Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 644

ตอนที่ 644

ท่านปรมาจารย์, ช่วยข้าด้วย!

“อีกคน?” เสียงอย่างมีโทสะของปรมาจารย์เอกะเทวะ เดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง มันรู้สึกเดือดดาลอย่างน่าเหลือเชื่อ จากความยากลำบากอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ ซึ่งมันได้พยายามกระทำเพื่อให้สำเร็จถึงเป้าหมายในการส่งเมิ่งฮ่าวจากไป ทำให้มันแทบจะบรรลุถึงเป้าหมายนั้นแล้ว

แต่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ก็มีเจ้าพวกคนโง่ที่มีตาแต่ไร้แววคนแล้วคนเล่า มาทำให้เกิดปัญหาขึ้น ปรมาจารย์เอกะเทวะกังวลใจเป็นอย่างยิ่งว่า เมิ่งฮ่าวจะฉวยโอกาสเพื่ออยู่บนเกาะนี้ต่อไป ดังนั้นโทสะของมันจึงลุกไหม้จนพุ่งขึ้นไปถึงท้องฟ้า มันกำลังจะยื่นมือออกไปและบดขยี้คนที่มาใหม่ด้วยฝ่ามือ แต่ทันใดนั้น แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง มันมองขึ้นไปและใบหน้าก็ไร้ร่องรอยแห่งโทสะแม้แต่น้อย ตั้งแต่ที่มันต้องจัดการกับเมิ่งฮ่าว ก็ดูเหมือนว่าอารมณ์ของมันจะเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้สีหน้ามันดูเคร่งเครียดจริงจังเป็นอย่างยิ่ง

มันจ้องมองไปในส่วนลึกของทะเล

กู๋อี่ติงซานอวี่ที่อยู่ข้างกายมัน ก็ดูเหมือนจะเกิดความรู้สึกแปลกๆ ด้วยเช่นเดียวกัน นางมองขึ้นไปและสีหน้าก็เปลี่ยนไป ฉวนหลิง (วิญญาณเรือ) ปรากฏกายขึ้นอย่างไร้เสียงอยู่ข้างกายนาง และมองออกไปยังที่ห่างไกลด้วยเช่นเดียวกัน

ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนชราที่เอาแต่ใจขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง มองเห็นกองหินลมปราณที่ซ้อนกันจนสูง จนทำให้จิตใจมันสั่นสะท้าน จ้องมองไปยังบริเวณรอบๆ และเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ มันก็ขมวดคิ้วหันหน้ามามองยังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวก็มองไปยังมันด้วยเช่นกัน ขณะที่สายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน เขาก็หัวเราะออกมา

ภาพที่เห็นนี้ทำให้ผู้ฝึกตนชราขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง รู้สึกแปลกใจขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ทันใดนั้นมันก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกประหลาดกำลังเกิดขึ้นอยู่ และมันก็ถอยไปด้านหลังสองสามก้าวในทันที

มันกำลังจะกล่าวอะไรออกมา แต่จู่ๆ สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป เขาหันหน้ามองออกไปยังที่ห่างไกลอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันนั้น ทั่วทั้งร่างก็กระจายกลิ่นอายอันดุร้ายอย่างเข้มข้นออกมา ร่างเขาไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้น แต่ในสายตาของชายชรา ดูเหมือนว่าฉับพลันนั้นเขาก็มีขนาดใหญ่โตขึ้นอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ ทันใดนั้นชายชราก็รู้สึกราวกับว่า ตัวมันเองไม่ใช่อะไรอื่นนอกไปจากเป็นแมลงเมื่ออยู่ต่อหน้าเมิ่งฮ่าว

กลิ่นอายที่ระเบิดออกมาจากร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้ชายชราสั่นสะท้านและหอบหายใจถี่เร็ว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ จิตใจมันเต็มไปด้วยเสียงกระหึ่ม

“วงจรอันยิ่งใหญ่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง!!” มันคิด ทั้งจิตใจและร่างกายสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด

เพียงชั่วพริบตา กลิ่นอายของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ทะลวงผ่านอุปสรรคบางอย่าง ทำให้ทันใดนั้นสายลมและกลุ่มเมฆพลุ่งพล่านปั่นป่วน ท้องฟ้าและพื้นดินมืดสลัวเลือนลาง ได้ยินเสียงสายฟ้าปะทุขึ้นมา

