Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 557

ตอนที่ 557

หยิบฉวยของวิเศษตัดวิญญาณอีก

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป ดวงตาของปรมาจารย์ฮูเหยียนในร่างเด็กหนุ่ม ก็สาดประกายด้วยรังสีสังหาร แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มองเห็นความลังเลใจอยู่ภายในด้วยเช่นกัน

นี่เป็นเพราะว่าปรมาจารย์ฮูเหยียนก็มีวิญญาณอสูร อยู่ในถุงสมบัติของมันด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ มันก็รับรู้ได้ถึงพลังการเคลื่อนย้ายทางไกล ที่กำลังสั่นไปมาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นก็ทำให้มันต้องลังเลใจว่าจะต่อสู้ต่อไปดีหรือไม่

นอกจากนั้น ตอนนี้มันได้บรรลุถึงขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ของการตัดวิญญาณครั้งแรก ซึ่งก็หมายความว่า ยังมีบางสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากต่อมันที่จะต้องทำ ในอาณาจักรเซียนอสูรโบราณมีเวลาน้อยมากที่จะให้พิจารณาถึงเรื่องนี้ พลังลมปราณของเมิ่งฮ่าวช่างน่าตกใจอย่างน่าเหลือเชื่อ สายตาคนทั้งสองสบประสานกัน และทั้งคู่ก็เริ่มขยับตัวเคลื่อนไหว

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ต่างฝ่ายต่างก็กระแทกเข้าหากันโดยไม่ลังเล

ขอบเขตต่อสู้กับขอบเขต

อาณาจักรต่อสู้กับอาณาจักร!

พลังเวทต่อสู้กับพลังเวท!

นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ นี่เป็นการสังหารของตัดวิญญาณ! โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยพลังเวทเซียนโลหิตของเมิ่งฮ่าว ทำให้เขาเกือบจะสามารถกำจัดร่างจำแลงของปรมาจารย์ฮูเหยียนไปได้ ในตอนนี้ เขาใช้มันออกมาในทันที กลุ่มเมฆกระจายตัวออกไปทั่วทุกทิศทาง เต็มอยู่ในท้องฟ้าพร้อมกับเสียงกระหึ่มดังกึกก้อง

พิรุณโลหิตโปรยปราย และทะเลม่วงก็พุ่งขึ้นมา

ที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นสำหรับปรมาจารย์ฮูเหยียนก็คือ พลังการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าว จริงๆ แล้วก็มีความแข็งแกร่งมากกว่าตอนที่เขาต่อสู้กับร่างจำแลงของมันอีก

ยิ่งไปกว่านั้น ในท่ามกลางพลังอำนาจของเขาทั้งหมดนั้น ปรมาจารย์ฮูเหยียนรู้สึกได้เป็นครั้งแรกถึง…พลังแห่งความศรัทธา!

ในตอนนี้เองที่มันรำลึกไปถึงว่า บุคคลที่อยู่เบื้องหน้ามันเป็นผู้ฝึกตน แต่ในเวลาเดียวกันนั้น…ก็เป็นเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถดูดซับพลังแห่งความศรัทธาได้!

พลังแห่งความศรัทธานี้ทำให้พลังการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เป็นความแข็งแกร่งที่เพียงพอจะต่อสู้กับตัดวิญญาณครั้งแรก

“บัดซบ ข้าลืมไปว่ามันเป็นเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์ ที่สามารถดูดซับพลังแห่งความศรัทธาได้” ปรมาจารย์อูเหยียนคิด “ครั้งนี้ มันอยู่ใกล้กับชนเผ่าของมันมากยิ่งขึ้น ไม่ได้อยู่ห่างไกลกันมากเหมือนเช่นครั้งก่อน ซึ่งก็หมายความว่าพลังแห่งความศรัทธาต้องมีความแข็งแกร่งมากขึ้น!”

