ตอนที่ 907
ข้าไม่อยากได้จริงๆ!
เมิ่งฮ่าวกลับมายังที่พักถ้ำแห่งเซียนของตนเอง เขาเพิ่งจะมีความคิดบางอย่างขึ้นมา ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา และความคิดบางอย่างนั้นคือสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง
“พื้นฐานฝึกตนของข้ายังไม่ดีพอที่จะช่วยให้ข้ามีชื่อเสียงอยู่ในตระกูลฟาง แต่เมื่อพวกมันมีเต๋าแห่งการปรุงยาของตัวเอง ทำไมข้าถึงไม่สร้างชื่ออยู่ที่นั่น? ซึ่งจะทำให้ข้ามีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้น”
“ยิ่งข้ามีศักดิ์ฐานะอยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาสูงมากขึ้นเท่าใด ศักดิ์ฐานะทั่วไปในตระกูลของข้าก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น”
“เต๋าแห่งการปรุงยา…ถ้าข้ากลายเป็นนักปรุงยาที่แข็งแกร่งมากที่สุดในตระกูลฟาง แน่นอนว่าข้าก็จะต้องมีชื่อเสียงอย่างสูงสุด เมื่อข้าสามารถควบคุมแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาได้ทั้งหมดแล้ว การจะค้นหาว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับผลเนี่ยผานทั้งสองผลของข้า ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และรอยยิ้มอันเย็นชาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
หลังจากนั้นเมิ่งฮ่าวก็หลับตาลงและโคจรหมุนเวียนพื้นฐานฝึกตน รวมทั้งชีพจรเซียนด้วย ส่วนที่ยังคงเป็นภาพลวงตาอยู่ ค่อยๆ เริ่มตกผลึกขึ้นอย่างช้าๆ
“ข้าจำเป็นต้องมีเวลามากกว่านี้ ก่อนที่ชีพจรเซียนจะสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้นข้าก็จะกลายเป็นเซียนแท้!” เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ที่ด้านนอกค่อยๆ เริ่มมืดลง และดวงจันทร์ก็ลอยขึ้นมา ในที่สุดดวงตาเมิ่งฮ่าวก็ลืมขึ้น และโบกสะบัดมือ ทำให้ส่วนผสมของน้ำยาวิญญาณสกัดสิบชุดปรากฏขึ้น
เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมันด้วยความระมัดระวัง จากนั้นก็ตรวจดูสูตรยาอยู่ชั่วขณะ
“ยาสูตรนี้ค่อนข้างง่าย ดังนั้นน้ำยาวิญญาณสกัดที่ถูกสร้างขึ้นมาก็จะไม่มีคุณภาพสูงมากนัก” พร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย เขาหยิบเอากล่องหยกออกมา และมองไปยังผลเนี่ยผาน หลังจากที่ตรวจสอบมันเล็กน้อย เขาก็ลองทำการปรุงน้ำยาวิญญาณสกัดขึ้นมา
ตอนแรกเขาทำการปรุงออกมาหนึ่งชุด โดยใช้วิธีการที่ถูกอธิบายอยู่ในสูตรยา สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้ว วิธีการนี้ช่างง่ายดายนัก หลังจากที่ปรุงออกมาได้หนึ่งชุด เขาก็ตัดสินใจที่จะใช้วิธีของตัวเอง ทำการปรับเปลี่ยนสูตรไปเล็กน้อย จากนั้นก็ทำการปรุงวิญญาณสกัดออกมาทั้งหมดเก้าชุด ซึ่งแต่ละชุดก็ค่อนข้างจะแตกต่างไปจากชุดอื่นๆ
จากนั้นเขาก็หยดน้ำยาลงไปบนผลเนี่ยผานผลหนึ่งด้วยความระมัดระวังทีละชุด และเฝ้าจับตาสังเกตดูปฏิกิริยาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็สามารถมองเห็นสัญญาณแห่งการฟื้นตัวของผลไม้นี้ ในตอนที่น้ำยาวิญญาณสกัดชุดที่เก้าถูกดูดซับเข้าไป ผลเนี่ยผานก็ไม่ได้มีรอยแตกร้าวและแห้งเหี่ยวอีกต่อไป มันดูเหมือนจะฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด และยังได้กระจายแสงอันงดงามออกมา ซึ่งได้ไปกระตุ้นให้โลหิตของเมิ่งฮ่าวพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรงอีกด้วย
