ตอนที่ 871
พลังที่ไร้พ่าย!
การประลองยังคงดำเนินต่อไป เพื่อคัดเลือกสิบหกคนที่แข็งแกร่งมากที่สุด เกิดเป็นเสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นไปทั่ว อันตรายที่อยู่รอบนอกได้กลายเป็นบททดสอบจิตใจของแต่ละคนไปแล้วในตอนนี้
เนื่องจากหญิงสาวจากสำนักอู่เซ่อ (ห้าสี) ยอมแพ้ไป เมิ่งฮ่าวจึงเป็นคนแรกที่ผ่านรอบนี้ไปได้ เขานั่งขัดสมาธิอยู่ที่ชายขอบของสังเวียนการประลอง มองไปยังบุรุษครึ่งศีรษะที่อยู่ด้านนอก บุรุษผู้นั้นก็มองกลับมาที่เขา
ถึงแม้ว่าจะมีช่องว่างอันกว้างใหญ่อยู่ระหว่างคนทั้งสอง แต่ขณะที่ต่างคนต่างก็จ้องมองซึ่งกันและกัน เมิ่งฮ่าวสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ร้องเรียกกำลังพุ่งขึ้นมาอยู่ภายในจิตใจ
“ถ้ามีโอกาส ข้าจะเอากระบี่นั่นมาให้ได้!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ถึงแม้ว่ากระบี่นั่นดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษสำหรับคนอื่นๆ แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว มันมีเวทผนึกอสูรรุ่นหกอยู่!
เวทผนึกอสูรทั้งแปดต่างก็แปลกประหลาดและลึกลับ ทั้งเวทผนึกร่างและเวทผนึกกรรม ทำให้เขาได้เปรียบกว่าใครเมื่อทำการต่อสู้ และโดยพื้นฐานแล้วก็ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใดสามารถจะขัดขวางการโจมตีจากเขาได้
หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม การต่อสู้ของสังเวียนการประลองอื่นๆ ต่างก็ได้ข้อสรุป สิบหกคนแรกถูกกำหนดออกมาแล้วในตอนนี้ จากผู้ฝึกตนหนึ่งพันกว่าคน ผู้ที่ได้รับชัยชนะก็จะกลายเป็นสิบหกคนเหล่านี้ แต่ละคนสามารถจะถือได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในอาณาจักรวิญญาณ
ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้สามารถจะบดขยี้เซียนเทียมได้ แม้แต่เซียนแท้บางคนก็อาจจะเทียบได้เช่นกัน อันที่จริงพวกมันส่วนใหญ่จะต้องได้รับต้นเถาวัลย์ประกายเซียนในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นอีกไม่นานพวกมันก็จะกลายเป็นเซียนแท้
นับจากนี้ไปวิถีแห่งเซียนของพวกมันจะราบรื่นไร้อุปสรรคใดๆ เพียงแค่ไม่กี่ปีพวกมันก็จะอยู่ในจุดสูงสุดของอาณาจักรเซียน
เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นในทุกๆ หนึ่งหมื่นปี เมื่อเซียนแท้ทั้งหมดสามารถจะฝึกฝนด้วยความรวดเร็วกว่าเซียนเทียม เซียนแท้มักจะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในขุนเขาทะเลทั้งหมด
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่ามีของรางวัลอันน่าเหลือเชื่อมอบให้ในช่วงของการต่อสู้นี้แล้ว สำนักต่างๆ ก็คงจะไม่ส่งผู้ถูกเลือกของพวกมันมายังที่แห่งนี้ แต่จะให้พวกมันนั่งเข้าฌาณตามลำพัง เพื่อเตรียมตัวจะกลายเป็นเซียนแท้
อันที่จริง หนึ่งในเหตุผลที่ผู้ถูกเลือกอีกหลายคน ไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ นั่นเป็นเพราะว่าพวกมันส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในช่วงการเข้าฌาณตามลำพัง เมื่อไหร่ที่พวกมันโผล่ออกมา ตราบเท่าที่ไม่ได้ล้มเหลวในขั้นตอนนี้ พวกมันก็จะกลายเป็นเซียนแท้
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ลุกขึ้นมายืน มองไปรอบๆ ยังผู้เข้าร่วมการต่อสู้สิบหกคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในสังเวียนการประลอง
จ้าวอีฝานอยู่ในท่ามกลางพวกมัน เช่นเดียวกับฝานตงเอ๋อร์ และน่าแปลกใจยิ่งที่ซุนไห่ก็อยู่ด้วยเช่นกัน รวมทั้งผู้ถูกเลือกอื่นบางคนที่เมิ่งฮ่าวเคยมีตั๋วสัญญาของพวกมันอยู่ก่อนหน้านี้ สำหรับผู้เข้าแข่งขันตั้งแต่ตอนแรก หลีเหยียนพ่ายแพ้ไปแล้ว เช่นเดียวกับบุรุษหนุ่มที่มีฝูงยุง และเซียนโลหิตน้อย นอกจากเมิ่งฮ่าวแล้ว ยังมีผู้เข้าแข่งขันจากตอนแรกเหลืออยู่อีกแค่คนเดียวเท่านั้นคือชายชราที่พูดมากผู้นั้น
สิบหกคนที่แข็งแกร่งมากที่สุด!