“ก่อนหน้านี้ ในทะเลม่วง ด้วยระยะทางที่อยู่ห่างไกลกันมาก ทำให้พลังแห่งความศรัทธาอ่อนแอเป็นอย่างมาก!!”

“สถานที่ที่ดีที่สุดในการสังหารมันก็คือ สถานที่ซึ่งมันไม่อาจจะดูดซับพลังแห่งความศรัทธาได้…” ขณะที่มันงุนงงด้วยความตกตะลึงในเรื่องราวเหล่านี้ ความคิดของมันก็ต่อสู้กันไปมา ปรมาจารย์ฮูเหยียนใช้พลังเวทออกมาอย่างไม่ลดละ ใช้การตัดอารมณ์ความรู้สึกของมัน วิญญาณเซียนของมัน และวิชาเวทต่างๆ

ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่าผู้ชมตัดวิญญาณก็รับรู้ได้ถึงพลังแห่งความศรัทธาที่อยู่ในร่างเมิ่งฮ่าว ซึ่งทำให้พวกมันต้องอ้าปากค้าง จิตใจสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“แม้แต่ข้าก็ยังมองข้ามตัวตนอื่นของเมิ่งฮ่าวไป” เด็กชายในชุดแดงกล่าว แสงแปลกๆ ส่องประกายอยู่ในดวงตา “มันเป็นเซิ่งจู่ภาพศักดิ์สิทธิ์!” ทันใดนั้นมันก็คิดได้ บุคคลเช่นเมิ่งฮ่าวเป็นใครบางคนที่มันควรจะเป็นสหายด้วย สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ควรจะส่งฟืนไฟไปให้ในท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บ หรือควรจะกล่าวว่า ให้การช่วยเหลือบางอย่างในช่วงเวลาที่ต้องการ นั่นจึงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณทั้งหมดในบริเวณนั้น ต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกัน อันที่จริง ผู้ฝึกตนทั้งหมดในชนเผ่าแห่งดินแดนสีดำเจ็ดในสิบส่วน ที่กำลังมองดูอยู่ต่างก็ครุ่นคิดในเรื่องเดียวกันนี้ด้วยความกระวนกระวายใจ

สวี่ไป๋แห่งเผ่าเฮยหลง กลายเป็นชายชราอยู่ในตอนนี้ หลังจากที่เผ่าเฮยหลงแยกตัวออกมาจากเผ่าจินอู พวกมันก็เข้าสังกัดเผ่าเยาฝู (ยันต์อสูร) อันยิ่งใหญ่ ในตอนนี้คนส่วนใหญ่ของเผ่าเยาฝู กำลังไปรวมตัวกันอยู่ในเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัสของพวกมัน เฝ้ามองดูเหตุการณ์ทั้งหมดบนจอภาพขนาดใหญ่ สวี่ไป๋แอบถอนหายใจออกมา

ที่กำลังยืนอยู่ข้างกายมันเป็นบุรุษที่ดูสะโอดสะอง เป็นผู้ฝึกตนบุรุษที่ดูสุภาพและอ่อนโยน แต่ก็เย็นชาด้วยเช่นกัน นี่ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเฉินโม่แห่งเผ่าเยาฝูอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ คน ที่เคยต่อสู้เพื่อแย่งชิงวิญญาณอสูร ในอาณาจักรแห่งซากสะพานในปีนั้น

“รู้สึกเสียใจ?” มันถาม “เมิ่งฮ่าวผู้นี้…เก่งกล้าเกินกว่าพวกเราจริงๆ”

สวี่ไป๋เงียบไปชั่วขณะ ในที่สุด มันก็พยักหน้าและกล่าวว่า “บางที เมื่อข้าคิดย้อนกลับไป ข้าคงจะตัดสินใจผิดพลาด”

ในเผ่าเยาเตี๋ยอันยิ่งใหญ่ ดวงตาที่เบิกกว้างของตั่วหลัน จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว

ในเผ่าอวิ๋นเทียน โจวเต๋อคุนกำลังหอบหายใจ ด้านข้างมัน จ้าวฟาง สมาชิกอีกคนของเผ่าอวิ๋นเทียน ก็มีสีหน้าเช่นเดียวกับโจวเต๋อคุน

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป

ขณะที่คนทั้งสองต่อสู้กันไปมาอย่างดุร้าย ต่างก็รับรู้ได้ถึงวิญญาณอสูรของอีกคน อันที่จริง เมื่อไหร่ที่คนทั้งสองเข้ามาใกล้กัน พลังการเคลื่อนย้ายทางไกลก็จะยิ่งทวีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น

ดวงตาปรมาจารย์ฮูเหยียนแวบขึ้นด้วยรังสีสังหาร พลังการเคลื่อนย้ายทางไกลที่กำลังเต้นกระเพื่อมออกมาจากวิญญาณอสูร เพิ่มความถี่มากขึ้น แทบจะเป็นการเตือนให้มันต้องจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ความต้องการสังหารเมิ่งฮ่าวในจิตใจมันบรรลุถึงจุดสูงสุด ทันใดนั้นมันก็ยกมือขวาขึ้นไปในอากาศ และชี้ขึ้นไปในท้องฟ้า

“เทียนฉง! (คล้อยตามสวรรค์)” มันส่งเสียงแผดร้อง ขณะที่คำพูดดังก้องออกมา เสียงปะทุที่คล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องก็ได้ยินอยู่ในท้องฟ้า

“เทียนฉง!!” มันตะโกนออกมาเป็นครั้งที่สอง เสียงฟ้าร้องอันน่าตกใจก็ได้ยินมา และร่างมันก็เริ่มเลือนลางไปเล็กน้อย กลิ่นอายอันอำมหิตโหดเหี้ยมอย่างที่ไม่อาจจะเทียบได้ พุ่งออกมาจากร่างมัน

“เทียนฉง!!!” มันแผดร้องตะโกนออกมาเป็นครั้งที่สาม ท้องฟ้าที่ด้านบนทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะฉีกขาดออกจากกัน ขณะที่อสรพิษยักษ์สามหัว โผล่ออกมาจากภายในความว่างเปล่านั้น

อสรพิษยักษ์มีความยาวถึงหนึ่งหมื่นจ้าง และเป็นสีม่วง ศีรษะทั้งสามกระจายความดุร้าย และแลบลิ้นเข้าออกอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละศีรษะของมันก็มีเขาที่ยาวงอกออกมา

ทันทีที่มันปรากฏขึ้น แรงกดดันอันรุนแรงก็กดทับลงมาบนดินแดนสีดำ

นี่ไม่ใช่กลิ่นอายของขั้นตัดวิญญาณ ไม่ใช่กลิ่นอายของขั้นค้นหาเต๋า นี่คือ…กลิ่นอายของเซียนอมตะ!!

สัตว์อสูรสามหัวสีม่วงนี้ ช่างน่าตกใจเทียบเท่ากับเจตจำนงแห่งเซียน!!

การปรากฏขึ้นของมันทำใหทั่วทั้งดินแดนแถบนั้น เต็มไปด้วยเสียงกระหึ่มดังสนั่นหวั่นไหวในทันที

ฉับพลันนั้นก็เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้น

“เทียนฉงหลงเสอ! (มังกรอสรพิษคล้อยตามสวรรค์)”

“นั่นก็คือสายโลหิตแห่งบรรพบุรุษเผ่าเทียนฉง มังกรอสรพิษเทียนฉง!”

“จากตำนานที่บอกเล่าสืบต่อกันมา ทุกชนเผ่าของทะเลทรายตะวันตก ต่างก็เป็นสายโลหิตที่เชื่อมต่อกันกับเซียน ขณะที่มีทายาทสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จึงมักจะมีโอกาสน้อยมากที่สายโลหิตเหล่านั้นจะจางหายไป และสามารถเรียกหาบรรพบุรุษได้!”

