Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 841

ตอนที่ 841

เส้นทางโบราณแห่งการแข่งขันเปิดออก!

“ครั้งหน้าพวกเราจะได้พบกัน ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว” เมิ่งฮ่าวพึมพำ การจากไปของตานกุ่ย, ฉู่อวี้เยียน และคนอื่นๆ เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเกินไป ทำให้จิตใจเขารู้สึกว่างเปล่า

เมิ่งฮ่าวคิดย้อนกลับไปในการฝึกตนนับร้อยปีที่ผ่านมาของตัวเอง ดูเหมือนว่ามีผู้คนมากมายที่เขารู้จักต้องจบลงด้วยการจากไป และไม่ได้อยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนอีกต่อไป

ปรมาจารย์เอกะเทวะจากไป สวี่ชิงจากไป ตานกุ่ยจากไป ฉู่อวี้เยียนจากไป…

โชคดีที่เจ้าอ้วน, เฉินฝาน และคนอื่นๆ ยังคงอยู่ที่นี่ แต่ก็มีใครบางคนที่เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจนัก ยกตัวอย่างเช่น ปรมาจารย์รุ่นสิบตระกูลหวัง, หานเป้ยแห่งสำนักชิงหลัว และแน่นอนว่ายังมีตงหู่ ซึ่งได้เข้าสังกัดสำนักเอกะเทวะไปพร้อมกับเขาในตอนแรกอีกด้วย

เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ เขาไม่ได้จากดินแดนด้านใต้ไปพร้อมกับบิดา แต่ไปยังสำนักจินหานแทน เขาและเจ้าอ้วนร่วมดื่มด้วยกัน เจ้าอ้วนส่งภรรยานับร้อยของมันออกไป มันและเมิ่งฮ่าวไปนั่งอยู่บนยอดเขา ร่วมดื่มและพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา

คนทั้งสองพูดคุยเกี่ยวกับแคว้นจ้าว เกี่ยวกับเมืองหยุนเจี๋ย พูดคุยเกี่ยวกับสำนักเอกะเทวะ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นอยู่ที่นั่น ในที่สุดก็เป็นยามสนธยา และดวงดาวก็เริ่มปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ยากที่จะบอกได้ว่าคนทั้งสองได้ดื่มกันไปมากมายเท่าใดแล้ว

“ข้าจะไปเข้าร่วมงานคัดเลือกศิษย์ ที่ถูกจัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งตี้จิ่วซานไห่!” เจ้าอ้วนพูดขึ้นอย่างเปิดเผย โยนขวดน้ำเต้าสุราไปที่ด้านข้าง และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความมุ่งมั่น “ข้าไม่อยากจะติดอยู่ในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนนี้ไปชั่วชีวิต ข้าอยากจะออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว!”

เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังเจ้าอ้วน ตัวเขาเองได้ยินมาจากจื่อเซียงเกี่ยวกับงานแข่งขันคัดเลือกศิษย์ของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่นี้มาก่อน ตอนนี้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งตี้จิ่วซานไห่ แม้แต่ในดาวหนานเทียนแห่งนี้ก็เช่นกัน

เจ้าอ้วนมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้ามุ่งมั่น กล่าวต่อไป

“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูด ข้ารู้ว่าเจ้าก็จะไม่อยู่ในดาวหนานเทียนนี้ต่อไปด้วยเช่นกัน เส้นทางของเจ้าอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมื่อพวกเราเป็นพี่น้องกัน ถ้าเจ้าไป ข้าก็จะไม่ยอมอยู่ล้าหลัง! ข้าจะไปด้วยเช่นกัน!”

เมิ่งฮ่าวไม่กล่าวตอบในตอนแรก แค่ยกขวดน้ำเต้าสุราขึ้นมาดื่ม มองไปยังเจ้าอ้วนและยิ้มออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า “เมื่อดูจากฟันของเจ้าแล้ว เจ้าคงจะได้รับโชควาสนามาบ้างอย่างแน่นอน!”

