Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 504

ตอนที่ 504

ต้วนหนานกวน

สามเดือนผ่านไป

ตอนนี้พวกมันอยู่ลึกเข้าไปในเขตทางใต้ของทะเลทรายตะวันตก เดิมที กลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์คิดว่า จะต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่คาดไม่ถึงอย่างต่อเนื่อง แต่ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา พวกมันเพียงพบเห็นแค่ไม่กี่สิบเผ่า สองในเผ่าพวกนั้นเป็นเผ่ายิ่งใหญ่ที่ไม่มีปรมาจารย์ขั้นตัดวิญญาณอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม…ก็ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียว

เหตุผลก็เพราะว่าภาพของเมิ่งฮ่าวและเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ช่างดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง ความโหดเหี้ยมของพวกเขามาถึงจุดที่เมื่อผู้คนมองมา พวกมันก็จะต้องอ้าปากค้าง ไม่สำคัญว่าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จะมีวิญญาณอสูรอยู่หรือไม่ ก็ไม่มีใครกล้าบังอาจมาโจมตีพวกเขาอย่างไร้สติ

กลุ่มคนในเผ่ามากกว่าหนึ่งหมื่นพร้อมด้วยรังสีสังหารที่พุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์ พวกมันมีประสบการณ์ผ่านไฟแห่งสงครามมา แต่ละคนดูเหมือนจะเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของเผ่าอันยิ่งใหญ่ จนเพียงพอที่จะทำให้ใครก็ตามที่มองมายังพวกมันต้องหวาดกลัว ซึ่งนั่นก็ยังไม่จำเป็นต้องพูดถึงนัก…แต่สำหรับสัตว์ปีศาจหนึ่งแสนห้าหมื่นตัว เมื่อได้มองเห็นพวกมันก็เพียงพอที่จะ…ทำให้ใครก็ตามที่มองมา หนังศีรษะต้องด้านชา ทำให้จิตใจพวกมันหมุนคว้าง เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ด้วยฝูงสัตว์ปีศาจจำนวนมหาศาลเช่นนั้น ก็มากมายเพียงพอที่จะทำให้เผ่าที่อยู่ในบริเวณนั้นต้องสั่นสะท้าน มันยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะเป็นตัวกำหนดให้ชนเผ่าเหล่านั้นเป็นหรือตาย พลังเช่นนั้นเป็นสิ่งที่เผ่าอื่นๆ ไม่กล้าจะมาโจมตี

เนื่องจากการต่อสู้ทั้งหมดที่ผ่านมา ทำให้ชื่อเสียงของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้กระจายออกไปทั่วทั้งแผ่นดินมานานแล้ว ในตอนนี้ พวกมันมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งทะเลทรายตะวันตกไปเรียบร้อยแล้ว

ความจริงแล้ว ทุกเผ่าต่างก็รู้ว่าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ได้เริ่มต้นมาจากกลุ่มคนที่แข็งแกร่งเพียงแค่หนึ่งพันคนเท่านั้น พวกมันมาจากเขตทางเหนือทะเลทรายตะวันตก และเดินทางไปตามเส้นทางแห่งการทำสงคราม สังหารเผ่าอื่นๆ มามากมายนับไม่ถ้วน ต่อสู้มานานหลายปี ได้รับชัยชนะมาครั้งแล้วครั้งเล่า แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ พวกมันได้บรรลุถึงระดับพลังอันน่ากลัว

ด้วยชื่อเสียงและแรงกดดันเช่นนั้น ได้ทำให้หลังจากที่เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์มาถึงเขตทางใต้ทะเลทรายตะวันตก ก็ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเข้ามาในเส้นทางของพวกมัน ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา!

อันที่จริง ในตอนนี้มีผู้ฝึกตนทะเลทรายตะวันตกมากมายได้มองว่า เผ่าที่แข็งแกร่งมากที่สุด ซึ่งไม่มีผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณอยู่ด้วยก็คือเผ่าอูเสิน (อีกาศักดิ์สิทธิ์), เผ่าเฮยหลง (มังกรดำ) และเผ่าเทียนเฟิง (สายลมสวรรค์)

บังเอิญว่าทั้งสามเผ่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี้ ต่างก็มีวิญญาณอสูรอยู่ในครอบครอง

เผ่าหนึ่งมาจากเขตตะวันออก เผ่าหนึ่งมาจากเขตตะวันตก และอีกเผ่ามาจากเขตทางเหนือ ทั้งสามเผ่าอันน่าตกใจนี้ได้ฟันฝ่าเป็นเส้นทางสายโลหิตจากสามทิศทางที่แตกต่างกัน

ชื่อเสียงของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่ง และความโดดเด่นของพวกมันได้กลายเป็นตำนานไปเรียบร้อยแล้ว!

