บทที่ 629 กวาดล้างเขตติง…
ท่ามกลางความฮึกเหิมของกองเก้า คนทั้งกลุ่มจึงกลับเข้ามาในคุกอีกครั้ง เพิ่งจะเข้าไป พวกนักโทษชุดเทาที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเพื่อช่วยประสานงานกับพวกผู้คุมที่เพิ่งจะคืนสติกลับมาจากเรื่องป๋ายเสี่ยวฉุนสอบสวนโจวเหล่าม๋อ พอเห็นว่าอยู่ๆ กองที่เก้าและป๋ายเสี่ยวฉุนก็กลับมาเยือนอีกครั้ง แต่ละคนจึงเบิกตากว้างสูดลมหายใจเฮือกใหญ่
“สวรรค์ แส้ทมิฬผู้นั้นเขากลับมาอีกแล้ว!”
นักโทษชุดเทาเหล่านี้อกสั่นขวัญผวา รีบตรงเข้ามาคารวะ แต่ครั้งนี้คนของกองเก้าไม่มีอารมณ์มาสนใจพวกเขา คนทั้งกลุ่มเอาแต่ห้อมล้อมป๋ายเสี่ยวฉุนให้ตรงดิ่งไปยังกรงขังของนักโทษเก่าแก่ที่อยู่มาช้านาน
ป๋ายเสี่ยวฉุนวางมาดฮึกเหิมลำพองใจ เอามือไพล่หลังไปตลอดทาง ทุกที่ที่ผ่านล้วนทำให้พวกนักโทษชุดเทาตื่นตระหนก ไม่นานเบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีห้องขังหนึ่งปรากฏขึ้น
“น้องป๋าย สวี่เหล่าม๋อผู้นี้เมื่อหกสิบปีก่อนคือผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงระบือไปแปดทิศ ตบะก่อกำเนิด ไม่เพียงแต่ฝีมือร้ายกาจน่าตะลึง ทั้งยังกรีดท้องหญิงมีครรภ์เก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าคนเพื่อเอารกเด็กมาทำอาวุธ สร้างความแค้นเคืองให้กับผู้คน!” หัวหน้ากองที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น
ป๋ายเสี่ยวฉุนกวาดสายตามองไปก็เห็นทันทีว่าในห้องขังแห่งนี้ขังผู้เฒ่าไว้คนหนึ่ง ผู้เฒ่ามีท่าทีสงบนิ่งอย่างมาก เขานั่งขัดสมาธิอยู่ในนั้น เพียงแต่ว่าสายตาที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนกลับฉายแววเย็นชาราวกับว่าไม่คิดจะแยแสทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิต
“นานแล้วที่ไม่มีใครทดลองอยากจะง้างปากข้าผู้อาวุโส ก็ดี จะลองเล่นกับเจ้าดูก็แล้วกัน” ผู้เฒ่าน้ำเสียงเย็นเยียบประหนึ่งลมเหมันต์ที่พัดผ่าน
มองเห็นท่าทีของสวี่เหล่าม๋อ
ต่อให้ผู้คุมกองเก้าจะมีความมั่นใจในตัวป๋ายเสี่ยวฉุนมากแค่ไหน ตอนนี้ก็ยังลังเลอย่างอดไม่ได้ เพราะชื่อเสียงของสวี่เหล่าม๋อผู้นี้โด่งดังเกินไป แม้แต่แส้ทมิฬของเขตติงในปีนั้นก็ยังล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ใช้สารพัดวิธี แต่กลับยังทำให้เขาแง้มพรายอะไรออกมาไม่ได้
“นี่มันสวี่เหล่าม๋อเชียวนะ ข้าอยากจะเห็นนักว่ามือลงแส้ของกองที่เก้าจะสอบสวนอย่างไร!” ในกลุ่มนักโทษชุดเทาก็มีหลายคนที่ก้มหน้าก้มตาพูดอยู่ในใจ แม้ว่าพวกเขาจะเคารพป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่าก็มั่นใจในตัวของสวี่เหล่าม๋อมากเหมือนกัน
และขณะที่ต่างคนต่างคิดกันไปหลากหลายความเห็นนั้น
สายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กวาดมามองประเมินสวี่เหล่าม๋อพักหนึ่ง ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องขัง ไม่นานควันดำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงคำรามที่อัดอั้นถึงขีดสุดไม่ต่างไปจากโจวเหล่าม๋อที่ดังกังวาน
เมื่อเสียงดังออกมา ผู้คุมของกองเก้าก็พลันคึกคักมีชีวิตชีวา นักโทษชุดเทาที่อยู่รอบด้านใจเต้นกระตุก สูดลมหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง
“แม้แต่สวี่เหล่าม๋อก็ยังเป็นแบบนี้!”