เจ้าอ้วนหัวเราะเป็นเสียงดัง จากนั้นก็หยิบเอามีดบินออกมา และเริ่มถูไปที่ฟันของมัน คนทั้งสองหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน และจากนั้นก็พูดคุยต่อไปจนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เมิ่งฮ่าวอยู่กับเจ้าอ้วนอีกสองสามวันก่อนที่จะจากไป การเดินทางผ่านดินแดนด้านใต้ของเขาจุดแวะพักต่อไปคือการไปเยี่ยมเยียนเฉินฝาน

เฉินฝานนั่งอยู่ที่ด้านข้างก้อนศิลาภูเขาตลอดเวลาเหมือนเช่นเคย เมิ่งฮ่าวนั่งเข้าฌาณอย่างเงียบๆ อยู่ข้างกายมัน เฉินฝานไม่ได้ดื่มสุราอีกต่อไป แต่ยังคงมองเห็นหนวดเครารกครึ้มอยู่บนใบหน้า แสงอันลึกล้ำมองเห็นได้จากในส่วนลึกของดวงตา เวลาส่วนใหญ่ของมันมักจะจ้องมองไปยังก้อนศิลา ราวกับว่ากำลังจมอยู่ในห้วงความทรงจำ

เมิ่งฮ่าวไม่ได้ไปขัดจังหวะมัน แต่นั่งอยู่ที่ด้านข้างตลอดทั้งคืน

เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น และถึงเวลาที่เมิ่งฮ่าวต้องจากไปแล้ว จู่ๆ เฉินฝานก็กล่าวขึ้น “ข้าตัดสินใจที่จะไปเข้าแข่งขันงานที่ถูกจัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่”

เมิ่งฮ่าวพยักหน้าและจากไป

ต่อมาเขาไปหยุดอยู่ที่สำนักเซี่ยเยา ไปพบกับหวังโหย่วฉาย ซึ่งก็คล้ายกับเจ้าอ้วนและเฉินฝานเป็นอย่างมาก ที่สนใจจะไปเข้าร่วมงานแข่งขัน

หวังโหย่วฉายก็ตัดสินใจที่จะไปเข้าร่วม หาโอกาสให้กับอนาคตของตนเองด้วยเช่นเดียวกัน

เมิ่งฮ่าวไม่ได้พบกับปรมาจารย์อสูรโลหิต ที่ด้านนอกถ้ำแห่งเซียนของปรมาจารย์อสูรโลหิต เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายอันเข้มข้น เขายืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ก่อนจะในที่สุดก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

“ผู้อาวุโส ข้าจะไม่ลืมความเมตตาที่ท่านช่วยให้ข้าสามารถตัดจิตมารค้นหาเต๋าได้!” เมิ่งฮ่าวโค้งตัวลงอีกครั้ง

กลิ่นอายแห่งความตายยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็หันหลังและจากไป ที่ห่างไกลออกไป เขามองเห็นหุบเขาที่สวี่ชิงและตนเองเคยอาศัยอยู่ด้วยกันในวันสุดท้าย รวมทั้งสถานที่ที่คนทั้งสองได้วิวาห์ด้วยกัน

มันเป็นภูเขาที่ด้านหนึ่งมีความทรงจำอันงดงามของสวี่ชิง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการต่อสู้และสังหารหมู่ นั่นเป็นสถานที่ที่ซึ่งเขาและสวี่ชิงได้วิวาห์ร่วมกัน

ขณะที่เขาจ้องมองไปยังสถานที่แห่งนั้น จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกถึงความเดียวดายขึ้นเป็นอย่างมาก หลังจากที่จ้องมองไปเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็จากไป

ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะต้องไปยังที่แห่งใดในดินแดนอันเหยียดยาวกว้างใหญ่นี้ ที่สามารถจะทำได้ก็คือมองขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“บางที คงถึงเวลาที่ข้าต้องจากไปแล้วเช่นกัน”

สองเดือนผ่านไปในชั่วพริบตา เมิ่งฮ่าวไปยังทะเลเทียนเหอ ไปยังทะเลทรายตะวันตก ไปยังดินแดนทางเหนือ และในที่สุดก็ดินแดนตะวันออก สุดท้ายวันที่ท้องฟ้าเริ่มส่งเสียงกระหึ่มก็ดังขึ้น และบทเพลงแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง กระแสน้ำวนหลากสีขนาดใหญ่สามกระแสปรากฏขึ้นในท้องฟ้า

การหมุนไปมาของกระแสน้ำวนนี้ ทำให้เกิดเป็นเสียงดังก้องออกไป ผู้ฝึกตนทั้งหมดในดินแดนแห่งดาวหนานเทียนต่างก็ได้ยินกันไปทั่ว ไม่ว่าพวกมันจะอยู่ในทะเลทรายตะวันตก หรือดินแดนด้านใต้ ในดินแดนทางเหนือหรือดินแดนตะวันออก ทันใดนั้นคนทั้งหมดต่างก็มองเห็นสามกระแสน้ำวนที่แปลกๆ ปรากฏขึ้นที่ด้านบนท้องฟ้า

กระแสน้ำวนทั้งสามดูคล้ายกับอยู่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า แต่จริงๆ แล้วก็ปรากฏอยู่ในสายตาของคนทั้งหมด

ไม่ว่าผู้ฝึกตนจะอยู่ในที่แห่งใด ตราบเท่าที่พื้นฐานฝึกตนของพวกมันตรงกับข้อกำหนด และตั้งใจที่จะไปค้นหาเต๋าและโชควาสนา สิ่งที่พวกมันทั้งหมดต้องทำก็คือ ก้าวเท้าตรงเข้าไปในกระแสน้ำวนนั้น

ในช่วงเวลาเดียวกับที่กระแสน้ำวนปรากฏขึ้น เสียงอันเก่าแก่โบราณก็ดังก้องออกมาจากภายใน ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน และกฎแห่งธรรมชาติก็ไม่อาจจะป้องกันไม่ให้เสียงนั้นดังก้องออกมา ราวกับว่าเป็นเสียงที่ดังออกมาจากสมัยโบราณ ทำให้จิตใจของคนทั้งหมดต้องรู้สึกหวาดกลัวขึ้น

“การแข่งขันได้จัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สามนิกายหกสำนัก!”

“ใครก็ตามในตี้จิ่วซานไห่สามารถจะเข้าร่วมได้ ไม่จำกัดภูมิหลัง ไม่จำกัดอายุ ตราบเท่าที่มีพื้นฐานฝึกตนตรงกับข้อกำหนด!”

“กระแสน้ำวนทั้งสามนี้สำหรับขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ตัดวิญญาณ และค้นหาเต๋า!”

“ก่อนอื่น ให้เดินขึ้นมาบนเส้นทางโบราณ จากนั้นหนึ่งหมื่นคนแรกที่มาถึงก่อน ก็จะสามารถเข้าร่วมในการแข่งขันที่ทรงเกียรตินี้ได้!”

“สำหรับหนึ่งหมื่นคน เจ็ดพันจะมาจากขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง สองพันมาจากตัดวิญญาณ และหนึ่งพันมาจากค้นหาเต๋า! ผู้ฝึกตนจากตี้จิ่วซานไห่…การแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว ณ บัดนี้!”

ดาวหนานเทียนสั่นสะเทือน คนทั้งหมดรู้ว่าการแข่งขันคัดเลือกศิษย์ ที่ถูกจัดขึ้นโดยสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่…ได้เริ่มขึ้นแล้วในตอนนี้!

ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่เตรียมตัวจะเข้าร่วม โลหิตเริ่มเดือดพล่านเมื่อโชควาสนาได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้า โดยที่ยังไม่ได้กลายเป็นเซียน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเดินทางผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ดังนั้นถ้าพวกมันสามารถจะไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ได้ พวกมันก็จะมีชื่อเสียง และคล้ายกับเป็นมัจฉาที่พุ่งทะยานผ่านท้องทะเลขึ้นไปในสวรรค์

ในเวลาเดียวกันนั้น กระแสน้ำวนเช่นเดียวกันนี้ ก็ได้ปรากฏขึ้นบนดาวเป่ยหลู (ขลุ่ยทิศเหนือ) ดาวตงเซิ่ง (ชัยชนะตะวันออก) และดาวซีเฮ่อ (สุขสันต์ตะวันตก) ตามมาด้วยเสียงและคำพูดที่เป็นเอกลักษณ์ เหมือนกันทั้งหมดในตี้จิ่วซานไห่ เสียงนั้นดังก้องออกไปทั่วทั้งดินแดนในตี้จิ่วซานไห่ และกระแสน้ำวนทั้งสามแห่งก็ปรากฏขึ้น

ตี้จิ่วซานไห่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยขึ้นในทันที และผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนต่างก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และมีจิตปรารถนาที่จะไปค้นหาเต๋า พวกมันบินตรงไปยังกระแสน้ำวนจากทิศทางที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วน

เพียงแค่ดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ก็มีกลุ่มคนบินขึ้นไปมากกว่าหนึ่งหมื่นคนแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ซึ่งบินเข้าไปในกระแสน้ำวนวิญญาณแรกก่อตั้ง เพื่อเดินไปตามเส้นทางโบราณแห่งวิญญาณแรกก่อตั้ง กลุ่มคนน้อยกว่านั้นได้บินเข้าไปในกระแสน้ำวนตัดวิญญาณ

กลุ่มคนที่น้อยมากที่สุดคือกลุ่มที่เดินไป…บนเส้นทางโบราณแห่งการค้นหาเต๋า

ถ้ามองไปยังภาพรวมของตี้จิ่วซานไห่ทั้งหมด ก็ยากที่จะบอกได้ว่ามีคนที่เดินไปบนเส้นทางโบราณนี้มากน้อยเท่าใดกันแน่

นี่คือเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของตี้จิ่วซานไห่ทั้งหมด ดังนั้นสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสามนิกายหกสำนัก ต่างก็ส่งคนมาคอยคุ้มกันบนเส้นทางโบราณทั้งสามนี้

เส้นทางทั้งสามเหล่านี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน พวกมันอาจจะถูกเรียกว่าเส้นทางโบราณ แต่จริงๆ แล้ว พวกมันประกอบด้วยเศษซากปรักหักพังในตี้จิ่วซานไห่ ภายในซากปรักหักพังเหล่านั้นมีโชควาสนานับไม่ถ้วนอยู่ และคิดว่าโชควาสนาเหล่านั้นคงจะมีอยู่มานานกว่าตี้จิ่วซานไห่ซะอีก

อันที่จริง เส้นทางทั้งสามนี้เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในกลุ่มซากปรักหักพังที่ใหญ่มากกว่านั้น ซึ่งสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้ควบคุมไว้ การที่เส้นทางทั้งสามกำลังถูกเปิดออกอยู่ในตอนนี้ ได้ไปกระตุ้นความทะเยอทะยานของจิตใจนับไม่ถ้วนในตี้จิ่วซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่เก้า)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเพราะว่า…ซากปรักหักพังเหล่านี้ได้ถูกเรียกว่าเป็นเศษซากเซียน ในอดีตที่ผ่านมามีผู้คนได้ค้นพบเถาวัลย์ประกายเซียนอยู่ในที่แห่งนี้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้โครงสร้างเซียนแท้ทั้งหมดในตี้จิ่วซานไห่ต้องเปลี่ยนไป ยิ่งไปกว่านั้น อีกแปดขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่ต่างก็มีซากปรักหักพังเช่นเดียวกันนี้อยู่ด้วย

พื้นที่ส่วนใหญ่ที่อยู่ภายในซากปรักหักพังนี้เป็นเขตหวงห้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผ่านลึกเข้าไปในซากปรักหักพังเหล่านั้น ก็แทบจะมั่นใจได้ว่าต้องตายไปอย่างแน่นอน ตลอดหลายปีนับไม่ถ้วนที่ผ่านมา มีเพียงผู้แข็งแกร่งมากที่สุดเท่านั้นที่เคยเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของเศษซากเซียน แต่ก็ไม่มีใครจะเคยรอดชีวิตกลับออกมาได้อีกเลย

