ตอนที่ 906
คลื่นลูกแรก
“เป็นไปไม่ได้! นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้!!” จิตใจฟางสวีจงสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง มันไม่รู้ว่าต้นสมุนไพรนี้ถูกทาบกิ่งเข้าด้วยกันอย่างไร และไม่มีทางจะรู้ว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวพูดมานั้นถูกหรือผิด อย่างไรก็ตาม…จากทักษะในเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยาของมัน ทำให้ค่อนข้างจะแน่ใจได้ว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวพูดมานั้นถูกต้อง
ที่สำคัญมากไปกว่านั้น นักปรุงยาระดับห้าที่มอบต้นสมุนไพรนี้ให้มัน ก็ได้มอบสูตรยาเพื่อใช้กับต้นสมุนไพรนี้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นนักปรุงยาผู้นั้นก็เคยพูดอธิบายเรื่องต้นสมุนไพรนี้ เหมือนกับคำพูดที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะกล่าวออกมาเมื่อครู่นี้!
“เจ้า…”
เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นสังเกตเห็นว่าฟางสวีจงมีใบหน้าที่ซีดขาว ได้เห็นมันก้าวถอยไปทางด้านหลัง เมื่อมองเห็นสีหน้าของมัน ก็ทำให้คนทั้งหมดเข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร สิ่งที่เมิ่งฮ่าวกล่าวออกมานั้นถูกต้องทั้งหมด
ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่สีหน้าของฟางสวีจงจะเปลี่ยนไปเช่นนั้น
“ฟางฮ่าวพูดถูกอีกแล้ว!!”
“แม้แต่ฟางสวีจงตานซือ ก็ยังไม่อาจจะเอาชนะฟางฮ่าวได้ในเรื่องของต้นพืชสมุนไพร!!”
“ดีจริงๆ ที่ข้าได้บันทึกสิ่งต่างๆ ในตอนที่ฟางฮ่าวกำลังบรรยายเกี่ยวกับต้นสมุนไพรก่อนหน้านี้ เมื่อกลับไปข้าจะได้ทบทวนพวกมันได้ทั้งหมด!”
เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นพูดคุยกันจนเป็นเสียงดังหึ่งๆ นอกจากนี้ในฐานะที่เป็นแค่เด็กฝึกปรุงยา ทำให้พวกมันมีความเข้าใจเกี่ยวกับการปรุงยาไม่มากนัก แม้แต่นักปรุงยาระดับแรกก็กำลังหอบหายใจออกมา และมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง จากนั้นพวกมันก็สบตากันไปมา และมองเห็นสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันบนใบหน้าของแต่ละคน
พวกมันเป็นนักปรุงยา และถึงแม้ว่าอาจจะอยู่แค่ระดับแรก แต่พื้นฐานความรู้ของพวกมันก็มากกว่าเด็กฝึกปรุงยา แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ยังไม่อาจจะบอกชื่อต้นสมุนไพรที่ฟางสวีจงถืออยู่ในมือได้ ตอนแรกพวกมันรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่แปลกพิเศษสำหรับต้นไม้นั้น แต่หลังจากที่เมิ่งฮ่าวพูดขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้เปิดเผยวิธีการทาบกิ่ง ก็ทำให้จิตใจพวกมันต้องสั่นสะท้านขึ้น
“เอ่อ…วิธีการทาบกิ่งนั่นคือวิชาลับสุดยอดของนักปรุงยาระดับห้า!!”
“พืชสมุนไพรสิบเก้าต้น! ข้าเกรงว่ามีแต่นักปรุงยาระดับห้าเท่านั้น ที่สามารถจะสร้างบางสิ่งเช่นนั้นได้ แต่…แต่ฟางฮ่าวก็เหมือนจะไม่ใช่มนุษย์ที่มัน…สามารถจะแยกแยะวิธีการทาบกิ่งได้อย่างง่ายดาย จากการมองไปแค่นั้น!!”
“ทักษะในเรื่องต้นสมุนไพร และเต๋าแห่งการปรุงยาของมันมีขอบเขตเต็มที่อยู่ตรงระดับใดกันแน่? ช่างน่าตกใจจริงๆ! แทบจะดูเหมือนว่าต้นสมุนไพรไม่อาจจะมีความลับใดๆ เมื่อมาอยู่ที่เบื้องหน้ามัน!!”