พลังปราณของเขากวาดออกไปยังทุกสรรพสิ่ง ที่อยู่ในรัศมีหนึ่งพันหลี่ทั่วทุกทิศทาง กระแสน้ำวนปรากฏขึ้น หมุนวนอย่างรวดเร็ว พุ่งขึ้นไปจนถึงจุดที่ดูเหมือนจะเชื่อมต่อเข้ากับสวรรค์และปฐพี รอยแตกปรากฏขึ้นในอากาศ ราวกับว่าโลกแห่งนี้ไม่อาจจะรองรับพลังที่ระเบิดออกมาจากพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวได้

“ตัด…ตัดวิญญาณ!!” เมื่ออยู่ในท่ามกลางของกระแสลมพายุอันปั่นป่วนวุ่นวาย ก็ทำให้ชายชราคล้ายกับเป็นใบไม้แห้งที่อยู่ในท่ามกลางทะเลคลั่ง หรือเป็นเรือที่แทบจะถูกบดขยี้ให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้อย่างง่ายดาย

จิตใจมันส่งเสียงดังหึ่งๆ เต็มไปด้วยความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดแม้แต่หยดเดียว จนดูคล้ายกับใกล้จะตายไปแล้ว ร่างมันสั่นสะท้านขณะที่จ้องมองไปยังกระแสน้ำวน และเมิ่งฮ่าวซึ่งดูแทบจะคล้ายกับเซียนอมตะด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

“ข้า…ข้ากลับพยายามที่จะมาปล้นผู้พิสดารตัดวิญญาณ…” ชายชราสั่นสะท้านจนในที่สุดก็ถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจ และความหวาดกลัวอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้

เหตุการณ์ที่กลับกลายเป็นเช่นนี้ทำให้มันสับสนโดยสิ้นเชิง ในความคิดของมัน มันเพิ่งจะลงมือกระทำสิ่งที่บ้าคลั่งมากที่สุด เท่าที่เคยทำมาในชั่วชีวิตของมัน

ขณะที่มันกำลังสั่นสะท้าน ทันใดนั้นก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ที่มันยังพูดไม่ทันจบเมื่อครู่นี้ บางทีมันอาจจะมีเวลาหันหลังกลับและจากไป

“ผู้…ผู้อาวุโส, ข้า…” ขณะที่มันกำลังตะกุกตะกักเพื่อกล่าวคำอธิบาย เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทันใดนั้นหินลมปราณทั้งหมดก็หายไป เขาไม่สนใจผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งแม้แต่น้อย บินขึ้นไปในอากาศและมองออกไปยังที่ห่างไกล

สิ่งที่เขาเห็นก็คือลำแสงที่ยืดยาว กำลังพุ่งผ่านท้องฟ้าเหนือทะเล ดูเหมือนจะสามารถแยกสวรรค์หั่นปฐพี ขณะที่มันพุ่งตรงมาที่เขา เสียงกระหึ่มกึกก้องได้ยินมา และในที่สุด ภาพของผู้ฝึกตนในชุดยาวสีขาวก็เริ่มมองเห็นอยู่ในลำแสงนั้น มันไม่ได้ดูแก่ชรา แต่ดูเหมือนบุรุษวัยกลางคน สองมือประสานอยู่ด้านหลัง ขณะที่มันก้าวเนิบนาบฝ่าอากาศมา อยู่ด้านในของลำแสง

เส้นผมของมันพริ้วไปมารอบๆ ตัว และทุกหนทุกแห่งที่มันผ่านไป ภาพที่บิดเบือนก็กระจายออกไป ราวกับว่าทุกแห่งหนที่มันผ่านมา กฎแห่งธรรมชาติในโลกนี้ได้เปลี่ยนไปเนื่องมาจากตัวมัน เกิดเป็นคลื่นพลุ่งพล่านปั่นป่วนอยู่ในทะเลที่ด้านล่าง ส่งเสียงกระหึ่มดังกึกก้อง

ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะเห็นว่าในส่วนของทะเล น้ำกำลังจมลงไป ราวกับว่าเกิดจากแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อนี้

“ในที่สุดมันก็มา!” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกายเจิดจ้า เข้าไปในวิญญาณดวงที่เก้าโดยไม่ลังเล!

ตูม!