เขายังเกิดความรู้สึกด้วยว่าควรที่จะดูดกลืนผลเนี่ยผานนี้เข้าไปในร่างโดยทันทีอีกด้วย ทำให้ต้องรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็ว และสะกดข่มแรงกระตุ้นนั้นลงไป หลังจากสองชั่วยามผ่านไป ผลเนี่ยผานก็ค่อยๆ เริ่มแห้งเหี่ยวกลับลงไปอย่างช้าๆ เมื่อถึงช่วงที่ผ่านไปสามชั่วยาม มันก็กลับไปมีรูปร่างที่แห้งเหี่ยวเหมือนเดิม
“ถ้าข้าพยายามที่จะดูดกลืนมัน เมื่อครู่นี้ก็คงจะกลายเป็นซากศพที่แห้งเหี่ยวไปแล้ว ช่างเป็นความตายที่คาดไม่ถึงและเกิดขึ้นอย่างฉับพลันนัก” เมิ่งฮ่าวพึมพำ มองไปยังผลไม้ที่แห้งเหี่ยวผลนั้น
“ถ้าข้าต้องการจะดูดกลืนผลเนี่ยผานนี้ ก็จำเป็นต้องฟื้นฟูพวกมันให้กลับคืนมาอย่างแท้จริง ทำให้พวกมันไม่มีอันตรายใดๆ สำหรับน้ำยาวิญญาณสกัดทั้งเก้าชุดนี้ ชุดที่เจ็ดมีความเข้มข้นมากที่สุด ซึ่งเข้มข้นกว่าชุดอื่นๆ ถึงสองเท่า” เมิ่งฮ่าวมองลงไปยังส่วนผสมชุดสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วขณะ แสงแห่งความมุ่งมั่นก็ปรากฏขึ้นในดวงตา
“สูตรนี้ยังคงไม่ดีพอ ต้นสมุนไพรที่ใช้ในการปรุงน้ำยาวิญญาณสกัดนี้ จริงๆ แล้วก็สามารถจะนำต้นสมุนไพรอื่นมาใช้ทดแทนกันได้” เมิ่งฮ่าวจมอยู่ในห้วงภวังค์ที่เกี่ยวกับการหลอมรวมต้นสมุนไพรเข้าด้วยกัน หลังจากที่ธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก เขาก็กัดฟันแน่นและหยิบเอาไท่หยางฮวา (ดอกตะวันฉาย) และหลุนหุยเยี่ย (ใบเกิดใหม่) ซึ่งเป็นต้นสมุนไพรในตำนานที่สูญพันธุ์ไปแล้วในโลกด้านนอกออกมา หลังจากที่เพิ่มพวกมันเข้าไปในสูตรยา เขาก็เริ่มทำการปรุงน้ำยาวิญญาณสกัดขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งนี้เมิ่งฮ่าวต้องใช้เวลาถึงสองวันเต็มกว่าที่จะปรุงยาน้ำนี้ได้สำเร็จ ในที่สุดต้นสมุนไพรก็ถูกกลั่นสกัดจนกลายเป็นของเหลว จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นของเหลวลูกทรงกลมสีเขียวมรกต ซึ่งมีขนาดเท่ากำปั้น จากนั้นเขาก็ใส่เข้าไปในขวดใบเล็กๆ
มันเต็มไปด้วยปราณเซียนอย่างเข้มข้น และเพราะว่ามันประกอบไปด้วยไท่หยางฮวาและหลุนหุยเยี่ย ซึ่งจะหมายความว่าในแง่ของทั้งคุณภาพและคุณค่าแล้ว ของเหลวในขวดนี้ช่างน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดภายในใจ หยิบเอากระจกทองแดงออกมาเพื่อผลิตของเหลวในขวดนี้ซ้ำขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ เทของเหลวในขวดลงไปบนผลเนี่ยผานหนึ่งหยดด้วยความระมัดระวัง ทำให้ผลเนี่ยผานเริ่มฟื้นคืนกลับมาในทันที และเริ่มกระจายแสงเจิดจ้าขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมิ่งฮ่าวรู้ว่าผลไม้นี้ยังไม่ได้ฟื้นคืนกลับมาอย่างแท้จริง เขาหยดของเหลวนั้นลงไปบนผลเนี่ยผานหยดแล้วหยดเล่า รวมทั้งหมดหนึ่งร้อยหยด เมื่อของเหลวนั้นถูกผลเนี่ยผานดูดซับเข้าไปทั้งหมด มันก็ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้ว่ายากที่จะอธิบายถึงธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างแน่ชัด แต่เมิ่งฮ่าวก็แทบจะสามารถรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตบางอย่างที่อยู่ภายในผลเนี่ยผานนั้น
“มันได้ผล!” เขาคิดพร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย อย่างไรก็ตามจิตใจก็เริ่มเสียวแปลบด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด การทำซ้ำขวดของน้ำยาวิญญาณสกัดเพียงแค่ขวดเดียว ก็ทำให้หินลมปราณในถุงสมบัติของเขาต้องหายไปด้วยจำนวนที่น่ากลัว
เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น
“มันเป็นแค่เงินจำนวนเล็กน้อยเอง ใช่หรือไม่…?” เขากล่าวผ่านร่องฟัน และจากนั้นก็ผลิตซ้ำขึ้นมาอีกขวด ห้าวันผ่านไป
“บัดซบ! ที่เจ้าดูดซับไปเป็นน้ำยาวิญญาณสกัดหรือว่าหินลมปราณกันแน่!?!?”
“เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้ายังคงดูดซับน้ำยาวิญญาณสกัดอยู่อีก!?!?”
“ข้า ข้า ข้า…ข้าเหมือนกำลังตกลงไปในหลุมลึก!!”
“อ๊ากกก หินลมปราณของข้า!!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงก่ำ ขณะที่จ้องมองไปยังผลเนี่ยผาน ตลอดช่วงห้าวันมานี้ เขาได้ทำให้หินลมปราณที่มีอยู่ในถุงสมบัติหายไปถึงครึ่งหนึ่ง เขาได้ทำซ้ำทะเลแห่งน้ำยาวิญญาณสกัดไป แต่ทั้งหมดนั้นก็ถูกดูดซับเข้าไปโดยผลเนี่ยผาน พลังชีวิตที่อยู่ด้านในกำลังเริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ดูเหมือนจะมองไม่เห็นจุดจบ เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามันยังคงกระหายที่จะดูดซับน้ำยาวิญญาณสกัดเข้าไปอีก
ถ้าคิดคำนวนดูถึงจำนวนน้ำยาวิญญาณสกัดที่ผลเนี่ยผานดูดซับเข้าไป คนในตระกูลฟางใดๆ ก็ตามคงต้องตกตะลึง ยิ่งไปกว่านั้น น้ำยาวิญญาณสกัดนี้ก็มีคุณภาพที่ดีที่สุด แค่ไม่กี่ขวดก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว มันไม่ได้มีปัญหาเพียงแค่หินลมปราณเท่านั้น พวกมันไม่อาจจะสามารถรวบรวมต้นสมุนไพรได้อย่างมากมายเช่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อาจจะหาไท่หยางฮวา (ดอกตะวันฉาย) และหลุนหุยเยี่ย (ใบเกิดใหม่) มาใช้ได้
“มีแต่ตอนที่มันบรรลุถึงจุดที่ไม่อาจจะดูดซับน้ำยาวิญญาณสกัดได้อีกแล้ว ข้าถึงจะรู้ว่ามันได้ฟื้นคืนกลับมาโดยสมบูรณ์!” จิตใจเมิ่งฮ่าวมีโลหิตไหลหยดหยาดลงมา และเขาก็หยุดการทำซ้ำน้ำยาวิญญาณสกัด รีบเก็บผลเนี่ยผานไว้อย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็หลับตาลง
หลังจากที่ผ่านไปชั่วขณะ เขาก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง และจากนั้นก็ขมวดคิ้ว
“นี่ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ข้าจำเป็นต้องเพิ่มพลังให้กับน้ำยาวิญญาณสกัด ถ้าจะทำเช่นนั้น ข้าก็ต้องแทนที่ส่วนผสมต้นสมุนไพรในตอนนี้ทั้งหมด ถ้าข้าสามารถจะสร้างน้ำยาวิญญาณสกัดที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะทำให้ต้องใช้หินลมปราณในการทำซ้ำเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมก็ตามที แต่โดยรวมแล้วก็ทำให้ข้าสามารถจะประหยัดทรัพยากรอื่นๆ ได้อีกมากมาย”
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืน จบการทำซ้ำและป้อนน้ำยาให้ผลเนี่ยผานอย่างบ้าคลั่งไป ตอนนี้เขากำลังเตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาอีกครั้ง เพื่อค้นหาต้นสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้
“น่าเสียดายที่ข้าไม่มีคะแนนความดีเท่าที่ต้องการ…ไม่เช่นนั้นปัญหานี้ก็คงจะถูกแก้ไขไปได้อย่างง่ายดาย” พร้อมกับดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า เมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา
ผู้คนจดจำเมิ่งฮ่าวได้แทบจะในทันทีที่ไปถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาไปยังกระท่อมปรุงยาบนยอดเขาที่เจ็ดหนึ่งเก้าหนึ่ง เด็กฝึกปรุงยาที่นั่น รวมทั้งนักปรุงยาชราฟางฉวิน ลุกขึ้นมายืนด้วยความตื่นเต้นในทันที ประสานมือและเชื้อเชิญให้เขาขึ้นไปบนแท่นเวที