มีข่าวลือว่าราชันหลี่เคยเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของซากปรักหักพังนี้ แต่มีอะไรเกิดขึ้นในที่แห่งนั้น ไม่มีใครรู้ได้ พวกมันรู้แต่เพียงว่าร่างจำแลงที่ท่านทิ้งไว้ ได้ออกคำสั่งโองการสวรรค์ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาแห่งสวรรค์ออกมา

เนื่องจากโองการสวรรค์เช่นนั้น ทำให้วันต่อมา ราชันจี้ได้แทนที่สวรรค์ไป กองกำลังที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่ของตี้จิ่วซานไห่ ได้เปลี่ยนข้างไปสนับสนุนราชันจี้แทน

ยังมีข่าวลืออื่นอีกได้กล่าวไว้ว่า ในจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) ไม่ว่าจะเป็นขุนเขาหรือทะเล ใครก็ตามที่ได้รับความรู้แจ้งที่เกี่ยวข้องกับความลับของเศษซากเซียน ก็จะกลายเป็นจักรพรรดิของจิ่วต้าซานไห่ทั้งหมด

แต่นี่ก็เป็นแค่ข่าวลือโดยทั่วไปเท่านั้น ไม่มีใครจะสามารถทำได้สำเร็จอย่างแท้จริง ไม่แม้แต่ตี้จ้างต้าจุน ซึ่งเป็นราชันแห่งตี้ซื่อซานไห่ (ขุนเขาทะเลที่สี่)

ตอนนี้เมื่อการแข่งขันได้เริ่มขึ้น เงาร่างนับไม่ถ้วนได้หายตัวเข้าไปในกระแสน้ำวนทั้งสาม เจ้าอ้วน, เฉินฝาน, หวังโหย่วฉาย และคนอื่นๆ ทั้งหมดที่ตัดสินใจจะไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ เพื่อให้ได้มาซึ่งโชควาสนาบางอย่าง

สำหรับเมิ่งฮ่าว เขานั่งขัดสมาธิอยู่ภายใต้ร่มไม้ในตระกูลฟางแห่งดินแดนตะวันออก มองขึ้นไปยังกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ทั้งสาม หลังจากที่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มองขึ้นไปยังกระแสน้ำวนอยู่สักพัก แสงแปลกๆ ก็สาดประกายขึ้นในดวงตา

“เจ้ามีเหรียญเต๋าเซียนโบราณ ถ้าต้องการจะเข้าสังกัดเซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้” เป็นเสียงที่ดังมาจากบิดาเขา ฟางซิ่วเฟิง ซึ่งกำลังเดินทอดน่องมาจากทางด้านหลัง มาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าวและกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น มักจะมีการตายเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในการแข่งขันนี้ เจ้าไม่กลัว?”

“นอกจากโอกาสที่จะเข้าสังกัดสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่แล้ว ยังมีโอกาสที่จะได้รับโชควาสนาบางอย่างอีกด้วย ใช่หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวถาม

“แน่นอนว่ามี! ถ้าเจ้าได้อันดับหนึ่ง ก็จะได้ครอบครองของวิเศษอันล้ำค่า เมื่อคิดไปถึงทรัพยากรของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่แล้ว แม้แต่ฟู่ (บิดา) ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นหวังว่าจะได้รับสิ่งของเวทจากพวกมันมาบ้าง”

“ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จะบอกความลับอีกอย่างให้เจ้ารู้ นอกจากผู้ก่อตั้งของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่แล้ว ผู้ก่อตั้งของสี่ตระกูลใหญ่ ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สามนิกายหกสำนัก…ทั้งหมดต่างก็เคยเดินไปบนเส้นทางโบราณของเศษซากเซียนนี้มาก่อน!”

