ตอนที่ 821
จัดการหลี่หลิงเอ๋อร์!
ขณะที่เมิ่งฮ่าวลากมันไป ซุนไห่ได้หมดสติจากความเจ็บปวดไปหลายครั้ง อย่างไรก็ตามด้วยความลี้ลับบางอย่างทำให้มันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นความรู้สึกที่มันไม่เคยพบเจอมาก่อนในชั่วชีวิตนี้
ถ้ามันสามารถร้องตะโกนออกมาได้ แน่นอนว่ามันต้องแผดร้องด้วยความขมขื่นอย่างน่าเหลือเชื่อออกมา
เมิ่งฮ่าวไม่แม้แต่จะมองไปที่มัน เขาจับเส้นผมมันไว้แน่นขณะที่ลากมันไปตามพื้นดิน ด้วยความตั้งใจที่จะเลือกแต่เส้นทางที่ขรุขระและยากที่จะเดินผ่าน ซุนไห่ไม่มีทางเลือกได้แต่ครูดร่างไปกับพื้นอยู่ที่ด้านหลัง ราวกับเป็นอสรพิษที่เลื้อยไปมา
ในที่สุดความมืดก็เริ่มปกคลุมลงมา เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นสีดำสนิท ตะเกียงสัมฤทธิ์ที่อยู่เหนือศีรษะเมิ่งฮ่าวทันใดนั้นก็สั่นสะท้าน เมิ่งฮ่าวหยุดชะงักนิ่งขณะที่รับรู้ได้ว่าโลหิตภายในร่างกำลังถูกตะเกียงดูดซับเข้าไป ใบหน้าเขาซีดขาวขณะที่เปลวไฟของตะเกียงส่งเสียงปะทุติดขึ้นมา
เปลวไฟมืดสลัว แต่ก็ทำให้เกิดเป็นเงาร่างมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ทั่วทุกทิศทาง บางคนที่อยู่ห่างออกไปไกลไม่อาจจะมองเห็นได้ แต่ใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ก็จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว หลังจากที่พยายามลองทำทุกวิถีทางที่จะป้องกันไม่ให้ตะเกียงส่องแสงออกไป แต่ก็ล้มเหลว เขาถอนหายใจเป็นเสียงแผ่วเบาออกมา และมุ่งหน้าเดินตรงไปพร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย แทนที่จะออกไปจากเขตเทือกเขา เมิ่งฮ่าวกลับมุ่งหน้าลึกเข้าไปด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในที่แห่งนี้ มีเวทป้องกันมากขึ้นกว่าเดิม…
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ มีสายลมพัดมาแต่ก็ไร้เสียงใดๆ ขณะที่เขาเดินผ่านกิ่งไม้ไป ความเจ็บปวดของซุนไห่ทำให้มันถูกแขวนอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย ขณะที่เมิ่งฮ่าวลากมันไปนับชั่วยาม ตอนนี้เป็นยามเที่ยงคืน เมื่อเมิ่งฮ่าวเดินไปทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักนิ่ง ความรู้สึกถึงจุดวิกฤตอันร้ายแรงพุ่งขึ้นมา เขาหันหลังไปและพบว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังพุ่งผ่านต้นไม้ใกล้เข้ามา
นางมีความงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่เดินออกมาจากความมืดยามราตรี ดูคล้ายกับว่านางกำลังลงมาจากสวรรค์ชั้นเซียน สวมใส่เสื้อคลุมยาวและมีเครื่องหมายรูปใบหลิวอยู่ที่ระหว่างคิ้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจืดจางลงไปเมื่อนำมาเทียบกับความงดงามของนาง ราวกับว่ามีนางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ควรค่าแก่การมองดูในโลกแห่งนี้
“ส่งเหรียญเต๋าเซียนโบราณมาให้ข้า” นางกล่าวเสียงราบเรียบ นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นหลี่หลิงเอ๋อร์แห่งดาวเป่ยหลู (ขลุ่ยทางเหนือ) เมื่อนางก้าวเดินตรงมายังเมิ่งฮ่าวทีละก้าว ดวงตาทั้งคู่แทบจะเหมือนกับดวงดาว ขณะที่จ้องมองมา
ขณะที่นางเดินตรงมา ต้นหญ้าส่ายไหวไปมาอย่างแผ่วเบาและเริ่มงอกยาวขึ้น ดอกไม้เริ่มผลิบาน ราวกับว่ากลิ่นอายของนางได้ไปช่วยสร้างเสริมพลังชีวิตให้กับทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวนาง
“เมื่อมีฝานตงเอ๋อร์อยู่ด้วย ข้าไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าเจ้าก็งดงามด้วยเช่นกัน” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาเบิกกว้าง หลี่หลิงเอ๋อร์เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่โจมตีเขามาก่อนหน้านี้ และในการต่อสู้ช่วงสั้นๆ กับนาง เขาบอกได้เลยว่านางไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
มีบางสิ่งที่น่ากลัวแอบซุ่มซ่อนอยู่ภายในกลิ่นอายของนาง สิ่งที่สร้างความสนใจให้กับเมิ่งฮ่าวอย่างเห็นได้ชัดก็คือ…เครื่องหมายใบหลิวที่อยู่ตรงกลางระหว่างคิ้วของนาง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ดวงตาเขาต้องกลายเป็นใบมีดอันคมกริบก็คือว่า…ไม่มีผู้พิทักษ์เต๋าอยู่ข้างกายนาง
เมิ่งฮ่าวจำได้อย่างแม่นยำว่า ในตอนที่นางยืนอยู่ที่ด้านนอกของลานวิหาร นางมีผู้พิทักษ์เต๋าคอยติดตามอยู่ ในตอนนี้เมื่อไม่มีใครติดตามมาด้วยก็แสดงให้เห็นว่า นางมีความเชื่อมั่นอย่างสูงสุด มีผู้ถูกเลือกน้อยคนนักที่จะมีความเชื่อมั่นเช่นนี้
จ้าวอีฝานก็เป็นเช่นเดียวกัน รวมทั้งจี้ยิน ฝานตงเอ๋อร์ก็เป็นเช่นนี้ และตอนนี้ก็เป็นหลี่หลิงเอ๋อร์ผู้นี้
สีหน้าหลี่หลิงเอ๋อร์ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยกับคำพูดของเมิ่งฮ่าว ราวกับว่านางไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น นางก้าวเดินมาอย่างต่อเนื่อง พลังอันเข้มข้นพุ่งออกไปทำให้ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่โตอย่างน่าตกใจ ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนาง
ต้นไม้นั้นแห้งเหี่ยว และมีเถาวัลย์เกาะเกี่ยวอยู่รอบๆ จนดูคล้ายกับเป็นมังกรวารี ต้นไม้มีสีดำสนิท แต่ใบของมันเป็นสีเขียวมรกต
“เจ้าจะส่งมอบมาให้ข้าหรือไม่?” นางถามด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะราบเรียบ แต่ดวงตานางเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งทรนง ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจออกมา และจากนั้นก็กล่าวว่า “ข้าอยากจะมอบให้กับเจ้า แต่…ข้าแต่งงานแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้หลี่หลิงเอ๋อร์อ้าปากค้าง คำตอบของเมิ่งฮ่าวไม่เกี่ยวข้องกับคำถามของนางเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่นางอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้า ภาพแห่งธรรมของเขาปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง และเขาก็พุ่งตรงไป ต่อยหมัดเข้าใส่หลี่หลิงเอ๋อร์ในชั่วพริบตา
ซุนไห่ถูกโยนทิ้งไปที่ด้านข้าง มันถูกพันธนาการไว้ ดังนั้นสิ่งที่มันทำได้ทั้งหมดก็คือ มองไปด้วยความมุ่งหวังขณะที่เมิ่งฮ่าวและหลี่หลิงเอ๋อร์เริ่มต่อสู้กัน
“ผู้ฝึกตนพื้นเมืองแห่งดาวหนานเทียนเช่นเจ้า ก็เป็นแค่แมลงที่ไร้พิษสงใดๆ” นางกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ เถาวัลย์บนต้นไม้ยักษ์ที่ด้านหลังนางเริ่มเรืองแสงขึ้นมา และจากนั้นกิ่งก้านนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไป กระแทกเข้าไปยังภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าวเกิดเป็นเสียงระเบิดขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น หมัดของเมิ่งฮ่าวก็กระแทกเข้าไปตรงใบขนาดใหญ่ที่มาขัดขวางเขาไว้
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่สีหน้าหลี่หลิงเอ๋อร์จะทันได้เปลี่ยนไป เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงออกมา และยกมือซ้ายขึ้น กระถางสายฟ้าปรากฏอยู่ในมือ ขณะที่ประจุไฟฟ้าเต้นไปมา รอยยิ้มที่เยาะเย้ยดูถูกปรากฏขึ้นบนใบหน้าหลี่หลิงเอ๋อร์
“เจ้าไม่มีทางจะหลบหนีไปได้!” นางกล่าว ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก กิ่งก้านนับไม่ถ้วนก็เกี่ยวพันไปรอบๆ ร่างซุนไห่ กักขังมันไว้ในที่แห่งนั้นโดยสิ้นเชิง
“ข้าไม่ได้คิดจะหลบหนี!” เขากล่าวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ประจุไฟฟ้าแวบขึ้น เมิ่งฮ่าวและหลี่หลิงเอ๋อร์สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน!
ความจริงแล้วเมิ่งฮ่าวไม่ได้คิดจะหลบหนีไป แต่ต้องการจะสลับตำแหน่งกับหลี่หลิงเอ๋อร์ แทนที่จะเป็นซุนไห่!
หลี่หลิงเอ๋อร์ตกตะลึง และก่อนที่นางจะทันได้มีปฏิกิริยาใดๆ เสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกมา ในชั่วพริบตา นางและเมิ่งฮ่าวก็สับเปลี่ยนตำแหน่งกันมากกว่าเจ็ดถึงแปดครั้ง
การเคลื่อนย้ายตำแหน่งอย่างถี่เร็วเช่นนี้เป็นสิ่งที่หลี่หลิงเอ๋อร์ไม่คุ้นเคย หนึ่งครั้งไม่เป็นไร สองครั้งนางก็ยังทนได้ แต่หลังจากครั้งที่สาม การพุ่งกลับไปกลับมาเช่นนั้น ทำให้นางรู้สึกราวกับว่ากำลังจะถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ
โชคดีที่เมิ่งฮ่าวมีกายเนื้อที่เหนียวแน่นอย่างน่าเหลือเชื่อ มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่อาจจะจัดการกับเรื่องนี้ได้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่ทำให้สีหน้าของหลี่หลิงเอ๋อร์ต้องสลดลงไปมากขึ้นกว่าเดิมก็คือว่า เมิ่งฮ่าวสามารถโจมตีมาได้ แม้จะอยู่ในท่ามกลางการสับเปลี่ยนตำแหน่งกันไปมาก็ตามที เขาสามารถใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นตามปกติ แต่การโจมตีของหลี่หลิงเอ๋อร์มักจะถูกขัดขวางไว้
ตูมมมมมม!!
ในชั่วพริบตา แสงอันเจิดจ้าก็เริ่มกระจายออกมาจากร่างหลี่หลิงเอ๋อร์ ต้นเถาวัลย์ลอยออกมากลายเป็นมังกรวารี พุ่งมาตรงกลางระหว่างนางและเมิ่งฮ่าว ทำให้อากาศฉีกขาดออกไป แยกคนทั้งสองออกจากกันโดยสิ้นเชิง
หลี่หลิงเอ๋อร์มองกลับไปที่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว โลหิตไหลซึมออกมาจากปาก นางจ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว แต่ก็ต้องตกตะลึงต่อพลังอันน่าเหลือเชื่อของกายเนื้อเขา
“ต่ำช้านัก!” นางกล่าว อย่างไรก็ตามประจุไฟฟ้าก็ปะทุขึ้นมาอยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากนาง ทำให้สีหน้าต้องสลดลงไป
แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้สับเปลี่ยนตำแหน่งกับนาง เขาเพียงแต่ใช้ประกายสายฟ้าเพื่อทำให้นางตกใจ เขาต่อยหมัดออกไปอีกครั้ง ติดตามมาด้วยภาพแห่งธรรม ในเวลาเดียวกันนั้น ร่างจริงที่สองก็ปรากฏขึ้น และกำลังจะไปช่วยสะกดข่มหลี่หลิงเอ๋อร์ไว้ แต่ทันใดนั้นร่างจำแลงของหลี่หลิงเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากในอากาศอย่างน่าตกใจยิ่ง!