เมิ่งฮ่าวไม่ปฏิเสธ แต่แทนที่จะเดินขึ้นไปและเริ่มทำการบรรยายเกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยา กลับขอให้เด็กฝึกปรุงยาไปเรียนเชิญคนอื่นๆ มารับฟังด้วย
“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตระกูลของพวกเรา” เมิ่งฮ่าวประกาศขึ้นด้วยน้ำเสียงที่กินใจ “ถึงแม้ข้าจะมีทักษะไม่เพียงพอ แต่ก็หวังว่าจะสามารถช่วยให้เต๋าแห่งการปรุงยาของตระกูลก้าวหน้าขึ้นไปได้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยความจงรักและซื่อสัตย์ต่อตระกูล
เด็กฝึกปรุงยาเริ่มตื่นเต้นขึ้น และรีบหยิบเอาแผ่นหยกออกมาแจ้งสหายของพวกมันให้รีบมาในทันที ทำให้ข่าวคราวเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากบรรยายผ่านไปสองชั่วยาม ยอดเขาก็เต็มไปด้วยผู้คนนับหมื่น มารวมตัวกันอย่างแน่นหนาเพื่อรับฟังคำบรรยายของเมิ่งฮ่าวเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพร มีอยู่หลายคนในกลุ่มผู้ฟังที่ได้ข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และมารับฟังเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งแรกด้วยความไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรก็ตามหลังจากได้ฟังไปในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ดวงตาพวกมันก็ต้องเบิกกว้างขึ้น และรีบดูดซับข้อมูลเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนดูเหมือนว่าพวกมันกำลังตกตะลึงอยู่
เมิ่งฮ่าวทำการบรรยายไปตลอดทั้งวัน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มมีท่าทางเหน็ดเหนื่อยขึ้นเล็กน้อย
“สหายร่วมตระกูลทั้งหลาย ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะพูดต่อไป แต่ข้ามีเวลาไม่พอจริงๆ ข้าต้องไปทำภารกิจบางอย่างให้กับตระกูล ครั้งหน้าถ้าว่าง ข้าจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
ไม่ว่ากลุ่มฝูงชนจะพยายามพูดให้เขาอยู่ต่อไปอย่างไร เมิ่งฮ่าวก็ยืนกรานปฏิเสธ และออกจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาไปในทันที
ต่อมาด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ๆ ฟางซีก็เริ่มให้ความสนใจในเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยา มันใช้เส้นสายเพื่อหาโอกาสกลายมาเป็นเด็กฝึกปรุงยา มุ่งหน้าตรงไปยังยอดเขาเจ็ดหนึ่งเก้าหนึ่ง และเริ่มสนิทสนมคุ้นเคยกับเด็กฝึกปรุงยาบางคนในที่แห่งนั้นขึ้นอย่างรวดเร็ว
วันต่อมาเมื่อเมิ่งฮ่าวกลับมา ฟางซีอยู่ในกลุ่มฝูงชน ทุกครั้งที่เมิ่งฮ่าวปรากฏตัวขึ้น ก็จะเป็นช่วงยามสนธยา และเขาก็จะพูดเพียงแค่สองชั่วยามก่อนที่จะจากไป
แน่นอนว่าแต่ละครั้ง เขาจะหยุดการบรรยายในช่วงที่สำคัญทุกครั้ง ทำให้เด็กฝึกปรุงยายิ่งมีความรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น ที่จะได้ยินว่าจะมีอะไรต่อไป เขามักจะปรากฏตัวขึ้นด้วยความปรารถนาที่จะให้คำบรรยายจริงๆ แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เนื่องจากภารกิจของตระกูลและต้องจากไปในที่สุด
