Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 563

ตอนที่ 563

สำนักเซียนอสูรโบราณที่น่ามหัศจรรย์

“ร่างอาศัย?” เมิ่งฮ่าวกล่าว อ้าปากค้าง นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้ยินคำนี้ ครั้งแรกเป็นตอนที่จี้เซี่ยวเซี่ยวกล่าวออกมา ดวงตาเขาสาดประกายขณะที่ทันใดนั้น ก็คิดไปถึงการดำรงชีวิตอยู่แบบกาฝากของดอกปี่อ้าน

โชคร้ายที่เขาไม่มั่นใจว่า จะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคำว่า ‘ร่างอาศัย’ ซึ่งฟางอวี๋ได้กล่าวขึ้น จงใจที่จะแสดงสีหน้างุนงงออกมา แต่ภายในใจเขากำลังระมัดระวังตัวอย่างถึงที่สุด

เมื่อได้เห็นสีหน้าของเขา ฟางอวี๋ก็ขมวดคิ้วไปชั่วครู่ จากนั้นนางก็ยื่นมือขึ้นราวกับว่ากำลังจะตีไปบนศีรษะของเขา การเคลื่อนไหวนี้ดูเหมือนจะฝึกฝนมาอย่างช่ำชอง ราวกับว่าเป็นสิ่งที่นางได้กระทำมาอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ต้องขบคิด เมิ่งฮ่าวถอยหลังไปสองสามก้าว ฟางอวี๋จ้องมองไป แต่ในที่สุดก็ยกมือลง

“เจ้าไม่รู้อะไรเลย” นางกล่าวอย่างมีโทสะ “แต่ก็ยังกล้าที่จะมายังอาณาจักรเซียนอสูรโบราณ? เจ้า…” หลังจากนั้น ในที่สุดนางก็เริ่มอธิบายถึงความหมายของคำว่า ‘ร่างอาศัย’

ขณะที่เขารับฟังคำอธิบายของนาง ดวงตาก็ค่อยๆ เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้นมาอย่างช้าๆ

เนื่องจากคำบอกเล่าของนาง ทุกครั้งที่อาณาจักรเซียนอสูรโบราณเปิดออก ก็จะหมายถึงโชคชะตาสำหรับคนที่ผ่านเข้ามา แต่โชคชะตาเช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่เข้าร่วม ว่าจะสามารถเข้าไปในอาณาจักรที่แตกต่างกันได้อย่างไร

“เมื่ออาณาจักรเซียนอสูรโบราณเปิดออก” ฟางอวี๋อธิบาย “ในเบื้องต้นจะมีอยู่สองอาณาจักรที่แตกต่างกัน อาณาจักรแรกก็คือสถานที่ที่พวกเราอยู่ในตอนนี้ ซากปรักหักพังแห่งสำนักเซียนอสูรโบราณ ที่แห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ทั้งหมดซึ่งประกอบด้วยโชควาสนา ต่างก็ถูกปกป้องด้วยเวทป้องกัน อาณาจักรแห่งนี้จะเปิดออกเพียงแค่สามสิบหกชั่วยามเท่านั้น!”

“ในอาณาจักรแรก ไม่มีผู้เข้าร่วมคนใดจะพบเห็นวิชาเวทหรือมรดกใดๆ แม้แต่ทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าก็ไม่มีทางจะพบเจอได้แม้แต่น้อย บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่เงื่อนไขที่แท้จริง แต่อาณาจักรเซียนอสูรโบราณก็เปิดออกทุกๆ หนึ่งพันปี จนถึงวันนี้ก็เปิดออกมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดๆ ถูกนำออกไป ถึงแม้จะมีผู้คนเข้ามาก่อนหน้านี้เมื่อในอดีตที่ผ่านมา”

“สิ่งเดียวที่พวกเราสามารถทำได้ในที่แห่งนี้ก็คือ การเกี่ยวข้องกับจุดประสงค์พื้นฐานของอาณาจักรแรกนี้ และนั่นก็คือ…พวกเราต้องหาร่างอาศัยที่เหมาะสม ร่างอาศัยเช่นนั้นไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากเป็นซากศพที่เจ้ามองเห็นอยู่รอบๆ นี้! ซากศพเหล่านี้สามารถเป็นร่างอาศัยได้!”

