ตอนที่ 618
กระจกซานไห่
“พวกมันไม่อาจจะหลบหนี ออกไปจากดินแดนแห่งสามศักดิ์สิทธิ์นี้ได้” หานตันจื่อกล่าว “ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงร่างจำแลงศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษ ถ้าข้าสามารถคลายผนึก มันก็ยังคงมีประโยชน์สำหรับสำนักเซียนอสูร วิญญาณของสำนักเซียนอสูร จะไม่ให้การช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ได้ต่อต้านด้วยเช่นกัน เจินหลิงเยี่ย (วิญญาณราตรีที่แท้จริง) จะไม่ตื่นขึ้นมาเพราะเหตุนี้ เยี่ยที่หลับอยู่ชาญฉลาด แต่เยี่ยที่ตื่นขึ้นมาไร้จิตใจ มันจะไม่ตื่นขึ้นมา เพราะมันไม่ปรารถนาจะตื่นขึ้น!”
“นี่ก็คือร่างของเจินหลิงเยี่ย ซึ่งมีสมองของมันอยู่ คนทั้งหมดไม่อาจจะหลบหนีไปได้ ไม่อาจจะหลบหนีออกไปจากสำนักเซียนอสูร เมื่อร่างจำแลงศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษ หลอมรวมเข้ากับข้าโดยสมบูรณ์ พวกมันก็จะกลายเป็นฝูงอสูรของข้า!”
“สำหรับเจ้า, เมิ่งฮ๋าว…เจ้าจะอยู่ใต้บรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ และตัวข้าก็จะเป็นผู้พิทักษ์ธรรม!”
“ใช่หรือ?” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ มองไปยังหานตันจื่ออย่างเย็นชา ขยับร่ายเวทด้วยมือขวา จากนั้นก็ชี้ลงไปยังพื้นดิน ในเวลาเดียวกันนั้น ปราณอสูรในบริเวณนั้นก็เริ่มหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว
เสียงแหลมเล็กได้ยินมาเป็นระยะ ฉับพลันนั้นเมิ่งฮ่าวก็เริ่มร่ายเวท ซึ่งดูเหมือนจะทำให้ทุกสรรพสิ่งในบริเวณนั้นสั่นสะท้าน
ทันใดนั้น ปราณอสูรทั้งหมดในโลกแห่งนี้ก็เริ่มหมุนวน ราวกับว่ากำลังถูกดูดอยู่ ทุกอาณาเขตเริ่มบิดเบือน ทำให้โลกแห่งนี้ทั้งหมด ดูราวกับว่ากำลังบิดเบี้ยวไปมา
ภาพที่เห็นนี้ ทำให้สีหน้าของหานตันจื่อ เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“เจ้า…เจ้าสามารถควบคุมปราณอสูรได้จริงๆ!?” มันกล่าวเสียงแหบแห้ง “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? เจ้าเป็นผู้ฝึกตน, เจ้าฝึกฝนพลังของสวรรค์และปฐพี ซึ่งแตกต่างไปจากปราณอสูร พวกมันไม่อาจจะรวมเข้ากันได้! แล้วเจ้าจะจัดการปราณอสูรได้อย่างไร!?!?” หานตันจื่อสั่นสะท้านไปทั่วร่าง นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นปราณอสูร ถูกใช้ออกโดยผู้ฝึกตน
แม้ในขณะที่หานตันจื่อรู้สึกสั่นสะท้าน เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เขารับรู้ได้ถึงเสียงสะท้อนระหว่างตนเองกับโลกแห่งนี้ ในโลกด้านนอก เขาไม่อาจจะดูดซับพลังของสวรรค์และปฐพี แต่เมื่ออยู่ในที่แห่งนี้ ก็ราวกับว่าหลุมได้ถูกเปิดออก และปราณอสูรทั้งหมดก็พุ่งขึ้นมา โดยไม่ถูกขัดขวางเลยแม้แต่น้อย
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ภายในตัวเขาแต่อย่างใด ภายในร่าง มันได้กลายเป็นพลังที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ปราณอสูร หรือพลังลมปราณ เป็นพลังเฉพาะตัวที่เป็นของเมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียวเท่านั้น
พลังนี้โคจรหมุนวนอยู่ภายในร่าง ทำให้เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกยินดีอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ แสงแปลกๆ สาดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่มองลงไปยังหานตันจื่อ และศีรษะยักษ์ที่ลอยอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ
“ผนึกอสูร, เวทรุ่นแปด!” เมิ่งฮ่าวกล่าวช้าๆ เป็นเสียงที่แทบจะเหมือนกับว่าเขากำลังออกคำสั่ง คำพูดดังก้องออกไปราวกับเป็นเสียงของฟ้าร้อง
ห้าคำระเบิดออกคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้อง ห้าคำ…ที่พูดออกมาโดยเมิ่งฮ่าว!