ในโอกาสหนึ่ง เมื่อเขาบรรยายไปเกือบสามชั่วยาม ก่อนที่จะเตรียมตัวจากไป ในตอนนี้เองที่หนึ่งในเด็กฝึกปรุงยาได้ร้องตะโกนเป็นเสียงดังขึ้นมา
“ฟางฮ่าว ท่านต้องไปทำภารกิจของตระกูลเพื่อให้ได้คะแนนความดีใช่หรือไม่? เช่นนี้เป็นอย่างไร ข้าจะมอบคะแนนความดีของข้าให้กับท่าน และท่านก็พูดต่อไปอีกหนึ่งชั่วยาม! ท่านคิดว่าอย่างไร?!” เด็กฝึกปรุงยานี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเป็นฟางซี จากสีหน้าของมัน มันได้เตรียมใจที่จะทุ่มสุดตัว และยอมจ่ายด้วยราคาที่จำเป็นใดๆ ก็ตาม เพื่อให้ได้รับความรู้ในเรื่องพืชสมุนไพรมากขึ้น
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่จากนั้นก็มีอยู่ไม่น้อยที่เริ่มส่งเสียงสนับสนุนขึ้นมาในทันที ร้องตะโกนเรียกเมิ่งฮ่าวจนเขาต้องหยุดชะงักนิ่ง
“นี่คงไม่ดีนัก…” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ลังเล
“ไม่ดีอย่างไร!?” ฟางซีร้องตะโกนขึ้นมาจนสุดเสียง “ฟางฮ่าว ทักษะเกี่ยวกับต้นสมุนไพรของท่านสูงมากจนแม้แต่นักปรุงยาระดับสองก็ไม่อาจจะสู้ท่านได้! ถ้าท่านยินดีที่จะสร้างคะแนนความดีเพื่อตระกูลและเพื่อพวกเราแล้วละก็ พวกเราก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นกับท่านเหมือนกัน! ถ้าไม่ทำ พวกเราคงจะต้องละอายใจอย่างใหญ่หลวงนัก!”
เด็กฝึกปรุงยาคนอื่นๆ เริ่มพูดจาตอบรับเห็นด้วย
“นั่นก็ใช่แล้ว! ฟางฮ่าว ตลอดหลายวันมานี้ พวกเราได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่า ท่านได้เสียสละให้กับตระกูลและพวกเรามากแค่ไหน พวกเราทั้งหมดรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง…”
“ฟางฮ่าว ท่านคือผู้ถูกเลือก แต่ก็ไม่ได้เย่อหยิ่งใดๆ เลย!! ไม่ว่าพวกเราจะสอบถามเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรอย่างไร ท่านก็พยายามจะตอบคำถามทั้งหมดด้วยความอดทน! ท่านสมควรที่จะได้รับคะแนนความดีไปจากพวกเรา!”
“ใช่แล้ว! ใครก็ตามที่ไม่ยอมมอบคะแนนความดีให้ ก็ควรจะออกไปจากที่แห่งนี้! สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลกนี้ไม่ใช่การข่มเหงรังแกคนอื่น! แต่เป็นความรู้!!”
ขณะที่บรรยากาศในบริเวณนั้นเริ่มมีความคลั่งไคล้เพิ่มมากขึ้น สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง ในที่สุดเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และไปยืนเด่นอยู่บนแท่นเวที พยักหน้าให้กับคนทั้งหมด กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่
“ดี ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของทุกท่าน เมื่อพวกท่านทั้งหมดเรียกร้องเช่นนี้ ข้าก็จะยอมละเลยการให้บริการตระกูลไปชั่วคราว และจะบรรยายความรู้เกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพรให้กับพวกท่านทั้งหมดแทน!”
“สำหรับหนึ่งชั่วยาม ข้าจะเก็บเพียงแค่หนึ่งคะแนนความดีต่อหนึ่งท่าน! อย่ามอบให้ข้ามากไปกว่านั้น! ถ้าให้มา ข้าก็จะไม่รับ!”
เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดมีสีหน้าแปลกๆ ขึ้น บางคนก็มีท่าทางดูถูก ทำไมกลุ่มผู้คนถึงไม่รู้ว่าเพิ่งจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง?