่นข้าก็จะได้ถือโอกาสหลอมยา ฝึกวิชามหาเวทควบคุมคนไปด้วย!” ในที่สุดป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตัดสินใจได้ เช้าวันต่อมาจึงไปหาเจิ้งหย่วนตง
ตอนที่เจิ้งหย่วนตงมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน สีหน้ายังคงดำคล้ำไม่คลาย แต่พอได้ยินป๋ายเสี่ยวฉุนพูดว่าจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก เจิ้งหย่วนตงก็เบิกตากว้างทันที รู้สึกไม่อยากเชื่อ
“เจ้าบอกว่าเจ้าจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก?”
“ใช่แล้ว ข้ารู้สึกว่าตอนนั้นศิษย์พี่เจ้าสำนักพูดถูกมาก แม้ว่าข้าจะเป็นเหล็กเซียนชิ้นหนึ่ง ทว่าหากไม่ผ่านการขัดเกลา ก็ยากที่จะกลายมาเป็นกระบี่เซียนได้ ดังนั้นข้าจึงครุ่นคิดอย่างหนัก ตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตบหน้าอก พูดอย่างหนักแน่น
“ศิษย์พี่ ข้ารู้ว่าท่านอาลัยอาวรณ์ข้า แต่ท่านอย่าได้เกลี้ยกล่อมข้าเลย เรื่องที่ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนได้ตัดสินใจไป…” ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังพูด เจิ้งหย่วนตงก็ลุกขึ้นพรวด ดึงแขนป๋ายเสี่ยวฉุนให้ลุกขึ้นมาด้วย
“ดี นี่แหละศิษย์น้องคนดีของข้า เรื่องที่เจ้าจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก ข้าอนุญาต!! ออกเดินทางตอนนี้เลยไหม?” เจิ้งหย่วนตงรีบพูดอย่างตื่นเต้น
“หา?” ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้ง ลังเลเล็กน้อย
“ข้ายังต้องไปเตรียมของก่อน ยังขาด…”
“เสี่ยวฉุน เจ้าขาดอะไร พูดมา! หินวิเศษ? ยา? อาวุธวิเศษป้องกันตัว? เจ้าคือสร้างฐานรากวิถีฟ้า คือลำดับผู้สืบทอดที่แน่นอน ข้าจะเปิดคลังสมบัติเพื่อเจ้าเป็นพิเศษ ให้เจ้าเลือกได้ตามใจ!” เจิ้งหย่วนตงจริงจังขึ้นมาทันที
“แต่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่า ห้ามไปจากเกาะตงหลิน เกาะตงหลินใหญ่มาก เจ้าสามารถไปได้ทุกที่!” เจิ้งหย่วนตงพูดติดกันรวดเดียว ตัดสินใจทันทีทันใด พาป๋ายเสี่ยวฉุนไปที่คลังสมบัติ เลือกอาวุธวิเศษป้องกันตัวหลายอย่างให้เขาด้วยตัวเอง
ทั้งยังมอบหินวิเศษและยาให้เขาอีกจำนวนไม่น้อย แถมยังกระตือรือร้นรีบเอาเรื่องนี้ไปประกาศให้สำนักทราบด้วย…
ช่วงเที่ยง นอกประตูสำนักธาราเทพ…ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงงเล็กน้อย ตอนเช้าเขาเพิ่งไปบอกเจ้าสำนักว่าจะออกไปหาประสบการณ์ ยามนี้เพิ่งจะเที่ยงวัน ขั้นตอนทุกอย่าง การเตรียมการทุกอย่าง เมื่ออยู่ภายใต้ความกระตือรือร้นของเจ้าสำนักและผู้อาวุโสหลายคนที่ได้ยินว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะออกไปหาประสบการณ์ก็ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุด จัดการทุกอย่างจนเสร็จสิ้น
ยามนี้เบื้องหน้าของเขา เจ้าสำนัก ผู้นำเขาทั้งหก และยังมีผู้อาวุโสอีกจำนวนมาก ลูกศิษย์ฝ่ายในก็อยู่กันครบทุกคน จัดขบวนยิ่งใหญ่อย่างมาก ราวกับว่าทั้งชายฝั่งทิศใต้และทิศเหนือล้วนมากันหมด แต่ละคนมองป๋ายเสี่ยวฉุนเขม็ง คล้ายต้องการให้แน่ใจว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไปหาประสบการณ์แล้วจริงๆ
ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ ภาพนี้เขารู้สึกคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย จึงเอ่ยปากไปตามจิตใต้สำนึก
“ศิษย์พี่ ศิษย์น้อง ศิษย์หลานทุกท่าน…ข้าจะออกไปหาประสบการณ์แล้ว แต่ข้าตัดใจจากพวกเจ้าไม่ได้…”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็เผยท่าทางอาลัยอาวรณ์
“เสี่ยวฉุน เจ้าเป็นลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสำนักธาราเทพ อนาคตของเจ้ารออยู่เบื้องหน้า จงยืนหยัดเดินต่อไป เดินไปหาอนาคตที่เป็นของเจ้า เจ้าลืมเรื่องมหาสมุทรทงเทียนที่ข้าเคยบอกเจ้า ลืมเส้นทางแห่งการเป็นอมตะเส้นนั้นไปแล้วหรือ!” ในกลุ่มคน เจิ้งหย่วนตงเดินออกมา สีหน้าเผยความเมตตา
“นักพรตอย่างพวกเรา ไม่ควรเปลี่ยนความคิดไปมา ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปหาประสบการณ์ก็ไม่ควรเปลี่ยนความคิดตามใจชอบ เสี่ยวฉุน ศิษย์พี่สนับสนุนเจ้า!” นัยน์ตาเจิ้งหย่วนตงเผยแววให้กำลังใจ ตบไหล่ป๋ายเสี่ยวฉุน
“นั่นสิ ศิษย์น้องป๋าย หาประสบการณ์ก็คือส่วนหนึ่งในชีวิตคน ยืนหยัดเดินต่อไป อย่าได้หันหลังกลับ!”
