บทที่ 498 ยังมีใครอยากตายอีก
หลังจากที่พุ่งชนยักษ์ตนนั้นไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หมุนขวับกลับมาด้านหลัง เวลานี้ยักษ์ชนพื้นเมืองอีกสองตนที่พกพาไอสังหารพุ่งเข้ามากำลังจะลงมือ ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะชั่วร้าย ยกมือขวาขึ้นในชั่วเสี้ยววินาที ปล่อยให้อีกฝ่ายต่อยโครมลงมาบนร่างของตัวเอง ทว่ามือขวาของเขากลับยื่นไปบนลำคอของยักษ์ตนหนึ่งรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ
ต่อให้เมื่อเปรียบเทียบกับลำคอของยักษ์ตนนี้แล้วมือของป๋ายเสี่ยวฉุนจะมิอาจปิดได้มิด แต่ในมือของเขากลับแฝงเร้นไว้ด้วยพลังแห่งการดับทำลาย และเมื่อเขาบีบนิ้วทั้งสองข้างเข้าหากันอย่างแรง เสียงระเบิดตูมก็ดังขึ้น คอของยักษ์ตนนั้นจึงแตกละเอียดทันที!
ทั้งยังมีแสงสีดำเป็นระลอกที่แผ่ไปทั่วร่างของยักษ์ตนนี้ ที่ใดที่ผ่านกระดูกทั่วร่างก็พลันแหลกสลาย!
นี่ก็คือ…ตรวนสลายลำคอ!
ยังไม่สิ้นสุด หลังจากที่สังหารยักษ์ชนพื้นเมืองสองตนติดต่อกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเหวี่ยงเท้าขวาฟาดไปยังด้านหลังที่มียักษ์ชนพื้นเมืองตนที่สามกำลังตวัดฟันกระบี่ผุพังเล่มใหญ่ลงมาที่เขา
วินาทีที่เท้าขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนปะทะกับกระบี่ใหญ่ เสียงเปรี๊ยะๆๆ ก็ดังลั่น กระบี่ใหญ่พังทลาย แขนของยักษ์ชนพื้นเมืองตนนั้นก็โดนเท้าขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนเตะจนเกิดเสียงดังตูม ยักษ์ตนนี้ร้องโหยหวน มือขวาอาบโชกไปด้วยเลือด ทันใดนั้นเส้นใยสีดำก็พลันแผ่ไปทั่วเรือนกายของเขาก่อเกิดเป็นการปิดผนึก!
ผนึกนี้คล้ายสามารถทำให้เกิดความเจ็บปวดไร้คำบรรยายจนร่างของยักษ์ตนนั้นสะท้านเยือก เสียงหวีดร้องโหยหวนดังเสียดฟ้า เจ็บปวดจนต้องคุกเข่าลงกับพื้นแล้วร้องคร่ำครวญไม่หยุด
นี่ก็คือผนึกมิวางวาย!
“ยังมีใครอยากตายอีก!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหันขวับกลับไป ก่อนจะยกเท้ากระทืบลงบนแขนของยักษ์ที่ร่ำไห้อย่างมิอาจควบคุมตนเองได้ ตลอดร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนแผ่ซ่านไปด้วยปราณดุร้ายตลบอบอวล ผมยาวของเขาปลิวสะบัด อาภรณ์ของเขาฉีกขาดเกินครึ่ง เผยให้เห็นผิวหนังที่เป็นสีทอง เมื่อยืนอยู่ตรงนั้นก็ราวกับเทพสวรรค์!
สายตาของเขาแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง ทั้งยังมากด้วยความอำมหิต จ้องเขม็งไปยังยักษ์ชนพื้นเมืองที่อยู่รอบด้าน
ถูกเขามองแบบนี้พวกยักษ์ชนพื้นเมืองรอบๆ ที่หมายจะพุ่งเข้ามาเข่นฆ่าก็พากันหายใจค้าง เมื่อมองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน นัยน์ตาประหวั่นพรั่นพรึงของพวกเขาก็เผยให้เห็นความเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด
พวกเขาเป็นพยานถึงความแข็งแกร่งของป๋ายเสี่ยวฉุนมาตลอดทาง ยักษ์ชนพื้นเมืองที่ถูกเขาสังหารไปมีมากนับพันตนแล้ว เดิมทีนึกว่าเป็นเพราะเขาอาศัยการป้องกันถึงได้มีพลังอำนาจน่าเกรงขามขนาดนี้ ทว่าตอนนี้เมื่อไร้ซึ่งการป้องกันใดๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับฆ่ายักษ์ติดต่อกันถึงสามตน ภาพเหตุการณ์นี้จึงก่อให้เกิดแรงโจมตีมหาศาล
บัดนี้เมื่อประโยคของเขาดังสะท้อนไปทั่ว รอบด้านกลับไม่มียักษ์ชนพื้นเมืองตนใดกล้าเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว…
การสังหารยักษ์ชนพื้นเมืองทั้งสามตน มองดูแล้วราบรื่นง่ายดาย
แต่สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากเช่นกัน ทั้งสามตนนี้ล้วนไม่ใช่ชนพื้นเมืองทั่วไป ตบะเทียบเคียงได้กับรวมโอสถขั้นสมบูรณ์แบบ ห่างจากก่อกำเนิดเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น
และวิชาอมตะมิวางวายของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ช่วยได้มากในการรบครั้งนี้ ไม่พูดถึงเรื่องอื่น เอาแค่พลังในการฟื้นตัวก็ทำให้พลังในการต่อสู้ของป๋ายเสี่ยวฉุนสามารถยืนหยัดได้อย่างยาวนาน
ตอนนี้ยืมใช้ช่วงเวลาตอนที่พูด ยืมใช้พลานุภาพสยบที่ก่อเกิดจากความดุร้ายในร่าง มองดูเหมือนป๋ายเสี่ยวฉุนมากด้วยบารมีน่าครั่นคร้าม แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับเป็นช่วงเวลาที่เขาผ่อนคลายเพราะกำลังฟื้นคืนพลังกายกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ข้าเอง!” แต่เวลานี้เอง เสียงคำรามอึงอลก็ดังมาจากด้านหลังยักษ์ชนพื้นเมืองที่ห่างออกไปไม่ไกลอย่างกะทันหัน พื้นดินสั่นสะเทือนอยู่หลายที ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้นพรวด แล้วก็มองเห็นทันทีว่าตรงนั้นคือยักษ์ตนหนึ่งที่เรือนกายสูงพอหนึ่งร้อยจั้งน่าตกใจ เขาสวมอาภรณ์ขนสัตว์กำลังห้อทะยานเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ยักษ์ตนนี้ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าดุร้าย บนใบหน้ามีแผลเป็นอยู่ไม่น้อย มองดูแล้วน่าสยดสยอง อีกทั้งดูเหมือนว่าจะอารมณ์ร้ายอย่างถึงที่สุด แถมยังมีพละกำลังมากมหาศาล เมื่อเขาคำรามจบก็พุ่งทะยานเข้ามา ทุกที่ที่ผ่าน ยักษ์ทุกตนล้วนรีบเบี่ยงตัวหลบพร้อมอาการหน้าเปลี่ยนสี บางตนหลบไม่พ้นก็ถูกเขาชนจนลอยกระเด็นไปไกล
“ขุย!”
“ขุย!!”
“ขุย!!!” เมื่อยักษ์ตนนี้มาถึง ชนพื้นเมืองที่อยู่รอบด้านก็เกิดอาการฮึกเหิม พากันกู่ร้องเสียงดังสร้างบารมีให้แก่ยักษ์ตนนั้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่มองปราดเดียวก็อกสั่นขวัญแขวน เขาไม่รู้ว่าที่ชนพื้นเมืองทั้งสี่ตะโกนกันอยู่นี้ใช่ชื่อของยักษ์ตนนี้หรือไม่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร แค่ยักษ์ตนนี้โบกมือหนึ่งครั้งก็พัดเอาชนพื้นเมืองที่ขวางอยู่ด้านหน้าเขาให้ลอยกระเด็นไปไกลหลายสิบจั้ง นี่จึงทำให้เห็นได้ว่ากำลังของยักษ์ตนนี้มีมากจนน่าตะลึง
แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไป ยักษ์ตนนี้ก็พุ่งตัวออกมาจากกลุ่มคน เขาก้าวยาวๆ ออกมา
นัยน์ตาเผยความโหดเหี้ยม ชั่วพริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุน ก่อนจะยกเท้าขวากระทืบเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างแรง!
“ตายซะเถอะ!!” ฝ่าเท้านี้ไม่เพียงแต่ใหญ่มโหฬาร ในด้านความเร็วก็มากจนน่าตกใจเช่นกัน ขณะเดียวกับที่มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น พลังกล้ามเนื้อที่แฝงเร้นก็ยิ่งแข็งแกร่ง
ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เขารู้ว่าตัวเองหลบไม่ได้ หากหลบเมื่อใดพวกชนพื้นเมืองที่ถูกเขาข่มขวัญก่อนหน้านี้ก็จะต้องพุ่งเข้ามาล้อมโจมตีเขาอีกครั้งแน่นอน
“เจ้านั่นแหละที่ต้องตาย!!” วิกฤตคับขัน ไฟโทสะของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พวยพุ่งเทียมฟ้าไม่ต่างกัน เขาคำรามอย่างบ้าคลั่ง ยืนเฉยไม่หลบเลี่ยง มือขวายกกำเป็นหมัดแล้วเหวี่ยงเข้าหาเท้าใหญ่ของยักษ์ตนนั้นจังๆ!