ร่างจำแลงนั้นเริ่มต่อสู้กับร่างจริงที่สองของเมิ่งฮ่าวในทันที
เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ และเมิ่งฮ่าวก็แผดเสียงคำรามออกมา ขณะที่เขากลายเป็นวิหคยักษ์ บินตรงไปอย่างรวดเร็วราวกับเป็นสายฟ้า หลี่หลิงเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บแล้วในตอนนี้ และนางก็ถูกบังคับให้ต้องถอยไปทางด้านหลังทีละน้อย เมิ่งฮ่าวมีความดุร้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาโจมตีราวกับเป็นสายฟ้าที่ฟาดลงไปในคืนที่ฝนฟ้าคะนอง กลิ่นอายความเป็นนิรันดร์ที่อยู่รอบๆ ร่างเขา ทำให้หลี่หลิงเอ๋อร์รู้สึกได้ถึงการถูกสะกดข่มไว้
ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น คนทั้งสองได้ต่อสู้กันไปมาอย่างดุร้าย เวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิตปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลี่หลิงเอ๋อร์รีบประสานมือเข้าด้วยกันอยู่ที่ด้านบน ทำให้ทั่วทั้งร่างนางเริ่มเปล่งแสงสีเขียวมรกตอันเจิดจ้าออกมา และกลายร่างเป็นขวดเวทต่อสู้กลับไปยังเวทยิ่งใหญ่อสูรโลหิต
เมิ่งฮ่าวเปลี่ยนร่างจากวิหคยักษ์เพื่อก่อตัวเป็นศีรษะอสูรโลหิต กระแทกเข้าไปยังขวดเวท ทำให้มันระเบิดออก ในเวลาเดียวกันนั้นหลี่หลิงเอ๋อร์ก็โบกสะบัดมือขวา ทำให้ภาพของต้นเถาวัลย์ปรากฏขึ้น จากนั้นก็กระแทกลงไปยังเมิ่งฮ่าว
ศีรษะอสูรโลหิตแตกกระจายไป ทำให้โลหิตไหลซึมออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว เขาไม่ล่าถอยออกไปแม้แต่น้อย แต่กลับพุ่งตรงไป กายเนื้อระเบิดพลังอันรุนแรงออกมา เขาโบกสะบัดมือทำให้ภูเขาขนาดใหญ่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นลูกแล้วลูกเล่า พวกมันเชื่อมต่อกันกลายเป็นเทือกเขาบังคับให้หลี่หลิงเอ๋อร์ต้องล่าถอยออกไป จิตใจนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก รับรู้ได้ว่าจริงๆ แล้ว เมิ่งฮ่าวในตอนนี้แข็งแกร่งมากกว่าในตอนที่ต่อสู้กับฝานตงเอ๋อร์ซะอีก
อันที่จริง ดูเหมือนว่าเขากำลังมีการสร้างพลังเพิ่มขึ้นมา!
“มันจะเริ่มไร้ผู้ต่อต้านขึ้นมาอย่างแท้จริง” นางคิด “ต้องไม่ปล่อยให้มันสร้างพลังขึ้นมาได้จนเสร็จสิ้น มิเช่นนั้น…การต่อสู้ครั้งนี้ก็คงจะจบลงโดยที่ข้าเป็นผู้แพ้!” นางถอยไปทางด้านหลังพร้อมกับดวงตาที่แวบขึ้นมา ขยับสองมือร่ายเวทด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ต้นเจี้ยนมู่ (ต้นไม้แห่งการสร้าง) ที่พังทลายลงไป สาปแช่งสวรรค์ด้วยวิญญาณของเจ้า จงกลายร่างไปเพื่อข้า สะกดข่มเก้าปฐพี!” ขณะที่นางกล่าว ก็ผลักสองมือไปข้างหน้า เสียงที่ได้ยินนั้นดูเหมือนจะระเบิดออก แต่ในเวลาเดียวกันนั้น การสะกดที่คล้ายกับเป็นเสียงเต้นของหัวใจก็เกิดขึ้นหนึ่งครั้ง
สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป เสียงครั้งที่สองดังออกมา จากนั้นก็สามและสี่ ในตอนนี้เองที่ต้นไม้ขนาดยักษ์ที่อยู่ด้านหลังหลี่หลิงเอ๋อร์ได้พังทลายลงไปกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ราวกับว่ามันเพิ่งจะผ่านกาลเวลามานานนับไม่ถ้วน ชิ้นส่วนมากมายกลายเป็นท่อนไม้ที่ใหญ่ถึงหนึ่งร้อยจ้าง จากนั้นก็พุ่งผ่านหลี่หลิงเอ๋อร์ตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงอันตรายอันร้ายแรงขึ้นมาในทันที ขณะที่ท่อนไม้ใกล้เข้ามา ราวกับว่าท่อนไม้นั้นเต็มไปด้วยความตาย ในช่วงที่วิกฤตนี้เขาตบไปที่ถุงสมบัติหยิบเอาก้อนศิลาออกมา