“เป็นไปไม่ได้หรอก นั่นมันสวี่เหล่าม๋อเชียวนะ แม้แต่แส้ทมิฬของเขตติงก็ยังไม่สามารถง้างปากเขาได้!”
เวลาผ่านไปแค่เกือบหนึ่งชั่วยาม เสียงคำรามนั้นจึงกลายมาเป็นเสียงร้องโหยหวน สุดท้ายหลงเหลือเป็นเพียงคำอ้อนวอน เสียงร้องหวีดหวิดติดต่อกันนั้นทำให้คนภายนอกที่ได้ยินหนังหัวชาหนึบ แม้แต่นักโทษฉกรรจ์ที่อยู่ในกรงขังใกล้ๆ กันก็ยังขวัญหนีดีฝ่อ ตะลึงลานหวาดผวา
จนกระทั่งป๋ายเสี่ยวฉุนเดินออกมา สีหน้ายังคงเย่อหยิ่งจองหอง ในมือมีแผ่นหยกหนึ่งแผ่น
“เขายอมสารภาพแล้ว คนต่อไปอยู่ที่ไหน?”
จ้าวเฟิงตัวสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้น หัวหน้ากองฮึกเหิมไร้คำบรรยาย ผู้คุมคนอื่นๆ มองป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนมองเห็นเทพเจ้า แต่ละคนเดินขึ้นหน้าไปด้วยความดีใจ ห้อมล้อมป๋ายเสี่ยวฉุนไปยังห้องขังถัดไป
แล้วก็เป็นแบบนี้ หนึ่งที่ สองที่ สามที่…
เวลาสามวัน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้กวาดล้างนักโทษเก่าแก่สามสิบคนด้วยความเร็วที่ทำให้คนตาค้างปากอ้ากว้างโดยไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่เสี้ยวเดียว!
คนเหล่านี้ยืนหยัดได้นานที่สุดคือสองชั่วยาม ทว่าไม่ว่าจะเป็นใครสุดท้ายแล้วก็มิอาจปิดปากเงียบได้อีก เมื่อเจอกับการสอบสวนจากป๋ายเสี่ยวฉุน ทุกคนต่างก็พากันเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ในใจ…
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เริ่มรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้มีประโยชน์กับตนอย่างใหญ่หลวง เขาค้นพบว่าคนเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีสมบัติติดตัว นักโทษทุกคนยังรู้ความลับบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้ด้วย…
และความลับเหล่านี้พวกเขาก็ไม่เคยบอกใครมากก่อน ทว่าวันนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับต้องพรั่งพรูออกมาหมด ตอนแรกเริ่มป๋ายเสี่ยวฉุนยังไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่พอได้รับฟังความลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ยิ่งเป็นประกายเจิดจ้า
อีกอย่างเขาเองก็เริ่มสนใจคุกมารแห่งนี้แล้ว เพราะเมื่อทำการสอบสวนนานเข้าเขาก็พบว่านักโทษทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็กระทำความผิดในเรื่องที่ทำให้คนเคียดแค้น สมควรถูกฆ่าอย่างแท้จริง!
“หากมองตามนี้ ราชาผียักษ์ผู้นั้น…ก็เหมือนจะปราดเปรื่องไม่เบา?”
ป๋ายเสี่ยวฉุนครุ่นคิดอยู่ในใจ
ขณะเดียวกันตลอดทั้งกองเก้าก็ตื่นเต้นจนเริ่มเกิดเป็นความเคยชิน พวกเขามองป๋ายเสี่ยวฉุนสอบสวนอย่างราบรื่น มองแผ่นหยกแผ่นแล้วแผ่นเล่าที่อยู่ในมือของหัวหน้ากอง แต่ละคนก็ดวงตาเป็นประกายระยับ
แผ่นหยกทุกแผ่นเป็นตัวแทนของทรัพย์สินก้อนหนึ่ง พอนึกถึงชีวิตในวันหน้าของตัวเอง พวกเขาก็รู้สึกเคารพเลื่อมใสป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างสุดใจ
เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว นักโทษชุดเทาที่อยู่รอบด้านกลับตัวสั่นไม่หาย สายตาที่มองป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวยำเกรงสุดขีด
ท่ามกลางความตะลึงลานและเคารพนับถือนี้ หัวหน้ากองถึงกับกัดฟันออกไปเจรจากับกองอื่นๆ ข้างนอกโดยไม่สนว่าต้องเสียค่าตอบแทนเท่าไหร่ แล้วก็ไม่รู้ว่าพูดคุยกันยังไง สุดท้ายกองที่เก้าถึงได้รับสิทธิ์ลาดตระเวนเพียงลำพังกองเดียวตลอดหนึ่งเดือน
หลังจากได้ยินข่าวนี้ ทุกคนของกองเก้าก็โชโยโห่ร้องด้วยความลิงโลด ทว่าพวกนักโทษชุดเทาและนักโทษฉกรรจ์ที่อยู่ในกรงขังกลับหน้าเปลี่ยนสี
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในหนึ่งเดือนมานี้พอป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดความสนใจก็แทบจะกวาดล้างคุกเขตติงเสียเกลี้ยง นักโทษเก่าแก่นับร้อยคนถูกเขาไล่สอบสวนไปทีละคนจนเกือบครบ
ทุกครั้งที่มีการสอบสวน เสียงคำรามและเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดที่ดังออกมาจากในกรงขังล้วนทำให้ทุกคนใจสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวทบทวีไปในทุกๆ วัน
และยิ่งมองไม่เห็นขั้นตอนการสืบสวนอย่างชัดเจน ความหวาดกลัวจึงยิ่งรุนแรง
ที่สำคัญที่สุดก็คือทุกครั้งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินออกมาหลังไต่ความจบ นักโทษในกรงเบื้องหลังเขาที่ไม่ว่าก่อนหน้านั้นจะดุดันแค่ไหน ชั่วร้ายต่ำทรามเท่าไหร่ ทว่าสุดท้ายแล้วกลับเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทุกคนต่างนอนขดตัวร่างสั่นเทาอยู่ในมุม ทั้งการสืบสวนนี้ยังได้ทิ้งตราประทับที่มิอาจลบเลือนเอาไว้ ทำให้หลายวันผ่านไป เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเดินผ่านกรงขังของพวกเขา พวกเขาก็จะตัวสั่นไม่หยุดเหมือนกระต่ายที่ตื่นตกใจ
และความสนใจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ความสนใจนี้ของเขาไม่ได้อยู่ที่การใช้ยากระสันซ่านมาเค้นคออีกฝ่าย แต่เขาสนใจความลับที่อยู่ในใจของพวกนักโทษฉกรรจ์ ความลับเหล่านี้มีมากมายหลากหลาย ส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับแดนทุรกันดาร และยังมีบางส่วนที่เกี่ยวกับนครผียักษ์ ภายใต้ความพยายามตลอดหนึ่งเดือนของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็ค้นพบว่าความลับที่ตัวเองรู้มา…มีมากมายยิ่งนัก
หนึ่งเดือนผ่านพ้น เมื่อกองที่เก้าจากไป นักโทษทุกคนที่อยู่ในคุกต่างก็พรูลมหายใจยาวเหยียด หนึ่งเดือนมานี้พวกเขารู้สึกว่าหนึ่งวันยาวนานเหมือนหนึ่งปี ความหวาดกลัวที่ป๋ายเสี่ยวฉุนนำมาให้พวกเขาประหนึ่งฝันร้าย ต่อให้ไม่ใช่คนที่ถูกซักฟอกก็ยังหวาดผวาอย่างลึกล้ำ
แต่กลับกันก็คือครั้งนี้กองเก้ารวยเละแล้วจริงๆ เมื่อทรัพย์สินก้อนแล้วก้อนเล่าถูกเก็บมา เมื่อทุกคนแบ่งอามิสสินบนกันอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ก็สะท้านสะเทือนไปยังอีกเก้ากองที่เหลือ เก้ากองนี้ก็ได้รับส่วนแบ่งมาเล็กน้อย นี่คือค่าตอบแทนสำหรับการที่ให้กองที่เก้าลาดตระเวนตลอดหนึ่งเดือน
เมื่อเห็นทรัพย์สมบัติที่ได้มาอยู่ในมือ กองอื่นๆ ในเขตติงก็ตื่นตะลึงไปตามๆ กัน ขณะเดียวกันก็ไปสืบข่าวจนรู้สาเหตุ พอรู้ตัวตนแส้ทมิฬของป๋ายเสี่ยวฉุน ในใจของพวกเขาก็ราวกับมีสายฟ้าฟาดผ่า
“ว่าไงนะ หนึ่งเดือนก็ง้างปากนักโทษเก่าแก่นับร้อยได้เกือบหมด!! เป็นไปไม่ได้!!”
