Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 680

ตอนที่ 680

ร่างจริงมาถึง!

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในรถศึก มองไปขณะที่ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตา และเขาก็โบกสะบัดมือ ทำให้กระบี่เซียนสีเงินของหานซานปรากฏขึ้นมาในทันที

ม่านตาปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังหดเล็กลง และมันก็ไม่ทำอะไรที่จะล่าถอยหรือหลบเลี่ยง แสงอันเย็นชาได้ปรากฏขึ้นในดวงตา มันโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตนอย่างเต็มกำลัง ทำให้กลิ่นอายได้กระจายออกไปด้วยแสงที่เจิดจ้าแวววาว เปลวไฟแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์เริ่มลุกไหม้อยู่ในร่างมัน

“ในที่สุด มันก็เอากระบี่นั้นออกมา เท่าที่มองดู มันสามารถใช้ได้อีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ข้าจะใช้ร่างจำแลงนี้ทำให้มันต้องใช้พลังทั้งหมดออกมา เมื่อมันสังหารร่างจำแลงนี้ ร่างจริงของข้าก็จะสามารถเคลื่อนย้ายทางไกลมายังที่นี่ได้!” แสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นในดวงตามัน

เมื่อดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจะโจมตีด้วยกระบี่เซียน จู่ๆ กระบี่ก็หายไป จากนั้นสิบลำแสงเจิดจ้าก็ลอยออกมาจากถุงสมบัติของเขา พลังแห่งกาลเวลาม้วนตัวออกมา ขณะที่พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง

ลำแสงเหล่านั้นเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังพุ่งสมาธิไปยังกระบี่เซียนเกือบทั้งหมด ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงใช้ความได้เปรียบในช่วงวิกฤตนี้อีกครั้ง ปลายกระบี่แห่งกาลเวลาทั้งสิบชิ้น พุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจ พร้อมกับพลังแห่งกาลเวลาหนึ่งแสนปี

ขณะที่พวกมันเข้าไปใกล้ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง สีหน้ามันก็เปลี่ยนไป ขณะที่ร่างกายมันแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว และมันก็ล่าถอยไปด้วยความรวดเร็วในทันที แน่นอนว่า ยิ่งมันเคลื่อนที่ไปรวดเร็วมากเท่าใด รถศึกก็เคลื่อนที่ไปได้รวดเร็วกว่ามากขึ้นเท่านั้น

เมิ่งฮ่าวกำลังแข่งขันกับเวลา ดังนั้นเขาจึงใช้ปราณแห่งเซียนชี้ทางอย่างเต็มกำลัง ทำให้รถศึกส่งเสียงดังกระหึ่ม พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง

ปรมาจารย์ตระกูลหวังส่งเสียงแผดร้องด้วยโทสะออกมา และทันใดนั้นแขนขวามันก็ระเบิดออกมา นี่เป็นการระเบิดตัวเองซึ่งทำให้มันพุ่งถอยไปอย่างรวดเร็ว ช่วยให้มันหลีกเลี่ยงจากการโจมตีไปได้ ขณะที่เป็นเช่นนั้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบรังสีสังหารออกมา

“ระเบิด!” หนึ่งในปลายกระบี่กาลเวลา ซึ่งมีค่าเท่ากับหินลมปราณหนึ่งพันล้านก้อน ระเบิดออก กลายเป็นพายุพลังแห่งกาลเวลา หมุนวนตรงไปยังปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ซึ่งยังคงตกอยู่ในท่ามกลางการหลบหนีไปจากรถศึก

มันส่งเสียงกู่ร้องอย่างหดหู่ใจออกมา และทำให้พื้นฐานฝึกตนระเบิดออกอย่างเต็มกำลังอยู่ภายในลมพายุแห่งกาลเวลา ในที่สุดมันก็ทำให้พายุหายไปโดยสิ้นเชิง แต่ร่างมันก็แห้งเหี่ยวลงไปอย่างน่าเหลือเชื่อ สีหน้ามันซีดขาว ดูคล้ายกับเป็นผิวหนังที่ติดโครงกระดูก มันส่งเสียงกู่ร้องด้วยโทสะออกมาอีกครั้ง

เมิ่งฮ่าวไม่มีเวลารับรู้ถึงความเจ็บปวดในจิตใจ อันเนื่องมาจากต้องสูญเสียหินลมปราณ ความสามารถของเขาในการที่จะเอาชนะร่างจำแลงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังนี้ ไม่เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับพื้นฐานฝึกตนของเขาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับ…ความร่ำรวยของเขาอีกด้วย!