เนื่องจากความเข้าใจมากขึ้นของพวกมัน ทำให้นักปรุงยาระดับแรกต่างก็แปลกประหลาดใจไปกันทุกคน
ใบหน้าฟางสวีจงซีดขาวขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งในมุมมองของมันแล้วเขาเริ่มกลายเป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความลี้ลับและน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง มันไม่เคยคาดคิดว่าจะมีใครสามารถทำได้เช่นนี้มาก่อน เพียงแค่มองไปเพียงแวบเดียว ก็เห็นถึงวิธีลับสุดยอดของนักปรุงยา และเปิดเผยวิธีการทาบกิ่งนั้นได้หมด
สำหรับมันแล้ว เรื่องเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ในตอนนี้มันรู้แล้วว่าไม่อาจจะสู้กับฟางฮ่าวได้ ในเรื่องของทักษะต้นสมุนไพร มันไม่อาจจะมีโอกาสเอาชนะได้เลย เมื่อต้องมาต่อสู้กับอมนุษย์เช่นนี้ในแง่ของการแข่งขัน
“ฟางอวิ๋นอี้ตัวบัดซบ! รอให้ข้ากลับไปก่อนเถอะ เจ้าจะได้เห็นดีอย่างแน่นอน!” ฟางสวีจงคิดอยู่ในใจที่เต็มไปด้วยความขมขื่นของมัน ทันใดนั้นมันเริ่มรู้สึกเกลียดชังฟางอวิ๋นอี้ลึกลงไปจนถึงกระดูก สำหรับเมิ่งฮ่าว มันไม่กล้าที่จะไปเกลียดชังเขา
เนื่องจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยามีวิธีการจัดการเรื่องราวของตัวเอง มันสามารถจะไม่สนใจเรื่องที่เมิ่งฮ่าวเป็นผู้ถูกเลือกได้ แต่…หลังจากที่รับรู้ถึงทักษะเกี่ยวกับต้นสมุนไพรของเมิ่งฮ่าว มันก็รู้สึกหวาดกลับแทบตาย
“ด้วยทักษะเช่นนั้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่เก่งเรื่องการปรุงยา มันก็ยังคงมีชื่อเสียงได้อย่างแน่นอน…ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามันมีพรสวรรค์เรื่องการปรุงยาด้วย นั่นก็จะยิ่งน่าสยองขวัญขึ้นอย่างแท้จริง มันคงจะเก่งกว่าข้าในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยานี้อย่างแน่นอน เป็นเพราะฟางอวิ๋นอี้แท้ๆ ที่ทำให้ข้าต้องมามีเรื่องกับมัน ช่างไม่คุ้มค่าอย่างแท้จริง…”
ฟางสวีจงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ กัดฟันแน่น และกำลังจะยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ทันใดนั้นจิตใจมันก็ต้องเต้นรัว จู่ๆ มันก็ตระหนักว่าการพ่ายแพ้นี้จริงๆ แล้วก็สามารถจะกลายเป็นโอกาสได้ มันลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว
“ฟางตานซือ ทักษะเกี่ยวกับต้นสมุนไพรของท่านช่างลึกล้ำยิ่ง ข้าสู้ท่านไม่ได้ ก่อนหน้านี้ข้าหยาบคายและสามหาวไปบ้าง หวังว่าท่านจะไม่ถือสา โปรดนำหินลมปราณในถุงสมบัตินั้นไป ถือว่าเป็นของกำนัลในวันแรกพบหน้าของพวกเรา ข้ายอมรับความพ่ายแพ้…” คำพูดของมันส่งผลให้เด็กฝึกปรุงยาตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมา แต่นักปรุงยาระดับแรกต่างก็คาดคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามันจะมีการแสดงออกมาเช่นนี้
เห็นได้ชัดว่าต้องมีบางสิ่งที่ผิดปกติ สำหรับใครก็ตามที่ยังคงรู้สึกเชื่อมั่นต่อไป เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับใครบางคนที่ไม่ใช่มนุษย์เช่นนี้ ซึ่งสามารถจะแยกแยะวิธีการทาบกิ่งที่เป็นสุดยอดความลับได้
“อย่างไรก็ตาม ข้าอยากจะขอให้ฟางตานซือช่วยชี้แนะสักเล็กน้อย ข้า…ข้าเคยเห็นต้นสมุนไพรชนิดหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้สอบถามไปหลายคนเกี่ยวกับมัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะบอกข้าได้ว่ามันคืออะไร” ฟางสวีจงประสานมือและโค้งตัวลงอีกครั้ง “ฟางตานซือ ท่านพอจะช่วยข้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่ ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมอบต้นสมุนไพรทาบกิ่งนี้ให้กับท่าน เพื่อแสดงถึงความขอบคุณจากข้า”
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ภายในใจ เขากำลังถอนหายใจออกมา คิดว่าก่อนหน้านี้ควรจะแสดงท่าทางอ่อนแอให้มากกว่านี้ การแสดงออกมากเกินไปทำให้เขาหมดโอกาสที่จะได้รีดไถเจ้าแกะอ้วนผู้นี้
“น่าเสียดาย ข้ามีหินลมปราณอยู่ในถุงสมบัติไม่มากนัก และกำลังวางแผนจะปล้นเจ้าผู้นี้ให้หนักมากขึ้น แต่ก็ต้องสูญเสียโอกาสนั้นไปแล้วในตอนนี้” เมิ่งฮ่าวคิด รู้สึกหดหู่ขึ้นเล็กน้อย เขาโบกสะบัดมือเก็บถุงสมบัติของฟางสวีจงไว้ หลังจากที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไป และได้เห็นว่ามีหินลมปราณอยู่มากมายเท่าใดที่ด้านใน ก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
จากนั้นก็มองไปยังต้นสมุนไพรทาบกิ่ง เขารู้ว่าคุณค่าของต้นไม้นี้มีความสำคัญมากเช่นไร นอกจากนี้วิธีการทาบกิ่งนี้ก็ถูกใช้ออกมาได้อย่างน่าสนใจ ด้วยเช่นนั้นเขาจึงพยักหน้าให้กับฟางสวีจง
สีหน้าฟางสวีจงดูสดใสขึ้นในทันที และมันก็หยิบเอาแผ่นหยกออกมาจากถุงสมบัติในทันใด ยื่นส่งให้กับเมิ่งฮ่าวด้วยความเคารพ ซึ่งเขาก็รับมันไว้และใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านไป
ทันใดนั้น ภาพของดอกไม้สีม่วงได้ปรากฏขึ้นอยู่ในจิตใจ เติบโตขึ้นมาอยู่บนอาชาขนาดเล็กที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ซึ่งกำลังควบตะบึงไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด
นั่นคือสิ่งที่เขามองเห็นทั้งหมด ก่อนที่ภาพนั้นจะหายไป
สีหน้าเมิ่งฮ่าวเริ่มเคร่งขรึมขึ้นมากกว่าเดิม และอ่านแผ่นหยกนั้นอีกครั้ง หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ถามขึ้น “ท่านเห็นของสิ่งนี้ที่ไหน?”
“บนเกาะในทะเลบนดาวตงเซิ่งนี้ ข้าบังเอิญได้เห็นมัน และไล่ตามไปอย่างไร้ประโยชน์ใดๆ ข้าสอบถามเรื่องนี้ไปยังชาวประมงพื้นบ้านแถบนั้น คนทั้งหมดได้บอกว่าเคยเห็นมาหลายครั้ง”
“แต่หลังจากที่กลับไปยังที่แห่งนั้นอีกสองสามครั้ง ข้าก็ไม่เคยจะได้เห็นมันอีกเลย” ฟางสวีจงได้นำแผ่นหยกนี้ไปให้นักปรุงยาหลายคนดู แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะบอกได้ว่ามันคืออะไร อย่างมากที่สุดก็คือการคาดเดาว่ามันคือต้นสมุนไพรที่ยากจะพบเห็นชนิดหนึ่ง
“อาชาตัวน้อยนั่น น่าจะเป็นรากของต้นสมุนไพร” ฟางสวีจงกล่าว
“ผิดแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นพร้อมกับส่ายหน้า “นั่นไม่ใช่ต้นสมุนไพร มันคือ…เม็ดยา! เป็นเม็ดยาที่มีจิตวิญญาณ!”
“ว่าอย่างไรนะ!?!?” ฟางสวีจงร้องอุทานออกมา รู้สึกทั้งตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ นักปรุงยาที่มันได้ไปสอบถามเกี่ยวกับภาพนี้มากมาย ไม่มีใครเลยที่จะสรุปออกมาว่ามันคือเม็ดยา ไม่ว่าจะมองไปที่มันอย่างไร ก็มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นที่น่าจะสมเหตุสมผล นั่นก็คือว่ามันเป็นต้นสมุนไพรบางชนิด
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” ฟางสวีจงเหมือนจะกล่าวกับตนเอง “เม็ดยาก็คือเม็ดยา! พวกมันถูกปรุงขึ้นมาโดยผู้คน! แล้วเม็ดยาจะสามารถมีชีวิตขึ้นมาได้อย่างไรกัน?”