ขณะที่คำพูดนั้นดังก้องออกมาราวกับเสียงฟ้าร้อง ปราณอสูรทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว ก็เริ่มรวมตัวเข้าด้วยกัน เพียงชั่วพริบตา ตัวอักษร ‘ผนึก’ ขนาดใหญ่ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ตัวอักษรนี้มีความสูงถึงหนึ่งร้อยจ้าง และดูดซับปราณอสูรเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ขณะที่มันพุ่งลงไปยังพื้นดินในตอนนี้ ภายในวิญญาณดวงที่แปด เมิ่งฮ่าวก็คือ…ผู้ผนึกอสูรรุ่นที่เก้า!
ตัวอักษรนั้นเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอย่างยากจะอธิบายออกมาได้ สีหน้าหานตันจื่อเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่มันรู้สึกถึงแรงกดดัน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กดทับลงมาที่ตัวมัน ตามมาด้วยความรู้สึกถึงอันตรายอย่างน่ากลัว ทันใดนั้น มันก็ตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวก็คือ ศัตรูตัวฉกาจของมัน
หรือบางทีอาจจะพูดได้ว่า เขาก็คือศัตรูตัวฉกาจของอสูรผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมด!
หานตันจื่อเริ่มหอบหายใจ และทันใดนั้นมันก็หวนรำลึกไปถึงตำนานเรื่องหนึ่ง
“จากตำนานที่บอกเล่าสืบต่อกันมา ภายในจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) มีกลุ่มคนที่สามารถฝึกฝนเต๋า และสามารถหลอมรวมเข้ากับอสูรด้วยเช่นกัน ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านกับคนกลุ่มนั้น พวกมันเรียกตัวเองว่า…ผู้ผนึกอสูร!”
“ตัวอักษร ‘ผนึก’ มีสองความหมาย หนึ่งก็คือจำกัด อีกหนึ่งก็คือช่วยเหลือ!” จิตใจหานตันจื่อสั่นสะท้าน ขณะที่ตัวอักษร ‘ผนึก’ ก่อตัวขึ้นมาจากปราณอสูรตกลงมา ปราณอสูรทั้งหมดดูเหมือนจะมีผลกระทบ ทำให้หานตันจื่อไม่อาจจะหลีกเลี่ยงหรือหลบหนีไปได้ มันได้แต่พยายามต่อสู้กลับไปโดยตรงเท่านั้น
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นไปในท้องฟ้า โลหิตกระจายออกมาจากปากหานตันจื่อ เพียงชั่วพริบตา มันก็ถูกห้อมล้อมด้วยแสงของเวทผนึก ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล แสงเวทนั้นดูคล้ายกับเป็นเส้นใยแห่งสายไหม รัดพันไปทั่วร่างหานตันจื่อ
ผนึกพลังชีวิตของมันไว้, ผนึกพื้นฐานฝึกตนของมัน, ผนึกทุกสิ่งทุกอย่างของมัน ผนึกทั้งหานตันจื่อ และผนึกศีรษะขนาดใหญ่นั้น
อย่างน่าตกใจ แสงของเวทรุ่นแปด ได้ห่อหุ้มศีรษะยักษ์นั้นไว้ทั้งหมด ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล ก็จะดูราวกับว่ามีตาข่ายขนาดใหญ่กำลังปกคลุมมันไว้ภายใน