สำหรับเผ่ามังกรดำ เมื่อหลายปีก่อนจริงๆ แล้ว พวกมันก็มีปรมาจารย์ตัดวิญญาณ แต่โชคร้ายที่ปรมาจารย์ตัดวิญญาณของพวกมันได้มาถึงจุดสุดท้ายแห่งชีวิต และมันแทบไม่อาจจะบังคับให้ตัวเองยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เมื่อฝนม่วงตกลงมาพร้อมกับการทำลายล้างพลังชีวิต และปิดกั้นพลังลมปราณ ทำให้ผู้แข็งแกร่งขั้นตัดวิญญาณที่เคยทรงพลังมาก่อนหน้านี้ ได้ตกตายไปกลายเป็นเถ้าธุลี

การตายไปของมัน ทำให้เผ่ามังกรดำสูญเสียคุณสมบัติที่จะผ่านเข้าไปในดินแดนสีดำ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกมันก็ยังคงสามารถจับวิญญาณอสูรมาได้ ตอนนี้พวกมันเริ่มมีความมั่นใจขึ้นอีกครั้งสำหรับเผ่าสายลมสวรรค์ พวกมันเป็นชนเผ่าอันลี้ลับที่มาจากเขตตะวันออก ข่าวคราวการต่อสู้ของพวกมันเป็นที่รับรู้กันน้อยมาก จนกระทั่งพวกมันมีวิญญาณอสูรอยู่ในครอบครอง จึงทำให้มีชื่อเสียงโดดเด่นขึ้นมาในทันที

ในตอนนี้ ทั้งสามเผ่านี้เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า มีความแข็งแกร่งมากที่สุด

ในช่วงการเดินทางสามเดือนมานี้ ไม่มีอะไรที่น่าตกใจเกิดขึ้น และพวกมันก็ไม่หยุดพักผ่อน ในตอนนี้ พวกมันยืนอยู่บนยานบิน ในที่สุดก็มาถึงเทือกเขาที่ยืดยาวออกไปอย่างน่าตกตะลึง สูงตระหง่านอยู่ที่เบื้องหน้า

เทือกเขานี้ทอดตัวยาวเหยียดไกลออกไป เท่าที่สายตาจะสามารถมองเห็นได้ทั้งสองทิศทาง สายฟ้าฟาดลงมาจากเบื้องบน ตกลงมาบนเทือกเขา ส่งผลให้เกิดเป็นเสียงระเบิดดังกึกก้อง กระจายเป็นระลอกคลื่นออกไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้ทั่วทั้งบริเวณนั้นดูเหมือนจะเป็นกำแพงคุกคุมขัง ปิดกั้นผนึกไว้อย่างแน่นหนาโดยสิ้นเชิง

นี่ก็คือ ต้วนหนานกวน! (ตัดทางลงใต้)

เทือกเขานี้ได้แบ่งแยกเขตทางใต้ทะเลทรายตะวันตกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเชื่อมต่อกับทะเลทรายตะวันตกทั้งหมด อีกส่วนอยู่ติดกับดินแดนสีดำ ด้วยเช่นนั้นจึงไม่อาจจะเข้าไปในดินแดนสีดำโดยที่ไม่ผ่านเส้นทางนี้ได้

การที่เทือกเขานี้กวาดผ่านไปทั่วทั้งพื้นดินทั้งสองทิศทางเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่า มันไม่ใช่เทือกเขาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จากหนึ่งหมื่นปีก่อนเมื่อผู้ฝึกตนดินแดนด้านใต้ได้บุกรุกเข้ามาในทะเลทรายตะวันตก พวกมันได้เข่นฆ่าสังหารไปตลอดเส้นทางจนมาถึงจุดนี้ จากนั้นทุกเผ่าในทะเลทรายตะวันตก และผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของพวกมันได้ใช้เวลาหลายร้อยปีเพื่อสร้างเทือกเขานี้ขึ้นมา

เทือกเขานี้ประกอบด้วยค่ายกลเวทโบราณ ที่ทำให้มีสายฟ้าปรากฏขึ้นอย่างถาวร จริงๆ แล้วสิ่งที่เห็นเป็นสายฟ้า เป็นเวทผนึกมากมายนับไม่ถ้วนที่รวมตัวเข้าด้วยกัน ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวท ทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกปิดกั้นออกจากส่วนอื่นๆ ของแผ่นดินใหญ่ เป็นเหมือนประตูที่ถูกปิดผนึกไว้ตลอดไป

