บทที่ 797 ฆ่าให้วอดวาย
คนของตระกูลโจวมิอาจสกัดกั้นเอาไว้ได้เลย พวกเขาพากันกระอักเลือด ถอยกรูดไปข้างหลังพร้อมกันทั้งหมด และทันใดนั้นน้ำเสียงเฉียบขาดเย็นชาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันดังสะท้อนไปสี่ทิศ
“ข้าผู้แซ่ป๋ายใช้อำนาจส่วนรวมมาแก้แค้นส่วนตัวอย่างแท้จริง แต่ข้าจะฆ่าแค่สามคนเท่านั้น หากคนที่เหลือรนหาที่ตาย ก็ฆ่าอย่าให้เหลือ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีเวลามาสนใจคนตระกูลโจวพวกนี้ จะฆ่าไม่ฆ่าเขาไม่สนใจ ทว่ามีสองคนที่เขาต้องเอาชีวิตอีกฝ่ายมาให้ได้ หนึ่งคือโจวอู่เต้า อีกหนึ่งคือปู่ของเมี่ยวหลินเอ๋อร์ และตอนนี้…มีมาเพิ่มอีกหนึ่งคน นั่นก็คือพระยาสวรรค์น้อยผู้นี้!
ฝีเท้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่มีหยุดยั้ง ดวงตาเขาจ้องเขม็งไปที่พระยาสวรรค์น้อยอย่างไม่ละสายตาพลางร่ายความเร็วราวกับสายฟ้า พริบตาเดียวก็ไล่ตามไปทัน!
ยามนี้นายน้อยตระกูลโจวใบหน้าซีดขาว เขาทะยานหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด เห็นว่ากำลังจะเหยียบย่างเข้าไปในขอบเขตเจดีย์พระยาสวรรค์แล้ว แต่เวลานี้เอง เงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับพลันปรากฏตัว ก่อนที่เขาจะยกมือขวาขึ้นแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่นายน้อยคนนั้น!
หมัดนี้แฝงเร้นไว้ด้วยความเดือดดาล พกพาเอาความบ้าคลั่งของป๋ายเสี่ยวฉุน พอเหวี่ยงออกไปก็คล้ายจะฉีกกระชากความว่างเปล่า นายน้อยผู้นั้นเปล่งเสียงร้องโหยหวน เขาสัมผัสได้ถึงวิกฤตความเป็นความตายอย่างรุนแรง ทั้งยังเกิดความรู้สึกที่ว่าฟ้าดินกว้างใหญ่ ทว่ากลับไม่มีที่ใดให้เขาได้ซ่อนตัว
ในบ้านที่เดิมทีควรจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย มาบัดนี้กลับทำให้เขาสัมผัสกับวิกฤตแห่งความตายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“ท่านพ่อ!! ช่วยข้าด้วย!!!” นายน้อยตระกูลโจวตัวสั่น ขณะที่เสียงร้าวรานแฝงเร้นไว้ด้วยความหวาดผวาของเขาดังก้อง เจดีย์พระยาสวรรค์ก็พลันมีแสงเส้นหนึ่งระเบิดตรงเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ขณะเดียวกันก็มีน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งมั่นใจในตัวเองดังออกมาจากในเจดีย์พระยาสวรรค์หลังนั้น
“ป๋ายฮ่าว เจ้ากล้าสังหารลูกชายข้า วิญญาณทาสของเจ้าก็ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!!”