“สามสิบหกชั่วยาม เป็นเวลาทั้งหมดที่ผู้ฝึกตนต้องค้นหาร่างอาศัยที่เหมาะสมให้ได้!”

“หลังจากสามสิบหกชั่วยาม อาณาจักรที่สองก็จะเปิดออกในทันที และพวกเราก็จะสามารถรำลึกย้อนไปถึงสมัยโบราณได้!” เมื่อได้เห็นว่าเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะให้ความสนใจต่อนางเป็นอย่างมาก ฟางอวี๋ก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นางอธิบายรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นต่อไป ไม่ปกปิดสิ่งใดไว้แม้แต่น้อย

สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ เมิ่งฮ่าวจริงๆ แล้วก็ให้ความสนใจต่อนางเพียงแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งของความสนใจมุ่งเน้นไปที่ฟางอวี๋เอง ขณะที่คิดว่าทำไมนางถึงได้พยายามเป็นพิเศษที่จะช่วยเหลือเขา

“เอ่อ…นางคงไม่ตกหลุมรักข้านะ ใช่หรือไม่?” เขาคิด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นราวน้ำแข็งเสียวซ่านขึ้นมาไปจนถึงไขสันหลัง ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าใด ก็ดูเหมือนว่าจะมีโอกาสน้อยมากที่จะเป็นเช่นนั้น แต่กระนั้นเขาก็ต้องถูมือขวาโดยไม่รู้ตัว ขณะที่คิดไปถึงครั้งแรกที่คนทั้งสองได้พบเจอกัน

“อาณาจักรที่สองนี้เป็นสิ่งที่เหมือนกับอาการประสาทหลอน ซึ่งพวกเราจะพบเจอในเวลาเดียวกัน” ฟางอวี๋กล่าวต่อไป “แต่มันก็เหมือนของจริงอย่างน่าเหลือเชื่อ ในช่วงเวลานั้น พวกเราจะเข้าไปในสำนักเซียนอสูรที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อน สำหรับยุคสมัยที่พวกเราจะไป ไม่มีใครกำหนดได้”

“มันแทบจะเหมือนราวกับว่า จริงๆ แล้วพวกเราได้ย้อนกลับไปในสมัยโบราณ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออยู่ภายในสำนักเซียนอสูรโบราณ พวกเราจะไม่ใช่ตัวของพวกเราเอง แต่พวกเราจะกลายเป็นตัวตนของร่างที่เลือกเป็นผู้อาศัย การใช้ตัวตนของคนผู้นั้น พวกเราจะสามารถค้นหาโชควาสนาในความเพ้อฝันแห่งยุคสมัยโบราณ” ดวงตาฟางอวี๋เริ่มสาดประกายด้วยความมุ่งหวัง

“ดังนั้น การเลือกร่างอาศัยเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ถ้าร่างอาศัยมีศักดิ์ฐานะที่สูงส่ง ก็เป็นธรรมดาที่เจ้าจะกลายเป็นตัวแทนที่มีโอกาสอันดีกว่า บางทีอาจจะเป็นการท้าทายสวรรค์อีกอย่างหนี่ง! ร่างอาศัยก็คือจุดสำคัญของทุกสิ่ง! ด้วยศักดิ์ฐานะที่ถูกต้อง เจ้าก็จะได้รับโชควาสนาอย่างที่ไม่อาจจะคาดคิดได้!” พูดมาถึงจุดนี้ ความมุ่งหวังในดวงตานางก็มีความเข้มข้นขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ

เมื่อได้ยินคำอธิบายจนมาถึงตอนนี้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกาย “ดินแดนแห่งความฝันสมัยโบราณ?” เขากล่าว “ถ้ามันเป็นเพียงแค่ดินแดนแห่งความฝัน แล้วมันจะมีโชควาสนาอยู่จริงๆ?”

“ความเป็นจริงของดินแดนแห่งความฝันนั้น ได้ถูกยืนยันจากคนที่เคยเข้าไปเมื่อในอดีตที่ผ่านมา” ฟางอวี๋กล่าวอย่างจริงจัง “ดังนั้น เมื่อไหร่ที่เข้าไปได้…ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้!”

“สำนักเซียนอสูรคงอยู่มาเนิ่นนานปี” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ “ดังนั้นจึงต้องมีความแตกต่างเป็นอย่างมากระหว่างอายุของศิษย์ต่างๆ บางคนก็อาจจะเพิ่งเข้าสังกัดสำนักในตอนที่พวกมันได้ตายไป บางคนอาจจะมีชีวิตอยู่มานานหนึ่งหมื่นปี ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วทุกคนจะเข้าไปในยุคสมัยเดียวกันได้อย่างไร?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ ก็ทำให้ดวงตาฟางอวี๋สาดประกายด้วยความชื่นชม เห็นได้ชัดว่านางค่อนข้างจะดีใจที่ได้ยินคำถามเช่นนี้

“ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นกับโชคชะตาของเจ้าเอง ในรุ่นก่อนหน้านี้ ผู้คนที่โชคร้ายจบลงด้วยการเลือกร่างอาศัยที่เป็นศิษย์ซึ่งไม่ได้คงอยู่ในสมัยโบราณ จึงเป็นโชคไม่ดีสำหรับพวกมัน ที่ไม่อาจจะเข้าไปในอาณาจักรที่สองได้ และถูกขับไสออกไปก่อน”

“ดังนั้น จึงไม่สำคัญว่าเจ้าจะกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่จะได้ครอบครองโชควาสนา หรือแม้แต่โอกาสที่จะเข้าไปในอาณาจักรแห่งที่สอง เจ้าต้องค้นหาซากศพที่มีชีวิตอยู่มานานแล้วก่อนที่จะตกตายไป”

เมิ่งฮ่าวขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ชั่วครู่

“ก็เหมือนกับที่ข้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้” ฟางอวี๋กล่าวต่อไป “การเลือกร่างอาศัยเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างสูงสุด เจ้าไม่จำเป็นต้องไปค้นหาร่างอาศัยของผู้อาวุโส หรือผู้เฒ่าสูงสุด หรือหนึ่งในเจ็ดศิษย์ชั้นยอด ความเป็นไปได้ที่จะหาพบมีน้อยมาก”

“แม้แต่ศิษย์หลักก็ยังหาได้ยากเย็นยิ่ง ถึงแม้เจ้าจะไปค้นหา ก็ไม่อาจจะพบเห็นได้นอกจากบังเอิญไปพบเจอเท่านั้น สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ พยายามค้นหาหนึ่งในศิษย์สายใน”

“ตลอดหลายปีที่อาณาจักรเซียนอสูรโบราณเปิดออก ตระกูลจี้ได้ครอบครองตำแหน่งที่ดีที่สุด พวกมันรู้ที่ตั้งของซากศพศิษย์สายในห้าซาก และหนึ่งศิษย์สายหลัก”

“สำหรับตระกูลฟาง พวกเราแค่รู้ตำแหน่งของศิษย์สายในสี่ซากเท่านั้น”

“สำนักที่เหลือส่วนใหญ่ในดาวหนานเทียน” นางกล่าวเสียงราบเรียบ “บันทึกไว้เพียงแค่หนึ่งหรือสองศิษย์สายในเท่านั้น”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างแท้จริงสำหรับความสำคัญของร่างอาศัย ร่างอาศัยที่มีตำแหน่งสูงส่ง ก็จะหมายถึงโอกาสที่ดีกว่าในการได้รับโชควาสนาในอาณาจักรที่สอง มรดกและวิชาเวทบางอย่างจะมีให้กับบุคคลที่มีตำแหน่งพิเศษเท่านั้น