เนื่องจากเช่นนั้น จึงทำให้กองกำลังอันยิ่งใหญ่ของดินแดนด้านใต้ ต้องหยุดลงที่ด้านนอก และในที่สุดก็เลือกที่จะจากไป

เส้นทางที่นำไปสู่ดินแดนสีดำนี้เริ่มมีชื่อเสียงขึ้น และถูกเก็บรักษาไว้หลังจากที่มีการสร้างขึ้นมาในตอนแรก เป็นเพียงทางผ่านเข้าออกเป็นแห่งเดียว และด้วยจุดสำคัญเช่นนี้ จึงมีเมืองถูกสร้างขึ้นมาอย่างใหญ่โต

เมืองนั้นมีนามว่า เมืองต้วนหนาน (ตัดทางใต้)

ชนเผ่าหรือกลุ่มใดๆ ก็ตามที่ต้องการจะก้าวเข้าไปในดินแดนสีดำ ต้องผ่านเมืองนี้ก่อน ดังนั้นมันจึงกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และเป็นธรรมดาที่ต้องตกอยู่ภายใต้การคุ้มกันที่แน่นหนาตอนนี้ มันถูกคุ้มกันดูแลโดยเผ่าอันยิ่งใหญ่ของทะเลทรายตะวันตก เผ่าไห่เยา (อสูรทะเล)

เผ่าอันยิ่งใหญ่นี้ไม่มีปรมาจารย์ตัดวิญญาณ แต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง พวกมันมีความกล้าหาญองอาจ เพราะพวกมันอยู่ในเขตทางใต้มาเป็นเวลานาน จึงประสบกับการสูญเสียแค่เล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังได้ครอบครองเมือง จึงทำให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ

ในช่วงที่มันปกครองเมืองนี้ ในที่สุดเผ่าไห่เยาอันยิ่งใหญ่ก็ตั้งกฎขึ้นมาว่า เผ่าใดๆ ก็ตามที่ต้องการจะเดินทางผ่านเมืองนี้ไป ต้องจ่ายทรัพยากรให้พวกมันครึ่งหนึ่ง รวมทั้งหินลมปราณและสัตว์ปีศาจ

ด้วยวิธีนี้เท่านั้น พวกมันถึงจะยอมให้เดินทางผ่านไปได้

เผ่าใดๆ ก็ตามที่ด้อยกว่าเผ่าไห่เยา และเลือกจะไม่เดินทางผ่านไป ก็จะตั้งค่ายพักแรมอยู่ในบริเวณนั้นด้วยความหวังว่า พื้นที่ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้จะช่วยป้องกันน้ำทะเลที่กำลังสูงขึ้นมาได้

เผ่าใดที่เลือกจะเดินทางผ่านไป ก็ได้แต่ต้องอดทนกับการฉกฉวยหาผลประโยชน์ของเผ่าไห่เยานี้

สำหรับเผ่าที่มีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอที่จะคุกคามเผ่าไห่เยาอันยิ่งใหญ่นี้ได้ พวกมันได้แต่จ่ายค่าผ่านทางไปโดยไม่มีทางเลือก รู้ดีว่าที่ด้านหน้าพวกมันเป็นเผ่าไห่เยา ที่ด้านหลังเป็นเผ่าโจรอันแข็งแกร่งที่มาตั้งค่ายพักแรมอยู่ในบริเวณนี้

มีเพียงบางคนที่โง่เขลาอย่างน่าเหลือเชื่อ หรือหลงตัวเองเท่านั้น ที่จะกล้าไม่ยอมจ่ายค่าผ่านทางจากข่าวลือที่เล่าต่อๆ กันมา เบื้องหลังของเผ่าไห่เยาอันยิ่งใหญ่ ยังมีเงาของหนึ่งในสามผู้นำเผ่าพันธมิตรศาลสวรรค์, เผ่าเทียนฉง (คล้อยตามสวรรค์) ปกคลุมอยู่

วันนี้ ยานบินของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์พุ่งฝ่าอากาศมา ทะลุผ่านกลุ่มเมฆขณะที่เข้าไปยังต้วนหนานกวน ตามติดมาด้วยสัตว์ปีศาจหนึ่งแสนห้าหมื่นตัว ที่ด้านล่าง ชนเผ่ามากมายที่ตั้งค่ายพักแรมอยู่อย่างกระจัดกระจายตรงทางผ่าน มองขึ้นไปด้วยความตกตะลึงขณะที่เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ใกล้เข้ามา

