Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 502

ตอนที่ 502

เผ่าเฟยหวง

เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกจากกัน ไม่เพียงแต่เมิ่งฮ่าวและโจวเต๋อคุนเท่านั้นที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก สมาชิกจากทั้งสองเผ่าก็จ้องมองซึ่งกันและกันอย่างเงียบๆ พวกมันไม่มีความต้องการที่จะต่อสู้กันอีกต่อไป แต่พวกมันได้ชื่นชมและนิยมยกย่องซึ่งกันและกันอีกด้วย

เท่าที่เผ่าจ้านจู้คิด พวกมันค่อนข้างจะมีสถานการณ์ที่ดีกว่า พวกมันรู้ว่าในที่สุด เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จะต้องเผชิญหน้ากับสาขาอื่นของเผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่ และหลังจากนั้น ก็เป็นความน่ากลัวของเขตทางใต้

แต่ละเผ่าที่ต้องการสังหารเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ จากเขตทางใต้ไปจนถึงตะวันออก, ตะวันตก, ทิศเหนือและเขตภาคกลาง ต่างก็มีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ เผ่าที่ไม่มีวิญญาณอสูรต่างก็ตระเวนอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงของดินแดนสีดำ ด้วยความหวังว่าเผ่าอื่นๆ ที่เดินทางมาถึงจะมีวิญญาณอสูร เช่นเดียวกับคำกล่าวที่ว่า ‘เฝ้ารอกระต่ายเปรียวที่ปากโพรงต้นไม้’

นั่นเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่จะมีชีวิตรอดได้ของชนเผ่าเช่นนั้น

หัวหน้าเผ่าจ้านจู้ ได้รู้จักกับสองผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายวิญญาณแรกก่อตั้งของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์เมื่อเร็วๆ นี้ ในตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายจากกันไป มันถอนหายใจด้วยความรู้สึกอยู่ลึกๆ ด้านในไม่มีใครจะคาดคิดได้ว่า ชนเผ่าทั้งสองนี้จะก่อตัวเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกๆ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา

กลุ่มคนของเผ่าจ้านจู้ประสานมือกล่าวว่า “รักษาตัวด้วย!”

กลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ประสานมือและโค้งตัวลงเพื่อตอบรับ

โจวเต๋อคุนนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ในที่สุดมันก็ถอนหายใจกล่าวว่า “ศิษย์น้อง ถ้าเจ้ากลับเข้าไปยังดินแดนด้านใต้ได้ โปรดไปพบกับท่านอาจารย์ และช่วยโขกศีรษะให้กับข้า ในปีที่ท่านได้มายังดินแดนสีดำ ท่านได้รับข้าเป็นเด็กฝึกปรุงยา ท่านบอกข้าว่าเส้นทางของข้าไม่ได้อยู่ในดินแดนด้านใต้ แต่อยู่ในดินแดนอื่น…”

“ข้าอยากจะกลับไปยังดินแดนด้านใต้จริงๆ สักวันหนึ่งถ้าข้ายังไม่ตกตายไป ข้า, โจวเต๋อคุนต้องกลับไปที่นั่นอย่างแน่นอน และกลับไปยังแผนกเม็ดยาบูรพา…”

“ศิษย์น้อง เจ้าต้องดูแลรักษาตัวให้ดีตลอดการเดินทาง ข้ามาส่งเจ้าได้เพียงแค่นี้ อีกสามวัน เผ่าเฟยหวง (ตั๊กแตนบิน) ก็จะมาถึง ภารกิจของพวกมันก็คือกำจัดเจ้า…”