เขามีหินลมปราณ และเขาก็มีของวิเศษแห่งกาลเวลาที่ต่อต้านสวรรค์ การระเบิดกระบี่ไม้แห่งกาลเวลาหนึ่งร้อยเล่มเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ปลายกระบี่แห่งกาลเวลาถึงจะเป็นไพ่ไม้ตายของเขา

ร่างจำแลงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง กำลังจะพ่ายแพ้ให้กับหินลมปราณของเมิ่งฮ่าว!

“ระเบิด!”

ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ปลายกระบี่แห่งกาลเวลาชิ้นที่สองก็ระเบิดออก แรงระเบิดขนาดใหญ่กระจายเป็นระลอกคลื่นออกไป และพายุแห่งกาลเวลาก็พุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง อากาศเริ่มเก่าแก่โบราณ ทะเลเริ่มเหือดแห้ง เพียงชั่วพริบตา ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านกาลเวลาไปหนึ่งหมื่นปี

ร่างจำแลงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังระเบิดขึ้น และแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยออกมา ส่งเสียงแผดร้องแหลมเล็ก

“เมิ่งฮ่าว!! เจ้าต้องตาย!!” ทันใดนั้นแรกก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มหมุนวน กลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ ภายในมีสัญลักษณ์เวทมากมายนับไม่ถ้วนกระพริบไปมา ขณะที่มันหมุนวนไปมา ก็กลายเป็นค่ายกลเวท

ตรงจุดศูนย์กลางของค่ายกลเวทมีหลุมดำปรากฏขึ้น มีเส้นทางที่นำไปสู่สถานที่บางแห่ง มีแรงกดดันที่เมิ่งฮ่าวไม่เคยได้พบเจอมาก่อน กระจายออกมาจากภายในหลุมดำนั้น

เป็นกลิ่นอายที่ทำให้เกิดเป็นเสียงปะทุเต็มอยู่ในอากาศรอบๆ บริเวณหลุมดำนั้น ขณะที่รอยร้าวมากมายจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น

เมื่อเขามองเห็นรอยร้าวนี้ ม่านตาเมิ่งฮ่าวก็หดเล็กลง ขณะที่เขามองไปยังรอยร้าวที่กระจายออกไปจนเต็ม จนดูคล้ายกับเป็นรูปไข่

ถ้ามองมาจากที่ห่างไกล มันก็จะดูคล้ายกับเป็นดวงตา!

กระแสน้ำวนของค่ายกลเวทนี้เป็นม่านตา หลุมดำเป็นรูของม่านตา และพื้นที่รอบๆ เป็นสีขาวของดวงตา สำหรับรอยร้าว พวกมันเป็น…เส้นโลหิต!

ทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวเริ่มหนาวเย็น แรงกดดันอันเข้มข้นที่กดทับลงมาบนร่าง ทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังจะระเบิดออก สิ่งที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ ดวงตานั้นดูเหมือนจะจ้องนิ่งมายังร่างเขา…ทำให้รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามีบางสิ่งอยู่ภายในร่างกาย เป็นบางสิ่งที่หลอมรวมเข้ากับร่างเขามานานแล้ว เขาเริ่มสั่นสะท้านราวกับว่ามันกำลังถูกดึงออกไป

เมิ่งฮ่าวไม่ค่อยแน่ใจว่าจะอธิบายถึงสิ่งนั้นได้อย่างไร แต่ก็สามารถสัมผัสถึงมันได้อย่างเลือนลาง ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่ามันก็คือพื้นฐานของเขา มันคือพื้นฐานที่รวมตัวกันอย่างมั่นคงของเขา ถูกสร้างขึ้นมาหลังจากที่ฝึกฝนมานานถึงสองร้อยปี!