“ของเช่นนี้มีอยู่จริงๆ ข้าเคยเห็นพวกมันมาก่อน” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ และไม่ได้ให้คำอธิบายใดๆ อีกมากไปกว่านั้น เขายื่นส่งแผ่นหยกกลับคืนไปให้กับฟางสวีจง จากนั้นก็ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับกลุ่มฝูงชน ในที่สุดก็หันหลังและจากไป
ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะจากไปแล้ว แต่ฟางสวีจงก็ยังคงตกอยู่ในความไม่อยากจะเชื่อ เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดเริ่มแยกย้ายกระจายกันออกไปด้วยความตื่นเต้น
ในที่สุดฟางสวีจงก็กลับไปยังที่พัก ครั้นแล้วมันก็หยิบเอาแผ่นหยกของฟางอวิ๋นอี้ออกมา จากนั้นก็ส่งข้อความของเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในแผ่นหยกด้วยความเคร่งเครียด
ในเวลาเดียวกันนั้น ฟางอวิ๋นอี้ที่อยู่ในคฤหาสน์โบราณ กำลังนั่งเข้าฌาณอยู่ในที่พักของมัน ขณะที่เฝ้ารอข่าวจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา
“ฟางสวีจงตานซือเป็นนักปรุงยาระดับสอง ทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของมันช่างน่าเหลือเชื่อนัก เมื่อไหร่ที่มันแสดงตัวขึ้น เจ้าเมิ่งฮ่าวนั่นจะต้องถูกต้อนให้จนมุมอย่างแน่นอน การที่บังคับให้มันต้องนั่งคุกเข่าอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวัน คงจะช่วยให้โทสะข้าผ่อนคลายไปได้บ้างเล็กน้อยอย่างแน่นอน” มันหัวเราะหึๆ อย่างเย็นชา และเต็มไปด้วยความมุ่งหวังว่า เมื่อมันไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ก็จะมองเห็นเมิ่งฮ่าวกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ที่นั่นด้วยสองตาของตัวเอง
“บนดาวหนานเทียนเจ้ามีบิดาอยู่ที่นั่น จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเจ้าถึงสามารถจะเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจได้เช่นนั้น แต่ที่นี่เจ้าคือคนนอก มาดูกันว่าเจ้าจะมาวางท่าเย่อหยิ่งอยู่ในที่แห่งนี้ได้อย่างไร!” ใบหน้ามันปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้น ในตอนนี้เองที่สีหน้ามันต้องเปลี่ยนไป ขณะที่หยิบเอาแผ่นหยกออกมาจากถุงสมบัติ จากนั้นก็หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา
“ฟางตานซือส่งข้อความมาแล้ว!” สีหน้ามันเต็มไปด้วยความคาดหวัง ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในแผ่นหยก หลังจากนั้นชั่วขณะ แผ่นหยกก็เริ่มเรืองแสงขึ้นมา และภาพใบหน้าของฟางสวีจงก็ปรากฏขึ้น สีหน้าดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ทันทีที่มันมองเห็นสีหน้าของฟางสวีจง ฟางอวิ๋นอี้ก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะทันได้กล่าวอะไรออกมา ฟางสวีจงก็เริ่มพูดขึ้น
“ฟางอวิ๋นอี้ พวกเราเคยเป็นศัตรูกันมาก่อนหรือไม่?! เจ้ากลับให้ข้าไปพบกับมัน เจ้าสารเลว! เจ้าต้องการให้ข้าไปสร้างความอัปยศให้กับฟางฮ่าว? ทักษะเกี่ยวกับต้นสมุนไพรของมันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปแล้ว! ฟางอวิ๋นอี้ ข้าจะไม่มีวันลืมปัญหาที่เจ้าทำไว้นี้อย่างแน่นอน!”
ใบหน้าฟางอวิ๋นอี้สลดลง
“ฟางตานซือ นี่…”
“อย่ามาเรียกข้าว่าฟางตานซืออีก! นับจากวันนี้เป็นต้นไป ถ้าเจ้าต้องการจะปรุงเม็ดยา อย่าได้มาหาข้า! ยิ่งไปกว่านั้น สหายนักปรุงยาทั้งหมดของข้า จะไม่มีใครยอมปรุงยาให้เจ้าด้วยเช่นกัน!”