เมื่อมองไกลๆ ภาพเหตุการณ์นี้ไม่สมดุลกันอย่างมากจนถึงขั้นน่าขันด้วยซ้ำ ยักษ์ที่ตัวสูงร้อยกว่าจั้ง ความใหญ่ของขนาดเท้าก็พอๆ กับภูเขาลูกย่อม ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องล่างที่ตัวเล็กจ้อยราวกับมดตัวหนึ่งกลับรวบรวมพลังกล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างเหวี่ยงหมัด…ออกไปปะทะ!
ตูมๆๆ!
เสียงกัมปนาทสะเทือนแก้วหูคล้ายนภากาศกำลังจะแตกทลายพลันดังสนั่นไปทั่วสี่ทิศ เขย่าคลอนทั้งสนามรบ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในรัศมีพันลี้ได้ยินกันหมด!
แรงโจมตีที่น่าตะลึงระลอกหนึ่งระเบิดตูมออกมาแล้วซัดทำลายไปรอบด้าน!
ภายใต้เสียงกัมปนาทนั้น หมัดของป๋ายเสี่ยวฉุนปะทะเข้ากับเท้าใหญ่ของยักษ์ตนนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
ขณะที่คำรามต่ำๆ ในลำคอก็รู้สึกเพียงว่าพลังมหาศาลระลอกหนึ่งไหลเข้ามาตามหมัดก่อนจะกระจายไปทั่วร่าง ผิวหนังของเขา กระดูก หรือแม้แต่เลือดเนื้อทุกชุ่นในร่างล้วนพากันสั่นระริก
พลังนั้นเหมือนจะดับทำลายพลังชีวิต พังเรือนกายของเขาให้ย่อยยับ!
“มีหรือที่ข้าจะยอมตายอยู่ที่นี่!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแผดเสียงด้วยความเดือดดาล ท่ามกลางอาการตัวสั่นของเขามีกำลังที่คล้ายไร้ที่สิ้นสุดระลอกแล้วระลอกเล่าปะทะอยู่ในเลือดเนื้อทั้งหมดของเขา ก่อนที่มันจะผสานรวมเข้าด้วยกันกลายมาเป็นพละกำลังมหาศาลที่โจมตีกลับไปอย่างห้าวหาญ
“ตาย ตาย ตาย!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามกร้าว เหวี่ยงหมัดต่อยออกไปอีกครั้ง หมัดนี้แฝงเร้นไว้ด้วยผิวหนังคงกระพัน เนื้อคงกระพัน เอ็นคงกระพันซึ่งรวมตัวกันเป็นแสงสีดำที่ล้อมวนอยู่บนหมัดของเขา ก่อนจะแผ่กระจายไปทั่วร่างของยักษ์ตนนี้!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ยักษ์สูงร้อยกว่าจั้งตนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ร้องคำรามโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เท้าขวาของเขาระเบิดออกกลายเป็นควันเลือดทันที เลือดเนื้อทั้งหมดแตกกระจายในเสี้ยววินาที แม้แต่กระดูกก็กลายเป็นฝุ่นผงไปด้วย อีกทั้งเมื่อแสงสีดำขยายไปทั่วร่าง ขาอีกหนึ่งข้าง ลำตัว แขนทั้งสองข้าง ศีรษะ และทั้งหมดทั้งมวลของยักษ์ร้อยกว่าจั้งตนนี้…ชั่วพริบตาเดียวก็ล้วนระเบิดดังตูมแล้วกลายมาเป็น…ควันเลือด!!
ควันเลือดประหนึ่งเม็ดฝนที่สาดพร่างพรมไปรอบด้าน ยักษ์ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนตนนั้นที่ก่อนหน้านี้ยังร้องคร่ำครวญก็สิ้นสลายไปทั้งกายและจิตตั้งแต่โดนแรงโจมตีก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ในรัศมีร้อยจั้งเหลือเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่คนเดียว
รอบด้านเงียบสงัด จิตวิญญาณของยักษ์ชนพื้นเมืองที่อยู่บริเวณนั้นสะท้านสะเทือนอยู่นานแล้ว พวกเขาไม่อยากเชื่อภาพที่เห็นอยู่นี้ ในสมองของพวกเขาคล้ายมีสายฟ้าฟาดผ่าไม่ขาดระยะ หวาดกลัวตื่นตระหนกอย่างถึงขีดสุด
“ขุย…ตายแล้ว?”