“พื้นฐานเต๋า…” เมิ่งฮ่าวคิด หอบหายใจออกมา เขาแทบจะได้ยินหัวใจของตนเองกำลังเต้นรัว ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเขาในตอนนี้เงียบสงบลงไปโดยสิ้นเชิง

มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ก็คือ กระแสน้ำวน…

เมิ่งฮ่าวต้องการจะดิ้นรนต่อต้าน แต่ในตอนนี้ก็รู้สึกราวกับว่า ร่างกายไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตนเอง เขาไม่อาจจะขยับร่างกายได้ และรู้สึกราวกับว่าพื้นฐานที่อยู่ด้านใน กำลังจะแยกตัวออกไปจากร่าง เขายังมองเห็นได้ถึงสิ่งที่ปรากฏขึ้นเป็นกลุ่มหมอกสีขาว กำลังไหลซึมออกมาจากรูจมูกและปาก ไม่เพียงแต่จมูกและปากเท่านั้น แต่ยังมีดวงตา, หู และจริงๆ แล้ว ก็เป็นรูขุมขนทั้งหมดของร่างกายเขา

นี่ไม่ใช่พลังชีวิต นี่ก็คือพื้นฐานเต๋าของเขา!

“เต๋าของข้า คืออิสระและเสรีภาพ!!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงก่ำ ในตอนนี้พื้นฐานฝึกตนของเขาจู่ๆ ก็พุ่งออกไป มันถูกบังคับให้ปะทุขึ้น จนทำให้เขาต้องกระอักโลหิตออกมาสามครั้ง ร่างกายก็เสียหายไปด้วยเช่นเดียวกัน แต่ก็ทำให้เขาสามารถขยับตัวเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง

ในตอนนี้เอง ที่เสียงถอนหายใจก็ได้ยินออกมาจากภายในกระแสน้ำวนนั้น เสียงของมันเสียดแทงเข้าไปในหูของเมิ่งฮ่าว ทำให้จิตใจเขาสั่นสะท้าน จนต้องกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ใบหน้าซีดขาวอย่างน่ากลัว ขณะที่เขามองเห็นโลงศพค่อยๆ โผล่ออกมาจากภายในกระแสน้ำวนนั้นอย่างช้าๆ

ทันทีที่โลงศพปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันเก่าแก่โบราณก็ไหลซึมออกมา กระจายเต็มไปทั่วทั้งวงแหวนที่สาม อสูรทะเลทั้งหมดที่อยู่ใต้น้ำเริ่มหยุดชะงักนิ่งในทันที แม้แต่ปีศาจทะเลในวงแหวนที่สองก็สั่นไปทั้งร่าง

ทั่วทั้งทะเลเทียนเหอทั้งหมด ผู้ฝึกตนทุกคน สิ่งมีชีวิตทั้งมวล จู่ๆ ก็เริ่มหยุดนิ่ง เงียบสงบลงโดยสิ้นเชิง

ทะเลไม่ได้เคลื่อนไหว โลกหยุดนิ่งไม่ไหวติง มีแต่ความเก่าแก่โบราณเท่านั้น ที่ฟุ้งกระจายปกคลุมออกไปทั่วทุกสิ่งทุกอย่าง

นี่ก็คือค้นหาเต๋า!

สุดยอดแห่งค้นหาเต๋าที่แท้จริง!

เมิ่งฮ่าวไม่จำเป็นต้องคาดเดา ก็รู้ได้ในทันทีว่านี่ก็คือ…ร่างจริงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง

ในที่สุดร่างจริงของมันก็มาถึง!

หนังศีรษะเมิ่งฮ่าวด้านชา ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยโดยสิ้นเชิง โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาโบกสะบัดมือ ทำให้ปลายกระบี่แห่งกาลเวลาที่ยังเหลืออยู่เจ็ดชิ้น ลอยตรงไปยังกระแสน้ำวน

“ระเบิด!” เมิ่งฮ่าวแผดร้อง ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกไป ขณะที่ปลายกระบี่แห่งกาลเวลาเจ็ดชิ้นระเบิดขึ้น กลายเป็นพายุพลังแห่งกาลเวลาอันน่าหวาดกลัว

ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวไม่ลังเลที่จะดึงเอากระบี่ของหานซานออกมา เขายกขวดน้ำเต้าสุราสีเงินขึ้นและดื่มลงไป จากนั้นก็พ่นมันออกมา ปราณกระบี่พุ่งกระจายออกไป และกระบี่เซียนก็พุ่งขึ้นไปด้วยปราณกระบี่สุดท้ายที่เขาเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเช่นนี้

พายุแห่งกาลเวลากระจายออกเป็นระลอกคลื่นเข้าไปในกระแสน้ำวน และแม้แต่โลงศพก็เริ่มพังทลายลงไป เพียงชั่วพริบตา รอยแตกร้าวก็ปรากฏขึ้นไปทั่วทั้งโลงศพ แต่ในขณะที่พายุนั้นพุ่งเข้าไป มือที่แห้งเหี่ยวทันใดนั้นก็ยื่นออกมาจากภายในโลงศพ มันเริ่มกำเป็นหมัด และจู่ๆ พายุแห่งกาลเวลาสีม่วง ก็เริ่มหดตัวเข้าไปในหมัดนั้น เมื่อมันเข้าไปโดยสมบูรณ์ หมัดนั้นก็กำแน่นขึ้น

ตูม!

พายุแห่งกาลเวลาหายไป และชายชราก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากภายในโลงศพ มันสวมใส่ชุดคนตาย ดูผอมแห้งและอ่อนแอ ใบหน้ามีสีเลือดอยู่เล็กน้อย แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นใบหน้าที่ขาวซีดในทันที

ดวงตามันไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณ ซึ่งได้กระจายออกมาก็เข้มข้นอย่างถึงที่สุด มันมองมายังเมิ่งฮ่าว และยิ้มออกมา แต่จากนั้นก็สังเกตเห็นกระบี่เซียนที่เมิ่งฮ่าวถืออยู่ ม่านตามันหดเล็กลง

รอยยิ้มนั้นทำให้เส้นขนทั่วทั้งร่างเมิ่งฮ่าวลุกขึ้นตั้งชี้ชัน มันเป็นรอยยิ้มที่เผยให้เห็นว่าในปากของมันไม่มีฟันเหลืออยู่เลย ชายชราผู้นี้เก่าแก่โบราณอย่างถึงที่สุด

แม้ในขณะที่มันยิ้มออกมา เมิ่งฮ่าวก็ตวัดกระบี่เซียนขึ้น ปราณกระบี่พุ่งออกไป เต็มไปด้วยเสียงเพลงอย่างน่าตกใจถึงที่สุด แต่ก่อนที่กระบี่นั้นจะทันได้กรีดเฉือนลงไป แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่าง และเขาก็กระอักโลหิตออกมากองโต

“บัดซบ!” ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว ขณะที่ส่งปราณแห่งเซียนชี้ทางออกไป รถศึกส่งเสียงดังกระหึ่ม และพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล แสงแวววาวปรากฏขึ้นในดวงตาเมิ่งฮ่าว และเขาก็หอบหายใจออกมา เขาจงใจที่จะไม่ตวัดกระบี่ลงไป เพื่อที่จะทำให้ดูเหมือนว่ากระบี่นี้ไร้พลังใดๆ อย่างเด็ดเดี่ยว จากการที่ได้เผชิญหน้ากับร่างจำแลงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง ทำให้เขารู้ว่าชายชราผู้นี้มีความระแวงในกระบี่เล่มนี้

เมื่อเป็นเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ไม่เชื่อว่า มันจะไม่เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่าเวลาที่ดีที่สุดในการใช้สิ่งของบางอย่างก็คือ เมื่อสามารถทำให้คู่ต่อสู้ประหลาดใจ

“คนผู้นี้เป็นสุนัขจิ้งจอกชราเจ้าเล่ห์ มันต้องเตรียมตัวสำหรับกระบี่นี้มาอย่างแน่นอน ถ้าข้าต้องใช้มัน ข้าก็ต้องทำให้มันชะล่าใจ พื้นฐานฝึกตนของข้าไม่อาจเทียบกับมันได้ ถ้าข้าต้องการจะเอาชนะมหันตภัยครั้งนี้ ข้าก็ต้องใช้ปัญญาของตนเอง!”