“ที่นั่นพวกมันได้รับโชควาสนาอย่างคาดไม่ถึง จนทำให้สามารถจะก่อตั้งสำนักและตระกูลขึ้นมาได้”

“เช่นเดียวกับบรรพบุรุษของตระกูลฟาง ที่นั่นท่านได้ครอบครองสายโลหิตที่ทำให้ตระกูลฟางสามารถยืนหยัดอย่างยิ่งใหญ่มาได้ในตี้จิ่วซานไห่นี้ แน่นอนว่านั่นก็คือ…การตื่นขึ้นมาสี่ชีวิตของตระกูลฟาง!”

“เตีย ท่านก็เคยเข้าไปด้วย?” เมิ่งฮ่าวถาม

ตอนแรกฟางซิ่วเฟิงไม่ตอบ หลังจากที่ผ่านไปนาน ท่านก็ส่ายหน้า

“เดิมทีเตียเหนียง (บิดามารดา) คิดว่าจะรอให้เจ้าเติบโตขึ้น พวกเราค่อยออกเดินทางไปที่นั่น”

เมื่อมองไปยังบิดา เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงความเสียใจบางส่วนที่ยังคงอยู่ในจิตใจท่าน เขาจ้องมองกลับไปยังกระแสน้ำวนที่อยู่สูงขึ้นไปทั้งสาม จากนั้นแสงแห่งความมุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นในดวงตา

“เตีย ข้าอยากจะไป”

“ถ้าเจ้าต้องการไปก็ไปเถอะ พวกเราเหล่าผู้ฝึกตนไม่ควรจะต้องมาหวาดกลัวต่อความตาย!” ฟางซิ่วเฟิงมองมายังเมิ่งฮ่าว และเห็นได้ชัดถึงความรักที่มีอยู่ในแววตา รวมทั้งการให้กำลังใจอยู่ในนั้นด้วย

“หลังเส้นทางโบราณคือสังเวียนการประลอง นี่คือโอกาสอันยิ่งใหญ่ ฟู่หวังว่าเจ้าจะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน!”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมนามของฟู่ถึงได้เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งตี้จิ่วซานไห่ แม้แต่ขุนเขาทะเลอื่นๆ ก็ยังรู้จักอีกด้วย? นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อตอนที่ฟู่อยู่ในอาณาจักรวิญญาณ ไม่เคยที่จะหวาดกลัวในการต่อสู้กับคนที่อยู่ในขั้นเดียวกัน ข้าต่อสู้และสังหารจนสามารถสร้างชื่อขึ้นมาได้จนถึงตอนนี้ ข้าได้ข้ามผ่านกลุ่มคนรุ่นเดียวกันมาทั้งหมด สะกดข่มพวกมันลง และได้รับโชควาสนามาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ข้ากลายเป็นผู้แข็งแกร่ง!”

“อย่าได้ลืมเลือนไป โลกแห่งการฝึกตน (修行 – ซิวสิง) ประกอบด้วยสองตัวอักษร 修 คือการศึกษาเรียนรู้ และ 行 คือการปฏิบัติ มันไม่เพียงพอที่จะมีแค่ 修 (การศึกษาเรียนรู้) เจ้าต้องมี 行 (การปฏิบัติ) ด้วยเช่นกัน…เจ้าต้องมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้สามารถบรรลุถึงจุดสูงสุดของพลังได้!”

เมิ่งฮ่าวไอแห้งๆ ออกมา และรอยยิ้มที่เขินอายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“เตีย ข้าไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิถีทางของท่าน ข้าคิดว่า…การให้ผู้ถูกเลือกทั้งหมดในตี้จิ่วซานไห่เป็นหนี้ข้าคือวิถีทางที่ดีที่สุด”

ฟางซิ่วเฟิงตกตะลึง ขณะที่เมิ่งฮ่าวหัวเราะหึๆ ออกมา และจากนั้นก็บินขึ้นไปในอากาศ ร่างแวบขึ้นขณะที่พุ่งตรงไปยังกระแสน้ำวนค้นหาเต๋า สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และผ่านเข้าไปโดยไร้ความกังวลใจใดๆ อีก

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!