ร่างกายเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่พลังอันแข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้ ถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใน เขามีกายเนื้ออยู่ในขั้นตัดวิญญาณ และมีพลังที่สามารถทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน

ที่ด้านล่างลงไป ผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งกระอักโลหิตออกมากองโต ตกลงไปบนพื้นร่างกายสั่นสะท้าน สำหรับมันแล้ว ก็คล้ายกับสวรรค์กำลังพังทลายลงมา

แน่นอนว่า เงาร่างที่ใกล้เข้ามานี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง!

มันก้าวเนิบนาบตรงมา สีหน้าเย็นชา ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยรังสีสังหารอย่างไร้จุดสิ้นสุด การปรากฏกายขึ้นของมันนี้ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ กายมันเริ่มพังทลายลงไป แต่ละก้าวที่มันเดินมาก็ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นไหวไปมา

“เจ้ากล้าที่จะกระจายกลิ่นอายเพื่อชักนำข้ามาที่นี่?” มันกล่าวเสียงราบเรียบ เป็นเสียงดังขึ้นราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่า “ใครกันที่เจ้าพึ่งพาขอความช่วยเหลือ? บอกให้พวกมันออกมาในทันที” เสียงของมันทำให้ทั่วทั้งเกาะศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือน ภูเขาพังทลาย และผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนบนเกาะนี้ ต้องแผดร้องด้วยความตื่นตระหนกออกมา

ในสำนักเซียวเหยา ลำแสงสิบกว่าสายบินขึ้นไปในอากาศ และใบหน้าของทุกคน ทันใดนั้นก็เปลี่ยนไปด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน

สูงขึ้นไปในกลางอากาศ สายลมและกลุ่มเมฆพลุ่งพล่านปั่นป่วนอย่างรุนแรง กระแสน้ำวนส่งเสียงดังกึกก้อง แทบจะราวกับว่าวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว

ขณะที่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ผ่านเข้ามาในอากาศที่อยู่เหนือเกาะศักดิ์สิทธิ์ คลื่นแห่งโทสะก็พุ่งขึ้นมาอยู่ในรอบๆ บริเวณนั้น จากภายในคลื่นนั้นได้ยินเสียงบางอย่าง ที่คล้ายกับเป็นเสียงกู่ร้องอย่างหดหู่ใจ ดังก้องไปมาอยู่ทั่วทุกทิศทาง

“ถ้าเจ้าไม่มีใครให้พึ่งพาช่วยเหลือ ครั้งนี้ข้าจะไม่ให้เจ้าหลบหนีไปได้อย่างง่ายดายอีกแล้ว” เสียงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังเยือกเย็น และดูเหมือนจะไร้ความรู้สึกใดๆ แม้แต่น้อยนิด ดวงตามันเย็นชาขณะที่จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว

ทันทีที่สายตามันสัมผัสไปที่ตัวเขา เสียงกระหึ่มก็ได้ยินอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว ภายในร่าง พลังของพื้นฐานฝึกตนทั้งเจ็ดก็ระเบิดออกมา ความแข็งแกร่งของกายเนื้อกระจายออก กระแทกเข้าไปในแรงกดดันของสายตาคู่นั้น

ตูม!

เสียงกึกก้องดังเต็มอยู่ในร่างเมิ่งฮ่าว เขารับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อ ความรู้สึกนี้มีความเข้มข้นมากกว่าครั้งที่แล้ว ทำให้ใบหน้าซีดขาว ภายใต้แรงกดดันนี้ ทำให้พื้นฐานฝึกตนของเขาในทันใดนั้นก็รวมตัวเข้าด้วยกันจากเจ็ดส่วนกลายเป็นหกส่วน!

ราวกับว่าแรงกดดันจากปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังเป็นหินลับมีด และเมิ่งฮ่าวก็คือ…ใบมีด!

ในเวลาเดียวกันนั้น พลังพื้นฐานฝึกตนอันรุนแรงของเขาก็ระเบิดออก และต่อสู้กลับไป

ตูม!

โลหิตไหลซึมออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ร่างกายลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง อย่างไรก็ตาม ดวงตาเขาก็ยังคงส่องแสงเจิดจ้า ขณะที่พึ่งพาพลังของตนเองเพียงอย่างเดียว เพื่อต่อต้านแรงกดดันของสายตาคู่นั้น

ดวงตาของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังแวบขึ้น ขณะที่มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง นี่ไม่ใช่ร่างจำแลงเดียวกับที่ได้เผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าวในดินแดนด้านใต้ นี่เป็นร่างที่มีเลือดเนื้อ เป็นร่างจำแลงที่แท้จริง

มันมีความแข็งแกร่งกว่าร่างจำแลงศักดิ์สิทธิ์เมื่อครั้งก่อนมากนัก นอกจากนี้เจตจำนงภายในสายตาคู่นั้นของมันก็สามารถสังหารผู้คนได้

ที่ด้านล่างลงไป ความประหลาดใจของผู้ฝึกตนวิญญาณแรกก่อตั้งบรรลุถึงจุดสูงสุด มันไม่มีทางจะคาดคิดได้ว่าระดับพื้นฐานฝึกตนอะไร ที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณไม่อาจจะต่อสู้กลับไปได้

“สถานที่แห่งนี้ก็คือฝันร้าย…” มันเริ่มสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง และอยากจะหมดสติไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในราชวัง ดวงตาปรมาจารย์เอกะเทวะส่องแสงแวววาว ขณะที่มันเฝ้าติดตามดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้อย่างเงียบๆ

ท่าทางกังวลใจปรากฏขึ้นในดวงตากู๋อี่ติงซานอวี่

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ ตรงเขตที่ติดกับทะเล กวาดเช็ดโลหิตออกจากมุมปากและถอยไปด้านหลัง

สำหรับปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ตอนนี้มันรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นต่อพื้นฐานเต๋าของเมิ่งฮ่าว “มันคู่ควรอย่างแท้จริงที่จะถูกเรียกว่า พื้นฐานเต๋าสมบูรณ์…”

มันเดินตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอีกหนึ่งก้าว

ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ตระโกนออกไป “ท่านปรมาจารย์, ช่วยข้าด้วย!!”

ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก ใบหน้าปรมาจารย์เอกะเทวะก็บิดเบี้ยว มันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่กู๋อี่ติงซานอวี่มีท่าทางวิตกกังวลมากกว่าเดิม รีบหันหน้ามองไปยังมัน

ตูม!

ขณะที่เมิ่งฮ่าวพูดออกมา เขาก็หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายแวบขึ้นพร้อมกับแสงสีโลหิต แต่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังก็มาปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเขาในทันที

“ปรมาจารย์เอกะเทวะ” เมิ่งฮ่าวกล่าว ใช้พื้นฐานฝึกนทำให้คำพูดดังก้องออกไปทั่วทั้งเกาะศักดิ์สิทธิ์ “ข้าเป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของสำนักเอกะเทวะ แม้แต่ในสำนักเซียวเหยา ถ้าพิจารณาจากระดับขั้นของข้า ก็ควรจะถือว่าข้าเป็นผู้อาวุโสที่ควรค่าแก่การเคารพ ท่านจะแค่มองมา ในขณะที่ข้ากำลังจะถูกสังหารไป?”

ทุกคนในสำนักเซียวเหยาได้ยินคำพูดที่เขากล่าวออกมาอย่างชัดเจน เมิ่งฮ่าวพยายามหลบหนีอย่างต่อเนื่อง แต่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังโบกสะบัดมือมันออกไป รังสีสังหารอันน่าตกใจของมัน ซึ่งประกอบไปด้วยเจตจำนงแห่งค้นหาเต๋า กลายเป็นลำแสงสีดำพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

มันเคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เมิ่งฮ่าวได้เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว กระบี่เซียนปรากฏขึ้น ทำให้ม่านตาปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังหดเล็กลงในทันที

ในเวลานั้น ย้อนกลับไปในราชวัง กู๋อี่ติงซานอวี่กัดฟันแน่น และจากนั้นก็หายตัวไปในทันที นางกลายเป็นหยดน้ำฝน ซึ่งจากนั้นก็พุ่งออกไปจากราชวัง ในเวลาเดียวกันนั้นฉวนหลิง (วิญญาณเรือ) ก็หายตัวไปด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อหยดน้ำฝนปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ตรงเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว กลายเป็นแผ่นผืนของสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างรวดเร็ว ขัดขวางลำแสงสีดำที่กำลังพุ่งเข้ามา

ทันใดนั้นเสียงของกู๋อี่ติงซานอวี่ก็ดังขึ้นมา “กายเนื้อของท่านแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่อาจจะใช้ออกได้ในตอนนี้ สายฝนก็คือหยดน้ำ หยดน้ำสามารถกลายเป็นทะเลสาบ และทะเลสาบก็ปรารถนาจะกลายเป็นทะเล พื้นผิวของน้ำทะเลสามารถกระจายเป็นระลอกคลื่น แรงสั่นสะเทือนนั้นสามารถต่อต้านพลังมากมายนับไม่ถ้วน!”