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่อยู่รอบๆ ไม่ได้ตกตะลึงต่อเหตุการณ์นี้ แต่เมื่อผู้ฝึกตนจากเมืองอื่นๆ ในดินแดนสีดำได้เห็น ส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจโดยสิ้นเชิง

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในดินแดนสีดำ ปรมาจารย์ฮูเหยียนเริ่มมีโลหิตไหลซึมออกมาจากดวงตา, หู, จมูก และปาก การร้องเรียกของมันเมื่อครู่นี้ ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันกับร่างมันบ้างเล็กน้อยราวกับว่าโลกแห่งนี้ไม่ได้ยินยอมที่จะให้สัตว์อสูรเช่นนี้ปรากฏกายขึ้น ขณะที่อสรพิษยักษ์สามหัวเข้ามาใกล้ ภาพลวงตาของตาข่ายขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ร่างมัน ตาข่ายนี้เป็นกฎแห่งธรรมชาติบางอย่าง เป็นบางสิ่งที่ดูเหมือนไม่อาจจะถูกทำลายหรือปิดกั้นไว้ได้!

มังกรอสรพิษเทียนฉงส่งเสียงคำรามและดิ้นรนไปมา โลหิตไหลซึมออกมาจากปากปรมาจารย์ฮูเหยียน ในที่สุดก็เป็นครั้งที่สี่ที่มันได้ตะโกนออกมา

“เทียนฉง!”

ตูม!

ดวงตาทั้งหกข้างของมังกรอสรพิษเทียนฉงสาดส่งประกายวาววับ ด้วยการมองแค่แวบแรก ก็ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้างไปโดยสิ้นเชิง ในเวลาเดียวกันนั้น ศีรษะที่อยู่ตรงกลางจู่ๆ ก็กัดลงไปบนหางของมันเอง และจากนั้นก็ฉีกกระชากออกมา

หางที่ขาดออกมาทันใดนั้นก็เริ่มลุกไหม้กลายเป็นเปลวไฟ เพียงชั่วพริบตา พลังที่เผาไหม้นั้นก็ทำให้ตาข่ายภาพลวงตาขนาดใหญ่ฉีกขาดออก แม้ขณะที่ตาข่ายยักษ์เริ่มรัดแน่นไปรอบๆ ร่างมังกรอสรพิษเทียนฉง แต่ก็ยังคงเหวี่ยงหางของมัน ให้ตรงไปที่ปรมาจารย์ฮูเหยียนได้

หางนั้นลุกไหม้ขึ้นขณะที่ลอยฝ่าอากาศไป เลือดเนื้อถูกแผดเผา จนเหลือแต่กระดูก ในตอนที่มันลอยไปถึงปรมาจารย์ฮูเหยียน อย่างน่าตกใจ มันได้กลายเป็น…แส้กระดูกสีม่วง!!

มันลอยอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ รอคอยให้ปรมาจารย์ฮูเหยียนมาหยิบมันไป เคลื่อนที่ขึ้นลงอย่างช้าๆ ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นไปในอากาศ ตามมาด้วยเสียงแตกร้าว อากาศรอบๆ แส้นั้นเริ่มแตกกระจายเป็นชั้นๆ ไปอย่างต่อเนื่อง อย่างน่ากลัว พลังลมปราณอันแข็งแกร่งจนแทบจะไร้จุดสิ้นสุดได้ระเบิดออกมาจากหางอสรพิษนั้นในทันที

ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่จริงๆ แล้วก็ผ่านไปแค่ห้าลมหายใจเท่านั้น ในช่วงของการต่อสู้ระหว่างเมิ่งฮ่าวและปรมาจารย์ฮูเหยียน

ปรมาจารย์ฮูเหยียนยื่นมือตรงไปคว้าจับแส้นั้นไว้ด้วยความตื่นเต้น

เห็นได้ชัดว่าแส้นั้นเป็นของวิเศษอันล้ำค่า เมิ่งฮ่าวและผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่อยู่รอบๆ ในรูปแบบสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต่างก็รับรู้ได้ กระแสสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กระเพื่อมความละโมบออกมา