“บัดซบ มิน่าละกองเก้าถึงได้ยอมลาดตระเวนแทนพวกเรา…”
“ไม่นึกเลยว่าเจ้าป๋ายฮ่าวผู้นั้นจะมีวิธีการของแส้ทมิฬ หากทุกอย่างนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าเช่นนั้นเขาก็ย่อมไม่ใช่แส้ทมิฬธรรมดาๆ ต้องด้วยรู้ว่าแส้ทมิฬของเขตติงพวกเราก็ยังทำไม่ได้ถึงจุดนี้!”
ท่ามกลางความสั่นสะเทือนนี้ เมื่อคนของกองอื่นๆ สืบข่าวมาได้อย่างต่อเนื่อง ไม่นานพอพิสูจน์ได้ว่าทุกอย่างนี้เป็นความจริง ทุกคนก็ระงับความเดือดพล่านไว้ไม่ได้อีกต่อไป รู้สึกอิจฉาตาร้อนกองที่เก้าอย่างถึงขีดสุด
แม้แต่ซุนเผิงผู้เป็นนายตะรางของเขตติงที่พอได้รู้ว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริงก็ตะลึงงันไปทันที
“เวลาหนึ่งเดือนง้างปากนักโทษเก่านับร้อยคน!” ซุนเผิงสำลักลมหายใจ หลังจากได้เห็นยาวิญญาณรวมไปถึงอาวุธวิเศษหลายชิ้นที่หัวหน้ากองเก้าส่งมาให้ เขาก็มองทุกอย่างนี้ด้วยความเหลือเชื่อ กระทั่งผ่านไปพักใหญ่ซุนเผิงถึงได้ถอนหายใจออกมายาวเหยียด
“ป๋ายฮ่าวผู้นี้ช่างใจดำเหี้ยมโหด ไม่เห็นหัวใครสมคำร่ำลืออย่างแท้จริง ให้เขาเป็นแส้ทมิฬก็ถือว่าเหมาะสมดีแล้ว” พอคิดว่าคราวนี้เขตติงของตนต้องได้หน้าได้ตาจากหลี่ซวี่ผู้เป็นพัศดีแน่นอน ซุนเผิงก็เริ่มเหิมหาญ ถือโอกาสสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้งแล้วออกคำสั่งให้สิทธิ์ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าออกคุกได้ตลอดเวลา เพื่อสะดวกในการไปสืบความนักโทษฉกรรจ์!
ในคุกเขตติง กองอื่นๆ จำเป็นต้องผลัดกันลาดตระเวน หนึ่งเดือนสามารถเข้าไปสามวัน ทว่าสำหรับป๋ายฮ่าวกลับไม่มีข้อจำกัดนี้ เขาสามารถเข้าออกได้ตามใจชอบ
การปฏิบัติที่พิเศษเช่นนี้หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่นต้องมีคนไม่ยินยอมอย่างแน่นอน ทว่าตอนนี้สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทำได้น่าตะลึงเกินไปจนไม่มีใครคัดค้านเรื่องนี้แม้แต่คนเดียว