ร่างแหยักษ์หลอมรวมกับเข้าพื้นดินในบริเวณนั้น และฉุดดึงลงไปอย่างรุนแรง โลหิตไหลซึมออกมาจากปากหานตันจื่อ ร่างมันสั่นสะท้าน ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ มันคุกเข่าลงไปบนพื้น สีหน้าดุร้าย ทำท่าราวกับต้องการจะส่งเสียงกู่ร้องด้วยความกราดเกรี้ยวออกมา แต่ก็ไม่อาจจะส่งเสียงผ่านลำคอออกมาได้แม้แต่น้อยนิด
ภายใต้พลังของร่างแหยักษ์เวทรุ่นแปด ศีรษะนั้นค่อยๆ หยุดโผล่ออกมา อันที่จริงมันเริ่มแสดงให้เห็นสัญญาณของการจมกลับลงไป เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่กลางอากาศ สั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อย นิ้วยังคงชี้ลงไปยังพื้นดิน จากช่วงเวลาที่เขากลายมาเป็นผู้ผนึกอสูร จนกระทั่งถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขา…ผนึกอสูรจริงๆ
ปราณอสูรในบริเวณนั้นพุ่งตรงมาที่เขาอย่างต่อเนื่อง เขาเพียงคนเดียวก็ทำให้โลกแห่งนี้ต้องสั่นสะท้าน และใช้พลังของมันกดดันให้อสูรกลับลงไป
หานตันจื่อถูกกดดันให้เข้าไปใกล้กับพื้นดิน สีหน้ามันซีดขาว ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และมีท่าทางไม่ยินยอม ศีรษะยักษ์จมกลับลงไป และในที่สุด ครึ่งหนึ่งของริมฝีปากมันก็กลับลงไปในโลกด้านล่าง
แต่ทันใดนั้น…อสูรผู้ยิ่งใหญ่ในโลกแห่งกระจก จู่ๆ ก็มองขึ้นมา สายตามันดูเหมือนจะแทงทะลุออกมาจากในกระจก เข้ามายังโลกที่ด้านนอก
แสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นในดวงตามัน และปากก็บิดขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ยัน!” มันพูดขึ้น ขณะที่คำพูดแปลกๆ ดังก้องออกมา การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นกับศีรษะยักษ์ ที่โผล่ขึ้นมาจากภายในโลกกระจก กลิ่นอายแห่งความตายที่ก่อนหน้านี้หมุนวนไปรอบๆ ตัวมัน ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต ถึงแม้ว่ามันยังไม่ได้ลืมตาขึ้น แต่ก็อ้าปากออกมา
เสียงที่ดังออกมานั้น เป็นเสียงเดียวกับที่เคยได้ยินจากก่อนหน้านี้
“ยัน!”
เสียงนี้กลายเป็นพลังโจมตีที่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง กวาดผ่านทุกสรรพสิ่งไป สวรรค์และปฐพีเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม และรอยแตกมากมายนับไม่ถ้วน ก็กระจายออกไปทั่วทุกแห่งหน ร่างแหของเวทรุ่นแปด ซึ่งปกคลุมอยู่บนศีรษะนั้น เริ่มแตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ เพียงชั่วพริบตา ก็ถูกทำลายลงและกระจัดกระจายหายไป
เวทรุ่นแปดที่สะกดข่มหานตันจื่อไว้ ก็ถูกกวาดออกไปด้วยเช่นเดียวกัน ถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิง!
ปราณอสูรในโลกนี้เริ่มส่งเสียงกระหึ่ม ราวกับเป็นเสียงของสายฟ้าที่ฟาดลงมา สูงขึ้นไปในกลางอากาศ เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา ใบหน้าซีดขาว โซเซถอยไปด้านหลังหลายก้าว
“คาดไม่ถึงว่าเจ้าก็คือผู้ผนึกอสูร!!” หานตันจื่อกล่าว แสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นในดวงตา มันเงยหน้าขึ้นหัวเราะออกมา จากนั้นก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ
“ผู้ผนึกอสูรแล้วจะอย่างไร!? ข้าจะสังหารเจ้า, นำโลหิตเจ้ามา, ดูดซับวิญญาณเจ้า สร้างเป็นของวิเศษผนึกอสูรอันล้ำค่า!”
“นั่นก็คือเจตจำนงแห่งสวรรค์!” หานตันจื่อดูเหมือนจะมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่มันพุ่งขึ้นไปในอากาศ ปราณอสูรพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว และในเวลาเดียวกันนั้น ศีรษะก็เริ่มโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ทันใดนั้น ก็มองเห็นลำคอและสองไหล่ของมัน!
“เจตจำนงแห่งสวรรค์, หือ?” เมิ่งฮ่าวกล่าว รักษาความเสถียรของตัวเองไว้ มองอย่างเย็นชาไปยังหานตันจื่อที่ใกล้เข้ามา และอสูรผู้ยิ่งใหญ่ขนาดยักษ์ที่เขาไม่อาจจะป้องกันไม่ให้มันโผล่ออกมาได้ “เจ้าและข้าไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ไม่ว่าเจ้าจะดูดซับพลังของอสูรนั่น หรือจะทำให้อสูรนี้ฟื้นคืนชีพมาก็ตามที ทั้งหมดนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า, เมิ่งฮ่าว”
“สิ่งที่ข้าต้องการไม่ใช่เจ้า หรืออสูรนั่น แต่เป็น…ทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้!” แสงแปลกๆ สาดประกายอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว สถานการณ์ในตอนนี้เหมาะสมกับความต้องการของเขาเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครเหลืออยู่อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเชื่อมั่นอย่างเพียงพอที่จะ…หยิบเอากระจกทองแดงออกมา!
แม้ขณะที่หานตันจื่อเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่ถุงสมบัติด้วยมือขวา ทันใดนั้น กระจกทองแดงก็ปรากฏขึ้น เป็นกระจกทองแดงที่ลึกลับเดียวกันกับที่เขาได้มาครอบครอง ตอนที่อยู่ในสำนักเอกะเทวะเมื่อหลายปีก่อนนั้น ซึ่งเขาได้พกติดตัวอยู่ตลอดเวลาจนถึงตอนนี้!
มันดูไม่เหมือนกับสิ่งพิเศษเลยแม้แต่น้อย แม้แต่สนิมก็ยังมีขึ้นอยู่บางจุดด้วยซ้ำ มันดูคล้ายกับเป็นสิ่งของธรรมดาโดยสิ้นเชิง
“กระจกเส็งเคร็ง?” หานตันจื่อหัวเราะ “อย่าบอกข้านะว่า นั่นก็คือของวิเศษอันล้ำค่าหรืออะไรประเภทนั้น?!” มันหยุดชะงักนิ่ง มีท่าทางเหมือนกับไม่ได้สนใจเมิ่งฮ่าว และกระจกบานนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่ภายในใจ การที่เมิ่งฮ่าวหยิบเอาของวิเศษนี้ออกมาในช่วงวิกฤต ก็ทำให้มันรู้สึกกังวล ซึ่งค่อนข้างจะตรงกันข้ามกับท่าทางของมันในตอนนี้
ทันทีที่กระจกทองแดงปรากฏขึ้น อาณาจักรแห่งกระจกที่ด้านล่างก็สั่นสะเทือนขึ้นมาในทันที ระลอกคลื่นกระจายออกไป ดูแทบจะคล้ายกับเป็นคลื่นอยู่บนพื้นผิวของอาณาจักรที่คล้ายกระจก
ภายในโลกแห่งกระจก ทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งมีชีวิต ฉับพลันนั้นก็แน่นิ่งไม่ไหวติง
แม้แต่ศีรษะซึ่งกำลังโผล่ออกมาจากด้านใน ก็หยุดชะงักนิ่ง แต่…ในตอนนี้เอง ที่ดวงตาของมันเริ่มกลอกกลิ้งไปมา ราวกับว่ามันกำลังดิ้นรนที่จะลืมตาและตื่นขึ้นมา
“นั่นคืออะไร!?” หานตันจื่ออ้าปากค้าง มันกำลังจะพยายามไปหยุดเมิ่งฮ่าวไว้ แต่เมิ่งฮ่าวก็ชี้กระจกลงไป ตรงไปยังอาณาจักรแห่งกระจก
กระจกทั้งสองบานส่องประกายซึ่งกันและกัน และใครก็ตามที่มองมาก็จะเห็นหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ภายในกระจกแต่ละบาน แต่ละหลุมดำดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ราวกับว่ามันประกอบด้วยความจริงอยู่ด้านใน ซึ่งไม่มีใครจะสามารถเข้าใจได้
ดินแดนอันกว้างใหญ่ของกระจกด้านล่าง เริ่มสะเทือนและสั่นไหวไปมา กระจายออกเป็นระลอกคลื่นอย่างต่อเนื่อง เข้มข้นและมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกันนั้น กระจกที่เมิ่งฮ่าวถืออยู่ในมือก็เริ่มส่องแสงอันอบอุ่นออกมา ราวกับว่ามันกำลังกระหายอะไรบางอย่าง ราวกับว่า…มันต้องการจะกลืนกินอาณาจักรของกระจกที่ด้านล่างทั้งหมด
ในตอนนี้เองที่อาณาจักรของกระจก ซึ่งเมิ่งฮ่าวไม่อาจจะมองเห็นจุดสิ้นสุด ทันใดนั้นก็เริ่มหดตัวเล็กลงไป มันเริ่มเล็กลงอย่างรวดเร็ว ตามติดมาด้วยเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นไปในท้องฟ้า
มันหดตัวลง หดลงไปเรื่อยๆ ถ้ามีใครไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นไปมากๆ ก็จะมองเห็นว่าดินแดนที่ด้านล่าง…จริงๆ แล้วก็มีรูปร่างเหมือนกับกระจกอย่างแท้จริง! ขณะที่ในตอนนี้ กระจก…กำลังหดตัวลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ดินแดนแห่งกระจกหดตัวลงไป ก็ทำให้มองเห็นว่ารูปร่างหน้าตาของกระจก…เหมือนกับกระจกทองแดงที่เมิ่งฮ่าวถืออยู่โดยสิ้นเชิง
สีหน้าหานตันจื่อสลดลง ขณะที่มันกำลังจะพุ่งเข้าไปหาเมิ่งฮ่าว ร่างมันก็เริ่มถูกดึงกลับไปโดยอาณาจักรแห่งกระจก มันไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ และไม่อาจจะเข้าไปใกล้เมิ่งฮ่าวได้ แต่มีแรงดึงดูด ดึงมันให้ตกลงไปยังดินแดนที่ด้านล่าง
ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาของศีรษะอสูรผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งกำลังโผล่ออกมาจากดินแดนแห่งกระจก ทันใดนั้น…ก็ลืมขึ้นมาในทันที เสียงแผดร้องอย่างเลือนลางดังก้องออกมา เต็มไปด้วยความเก่าแก่โบราณ
“คาดไม่ถึงว่า…เจ้าจะมี…กระจกซานไห่…” (ขุนเขาทะเล)