“พักผ่อนหนึ่งวัน จากนั้นการต่อสู้เพื่อค้นหาแปดคนแรกก็จะเริ่มขึ้น!”
วันต่อมา การต่อสู้เพื่อคัดเลือกแปดคนที่แข็งแกร่งก็เริ่มขึ้น!
บนลำต้นหลักของต้นไม้เต๋า ตรงจุดสูงสุด มีใบไม้สีทองอยู่แค่หนึ่งใบ ที่ด้านล่างเป็นใบไม้สีเงินสองใบ ด้านล่างลงไปอีกเป็นใบไม้สัมฤทธิ์สี่ใบ และล่างไปกว่านั้นเป็นใบไม้สีเขียวแปดใบ
การคัดเลือกแปดคนแรก จะต่อสู้กันบนใบไม้สีเขียวแปดใบเหล่านั้น!
สังเวียนการประลองทั้งแปด จะต่อสู้พร้อมกัน กลุ่มฝูงชนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้า กำลังให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“ผู้แข็งแกร่งทั้งแปดจะถูกคัดเลือกมาจากสิบหกคนเหล่านี้! แต่ละคนต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในขั้นค้นหาเต๋า การต่อสู้รอบนี้ต้องน่าตื่นเต้นอย่างแน่นอน!”
“สุดท้ายใครจะเป็นผู้ชนะ! ใครจะถูกกำจัดออกไป!? ข้าคิดว่าแม้แต่พวกมันก็ไม่มีทางจะคาดเดาได้!”
“สิ่งที่ข้าอยากรู้มากที่สุดก็คือว่า ฟางมู่จะผ่านเข้าไปในรอบแปดคนสุดท้ายได้หรือไม่!?”
ในวิหารที่อยู่บนท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว เหล่าปรมาจารย์กำลังเฝ้าติดตามดูอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน
ในตอนนี้ ผู้คนมากมายได้ลืมไปแล้วเกี่ยวกับเหตุผลหลัก ที่การต่อสู้นี้ถูกจัดขึ้นมา ใครก็ตามที่ได้อันดับหนึ่ง จะมีโอกาสกลายเป็นศิษย์ของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ สามปรมาจารย์จากสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้ตอกย้ำเรื่องนี้กับผู้ใด
แทบจะราวกับว่าการรับศิษย์ไม่ได้สำคัญมากเท่าใดนัก
แสงระยิบระยับสาดประกายขึ้นอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ต่อมาเขาก็ไปยืนอยู่บนใบไม้สีเขียวอ่อน ที่เบื้องหน้าเงาร่างผอมแห้งปรากฏขึ้น
ถึงแม้ว่ามันจะมีร่างกายที่ผอมแห้ง แต่เปลวไฟที่ไร้รูปร่างก็กระจายออกมาอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่มันเดินตรงมา เปลวไฟนั้นไม่อาจจะมองเห็นได้ แต่เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกถึงพวกมันได้ ราวกับว่าสิ่งที่กำลังเดินตรงมาที่เขาไม่ใช่ผู้ฝึกตน แต่เป็นปีศาจเปลวไฟ!
ภายในดวงตาของมัน มองเห็นเป็นเปลวไฟลุกโชนอยู่ มันสวมใส่ชุดยาวสีดำ และมีเส้นผมที่ลอยพลิ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับพลังที่พุ่งขึ้นมา และเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในชั่วพริบตาอากาศรอบๆ ตัวมันก็เริ่มกลายเป็นระลอกคลื่นและบิดเบี้ยวไปมา
นี่คือผู้ถูกเลือกจากเหยียนโม๋ไห่ (กระดูกแห่งเปลวไฟปีศาจ) หนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์…เฉินฮ่าว!