ในเจดีย์พระยาสวรรค์เวลานี้มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ ชายผู้นี้รูปร่างสูงปานกลาง หน้าตาไม่โดดเด่น แม้จะมีตบะครึ่งก้าวคนฟ้า แต่ก็ไม่นับว่าแข็งแกร่งมากนัก มีเพียงอาศัยเจดีย์พระยาสวรรค์หลังนี้เท่านั้น เขาถึงจะสามารถสำแดงพลังในการต่อสู้ที่เทียบเคียงกับคนฟ้าออกมาได้
ดังนั้นต่อให้เขาจะรู้ว่าป๋ายฮ่าวบุกเข้ามาสังหาร ต่อให้เขาจะเห็นว่าม่านแสงสีเลือดของตระกูลพังทลาย แต่เขาก็ยังคงอดทนข่มกลั้น ไม่เดินออกไปจากเจดีย์พระยาสวรรค์แม้แต่ครึ่งก้าว
ในใจเขาเองก็กำลังสองจิตสองใจ แต่ที่มากกว่านั่นคือความกริ่งเกรง ทว่าที่กริ่งเกรงนั้นไม่ใช่ตัวป๋ายเสี่ยวฉุน แต่เป็นศพหุ่นเชิดพวกนั้น ยิ่งชายฉกรรจ์เกราะเงินที่อยู่ในกลุ่มคนก็ยิ่งทำให้ลมหายใจของเขาชะงักค้าง
แต่เขายังมีความมั่นใจที่มากพอ เพราะอย่างไรซะยิ่งป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งหมายความว่าวิญญาณทาสดวงนั้นสำคัญกับเขาอย่างถึงที่สุด ดังนั้น…เขาเชื่อว่าการที่อีกฝ่ายไล่ฆ่าลูกชายของตนก็เพราะต้องการข่มตน หรือไม่ก็ต้องการแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่กล้าฆ่าคนแน่นอน!
จะอย่างไรเขาก็คือพระยาสวรรค์ จะอย่างไรที่นี่ก็คือนครจักรพรรดิขุย และอีกฝ่ายก็ยังเป็นแค่ผู้ตรวจการ เหนือหัวยังมีอำนาจของต้าเทียนซือคอยสยบ เขาเชื่อว่าต่อให้อีกฝ่ายจะบ้าคลั่งแค่ไหนก็ยังไม่ถึงขั้นสติเลอะเลือน
“แค่ต้องถ่วงเวลาออกไปอีกหน่อย!!” โจวอู่เต้าครุ่นคิดอยู่ในใจ ในมือถือแผ่นหยกกำลังจะส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือ
ทว่าขณะที่โจวอู่เต้านึกว่าตัวเองมีความมั่นใจมากพอนั้น ดวงตาที่เป็นสีเลือดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันเปล่งประกาย มองข้ามเส้นแสงที่พุ่งออกมาจากเจดีย์พระยาสวรรค์ มือขวาที่กำเป็นหมัดไม่เพียงแต่ไม่หยุดชะงัก กลับยิ่งเพิ่มความเร็วในการเหวี่ยงหมัดให้มากกว่าเดิม!!
ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง หมัดนี้แหวกความว่างเปล่าคล้ายพายุคลุ้มคลั่งที่กระแทกเข้าใส่ร่างของนายน้อยตระกูลโจวซึ่งกำลังเผ่นหนีว่องไวและเพิ่งจะก้าวขาเข้าไปในขอบเขตที่ตั้งของเจดีย์พระยาสวรรค์
นายน้อยผู้นี้มีตบะแค่ก่อกำเนิดช่วงกลางเท่านั้น เมื่อเจอกับหมัดที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่าครึ่งก้าวคนฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุน มีหรือที่เขาจะต้านทานเอาไว้ได้ เสียงกัมปนาทยังดังไม่ขาดหายพร้อมๆ กับที่พายุหมุนลูกนั้นกลืนกินร่างของเขาไว้ภายใน เสียงร้องโหยหวนด้วยความสิ้นหวังพลันดังออกมาจากปากของนายน้อยผู้นี้อย่างดุเดือด
ทว่าเสียงนั้นไม่ได้ดังนานเท่าไหร่ ร่างของเขาที่อยู่ท่ามกลางพายุกระหน่ำจากหมัดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มปริแตก เลือดและเนื้อปนกันพร่าเลือน ก่อนเสียงปังจะดังหนึ่งครั้งแล้วตามมาด้วยร่างของเขาที่แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ!