“ยิ่งไปกว่านั้น” ฟางอวี๋กล่าว “เมื่อเข้าไปในอาณาจักรที่สอง พวกเราทุกคนจะลืมความทรงจำของตัวเองไปทั้งหมดชั่วคราว ในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเราจะเชื่อว่าเป็นบุคคลในร่างอาศัยนั้น แต่ก็ขึ้นกับทักษะและความสามารถของแต่ละคน พวกเราจะตื่นขึ้นมาภายในไม่กี่ชั่วยามหรือเพียงไม่กี่วันเท่านั้น”

“ช่วงเวลานั้นจะอันตรายมากที่สุด!” เมื่อนางพูดมาถึงจุดนี้ น้ำเสียงของฟางอวี๋ก็เคร่งเครียดจริงจังเป็นอย่างมาก “เหตุผลก็คือถ้าเจ้าตื่นขึ้นมาช้ามากเกินไป เจ้าก็จะสูญเสียโอกาส ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตของเจ้าก็จะตกอยู่ในอันตราย อันเนื่องมาจากคนอื่นๆ ที่ตื่นขึ้นมาก่อนเจ้า!”

“อาณาจักรที่สองเป็นสถานที่อันตรายอย่างแท้จริง เมื่ออาณาจักรเซียนอสูรโบราณได้เริ่มขึ้น แต่ผลประโยชน์ที่จะได้รับก็มีมากด้วยเช่นกัน จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา สำนักเซียนอสูรโบราณมีวิชาเต๋าหนึ่งพันเวท, วิชาข้างเคียงอีกหนึ่งพันแบบ และวิชานอกรีตอีกหนึ่งพันชนิด รวมทั้งหมดมีอยู่ถึงสามพันวิชาเต๋าอันยิ่งใหญ่ แต่ละพลังเวทและวิชาเต๋าเหล่านี้ต่างก็เป็นมรดกอันล้ำค่า”

“ตลอดหลายปีมานี้ มรดกอันยิ่งใหญ่มากที่สุด ซึ่งถูกครอบครองโดยสมาชิกตระกูลจี้ โดยใช้ตัวตนของศิษย์หลัก ก็คือวิชาเวทเชื่อมต่ออเวจี ด้วยการได้รับความรู้แจ้งนั้น ทำให้มันสามารถนำวิชาเวทนั้นออกไปได้ พลังเวทเช่นนั้นก็เหมาะสมกับตระกูลจี้ที่เป็นเต๋าแห่งกรรม”

“ในระบบการจัดอันดับของสามพันเต๋าอันยิ่งใหญ่ของสำนักเซียนอสูร วิชาเวทเชื่อมต่ออเวจีอยู่ในอันดับที่สี่ร้อยแปด นั่นก็หมายความว่ายังมีอีกสี่ร้อยกว่าวิชาเวท ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสิบวิชาแรก แต่ละวิชาสามารถถือได้ว่าเป็นเต๋าอันยิ่งใหญ่!”

“จากตำนานที่บอกเล่าสืบต่อกันมา สิบวิชาแรกนั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำให้ สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือนเลยทีเดียว”

เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่จิตใจกำลังเต้นรัวอย่างรุนแรง มองไปยังฟางอวี๋ และสอบถามขึ้นอีกครั้ง “ท่านกำลังพูดถึงตระกูลจี้แห่งดาวหนานเทียน?”

ฟางอวี๋ลังเลอยู่ชั่วขณะ และพึมพำกับตัวเอง ในที่สุดนางก็กล่าวตอบ “ในจิ่วซานไห่ ตระกูลจี้มีอยู่ห้าสาขา สาขาที่อยู่บนดาวหนานเทียนไม่ใช่สาขาหลัก แต่เป็นหนึ่งในสาขาย่อย”

เมื่อเมิ่งฮ่าวเห็นว่าฟางอวี๋ไม่ต้องการจะพูดเกี่ยวกับตระกูลจี้ เขาจึงตัดสินใจสอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่กระหายใคร่รู้ “แล้วสิบวิชาแรกเวทแห่งเต๋า พวกมันคืออะไรบ้าง?”