ย้อนกลับไปในการแข่งขันของด่านทั้งสิบ หลีเหยียนที่สวมใส่หน้ากากมีผลงานที่โดดเด่นเป็นรองแค่เมิ่งฮ่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่านั้น แต่มันก็ต้องพ่ายแพ้ไปโดยเฉินฮ่าว ถึงแม้มันจะทำให้เฉินฮ่าวต้องได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสในการต่อสู้ก็ตามที
เมิ่งฮ่าวมองไปที่มันอย่างเยือกเย็น และเฉินฮ่าวก็มองกลับมายังเขา
ไม่มีใครพูดจา เปลวไฟในดวงตาเฉินฮ่าวลุกโชนขึ้นเป็นแสงเจิดจ้า อากาศรอบๆ ตัวมันบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่เปลวไฟซึ่งมองไม่เห็นลุกไหม้ขึ้นมา เปลวไฟนั้นดูเหมือนจะสามารถเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างไปได้ ขณะที่พวกมันพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ผู้ที่เฝ้าดูอยู่ไม่มีใครมองเห็นเปลวไฟนี้ แต่ด้วยการใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เมิ่งฮ่าวสามารถจะรับรู้ถึงพวกมันได้อย่างชัดเจน สิ่งที่เขาเห็นเป็นร่างภาพลวงตาของเปลวไฟที่กำลังพุ่งตรงมาที่เขา
“นี่ไม่ใช่ไฟแห่งธาตุทั้งห้า!” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกาย ไฟแห่งธาตุทั้งห้าคือกฎธรรมชาติแห่งสวรรค์และปฐพี อันที่จริงไฟที่ถูกใช้ออกมาจากหญิงสาวแห่งสำนักอู่เซ่อประกอบด้วยกฎธรรมชาติ แต่เปลวไฟที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากเฉินฮ่าวแห่งเหยียนโม๋ไห่ไม่มีกฎธรรมชาติใดๆ แต่เป็นเจตจำนงที่แปลกๆ!
หลังจากที่ตรวจสอบดูอย่างละเอียดอยู่ชั่วขณะ เขาก็ตระหนักว่าเหมือนจะมีการผูกมัดด้วยการเรียกหาบางอย่าง ราวกับว่า…สิ่งที่ทรงพลังบางอย่างได้ประทานพลังแห่งเปลวไฟมา ราวกับว่าเปลวไฟนี้จริงๆ แล้วก็คือเปลวไฟแห่งพลังชีวิต
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าเป็นปกติขณะที่กำมือขวาเป็นหมัด ทันทีที่เขาต่อยออกไป กระแสน้ำวนก็ปรากฏขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไป เสียงระเบิดดังกระหึ่มขึ้น ขณะที่มันกระแทกเข้าไปในเปลวไฟ จากนั้นก็ถูกเปลวไฟกลืนหายไปโดยสิ้นเชิง
เมิ่งฮ่าวร้องอุทานออกมา ถอยไปทางด้านหลังเป็นครั้งแรก ดวงตาเฉินฮ่าวเอ่อล้นไปด้วยความต้องการต่อสู้ ขณะที่เมิ่งฮ่าวล่าถอยออกไป มันก็ก้าวเดินตรงมา ขยับมือร่ายเวททำให้เปลวไฟส่งเสียงดังกระหึ่มปรากฏขึ้นที่รอบๆ ตัวมันมากขึ้นกว่าเดิม อย่างน่าตกใจยิ่ง พวกมันกลายเป็นปากขนาดใหญ่พุ่งตรงไปกัดเมิ่งฮ่าว
ภาพที่เมิ่งฮ่าวกำลังล่าถอยออกไป ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนอยู่ที่โลกด้านนอกเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันเห็นเขาล่าถอยในช่วงการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ปากเปลวไฟเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ่าวก็หยุดชะงักนิ่งกัดฟันแน่น ท่าทางมุ่งหวังสาดประกายอยู่ในดวงตา ขณะที่ขยับมือร่ายเวท จากนั้นก็ต่อยหมัดออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใช้เวททำลายล้างเก้าชั้นฟ้าออกไปอีกครั้ง
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วในทุกทิศทาง จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็กลายร่างเป็นคฤธรพุ่งตรงไปยังเฉินฮ่าวราวกับเป็นสายฟ้าสีดำ สีหน้าเฉินฮ่าวสลดลง รีบขยับมือร่ายเวท ทันใดนั้นชุดเกราะเปลวไฟก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัว มันยื่นมือขวาออกมาในท่าคว้าจับ ทำให้หอกเปลวไฟขนาดใหญ่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา มันกำมือไปรอบๆ ตัวหอก แทงตรงไปยังเมิ่งฮ่าวที่ใกล้เข้ามา
เสียงหอกเสียดสีอากาศดังขึ้นจนแสบแก้วหู ภูเขาไฟที่กำลังปะทุอยู่นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวหอก ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างน่าตกใจยิ่ง
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา ขณะที่ภูเขามากมายของตัวเองปรากฏขึ้น และเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกลายเป็นเทือกเขาที่น่าตกใจเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่ามันจะปรากฏขึ้นอยู่ในรูปแบบแม่น้ำขนาดใหญ่สำหรับคนที่มองดูมาก็ตามที เทือกเขากระแทกเข้าไปในภูเขาไฟ ทำให้เกิดเป็นการระเบิดขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไปในอากาศ ในตอนนี้เองที่ภาพแห่งธรรมอันน่าตกใจของเมิ่งฮ่าวปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง
ทันใดนั้นเฉินฮ่าวก็ผงะไปทางด้านหลังและกู่ร้องออกมา ภาพแห่งธรรมอันน่าเหลือเชื่อของมันปรากฏขึ้น เป็นซากศพที่ผิวกายเต็มไปด้วยเกล็ด และกระจายเปลวไฟสีดำออกมา เริ่มทำการต่อสู้กับภาพแห่งธรรมของเมิ่งฮ่าวในทันที
เมื่อภาพแห่งธรรมปะทะกัน เมิ่งฮ่าวก็ใช้เวทปลิดดาวออกมา พลังอันน่าเหลือเชื่อที่เฉินฮ่าวไม่อาจจะต่อต้านได้คว้าจับตัวมันไว้ในทันที ทำให้ความรู้สึกถึงวิกฤตอันตรายพุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจ เฉินฮ่าวแผดร้องขึ้นมาด้วยโทสะ ทำให้ชุดเกราะเปลวไฟของมันระเบิดออก ใช้พลังของแรงระเบิดนั้นต่อสู้กลับไปยังเวทปลิดดาวของเมิ่งฮ่าว
ใบหน้าเฉินฮ่าวซีดขาว โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ในตอนนี้เองที่มันรู้ว่าไม่อาจจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวได้ อย่างไรก็ตามมันก็เลือกที่จะต่อสู้ต่อไป
แต่ทันใดนั้นเองในตอนที่ชุดเกราะเปลวไฟของมันระเบิดออก ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกายด้วยความต้องการต่อสู้อันเข้มข้น เขาก้าวเท้าตรงไป แม้แต่เปลวไฟที่กำลังส่งเสียงดังกระหึ่มก็ไม่อาจจะป้องกันการพุ่งเข้ามาของเขาได้ ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านทะเลแห่งเปลวไฟออกไป เขาก็กู่ร้องเป็นเสียงดังออกมา
เสียงกู่ร้องนั้นทำให้ใบไม้ทั้งหมดสั่นสะท้าน และยังได้พุ่งผ่านออกไปที่ด้านนอกของต้นไม้เต๋าอีกด้วย ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงกู่ร้องนั้นก็ทำให้สายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา พัดผ่านเข้าไปในทะเลแห่งเปลวไฟ ตัดเป็นเส้นทางตรงไปยังเฉินฮ่าว
สีหน้าเฉินฮ่าวสลดลง ขณะที่มันตระหนักว่าฟางมู่ช่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงของการต่อสู้นี้เองที่มันตระหนักว่าคู่ต่อสู้ของมันช่างน่ากลัวอย่างแท้จริง วิชาเวทและความสามารถศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นเรื่องรองลงไป แต่ที่สำคัญมากที่สุดคือพลังอันน่าเหลือเชื่อของเขา
“มันมีกลิ่นอายแห่งผู้ไร้พ่ายอยู่ในร่าง!” เฉินฮ่าวคิด ความบ้าคลั่งสาดประกายอยู่ในดวงตา กัดปลายลิ้นเล็กน้อยและพ่นโลหิตออกมา จากนั้นก็กลายเป็นลาวา ระเบิดเป็นอุกกาบาตพุ่งเป็นริ้วยาวฝ่าอากาศตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็ชี้นิ้วขวาออกไป ขณะที่เขาปลดปล่อยเวทผนึกอสูรรุ่นแปดลงไปบนทะเลแห่งเปลวไฟ และดาวตกที่พุ่งเข้ามา คนภายนอกไม่อาจจะรู้ได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่สีหน้าของเฉินฮ่าวหมองคล้ำลงในทันที ขณะที่พื้นฐานฝึกตนของมันหยุดชะงักนิ่งไป
ค่าตอบแทนสำหรับการหยุดชะงักนิ่งนั้นก็คือ…
เมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้ ทำให้อุกกาบาตทั้งหมดและทะเลแห่งเปลวไฟพุ่งผ่านไป ขณะที่เมิ่งฮ่าวกดทับลงมายังเฉินฮ่าว เขาก็ต่อยหมัดออกไป เสียงระเบิดดังก้องขึ้นมา ขณะที่โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเฉินฮ่าว เพียงชั่วขณะมันก็ฟื้นฟูกลับคืนมา หลังจากนั้นเปลวไฟอันดุร้ายก็ปรากฏขึ้นในดวงตา ฉวยโอกาสตอนที่ถอยไปทางด้านหลัง ตวัดขาขวาขึ้นมาฟาดตรงไปยังศีรษะเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้น ท่าทางมุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นในดวงตามัน
“เปลวไฟปีศาจแปลง!” มันร้องตะโกนออกมา
การต่อสู้นี้กลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าไปแล้ว ในตอนนี้พวกมันกำลังมองเห็นพลังที่ไร้พ่ายของเมิ่งฮ่าว สำหรับเฉินฮ่าว มันก็มีพลังนั้นเช่นเดียวกัน ขณะที่คนทั้งสองต่อสู้กันไปมา ไม่มีใครยอมล่าถอยออกไปแม้แต่น้อย กลับโจมตีซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง!
เมิ่งฮ่าวไม่ได้หลบการเตะกลับมาของเฉินฮ่าว ยกมือซ้ายขึ้นคว้าจับลงไปบนขาของเฉินฮ่าวอย่างรุนแรง ส่งพลังการสั่นสะเทือนจำนวนมากเข้าไป เสียงกระหึ่มได้ยินมา และเฉินฮ่าวก็กระอักโลหิตออกมา แต่ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของมันกำลังกลายเป็นสีแดง!
สีแดงนี้ไม่ใช่เป็นสีแดงของโลหิต แต่เป็นสีแดงแห่งเปลวไฟ!
ราวกับว่าโลหิตทั่วร่างของมันได้กลายเป็นลาวา เปลวไฟพุ่งออกมาอยู่รอบๆ ตัว ปกคลุมไปทั่วร่างมันทั้งหมด ดูเหมือนว่าผิวหนังมันไม่อาจจะต่อต้านเปลวไฟนี้ได้ เริ่มแตกออกเป็นส่วนๆ ไปทั่ว ในที่สุดรอยฉีกขาดก็ปกคลุมไปทั่วร่างมันโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามพลังของมันก็ระเบิดขึ้น ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจับขามันไว้อย่างแนบแน่น มันก็ส่งเสียงตะโกนขึ้นและทำให้เปลวไฟพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งขณะที่ปล่อยมือออก จากนั้นก็ใช้เท้าเตะออกไปอย่างดุร้าย เสียงระเบิดได้ยินมาขณะที่เฉินฮ่าวลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังหลายสิบจ้าง
“เวทแปลงร่าง, หือ?” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าจะทุบตีให้เจ้ากลับไปเป็นร่างเดิมเอง” ทันใดนั้นเขาก็กลายร่างเป็นคฤธร พุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ในชั่วพริบตา ก็ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าเฉินฮ่าว ใช้กรงเล็บกรีดเฉือนไปที่ร่างมัน จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็กลับเป็นคนเหมือนเดิม ต่อยหมัดออกไป
ตูมมมมม! หลังจากที่เปลี่ยนรูปร่าง เฉินฮ่าวคิดว่ามันคงจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น สามารถจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวได้ แต่ก็ไม่เคยจะคาดคิดว่าแค่เมิ่งฮ่าวต่อยมาไม่กี่ครั้ง ก็กระแทกเข้ามาที่ร่างมันราวกับเป็นลมพายุที่โหมกระหน่ำ ด้วยความรวดเร็วและทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้มันไม่อาจจะยืนหยัดต่อต้านได้ เมื่อมันพยายามจะต่อสู้กลับไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นพลังบดขยี้ที่น่ากลัวกระแทกลงมาบนร่างมัน