“ฟางอวิ๋นอี้ สิ่งที่เจ้าทำมันมากเกินไปแล้ว!” ฟางสวีจงจ้องมองไปยังฟางอวิ๋นอี้ชั่วขณะ จากนั้นก็แค่นเสียงเย็นชา และตัดการเชื่อมต่อเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ไป
สีหน้าฟางอวิ๋นอี้เปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย และทันใดนั้นมันก็กระโดดขึ้นมายืน หยิบเอาแผ่นหยกอีกแผ่นที่มันใช้สำหรับการติดต่อกับเด็กฝึกปรุงยา ซึ่งมันได้ส่งออกไปก่อนหน้านี้ออกมา หลังจากที่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเมิ่งฮ่าวและฟางสวีจง ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ใบหน้ามันก็หมองคล้ำลง บดขยี้แผ่นหยกไปอย่างเกรี้ยวกราด และใบหน้าก็บิดเบี้ยวไปด้วยโทสะ
“เมิ่งฮ่าว!” มันแผดร้องออกมา ความเกลียดชังที่มันมีต่อเมิ่งฮ่าวยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา คนทั้งหมดมองดูเมิ่งฮ่าวจากไป และจากนั้นก็แยกย้ายกระจัดกระจายกันไป ไม่นานนักนามเมิ่งฮ่าวก็เริ่มแพร่กระจายออกไปจากปากของเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดที่เคยอยู่ในที่แห่งนี้ เรื่องราวการเดิมพันระหว่างเมิ่งฮ่าวและฟางสวีจงยิ่งเป็นหัวข้อที่นิยมพูดคุยกันมากเป็นพิเศษ
เมื่อเด็กฝึกปรุงยาจากภูเขาด้านนอก รู้ว่าเมิ่งฮ่าวเอาชนะฟางสวีจงมาได้ในเรื่องของต้นพืชสมุนไพร ก็ยิ่งทำให้เมิ่งฮ่าวมีความลึกลับมากขึ้น และกลายเป็นหัวข้อที่พูดคุยถกเถียงกันมากขึ้นกว่าเดิม
เขามีลำแสงสายโลหิตหนึ่งหมื่นจ้าง เคยพบเจอกับทัณฑ์ทรมานเจ็ดปี เป็นหลานปู่คนโตของสายโลหิตหลัก และเป็นผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลฟาง
คำพูดทั้งหมดนี้ถูกเผยแพร่กระจายออกไป และในที่สุด นามเมิ่งฮ่าวก็เริ่มโด่งดังขึ้นมาในท่ามกลางเด็กฝึกปรุงยา แม้แต่นักปรุงยาระดับล่างบางคนก็ยังต้องให้ความสนใจในตัวเขา
ในคฤหาสน์โบราณ บิดาและปู่ของฟางเว่ยนั่งอยู่ในวิหาร ใบหน้าพวกมันดูน่ากลัวขณะที่รับฟังนักปรุงยาระดับแรกเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา
หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก นักปรุงยาระดับแรกก็จากไป บิดาฟางเว่ยซึ่งมีนามว่าฟางซิ่วซาน ยิ่งมีหน้าตาหมองคล้ำขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
“เตีย ถ้าเจ้าสุนัขน้อยนั่นยังคงกระทำอยู่เช่นนี้ มันก็จะยิ่งทำให้เกิดเป็นคลื่นแห่งความวุ่นวายขึ้นมาอย่างแน่นอน…”
“ไม่เป็นไร มันมีชีวิตอยู่อีกไม่นานแล้ว นอกจากนี้มันยังเริ่มมีชื่อเสียงอยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาอีกด้วย กฎของตระกูลฟางชัดเจนยิ่ง ใครก็ตามที่ทำการฝึกตน ต้องสะสมคะแนนความดีไปด้วย”
“มันเพิ่งจะมาถึง และจะได้รับเบี้ยเลี้ยงของคะแนนความดีเป็นรายเดือน ไม่ว่าจะในแง่ของการฝึกตนหรือการปรุงยา มันก็คงไม่อาจจะทำให้เกิดเป็นคลื่นใดๆ ขึ้นมาได้”
“นอกจากนี้ ถ้ามันต้องการจะได้รับคะแนนความดีมากไปกว่านี้ มันก็ต้องทำงานที่ถูกกำหนดมาโดยตระกูลให้สำเร็จ…เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความตายไปได้ มันจะต้องออกไปที่ด้านนอก ซึ่งอาจจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ” ชายชรากล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนหม่นหมอง