แม้แต่ร่างทารกก่อกำเนิดก็ยังมิอาจหนีพ้นไปจากลมพายุลูกนั้นได้ พริบตาเดียวมันก็ถูกฉีกทึ้งให้แหลกละเอียด…ไม่เหลือแม้แต่กระดูก มอดม้วยทั้งกายและจิต!!
ส่วนเส้นแสงจากในเจดีย์พระยาสวรรค์ก็ถูกชายฉกรรจ์เกราะเงินคนนั้นเบี่ยงตัวรับแทนป๋ายเสี่ยวฉุน ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไร้ร่องรอยความเสียหายใดๆ!
“ป๋ายฮ่าว!!!” เสียงที่แฝงเร้นไว้ด้วยความเหลือเชื่อและความบ้าคลั่งดังออกมาจากในเจดีย์พระยาสวรรค์ทันที โจวอู่เต้าในเวลานี้ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นยืน ร้องคำรามคลั่งแค้น ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มไปหมด
“เจ้า…เจ้ากล้าสังหารบุตรชายของข้า!!!” ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะลงมือเด็ดขาดถึงเพียงนี้โดยที่ไม่มีแม้แต่ท่าทีจะประนีประนอมยอมความกัน
ภาพนี้ก็สั่นคลอนจิตใจของคนตระกูลโจวที่เป็นประจักษ์พยานอยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน ลมหายใจของพวกเขาชะงักค้าง ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาได้ยินประโยคเหี้ยมเกรียมจากป๋ายเสี่ยวฉุน คนส่วนใหญ่จึงล้มเลิกความคิดที่จะห้ามปรามกันไปแล้ว แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็ยังคงทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญผวากันอยู่ดี
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งมุงล้อมอยู่รอบนอกการปิดผนึกตระกูลโจวของศพหุ่นเชิดสองพันนายที่พอเห็นการกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ล้วนสูดลมหายใจดังเฮือกโดยไม่รู้ตัว
สังหารบุตรของผู้อื่น แค้นนี้…ใหญ่หลวงยิ่งนัก!
“นับแต่ที่ข้าผู้แซ่ป๋ายมาอยู่นครจักรพรรดิขุย ก็เพราะฆ่าคนน้อยเกินไป พวกเจ้าถึงได้เหิมเกริมถึงขั้นกล้าคิดเล่นงานข้า…”
“วันนี้ข้าไม่เพียงแต่ฆ่าเขา ยังจะฆ่า…เจ้าด้วย!” น้ำเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนดุดัน ระหว่างที่พูดก็เดินก้าวออกไปหนึ่งก้าวตรงดิ่งเข้าหาเจดีย์พระยาสวรรค์พร้อมเสียงอากาศระเบิดกึกก้อง เพิ่งจะเข้ามาใกล้ เจดีย์พระยาสวรรค์หลังนี้ก็มีลำแสงมากมายระเบิดเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน ขณะเดียวกันบนเจดีย์สูงนี้ก็มีเงาร่างหนึ่งจำแลงออกมา
เงาร่างนี้เป็นภาพมายา ซึ่งก็คือกายธรรมที่โจวอู่เต้าอาศัยความพิเศษของเจดีย์พระยาสวรรค์จำแลงขึ้น หลังจากปรากฏตัวเขาก็กระโจนเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความบ้าคลั่ง
ชายฉกรรจ์เกราะเงินรวมไปถึงศพหุ่นเชิดคนอื่นๆ กำลังจะติดตามป๋ายเสี่ยวฉุนไป ทว่าฝีเท้าของแต่ละคนกลับชะงักกึก ก่อนจะถอยกรูดไปข้างหลังแล้วกระจายตัวออกไปรอบด้าน ฉับพลันร่างของกองทัพศพหุ่นเชิดที่มีชายฉกรรจ์เกราะเงินเป็นผู้นำก็ทะยานตัวลงไปบนพื้น ทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่อยู่บนพื้นจนพังราบเป็นหน้ากลอง หมายตามหา…จุดที่ปู่ของเมี่ยวหลินเอ๋อร์ซ่อนตัวอยู่
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับคำสั่งจากป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ต้องการความช่วยเหลือจากศพหุ่นเชิด ความกดดัน ความบ้าคลั่ง ความร้อนใจและการตำหนิของตัวเองที่มีมาตลอดหนึ่งเดือนนี้ เขาต้องการระบายมันออกไปด้วยตัวเอง!
เสียงครืนครั่นดังต่อเนื่อง ลำแสงทั้งหลายเหล่านั้นกระแทกลงบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วระเบิดตูมในฉับพลัน ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่แม้แต่จะกะพริบตา แถมร่างกายก็ยังไม่สั่นคลอนแม้แต่น้อย เขาเพียงบุกถลันออกไปด้วยความเร็วเหนือสายฟ้าแลบ พอมาโผล่พรวดอยู่ด้านหน้าเงามายานั้น เขาก็ง้างมือขวาขึ้นแล้วตบลงอย่างแรง
ทันใดนั้นพายุกระหน่ำก็พลันหมุนซัดขึ้นสู่ฟากฟ้า กวาดตะลุยทำลายสี่ทิศ ร่างมายาของโจวอู่เต้าแค่นเสียงเย็นในลำคอ ระหว่างที่มือทำมุทราก็มีเงาร่างของงูเหลือมจำนวนไม่ถ้วนปรากฏอยู่รอบกายเขา งูเหลือมเหล่านั้นกรีดร้องเสียงแหบพร่า พากันกระโจนฉกวูบใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน
สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนไร้การเปลี่ยนแปลง มือขวายกขึ้น ฉับพลันนั้นบนหมัดของเขาก็มีน้ำวนสีดำลูกหนึ่งก่อตัว น้ำวนนี้เพิ่งจะปรากฏก็ก่อเกิดเป็นพลังแห่งสุญญากาศขุมหนึ่งที่ราวกับจะเขมือบกลืนลมปราณทั้งหมดในฟ้าดินไปครอง
ขณะเดียวกัน ปราณของป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ถูกน้ำวนสีดำลูกนั้นดูดเข้าไปด้วย ร่างทั้งร่างของเขาเหมือนไม่ดำรงอยู่อีกต่อไป จากนั้นเงาร่างซึ่งเปี่ยมล้นไปด้วยความเผด็จการไร้ทัดเทียมก็พลันเผยกายขึ้นที่ด้านหลังของเขา!
นั่นคือ…หมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญ!!
นี่ก็คือหมัดที่พลานุภาพใกล้เคียงกับคนฟ้าจนทำให้ครานั้นสตรีธุลีแดงถึงกับหน้าเปลี่ยนสี!
ยามนี้ หมัดนี้ พลันซัดลงมา!
กลิ่นอายแห่งความเผด็จการพวยพุ่งสู่นภากาศ เมื่อหมัดนี้ปรากฏก็ก่อกลายมาเป็นพลังสะท้านฟ้าดินที่ทำให้รอบกายของป๋ายเสี่ยวฉุนมีม่านรัตติกาลมืดดำเยื้องกรายลงมากลบทับ ก่อนที่ม่านราตรีนั้นจะแผ่ขยายออกไปกลืนกินแสงสว่างทั้งหมด!
ทุกที่ที่ผ่าน แปดทิศสั่นสะเทือน เงามายาของโจวอู่เต้าหน้าเปลี่ยนสี สัมผัสได้ถึงวิกฤตแห่งความตายอันรุนแรงจนต้องร้องคำรามกร้าว มือทั้งคู่ทำมุทราว่องไว ส่งผลให้เงาของงูเหลือมทั้งหมดรวมตัวกันแล้วกลายมาเป็นค่ายกลงูเหลือมขดตัวขนาดใหญ่ยักษ์หมายสกัดกั้นหมัดนั้นเอาไว้
ทว่าเมื่อเจอกับหมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุน การสกัดกั้นนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากตั๊กแตนที่ขวางหน้ารถ!
ตูมๆๆ!
งูเหลือมหลายร้อยตัวกรีดร้องแหบโหย มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าผิวเนื้อของพวกมันปริแตกเหมือนถูกกรีดเนื้อเลาะหนังไปทีละชุ่น จนกระทั่งมองเห็นกระดูกที่อยู่ข้างใน เสียงปุ๊งดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของพวกมันสลายกลายเป็นเถ้าธุลี มิอาจกั้นขวางได้แม้แต่น้อย!
ส่วนเงามายาของโจวอู่เต้าที่แสดงความหวาดกลัวและตะลึงพรึงเพริดออกมาทางดวงตาอย่างชัดเจนก็แหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ ภายใต้หมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญนั้น!
ยังไม่สิ้นสุด ม่านรัตติกาลที่เยื้องกรายมาเยือนเพราะหมัดนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันกระแทกลงบนเจดีย์ เจดีย์โยกไหวอย่างรุนแรงทันใด โจวอู่เต้าที่อยู่ข้างในกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าขาวเผือด รีบเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจดีย์พระยาสวรรค์อย่างต่อเนื่องโดยไม่เสียดายค่าตอบแทน พยายามจะต้านทานเอาไว้ให้ได้!
“เพิ่มอีกเท่าตัว!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนโชนแสงคมกริบ ยกมือขวาขึ้นก่อนจะเหวี่ยงลงไปอย่างแรงอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงกึกก้อง พลังหมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญระเบิดออกเป็นครั้งที่สองพร้อมพลานุภาพที่รุนแรงมากกว่าเดิมหนึ่งถึงเท่าตัว!
ทันใดนั้นความมืดดำที่เกิดจากหมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญก็พลันพุ่งเข้ามารวมตัวกันแล้วกลายมาเป็นหมัดสีดำขนาดมหึมา ขณะที่คนนับไม่ถ้วนจับตามองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยใจที่สั่นสะท้าน หมัดมหึมานั้นก็กระแทกเปรี้ยงลงบนเจดีย์พระยาสวรรค์!
ฟ้าดินสั่นไหว แม้แต่นครจักรพรรดิขุยก็ยังสั่นคลอน!
ผ่านไปพักใหญ่ หมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้จางหายไป ทว่าเจดีย์พระยาสวรรค์กลับยังคงตั้งตระหง่านอยู่ดุจเดิม!
ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
โจวอู่เต้าที่อยู่ในเจดีย์กระอักเลือด ร่างแก่ชราทรุดโทรมอย่างไร้ที่สิ้นสุด ทว่ากลับยังแผดเสียงหัวเราะบ้าคลั่งสะใจ
“หมัดที่เทียบเคียงกับคนฟ้าแล้วอย่างไร เจดีย์พระยาสวรรค์นี้ของข้า…”
โจวอู่เต้าเพิ่งจะพูดมาถึงตรงนี้กลับถูกเสียงเปรี๊ยะๆ ดังขัดจังหวะ เมื่อก้มหน้าลงมองเขาก็หน้าขาวซีดไร้สีเลือดไปอย่างสิ้นเชิง เขามองเห็นว่า…เวลานี้ใต้ฝ่าเท้าตัวเองมีรอยปริร้าวปรากฏขึ้นเส้นหนึ่ง!
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้…” โจวอู่เต้าเหมือนคนถูกฟ้าผ่าลงกลางหัว นัยน์ตาของเขาฉายความหวาดกลัวและเหลือเชื่อสุดขีด
เสียงเปรี๊ยะๆ พลันดังถี่รัวยิ่งกว่าเดิม ก่อนที่เจดีย์พระยาสวรรค์จะปรากฏรอยร้าวแผ่ลุกลามไปอย่างต่อเนื่อง และเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ มันก็พลัน…พังครืนลงมา!!