ผู้ฝึกตนนับหมื่นออกมาจากค่ายพักแรมที่ด้านล่าง คนทั้งหมดนี้มาจากชนเผ่าที่แตกต่างกัน ขณะที่พวกมันมองขึ้นไป เสียงพูดคุยทันใดนั้นก็ดังออกมา

“นั่นคือเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์…”

“คนที่อยู่ด้านหน้านั่นต้องเป็นเซี่ยเมี่ยนเหลาจู่ (ปรมาจารย์หน้าโลหิต) จากตำนานที่บอกเล่ากันมา มันเป็นคนที่โหดเหี้ยมเลือดเย็น ไม่ใช่แม้แต่จะเป็นผู้ฝึกตน! มันถือกำเนิดขึ้นมาจากสัตว์ปีศาจ เป็นเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์!”

“สามเดือนก่อน เมื่อเผ่าเทียนเฟิงเผชิญหน้ากับเผ่าไห่เยา พวกมันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องส่งมอบสิ่งของมีค่าออกไปครึ่งหนึ่ง เพื่อจะเดินทางผ่านไปได้ ข้าอยากรู้นักว่าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์จะเลือกทำเช่นไร?”

ในเวลาเดียวกันนั้น ภายในเมืองต้วนหนาน กลุ่มคนของเผ่าไห่เยาอันยิ่งใหญ่กำลังมองออกไปด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ขณะที่พวกมันชี้ตรงไปยังเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ผู้เฒ่าของเผ่ามองออกไปอย่างเย็นชา จากตำแหน่งที่พวกมันอยู่บนกำแพงเมือง ท่าทางดูถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าพวกมันอย่างเห็นได้ชัดเจน

สำหรับหัวหน้าเผ่าและผู้เฒ่าสูงสุด ต่างก็มีสีหน้าสงบนิ่ง สำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ไร้ค่าใดๆ ในสายตาพวกมัน

“หยุด!” ขณะที่เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์เข้าไปใกล้ หนึ่งในผู้เฒ่าเผ่าไห่เยา ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนขั้นต้นวิญญาณแรกก่อตั้งปรากฏกายขึ้น สีหน้ามันหยิ่งยโสราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเห็นต่างก็อยู่แทบเท้ามัน ภาพของสัตว์ปีศาจหนึ่งแสนห้าหมื่นตัวทำให้มันตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้ทำให้มันต้องสูญเสียความเย่อหยิ่งใดๆ ไป

ขณะที่เสียงของมันดังก้องออกไป ยานบินเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ก็หยุดลง เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่หัวเรือ มองไปยังต้วนหนานกวนพร้อมกับคิ้วที่ขมวดมุ่น

“ถ้าพวกเจ้าต้องการจะเดินทางผ่านไป” ผู้เฒ่ากล่าวเสียงราบเรียบ “ให้ส่งมอบสิ่งของมีค่าทั้งหมดมา หลังจากที่ผ่านการตรวจสอบ พวกเราจะยึดไปครึ่งหนึ่งถือว่าเป็นค่าผ่านทาง จากนั้นพวกเจ้าก็เดินทางผ่านไปได้ ฝูงสัตว์ปีศาจของพวกเจ้าก็เช่นเดียวกัน” ขณะที่เสียงของมันดังก้องออกมา ผู้ฝึกตนจากชนเผ่าทั้งหมดอื่นๆ ก็เงียบลง ดวงตาพวกมันสาดประกายเจิดจ้า ขณะที่มองไปยังเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์

แน่นอนว่า พวกมันไม่กล้าจะต่อสู้กับเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าฝูงสัตว์ปีศาจของเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ลดลงไปครึ่งหนึ่ง ก็จะทำให้ความแข็งแกร่งของเผ่าลดน้อยลงไปอย่างมากมาย ดังนั้น…พวกมันก็อาจจะมีความกล้าที่จะโจมตี

มีชนเผ่าไม่น้อยที่คิดเช่นนี้ เมฆดำเริ่มก่อตัวขึ้นมาจากอีกด้านของเส้นทางภูเขา ขณะที่สามเผ่าปรากฏขึ้น แต่ละเผ่าต่างก็มีมากกว่าหนึ่งหมื่นคน พร้อมกับสัตว์ปีศาจนับหมื่น ความต้องการสังหารของพวกมันค่อนข้างมองเห็นได้ชัดเจน ขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศใกล้กับเมืองต้วนหนาน พวกมันดูคล้ายกับเป็นฝูงโจร ที่คอยดักรอชนเผ่าซึ่งโผล่ออกมาจากเส้นทางภูเขา สายตาพวกมันจ้องนิ่งไปยังเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ความละโมบในดวงตาพวกมันเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้นไปเรื่อยๆ

เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมัน คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ลึกมากขึ้น ความเย็นเยียบในดวงตายิ่งแหลมคมมากขึ้น สำหรับกลุ่มคนเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ พวกมันยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ แผ่กระจายรังสีสังหารออกมา

อีกด้านหนึ่งของเส้นทางภูเขา หัวหน้าเผ่าของสามเผ่าโจรสบตากัน จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย, เย็นชา

“หลายเดือนมานี้ ในที่สุดพวกเราก็ตกได้ปลาตัวใหญ่…”

“นั่นก็ใช่แล้ว เมื่อสามเดือนก่อน มีบางเผ่าได้พยายามจะปล้นชิงเผ่าเทียนเฟิง ถึงแม้ในที่สุดพวกมันได้ปล่อยเผ่านั้นไป แต่ก็ยังคงได้ของมีค่ามาบ้าง”

“ยิ่งพวกมันร่ำรวยมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น ถึงแม้พวกมันจะไม่มีวิญญาณอสูร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า พวกมันจะไม่มีโอกาสเข้าไปในดินแดนสีดำ…แต่ในกรณีนี้ เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์มีวิญญาณอสูรอยู่จริงๆ” ผู้เฒ่าสูงสุดและผู้เฒ่าของชนเผ่าเหล่านี้ต่างก็หอบหายใจอยู่ในตอนนี้ ดวงตาพวกมันสาดประกายด้วยแสงแห่งความกระหายเลือด

พวกมันเชื่อว่าเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ไม่กล้าจะต่อต้านกฎของต้วนหนานกวน นอกจากนี้จากเรื่องเล่าที่บอกต่อกันมา พันธมิตรศาลสวรรค์ได้สนับสนุนกฎเหล่านี้

“เผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์มีวิญญาณอสูรอยู่ พวกมันต้องเดินทางผ่านไปอย่างแน่นอน…และหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเผ่าโจรทั้งหลายก็จะรวมตัวกันติดตามพวกมันไป”

“เมื่อพวกมันโผล่ออกมาจากเส้นทางภูเขา พวกมันก็จะสูญเสียทรัพยากรและสัตว์ปีศาจไปครึ่งหนึ่ง เมื่อต้องไปเผชิญหน้ากับสามเผ่าโจร ก็คงจะต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่พวกมันก็คงจะถูกขนาบด้วยเผ่าโจรเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นผลลัพธ์ก็จะเป็นเช่นเดียวกัน ข้าอยากรู้นักว่าพวกมันจะเลือกทางไหน?”

ชนเผ่าที่อยู่ในเส้นทางภูเขา ไม่มีทางเลือกที่จะเดินทางผ่านไปยังอีกด้าน หรือลังเลว่าจะทำอะไรดี สามารถมองเห็นกลุ่มเมฆสีดำและสามเผ่าที่กำลังกระจายรังสีสังหารอยู่อีกฝั่งหนึ่งได้ ทำให้สีหน้าของพวกมันต้องเปลี่ยนไป และจิตใจก็เต็มไปด้วยเสียงหึ่งๆ

ทั่วทั้งเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งเมิ่งฮ่าวตกอยู่ในความเงียบ ที่ด้านหน้าขึ้นไปบนกำแพงเมืองต้วนหนาน กลุ่มคนจากเผ่าไห่เยาทั้งหมด ต่างก็ส่งเสียงพุดคุยและหัวเราะออกมา ขณะที่พวกมันมองอย่างเหยียดหยามออกไปยังภาพที่เกิดขึ้นด้านในเส้นทางภูเขา

ผู้เฒ่าเผ่าไห่เยานั้นเริ่มมองไปอย่างหมดความอดทน กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้าคือเผ่าอีกาศักดิ์สิทธิ์ ใช่หรือไม่? ถ้าไม่ต้องการผ่านไป ก็ให้ไสหัวไปในทันที!”

เมิ่งฮ่าวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นช้าๆ เมื่อเขาพูดออกมา ก็เป็นเสียงราบเรียบ แต่ก็ดังคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าผ่า กระหึ่มก้องออกไป เกิดเป็นระลอกคลื่นเสียงขนาดใหญ่ “หุบปาก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!