“ข้าก็ไม่รู้” ฟางอวี๋ตอบ ส่ายหน้า “ข้ารู้แต่เพียงว่าอันดับหนึ่งก็คือ…ซานไห่จิง! (คัมภีร์ขุนเขาทะเล)” ทันทีที่นางกล่าวคำว่า ‘ซานไห่จิง’ ดวงตาก็เริ่มสาดประกายด้วยแสงเจิดจ้า “แต่ถึงแม้เจ้าจะมีโชควาสนาในการต่อต้านสวรรค์บางอย่าง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุความรู้แจ้ง ที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์เล่มนี้ และนำมันออกไปได้ แต่ถ้าเจ้าไม่ได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับเวทแห่งเต๋า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะประทับมันไว้ได้ ดังนั้นจึงไม่อาจจะจำอะไรได้ เมื่อไหร่ที่เจ้าออกมาจากดินแดนแห่งความฝัน เจ้าก็จะลืมมันไปโดยสิ้นเชิง”

เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินนางพูดถึงซานไห่จิง เขาก็นึกไปถึงสิ่งที่นกแก้วเคยกล่าวไว้ เนื่องจากคำพูดของนกแก้ว สามคัมภีร์หลักเดิมทีก็ไม่ใช่อะไรอื่นแต่เป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า ซานไห่จิง

มาถึงจุดนี้เมิ่งฮ่าวก็สอบถามเพิ่มอีก “ท่านได้พูดถึงอาณาจักรแรก และอาณาจักรที่สอง มันยังมีอาณาจักรที่สามด้วยหรือไม่?”

“มี แต่จากบันทึกของตระกูล สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ พวกเราไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเปิดอาณาจักรที่สาม เมื่อถึงจุดหนึ่งในอาณาจักรที่สอง อาณาจักรเซียนอสูรโบราณก็จะปิดลง พวกเราก็จะถูกเคลื่อนย้ายทางไกลกลับไปยังดินแดนแห่งดาวหนานเทียน”

“จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีเพียงห้าครั้งเท่านั้นที่ได้เห็นอาณาจักรที่สามปรากฏขึ้น!”

เมิ่งฮ่าวมองนางอย่างใกล้ชิด ขณะที่นางทำการอธิบายต่อไป

“อาณาจักรที่สามเกิดขึ้นหลังจากที่ตื่นขึ้นมาจากอาณาจักรที่สอง เวทป้องกันทั้งหมดของสำนักเซียนอสูรโบราณจะเริ่มไม่คงที่และอาจจะหายไป ในช่วงเวลานั้น ใครก็ตามที่สามารถเข้าไปในอาณาเขตที่ถูกผนึกไว้ก่อนหน้านั้น ก็จะได้ครอบครองของวิเศษที่สำนักเซียนอสูรโบราณทิ้งไว้ให้!”

“เมื่อเข้าไปในอาณาจักรที่สาม ตัวตนของร่างอาศัยก่อนหน้านี้ก็จะหายไป แต่เนื่องจากมรดกและวิชาเวทต่างๆ ที่ได้เรียนรู้มาจากในอาณาจักรที่สอง ก็เป็นไปได้ที่จะสามารถกำจัดเวทป้องกันบางอย่างจากสถานที่แห่งนั้นซึ่งยังคงมีอยู่ และได้รับโชควาสนาอันน่าตกใจ”

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ตอนนี้เขามีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรเซียนอสูรโบราณ อาณาจักรแรกเป็นการเตรียมตัว อาณาจักรที่สองเป็นสถานที่ที่จะได้ครอบครองโชควาสนาแห่งมรดกวิชาเวท

อาณาจักรที่สามเป็นอาณาเขตที่จะได้รับผลประโยชน์จากโชควาสนา และการเตรียมพร้อมจากอาณาจักรที่หนึ่งและสอง เพื่อได้ครอบครองของวิเศษ

ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกัน!