ทันทีที่เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงนาง ดวงตาก็เบิกกว้าง ถึงแม้เขาจะจำเสียงนั้นได้ แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะระลึกถึงในตอนนี้ คำพูดนั้นดูเหมือนจะทำให้เขาได้สติ และเขาก็เริ่มทำให้ร่างกายสั่นไปมา

ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่จริงๆ แล้วก็เกิดขึ้นในชั่วพริบตา

ลำแสงสีดำเข้ามาใกล้ และขณะที่มันพุ่งผ่านสายฝน พลังมากกว่าครึ่งก็จางหายไป ส่วนที่เหลือกระแทกเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว ทำให้เสียงระเบิดดังก้องออกไป แต่การสั่นสะเทือนของร่างเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้เกิดเป็นพลังต่อต้านที่แปลกๆ อยู่ภายในกายเนื้อ รวมตัวเข้าด้วยกันในตำแหน่งเดียว ภายในชั่วพริบตา แรงสั่นสะเทือนนับร้อยก็ปรากฏขึ้น ต่อสู้กลับไปยังลำแสงสีดำนั้น

ร่างเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน โลหิตกระจายออกมาจากปาก ขณะที่เขาลอยละลิ่วปลิวไปด้านหลังเท้าชี้ฟ้า สายฝนก็กลายเป็นหญิงสาวเยาว์วัย โอบเขาไว้ในวงแขน ฉวนหลิงปรากฏกายขึ้นเช่นเดียวกัน มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ทำให้อากาศเกิดเป็นระลอกคลื่นบิดเบี้ยวไปมา เพื่อปกป้องเมิ่งฮ่าวขณะที่พวกเขาล่าถอยออกไป

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถกำจัดลำแสงสีดำนั้นไปได้ แต่ระลอกคลื่นที่ถูกส่งออกไป ก็ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิง ทุกสรรพสิ่งถูกบดขยี้ทำลายไป เหลือทิ้งไว้แต่เพียงหลุมขนาดใหญ่

ขณะที่เมิ่งฮ่าวล่าถอยไป แววตาเขาก็ปรากฏโทสะขึ้น

“เต่าชราเอกะเทวะ เจ้าเป็นผู้พิทักษ์เต๋าของข้า! ข้าไม่เชื่อว่าเวทผนึกที่อยู่บนร่างเจ้า จะยอมให้เจ้าแค่นั่งดูขณะที่ข้ากำลังจะตายไป!” ขณะที่เขาพูด ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังก็เข้ามาใกล้ สีหน้าดูถูกเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้า มันยกมือขวาขึ้น เจตจำนงแห่งการทำลายล้างปรากฏขึ้นในแววตา ขณะที่มันยื่นฝ่ามือออกไป

ทันทีที่ฝ่ามือเริ่มขยับเคลื่อนไหว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มมืดสลัวดูเลือนลาง ราวกับว่าทั่วทั้งโลกในตอนนี้ได้กลายเป็นของฝ่ามือนั้น ขณะที่มันฟาดลงมา เมิ่งฮ่าวรวมทั้งทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ บริเวณนั้น เริ่มโค่นล้มและแตกกระจายไป

เมื่อได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ปรมาจารย์เอกะเทวะก็เงยหน้าขึ้นส่งเสียงกู่ร้อง คำพูดของเมิ่งฮ่าวได้แทงเข้าไปในจิตใจมัน มันไม่อาจจะเพียงแค่นั่งอย่างสบายใจ และมองดูเขาตายไปได้

“เจ้าสารเลว! เหลาจู่กำลังไปแล้ว!”

เมื่อรวมเข้ากับเปลวไฟแห่งโทสะที่ยังคงพลุ่งพล่านอยู่ในจิตใจมัน และการที่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังกำลังทำลายพื้นดินทั้งหมดด้วยฝ่ามือ ก็ทำให้ปรมาจารย์เอกะเทวะส่งเสียงกู่ร้องออกมา และในที่สุดก็…

ออกมาจากราชวัง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!