“ศิษย์น้อง ถึงเวลาที่ต้องแยกจากกันแล้ว ข้าไม่มีอะไรจะให้เจ้าเป็นของกำนัล ยกเว้นของสิ่งนี้…” ดวงตาสาดประกาย โจวเต๋อคุนโบกสะบัดมือขวา ทำให้สัตว์ปีศาจหนึ่งหมื่นตัวบินออกมาจากถุงสมบัติของมัน แต่ละตัวมีพื้นฐานฝึกตนที่น่าเหลือเชื่อ พวกมันบินออกไปในอากาศทันที ส่งเสียงแผดร้องคำราม เห็นได้ชัดว่ามีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา

“นี่คือฝูงสัตว์ปีศาจส่วนตัวของข้า ถึงแม้ข้าไม่อาจจะควบคุมพวกมันได้ ในทะเลทรายตะวันตก สัตว์ปีศาจเป็นทรัพยากรที่มีค่า ดังนั้นข้าจะมอบพวกมันให้กับเจ้า!” ทันทีที่พวกมันปรากฎขึ้น ก็เริ่มทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองไปยังพวกมัน จากนั้นก็ทำให้ปราณอสูรกระจายออกมาจากร่างของเขา ทันใดนั้นสัตว์ปีศาจก็เริ่มตัวสั่น ขณะที่พวกมันมองมายังเมิ่งฮ่าว พวกมันแผดร้องคำราม แต่ไม่ได้โกลาหลวุ่นวายอีกต่อไป

โจวเต๋อคุนมองไปยังเผ่าจ้านจู้ “หัวหน้าเผ่าจ้านจู้และผู้เฒ่าสูงสุด ข้าจะไม่มีวันลืมความร่วมมือแห่งจิตวิญญาณที่พวกท่านได้แสดงออกมาในวันที่ผ่านมาเหล่านั้น ข้าจะรับผิดชอบภารกิจนี้ทั้งหมดเอง”

“แต่ในตอนนี้ ข้าอยากจะขอยืมสัตว์ปีศาจบางส่วนของพวกท่าน เมื่อข้ากลับไปถึงเผ่า ข้าจะคิดหาวิธีตอบแทนพวกท่าน!”

สมาชิกเผ่าจ้านจู้ทั้งแปดพันคนยืนอย่างเงียบๆ อยู่ที่นั่น แต่ละคนค่อยๆ เอาสัตว์ปีศาจออกมาสองถึงสามตัว รวมแล้วทั้งหมดสองหมื่นตัวส่งมอบไป

พวกมันไม่มีซือหลง มีเพียงสัตว์ปีศาจส่วนตัวเท่านั้น แต่ละตัวไม่ได้อยู่ในระดับต่ำ เมื่อได้เห็นสัตว์ปีศาจสองหมื่นตัว ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับเผ่าใดๆ ในทะเลทรายตะวันตก นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งเป็นอย่างมากของพวกมัน เมิ่งฮ่าวมองไปยังโจวเต๋อคุน

โจวเต๋อคุนมองกลับมา มันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ใช้พูดกับคนในครอบครัวเดียวกัน “ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ ศิษย์น้อง นี่เป็นหนทางเดียวที่ข้าจะช่วยเจ้าได้ เมิ่งฮ่าว…รักษาตัวด้วย!” ความรู้สึกอบอุ่นเต็มอยู่ในจิตใจ คนทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกันอยู่ชั่วขณะ จากนั้นนั้นโจวเต๋อคุนก็กอดเมิ่งฮ่าวไว้อย่างหนักแน่นมั่นคง

“รักษาตัว…” โจวเต๋อคุนหันหลังและโบกสะบัดชายแขนเสื้อ กลุ่มคนเผ่าจ้านจู้มองไปยังเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์อย่างลึกซึ้งเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ยานบินรูปกระบี่สีดำจะส่งเสียงแหลมเล็กพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล จนหายลับไปกับเส้นขอบฟ้า

ตอนนี้ มีเพียงเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ที่ยังเหลืออยู่ ลอยตัวอยู่กลางอากาศ พร้อมกับสัตว์ปีศาจสามหมื่นตัว เมิ่งฮ่าวมองโจวเต๋อคุนจากไป หลังจากเวลาผ่านไปนานสักพัก เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็หันหลัง ค่อยๆ กวาดความรู้สึกออกไปจากใบหน้า ทำให้กลายเป็นใบหน้าที่เยือกเย็นราวน้ำแข็งขึ้นมาอีกครั้ง