“ตอนนี้เจ้าก็เข้าใจแล้วว่ามันจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วยามนี้แล้ว ตอนนี้เวลามีจำกัด ในช่วงสามสิบหกชั่วยามที่อาณาจักรแห่งแรกเปิดออก คนทั้งหมดจะใช้ข้อมูลจากบันทึกลับของสำนักหรือตระกูลพวกมัน เพื่อค้นหาซากศพต่างๆ”

“เจ้ามากับข้า ข้าจะนำเจ้าไปยังศิษย์สายในร่างหนึ่ง ซึ่งตระกูลฟางรู้ว่าอยู่ที่ไหน เจ้าหลบซ่อนตัวอยู่ที่นั่น และรอคอยให้อาณาจักรที่สองเปิดออก” ด้วยการมองมายังเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งสุดท้าย ฟางอวี๋ก็หมุนตัวและพุ่งออกไป

เมิ่งฮ่าวยืนครุ่นคิดอยู่ที่นั่นชั่วขณะ จากที่เขาวิเคราะห์ สิ่งที่ฟางอวี๋บอกมาอาจจะเป็นความจริงถึงแปดในสิบส่วน เขายังคงเป็นคนที่ระมัดระวังตัว และตระหนักว่าความใจกว้างก็คือจุดอ่อน แต่ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะไม่ปฏิเสธข้อเสนอของนาง

คนทั้งสองเร่งความเร็วพุ่งตรงไปยังยอดเขาลูกที่สอง

เวลาผ่านไป และท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงกว่าเดิม เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองไปยังรอบๆ บริเวณด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง แต่สำนักเซียนอสูรโบราณใหญ่โตมโหฬารมาก พวกเขาจึงไม่ได้เผชิญหน้ากับใครอีก ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวเริ่มคิดไปว่า จะมีใครอื่นอีกในอาณาจักรเซียนอสูรโบราณที่มาจาก…ดินแดนด้านใต้

“สวี่ชิง, ศิษย์พี่, เจ้าอ้วน, ฉู่อวี้เยียน ยังมีเต้าจื่อจากสามตระกูลใหญ่ รวมถึงผู้ถูกเลือกจากสำนักต่างๆ ข้าอยากรู้นักว่าจะได้พบกับใครในที่แห่งนี้” เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ในฐานะที่เป็นตัวเขาเองและฟางมู่ เร่งความเร็วต่อไปจนกระทั่งถึงยามรุ่งอรุณของเช้าวันต่อมา ในตอนนี้ พวกเขาได้เดินทางมาถึงสามในสิบส่วนของเส้นทางระหว่างยอดเขาลูกที่สองและสาม

ทุกแห่งหนที่คนทั้งสองพุ่งผ่านไป จะมองเห็นซากปรักหักพังและซากศพ รวมถึงพื้นที่ซึ่งเวทป้องกันส่องแสงกระพริบอยู่ในความมืด กลิ่นอายอันตรายที่กระพริบไปมาของเวทป้องกัน เป็นสิ่งที่แม้แต่ฟางอวี๋ก็ไม่ต้องการจะไปตอแยด้วย

ในจุดหนึ่ง ฟางอวี๋ได้กล่าวอะไรบางอย่างที่ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องเบิกกว้างขึ้น

“ตั้งแต่ครั้งที่พวกเรายังเยาว์วัย จี้เซี่ยวเซี่ยวมักจะพยายามมาแข่งขันกับข้า นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำไมข้าถึงได้ตะโกนใส่เจ้าก่อนหน้านี้ เพื่อให้นางสังเกตเห็นเจ้า ถ้าข้าคิดไม่ผิด จี้เซี่ยวเซี่ยวผู้นี้จะต้องเกิดความสนใจในตัวเจ้าอย่างแน่นอน”

“ฮิ ฮิ เสี่ยวตี้ (น้องชาย) เจ้าต้องช่วยข้า ทำให้นางกลายมาเป็นเจ้าสาวเจ้าให้ได้ แน่นอนว่า ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ข้าก็จะไม่บังคับ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!