แต่ความรู้สึกละโมบของพวกมันก็สูญหายไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยความเสียดาย นี่เป็นของวิเศษอันล้ำค่าที่อาจจะทรงพลังอำนาจ แต่ก็เป็นของวิเศษแห่งสายโลหิต สิ่งของเช่นนี้จะถูกใช้ได้โดยกลุ่มคนจากสายโลหิตเผ่าเทียนฉงเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่กลุ่มคนที่มีสายโลหิตธรรมดาทั่วไป ก็ไม่อาจจะใช้มันได้ มีเพียงบุคคลที่มีสายโลหิตอันเข้มข้นและบริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะสามารถใช้ได้ และต้องหลังจากที่บรรลุขั้นตัดวิญญาณเท่านั้น ใครก็ตามที่พยายามจะใช้มันก็จะต้องได้รับบาดเจ็บภายในอย่างร้ายแรง

ด้วยข้อจำกัดมากมายเหล่านั้นของแส้กระดูกอสรพิษ ทำให้ของวิเศษล้ำค่านี้เริ่มเป็นสิ่งของที่มีค่าเพียงเล็กน้อยสำหรับพวกที่มุงดู มีค่าเทียบเท่ากับซี่โครงไก่เท่านั้น

แต่…เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็น ดวงตาเขาก็สาดประกายด้วยแสงแปลกๆ ในขณะที่คนอื่นๆ มองว่ามันมีค่าไม่ต่างจากเป็นซี่โครงไก่ แต่ก็ไม่ใช่เขา เมิ่งฮ่าวไม่เพียงแต่จะเพิ่งทำลายล้างเผ่าเทียนฉงไปทั้งหมดเท่านั้น ในช่วงของการเข่นฆ่าสังหาร เขายังได้เก็บหยดโลหิตไว้ด้วย

โลหิตเหล่านั้นประกอบไปด้วยกลุ่มคนเผ่าเทียนฉงห้ารุ่น ถ้าเขาได้โลหิตบางส่วนจากปรมาจารย์ฮูเหยียนมา ก็จะมีโลหิตทั้งหมดหกรุ่น และสามารถนำไปสร้างเป็นร่างจำแลงโลหิตหกรุ่น ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ไม่ได้เป็นแค่ร่างจำแลงโลหิตธรรมดา แต่เป็นร่างจำแลงวิญญาณโลหิต ถ้าเขาได้โลหิตมาเก้ารุ่น ก็จะเป็นร่างจำแลงโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีความสามารถในการปลุกบรรพบุรุษ

ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเขาสร้างร่างจำแลงโลหิตเช่นนั้นได้ ก็จะสามารถใช้แส้กระดูกอสรพิษได้!หลังจากที่ความคิดเหล่านี้ทั้งหมดวิ่งผ่านจิตใจ ในที่สุดเขาก็กล่าวว่า “ข้าต้องลองเสี่ยงดู!”

เมื่อปรมาจารย์ฮูเหยียนยื่นมืออกไปคว้าจับแส้กระดูกอสรพิษไว้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกายด้วยแสง ที่ทำให้ใครก็ตามที่มองมา จะรู้สึกได้ถึงอันตรายในทันที เขาเดินตรงไปและยกมือขึ้น เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ชี้นิ้วตรงไปยังปรมาจารย์ฮูเหยียน

“ผนึกอสูร เวทรุ่นแปด!”