เป็นก้อนศิลาสีทองที่ดูคล้ายกับเป็นดวงตะวัน เขาขว้างมันตรงไปยังท่อนไม้ที่ใกล้เข้ามา ใส่พลังพื้นฐานฝึกตนทั้งหมดของเขาเข้าไป แม้แต่ภาพแห่งธรรมก็ยังได้จางหายไป ขณะที่เขารวบรวมพลังทั้งหมดขึ้นมา แสงเจิดจ้าระเบิดออก ปกคลุมทุกสรรพสิ่งในบริเวณนั้นไว้ จนทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ในเขตเทือกเขาสามารถจะมองเห็นได้
เป็นสิ่งที่ดูคล้ายกับดวงตะวันอันเจิดจ้ากระแทกเข้าไปยังท่อนไม้ ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าที่ด้านบนสั่นสะท้าน ท่อนไม้หลอมละลายไป และแสงของก้อนศิลาก็จางหายไป โลหิตไหลซึมออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว และหลี่หลิงเอ๋อร์ก็กระตุกขึ้นอย่างรุนแรง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก และนางก็ล่าถอยไปทางด้านหลังด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง
“คิดจะหนี? ท่านแม่ข้ากำลังขาดหญิงรับใช้เช่นเจ้าอยู่พอดี!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาแวบขึ้นด้วยรังสีสังหาร ชี้มือตรงไปยังหลี่หลิงเอ๋อร์
เวทผนึกอสูรรุ่นแปด พุ่งกระจายออกไปในทันที
ฉับพลันนั้นสีหน้าหลี่หลิงเอ๋อร์ก็สลดลง ในตอนนี้ราวกับว่านางไร้พื้นฐานฝึกตนใดๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ในท่ามกลางการต่อสู้ ช่วงเวลาสั้นๆ นี้ก็สามารถจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างไปได้
นางหยุดชะงักนิ่งอยู่กลางอากาศ และเมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฏกายขึ้นอยู่ที่ด้านข้าง เขากำลังจะเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้าจับตัวนางไว้ แต่ใบหน้านางก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้น อากาศที่อยู่ด้านหลังนางแวบขึ้น ขณะที่เตรียมตัวจะใช้วิชาเวทเหมือนที่นางเคยใช้มาในก่อนหน้านี้ขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีทางที่เมิ่งฮ่าวจะยอมให้เกิดขึ้นเช่นนั้น กระถางสายฟ้าปรากฏขึ้น และคนทั้งสองก็สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกันอีกครั้ง จากนั้นก็อีกครั้งและอีกครั้ง จนกระทั่งคนทั้งสองได้สับเปลี่ยนตำแหน่งกันนับสิบครั้ง
แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ยากที่จะทนทานได้ ผิวหนังเขาเริ่มแตกแยกออก แต่หลี่หลิงเอ๋อร์เลวร้ายไปกว่านั้น นางกระอักโลหิตออกมา ขณะที่ได้รับบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส
นางกัดฟันแน่นบดขยี้แผ่นหยกไป ทำให้ระลอกคลื่นกระจายออกไปในอากาศ เห็นได้ชัดว่านางกำลังจะเคลื่อนย้ายทางไกลออกไปแล้ว เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นและใช้เวทปลิดดาวออกมา…คว้าจับไปที่ด้านหลังนางอย่างรวดเร็วในทันที และลากนางตรงมาที่เขา
หลี่หลิงเอ๋อร์สั่นสะท้าน ทั่วทั้งร่างนางด้านชา ขนทั่วร่างลุกขึ้นชี้ชันขณะที่ถูกลากดึงกลับไปยังเมิ่งฮ่าว เขาผนึกพื้นฐานฝึกตนของนางไว้ และจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดมิด เมื่อนางถูกจับโยนเข้าไปในถุงสมบัติ