“ศิษย์พี่ป๋าย ที่นักพรตสามารถคำรามก้องสู่นภากาศได้นั้น เพราะในใจพวกเราสามารถรองรับฟ้าดินเอาไว้ได้ และหากไม่เดินออกไป ไม่ออกไปดูโลกใบนี้กับตาของตัวเอง จะรับเอาฟ้าดินมาไว้ได้อย่างไร ข้าเชื่อว่าใจของท่านสามารถบรรจุโลกทั้งใบนี้เอาไว้ได้!”
“เป็นอมตะ…” ร่างป๋ายเสี่ยวฉุนสะท้าน สีหน้าเด็ดเดี่ยว จ้องมองไปยังกลุ่มบุคคลเบื้องหน้า พยักหน้าอย่างแรง หมุนกายก้าวยาวๆ จากไปยังทิศทางที่ห่างไกล
มองเห็นว่าร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนห่างออกไปไกลแล้ว ทุกคนรอบด้านพากันฮึกเหิมขึ้นมาทันที ความอาลัยอาวรณ์ในดวงตาก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความปิติยินดีในพริบตาเดียว เวลานี้เจิ้งหย่วนตงเองก็ตัวสั่น ดวงตาฉายประกายตื่นเต้น
“ครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็ไปแล้ว ไม่ได้จากชายฝั่งทิศใต้ไปชายฝั่งทิศเหนือ แต่ไปจากสำนัก สวรรค์มีตา! เขาถึงขนาดเอ่ยปากเองว่าจะไปหาประสบการณ์!!”
“เจ้าปีศาจนี่ เขาไปจริงๆ แล้วอย่างนั้นหรือ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย นี่คือเรื่องจริงหรือ!!”
“ฮ่าๆ คำอธิษฐานที่ข้าเฝ้าวอนขอทุกวันในที่สุดก็บังเกิดผลแล้ว นับแต่นี้ไปชายฝั่งทิศเหนือของพวกเราจะสงบสุขแล้ว!!”
“ชายฝั่งทิศใต้ของพวกเราก็ไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนกันอีกแล้ว!”
“วันนี้ต้องฉลอง!!” เสียงไชโยโห่ร้องพลันดังออกมาจากปากคนเหล่านี้ ความฮึกเหิมของแต่ละคนเดือดพล่าน ชายฝั่งทิศใต้ยังถึงขั้นมีคนหยิบเอาฆ้องและกลองที่เคยใช้คราวก่อนออกมาตีอย่างเบิกบานใจ
ชายฝั่งทิศเหนือก็ไม่น้อยหน้า ทำเช่นเดียวกัน วันนี้คนตลอดทั้งสำนักธาราเทพ ไชโยโห่ร้องกันทั้งหมด ฮึกเหิมดีใจกันทั้งหมด…
ห่างออกไปไกล ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งครั้ง ได้ยินเสียงตีฆ้องร้องป่าวอันคุ้นเคยดังสนั่นหวั่นไหวอยู่ด้านหลังนัยน์ตาเขาเผยความปลดปลง เชิดคางขึ้น สะบัดปลายแขนเสื้อเบาๆ หนึ่งครั้ง พึมพำเสียงเบาด้วยน้ำเสียงหงอยเหงา
“พวกเขาคงอาลัยอาวรณ์ข้ายิ่งนัก สหายนักพรตทุกท่าน ไม่ต้องคิดถึงข้า อีกไม่นานข้าก็กลับมาแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาฉายประกายเด็ดเดี่ยว
“สำนักธาราโลหิต ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนมาแล้ว ครั้งนี้ขอโทษทีนะ ข้ามาในฐานะไส้ศึก!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยปากเสียงเบา เชิดคางขึ้น ก้าวทะยานออกไป…
—จบภาคหนึ่ง—