“นี่…เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร ขุยนะ เขาคือขุยนะ ขุยผู้มีพละกำลังมหาศาล…เขาล้มเหลวก็ยังพอว่า แต่นี้กลับถูกหมัดเดียวของมารป๋าย…ต่อยจนร่างกระจุยกระจาย!”
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…สวรรค์ สรุปแล้วพวกเราเป็นเผ่าเทพหรือมารป๋ายผู้นี้กันแน่ที่เป็นเผ่าเทพ!! พละกำลังกล้ามเนื้อแบบนี้ นี่มัน…นี่มัน…” ชนพื้นเมืองรอบด้านพากันตัวสั่น ตอนที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาก็เผยทั้งความตกใจและหวาดกลัว
ป๋ายเสี่ยวฉุนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้อาศัยการคุ้มกัน แต่อาศัยพลังกล้ามเนื้อที่แกร่งกร้าวไปทั้งร่าง ความมหาศาลของพลังนี้มีมากจนขุยผู้เปี่ยมไปด้วยพละกำลังก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้!
ฝนเลือดสาดกระเซ็น ทว่าในใจของชนพื้นเมืองรอบด้านกลับหมดสิ้นซึ่งปณิธานในการสู้รบ เรือนกายที่อยู่ท่ามกลางฝนโลหิตนั้นได้กลายมาเป็นฝันร้ายของพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว
ท่ามกลางเม็ดฝนสีเลือด ดูเหมือนว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่สนใจเรือนกายที่ถูกกัดกร่อน เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองพวกยักษ์ชนพื้นเมืองรอบด้านที่ยืนอึ้งกันอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบ
“ยังมีใครอยากจะตายอีก!”
ชนพื้นเมืองทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครเอ่ยคำใด แต่ละคนลมหายใจหอบหนัก สีหน้าที่ทั้งหวาดกลัวทั้งกริ่งเกรงแสดงออกให้เห็นเด่นชัดเป็นพิเศษ
“ยังมีใครอยากตายอีก!!” ปราณดุร้ายบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพวยพุ่งขึ้นอีกครั้ง เขาเดินออกไปข้างหน้าหลายก้าว เสียงก็เพิ่มระดับมากขึ้น ชนพื้นเมืองทุกคนหน้าซีดขาว ถอยกรูดออกห่าง
“คิดจะฆ่าข้าป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าถามพวกเจ้า ยังมีใคร…อยากตายอีก!!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันแผดเสียงคำรามดังสนั่นเกินเสียงอสนีบาต เสียงนั้นดังก้องไปเกือบครึ่งสนามรบ ดังเข้าหูพวกนักพรตของห้ากองทัพที่กำลังประมือกับยักษ์ชนเผ่าตนอื่นด้วยความยากลำบากอยู่ในบริเวณนั้น
นักพรตทุกคนที่ได้ยินประโยคนี้ตัวสั่นเยือก หันขวับมามองพื้นที่ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ แต่ละคนสีหน้าแตกต่างกันออกไป แต่ทว่าส่วนใหญ่กลับเลือกกัดฟันรีบถอยไปยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่
ไม่นานพวกนักพรตของห้ากองทัพที่กระจายกันอยู่บริเวณโดยรอบก็ทยอยกันปรากฏตัว พวกเขาแต่ละคนล้วนมีบาดแผลตามร่าง สภาพกระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง แต่พอเข้ามาใกล้ที่นี่ ทั้งๆ ที่เห็นว่ามีชนพื้นเมืองอยู่ไม่น้อย แต่กลับไม่มียักษ์ชนพื้นเมืองตนไหนกล้าขัดขวาง ทำให้พวกเขากลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาวทยอยกันมาปรากฏตัวอยู่รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุน จนกระทั่งมีมากหลายร้อยคน
หลังจากมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเขาก็มองเห็นซากศพของชนพื้นเมืองจำนวนมากที่อยู่โดยรอบ สภาพอันน่าอเนจอนาถนั้นสร้างความสยองขวัญ ขณะเดียวกันก็ทำให้ใจของพวกเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงด้วย
“คารวะปรมาจารย์ป๋าย!!”
“คารวะปรมาจารย์ป๋าย!!”
เสียงที่ดังก้องแฝงเร้นไว้ด้วยความสะท้านสะเทือนของพวกเขา แฝงไว้ด้วยความเข้าใจใหม่ที่พวกเขามีต่อป๋ายเสี่ยวฉุน ดูเหมือนว่าแต่ละคนล้วนมองป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นที่พึ่งทางใจของตัวเองไปแล้ว