เขาโบกสะบัดมือ ดูดเอาสัตว์ปีศาจทั้งสามหมื่นตัวเข้าไปในถุงสมบัติ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เขาได้สูญเสียสัตว์ปีศาจไปห้าหมื่นตัว รวมถึงตัวที่ถูกกินไปเป็นอาหาร ด้วยการชดเชยนี้ ทำให้ฝูงสัตว์ปีศาจของเขาในตอนนี้มีทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นตัว!

เมื่อฝูงสัตว์ปีศาจทั้งหนึ่งแสนห้าหมื่นตัวกระจายออกไป ก็เพียงพอที่จะสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งทะเลทรายตะวันตก ด้วยจำนวนที่มากมายเช่นนั้นทำให้แม้แต่ชนเผ่าอันยิ่งใหญ่เช่นเผ่าห้าพิษก็ไม่อาจจะมีได้ ถ้าเมิ่งฮ่าวมีฝูงสัตว์ปีศาจมากมายเช่นนี้ ในช่วงการต่อสู้กับเผ่าห้าพิษเมื่อปีนั้น เขาก็คงจะบดขยี้พวกมันได้อย่างง่ายดาย!

ในดินแดนอันกว้างใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก มีเพียงชนเผ่าอันยิ่งใหญ่ที่มีปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณเท่านั้น ถึงจะมีสัตว์ปีศาจจำนวนมากมายเช่นนี้ได้

แม้จะเป็นเช่นนั้น พวกมันก็ไม่มีซือหลงที่จะสามารถควบคุมสัตว์ปีศาจหนึ่งแสนห้าหมื่นตัวได้ในครั้งเดียว แม้แต่ต้าซือหลงในตำนานก็ไม่อาจจะทำได้เช่นกัน

แต่เมิ่งฮ่าวสามารถควบคุมได้มากกว่านี้

เท่าที่เขาคิดสัตว์ปีศาจหนึ่งแสนห้าหมื่นตัวไม่ใช่จำนวนที่มากมายเท่าใดนัก เขาไม่ได้ใช้พื้นฐานฝึกตนในการควบคุมพวกมัน แต่ใช้ปราณอสูร ทำให้สามารถควบคุมได้หนึ่งแสนห้าหมื่น หรือสามแสน หรือแม้แต่ห้าแสนตัว

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวและเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้บรรลุถึงจุดที่ มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วจากการต่อสู้ ตอนนี้พวกเขาสามารถสร้างความสั่นสะเทือนให้ได้แม้แต่ชนเผ่าอันยิ่งใหญ่

“พวกเราไปได้เกินกว่าครึ่งทางของเป้าหมายแล้ว…” เมิ่งฮ่าวกล่าว “เมื่อไหร่ที่พวกเราออกไปจากเขตภาคกลางของทะเลทรายตะวันตก มีเพียงสิ่งเดียวที่อยู่เบื้องหน้าพวกเราก็คือเขตทางใต้ทะเลทรายตะวันตก ไกลกว่านั้นก็คือ…ดินแดนสีดำ!” เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อ และแสงแห่งความมุ่งมั่นก็ปรากฎขึ้นในดวงตาของกลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ยานบินแหวกฝ่าอากาศจนเป็นเสียงแหลมเล็ก

เสียงกระหึ่มกึกก้องได้ยินมา ขณะที่มันกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป

สามวันต่อมา เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังที่ห่างไกล ตรงไปยังพื้นที่ซึ่งเป็นเขตชายแดนระหว่างภาคกลางทะเลทรายตะวันตกและเขตทางใต้ ไม่กี่วันมานี้ เขตทางเหนือทะเลทรายตะวันตกได้กลายเป็นทะเลไปโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่า เขตตะวันออก, ตะวันตก และเขตภาคกลาง ไม่มีทางจะหลบหนีจากหายนะนี้ได้ น้ำทะเลไหลเข้าไปในพื้นที่แถบนั้นเช่นเดียวกัน ทะเลสาบที่เกิดขึ้นได้รวมตัวกัน และมีน้ำสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

ไม่มีพื้นที่ราบให้มองเห็น หุบเขาถูกฝังอยู่ใต้น้ำมานานแล้ว ฝนม่วงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ไหลบ่าท่วมท้นผืนดิน น้ำทะเลเริ่มลึกมากขึ้นและมากขึ้นไปเรื่อยๆ…ทุกแห่งหนกำลังกลายเป็นทะเล

ในบางเขตพื้นที่ก็มีลักษณะคล้ายกับเป็นเกาะ อย่างไรก็ตาม การทำลายล้างพลังชีวิตก็ทำให้กลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้นพุ่งขึ้นไปในทั่วทุกที่ สำหรับพลังลมปราณ…

มันไม่ได้เบาบางอีกต่อไป แต่กลายเป็น…ไม่มีอยู่ที่นั่นอีกแล้ว

ความหวังเดียวอยู่ที่ทางใต้ เขตทางใต้เป็นพื้นที่ยกระดับที่สูงที่สุด และเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่ไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยน้ำทะเล แต่เมิ่งฮ่าวก็คาดคิดได้ว่า จะมีชนเผ่ามากมายแค่ไหนไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ถึงแม้อาจจะไม่ถูกต้องนักถ้าจะบอกว่า มันจะเนืองแน่นเต็มไปด้วยผู้คน แต่ก็คงจะใกล้เคียง

ตอนนี้ เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่พวกมันเคยเป็นอีกต่อไป พวกมันดุร้ายและกล้าหาญ พวกมันเป็นชนเผ่าที่ทำให้เผ่าอื่นๆ ต้องเกิดความเคร่งเครียด หรือแม้แต่หวาดกลัว

“ตอนนี้พวกเราเดินทางมาเกินครึ่งทางสุดท้ายแล้ว…” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่ยานบินพุ่งฝ่าอากาศไป ขณะที่พวกเขาเข้าไปใกล้เขตชายแดน ดวงตาเมิ่งฮ่าวทันใดนั้นก็สาดประกายด้วยรังสีสังหาร เขามองกลับไปยังด้านหลังในท้องฟ้า

มองเห็นแสงสีเหลืองพุ่งตรงมาจากที่ห่างไกลออกไป ก่อนที่ลำแสงนั้นจะเข้ามาใกล้ ก็ได้ยินเสียงหึ่งๆ ดังก้องมา ตอนนี้สามารถมองเห็นได้ว่าลำแสงสีเหลืองนั้น จริงๆ แล้วก็สร้างขึ้นมาจากตั๊กแตนบินมากมายนับไม่ถ้วน แต่ละตัวมีขนาดเท่าฝ่ามือ และพวกมันก็มีท่าทางดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง มีทั้งหมดหนึ่งหมื่นตัว จนดูเหมือนเพียงพอที่จะบดบังท้องฟ้า

ที่กระจัดกระจายอยู่ท่ามกลางฝูงตั๊กแตนเหล่านั้น เป็นผู้ฝึกตนมากกว่าเจ็ดพันคน พวกมันทั้งหมดมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ขณะที่พุ่งมาพร้อมกับฝูงตั๊กแตนตรงมายังเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์

ท่ามกลางผู้ฝึกตนทั้งเจ็ดพันคนเป็นชายชราสิบสองคน ซึ่งมีสีหน้าเย็นชาและเย่อหยิ่ง ทันใดนั้นหนึ่งในพวกมันก็กล่าวขึ้น “พวกเราคือเผ่าเฟยหวงแห่งเผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่! เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ จงส่งมอบวิญญาณอสูรออกมา พวกเราจะให้เวลาสามลมหายใจ เพื่อให้พวกเจ้าโน้มน้าวพวกเราไม่ให้ทำลายล้างพวกเจ้าไปหมดทั้งเผ่า!”

แทบจะในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน มีบางคนเริ่มพูดขึ้น “หนึ่ง, สอง…”

ก่อนที่คำว่าสามจะทันได้เปล่งออกมา รังสีสังหารของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็ระเบิดออก ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวซึ่งมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ก็โบกสะบัดมือขวา

เมื่อทำเช่นนั้น สัตว์ปีศาจหนึ่งหมื่นตัว จากนั้นก็สามหมื่นตัวปรากฎขึ้น ส่งเสียงแผดร้องคำรามไปทั่ว

“เผ่าเล็กก็เป็นเผ่าเล็กจริงๆ” หนึ่งในสิบสองชายชราอีกคนพูดขึ้น “ถ้าพวกเจ้ากล้าโจมตีเผ่าอวิ๋นเทียนอันยิ่งใหญ่ด้วยฝูงสัตว์ปีศาจสามหมื่นตัวอันกระจ้อยร่อยนี้ ถ้าเช่นนั้น…” ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

นั่นเป็นเพราะว่าสัตว์ปีศาจไม่ได้หยุดอยู่ที่สามหมื่นตัว แต่จำนวนพวกมันเพิ่มขึ้นเป็น…สี่หมื่น, ห้าหมื่น, หกหมื่น

เมื่อถึงตอนที่สัตว์ปีศาจหกหมื่นตัวปรากฎขึ้น ครึ่งหนึ่งของกลุ่มชายชราสิบสองคนก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ผู้ฝึกตนของพวกมันเกือบครึ่งก็หอบหายใจด้วยเช่นกัน พวกมันรู้ดีว่าถ้าต้องการได้ชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ ก็คงต้องจ่ายด้วยค่าตอบแทนที่สูงลิบลิ่ว

ชายชราที่เป็นผู้นำของกลุ่มชายชราทั้งสิบสองคน มีสีหน้าสงบนิ่งขณะที่มันกล่าวเสียงราบเรียบขึ้น “สัตว์ปีศาจหกหมื่นตัว ดูเหมือนว่าเผ่าหลักจะดูแคลนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์นี้อยู่เล็กน้อย แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พวกเรา…” ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ สีหน้าของชายชราทั้งสิบสองคนก็สลดลงไปโดยสิ้นเชิง แม้แต่ชายชราที่เพิ่งพูดไปก็ไม่อาจจะหยุดหอบหายใจอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อได้

เจ็ดหมื่น, แปดหมื่น, เก้าหมื่น, หนึ่งแสน!

ภาพของสัตว์ปีศาจหนึ่งแสนตัวนี้ ทำให้สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน เสียงคำรามแผดร้องของพวกมันดังเต็มอยู่ในอากาศ ทำให้ท้องฟ้ามืดคลึ้มและสายลมอันรุนแรงก็พุ่งขึ้นมา ใบหน้าของผู้ฝึกตนมากกว่าเจ็ดพันคนซีดขาวและเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แม้แต่ชายชราสิบสองคนก็กำลังหอบหายใจและรู้สึกได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจที่ดังขึ้นอย่างรุนแรงตรงหน้าอกของพวกมัน

“สัตว์ปีศาจหนึ่งแสนตัว…พวกมันทั้งหมดต่างก็อยู่ที่ระดับหกและสูงกว่านั้น นี่…นี่…”

“พวกมันมีฝูงสัตว์ปีศาจถึงหนึ่งแสนตัว! บัดซบ! แล้วพวกเราจะสู้ด้วยได้อย่างไร!?!?”