“การใช้กระบี่เซียนในเวลาที่ถูกต้อง…ก็คือกุญแจแห่งชัยชนะ!” ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเคร่งเครียด ขณะที่เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับศัตรูที่สามารถบดขยี้พายุแห่งกาลเวลาได้ภายในหมัดเดียว ทำให้เขาต้องสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

“นี่ก็คือสุดยอดแห่งค้นหาเต๋า เป็นพลังแห่งเซียนเทียม!” เมิ่งฮ่าวรู้สึกหวาดกลัวต่อพลังของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังโดยส่วนตัว และเขาก็เข้าใจดีถึงความแตกต่างอย่างมากมาย ระหว่างคนทั้งสอง เขายังได้ตระหนักเป็นอย่างดีด้วยว่า กลุ่มหมอกสีขาว ที่เริ่มลอยออกมาจากร่างเขาเป็นความสมบูรณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของเขา ตอนนี้ มันได้เริ่มหายไป และกำลังถูกบังคับให้ออกไปจากร่างเขา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วทำให้รู้สึกน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

“ไม่จำเป็นต้องหลบหนี” เสียงแหบแห้งดังมาจากด้านหลังเมิ่งฮ่าว “ชีวิตของเจ้าถูกจัดเตรียมมาเพื่อข้า มันคือโชคชะตาของเจ้า…” เสียงเก่าแก่โบราณนั้นดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง เสมือนราวกับว่าสายลมกำลังเน่าเปื่อย และเมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงนั้น ทั่วทั้งร่างก็เริ่มหนาวเย็นราวกับเป็นน้ำแข็ง

เขาไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเซียนชี้ทางเข้าไปในรถศึก เพียงชั่วพริบตา เขาก็พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจ

“ข้ารู้เกี่ยวกับเจ้าตั้งแต่ตอนที่เจ้าอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ ข้าเฝ้ารอมาหลายปีเพื่อโอกาสที่จะกลายเป็นเซียน และเจ้าก็คือโอกาสนั้น” ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเสียงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังจะเข้ามาใกล้มากขึ้น เส้นโลหิตโผล่ขึ้นมาจากใบหน้าที่ซีดขาวของเมิ่งฮ่าว เขาไม่อาจจะปลดปล่อยพลังของเซียนชี้ทางไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ปราณเซียนพุ่งผ่านเส้นลมปราณออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่มันไหลเข้าไปในรถศึก

เขาเคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ น้ำทะเลที่ด้านล่างไม่ได้เป็นของวงแหวนที่สามอีกต่อไป มันเป็นสีดำ ซึ่งบ่งบอกให้รู้ว่าเขาได้เข้ามาในวงแหวนที่สองแล้ว

“นี่ก็คือเต๋าแห่งกรรม มันเป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นมาจากโชคชะตา เจ้าไม่อาจจะปฏิเสธได้”

“เจ้าคิดว่าจะสามารถปฏิเสธเต๋าแห่งกรรมได้? เจ้าคิดว่าจะสามารถปฏิเสธทางเลือกแห่งโชคชะตาได้? เมื่อเจ้าไม่อาจจะปฏิเสธ แล้วทำไมถึงไม่ยินดีที่จะให้พื้นฐานเต๋าของเจ้าแก่ข้า? ในวันหนึ่งเมื่อข้ากลายเป็นเซียน เจ้าก็จะอยู่ในปรโลกแห่งขุนเขาที่สี่ หลังจากที่เจ้าดื่มน้ำชาของเมิ่งผอ (ท่านยายเมิ่ง) เจ้าก็จะลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตในอดีต จะยังคงรู้สึกมีเกียรติต่อไป” ครั้งนี้เสียงของปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวังดูเหมือนว่าจะอยู่ที่ข้างกายเขา

——————–

หมายเหตุ : เมิ่งผอ (ท่านยายเมิ่ง) คือบุคคลในเทพนิยายของจีนโบราณ เป็นผู้ที่ทำงานอยู่ในปรโลก คอยส่งน้ำชาให้กับคนที่ตายไปแล้วดื่ม เพื่อให้ลืมเรื่องราวทุกอย่างในชีวิตที่ผ่านมาไปโดยสิ้นเชิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!