เมื่อพลังเวทกระจายออกไป ก็ทำให้ปรมาจารย์ฮูเหยียนถูกโอบล้อมด้วยปราณอสูรที่มองไม่เห็น ทันใดนั้น แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่างมัน

“วิชานี้อีกแล้ว!” ปรมาจารย์ฮูเหยียนกล่าว สีหน้ามันเริ่มหมองคล้ำ มันได้ครุ่นคิดที่จะจัดการกับพลังเวทแปลกๆ นี้มาหลายวิธี แต่ก็ไม่มีวิธีไหนที่จะสามารถต่อต้านพลังเวทนี้ได้ สิ่งเดียวที่มันพอจะทำได้ก็คือมองออกไป ในตอนนี้ มันถูกผนึกไว้ แต่ก็เป็นเวลาเพียงแค่ครึ่งลมหายใจเท่านั้น ต่อมาเส้นใยแห่งปราณอสูรก็จะเริ่มแตกกระจายไป

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ในช่วงเวลาอันมีค่าครึ่งลมหายใจนี้ เขาสามารถเข้าไปใกล้แส้กระดูกอสรพิษได้เพียงแค่สิบกว่าจ้างเท่านั้น แต่กลับกัน ปรมาจารย์ฮูเหยียนอยู่ห่างเพียงแค่เจ็ดชุ่น ก็เอื้อมมือไปคว้าจับได้แล้ว!

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณที่อยู่รอบๆ รวมถึงผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่เฝ้าสังเกตการณ์ กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด ขณะที่ปรมาจารย์ฮูเหยียน ที่เกือบจะวางมือลงไปบนแส้กระดูกอสรพิษได้แล้ว มีอยู่มากมายหลายคนที่คาดเดาได้ว่าเมิ่งฮ่าวกำลังพยายามจะทำอะไร แต่บางคนก็ยังคงไม่อาจจะรับรู้ได้ และบางคนก็ค่อนข้างจะสับสนเล็กน้อย

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นก็อ้าปากขึ้น ลำแสงสีดำลอยออกมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เกิดเป็นสายลมอันรุนแรง แสงสีดำนั้นจู่ๆ ก็กลายเป็นกงล้อสีดำ

นี่ก็คือ…กงล้อแห่งกาลเวลา

ในเวลาเดียวกันนั้น กระบี่ไม้แห่งกาลเวลาของเขาก็ปรากฏขึ้น และเริ่มหมุนวนไปรอบๆ กงล้อ เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่กงล้อแห่งกาลเวลาเริ่มหมุนวน

ทันใดนั้นพลังแห่งกาลเวลาที่ย้อนกลับก็กระจายออกมา แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านจิตใจปรมาจารย์ฮูเหยียน สีหน้ามันบิดเบี้ยว และมันกำลังจะดิ้นรนต่อต้าน แต่ทันใดนั้นก็ไม่อาจจะควบคุมร่างของมันได้โดยสิ้นเชิง เริ่มเคลื่อนที่ถอยกลับไปด้านหลัง

ราวกับว่าเวลากำลังไหลย้อนกลับ แม้ขณะที่ปรมาจารย์ฮูเหยียนได้ต่อสู้กลับไปยังพลังแห่งกาลเวลานั้น เมิ่งฮ่าวก็ใช้พลังเวทผนึกอสูรออกมาอีกครั้ง ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเพิ่มมากขึ้น

ปัง!

ร่างปรมาจารย์ฮูเหยียนสั่นสะท้าน ขณะที่ฉับพลันนั้นมันก็สูญเสียพื้นฐานฝึกตนไปชั่วคราว เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่เมื่อรวมเข้ากับเวลาที่ไหลย้อนกลับ ก็ผลักให้มันออกห่างไปจากแส้กระดูกอสรพิษครึ่งจ้าง

ในขณะที่เมิ่งฮ่าวซึ่งกำลังกระอักโลหิตออกมาตลอดเวลา ได้กลายเป็นกลุ่มควันสีเขียว ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าแส้กระดูกอสรพิษ ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ยื่นมือออกไปคว้าจับมันไว้!

———————

ภาพฮุ่นตุ้น (混沌 – เทพโบราณของจีน มีสี่ปีก หกขา ไร้หน้าและดวงตา)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!