“นี่เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ต้าซือหลงก็ยังไม่อาจจะควบคุมฝูงสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งถึงหนึ่งแสนตัวได้ แล้วคนผู้นี้จะทำได้อย่างไรกัน!?!?”

แม้ขณะที่กลุ่มคนเผ่าเฟยหวง รวมถึงหัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าของเผ่า กำลังอ้าปากค้างด้วยความตกใจอยู่นั้น จิตใจพวกมันก็โบยบินออกไปด้วยสิ่งต่อมาที่พวกมันเห็น ราวกับว่ามีลูกศรที่มองไม่เห็นได้พุ่งตรงเข้าไปในสมองพวกมัน ทำให้เต็มไปด้วยความตกตะลึงและประหลาดใจ

หนึ่งแสนหนึ่งหมื่น, หนึ่งแสนสองหมื่น, หนึ่งแสนสามหมื่น…ในที่สุด สัตว์ปีศาจทั้งหมดหนึ่งแสนห้าหมื่นตัวก็เต็มอยู่ในท้องฟ้า ไม่อาจจะอธิบายถึงเหตุการณ์นี้ได้อย่างแท้จริง นอกจากใช้คำว่า ‘บดบังทั่วท้องฟ้า ปกคลุมทั่วผืนดิน’

กลุ่มคนจากเผ่าเฟยหวงต่างก็นิ่งอึ้งไร้คำพูดใดๆ พวกมันจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงงุนงง เวลาผ่านไปนานสักพักก่อนที่พวกมันจะเริ่มหายใจได้อีกครั้ง

ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งสิบสองคนแห่งเผ่าเฟยหวง รู้สึกว่าหนังศีรษะของพวกมันด้านชา ขณะที่ความรู้สึกสิ้นหวังได้อาบไล้ไปทั่วร่าง ก่อนหน้านี้ พวกมันรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าผู้ใด สำหรับพวกมัน การทำลายล้างชนเผ่าเช่นนี้เป็นเรื่องแค่เล็กน้อย เพียงชั่วพริบตาจู่ๆ พวกมันก็พบว่าความดุร้ายของคู่ต่อสู้ ได้ทำให้สถานการณ์ทั้งหมดเปลี่ยนพลิกไปจากสิ่งที่พวกมันได้คาดคิดไว้ เรื่องอันเล็กน้อยอย่างแท้จริงก็คือ คู่ต่อสู้สามารถทำลายล้างพวกมันไปได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้น ทั่วทั้งเผ่าเฟยหวงก็เริ่มตัวสั่นสะท้าน

ความแตกต่างเป็นอย่างมากระหว่างสองเผ่านี้ ทำให้กลุ่มคนเผ่าเฟยหวงไม่อาจจะรวบรวมความคิดต่อสู้ขึ้นมาได้แม้แต่น้อยนิด ใบหน้าพวกมันซีดขาวไร้สีเลือดโดยสิ้นเชิง

เสียงอันเย็นชาของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป “เผ่าเฟยหวง ข้าให้เวลาพวกเจ้าสามลมหายใจ เพื่อโน้มน้าวว่าทำไมข้าถึงไม่ควรสังหารพวกเจ้าไปทั้งเผ่า!” สัตว์ปีศาจหนึ่งแสนห้าหมื่นตัวเริ่มส่งเสียงคำรามแผดร้อง

เสียงคำรามนี้กลายเป็นคลื่นเสียงที่โจมตีไปยังกลุ่มคนเผ่าเฟยหวงทั้งหมด ฝูงตั๊กแตนของพวกมันส่งเสียงแผดร้องคร่ำครวญและพุ่งถอยไปด้านหลัง เสื้อผ้าของคนในเผ่ากระพรือพัดอยู่ใต้พลังของเสียงคำราม และพวกมันก็ล่าถอยไปด้านหลังด้วยเช่นกัน จิตใจพวกมันหมุนเคว้งคว้าง รู้สึกราวกับว่าแทบจะหายใจไม่ออก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!