Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 127

Lord of the Mysteries 127

ตอนที่ 127 : วางรากฐาน

แสงไฟโคมแก๊สส่องลอดจากแผ่นกระจกขุ่นมัว ห้องทำงานหน้าประตูคลังอาวุธมีบรรยากาศมืดสลัวนวลตา นีลล์พลิกหน้าหนังสือพิมพ์อ่านผ่านตาพลางชำเลืองมองชายหนุ่ม

“เป็นอย่างไรบ้าง? ดีขึ้นหรือยัง? ไวน์สักแก้วไหม? หรือต้องการให้ดันน์ขึ้นค่าจ้าง? หรืออยากกลับไปนอนที่บ้านสักตื่น?”

แน่นอน อีกฝ่ายไม่ทราบว่าไคลน์เพิ่งย่อยโอสถนักทำนายเสร็จสมบูรณ์

สิ่งแรกที่ชายหนุ่มจะทำคือ การเปลี่ยนวิธี ‘สลับ’ ภาวะเนตรวิญญาณให้สะดวกและไม่เป็นจุดสนใจของคนรอบข้าง

พลังวิญญาณไคลน์ในปัจจุบัน แกร่งกล้าพอสำหรับกระตุ้นเนตรวิญญาณโดยไม่ต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อมีโอกาสเปลี่ยนวิธีสลับเนตร มันจึงรีบลงมือโดยไม่ลังเล เพราะแบบเก่าวุ่นวายเกินไปสักหน่อย

ไคลน์คิดวิธีสลับเนตรใหม่ได้สองสามรูปแบบ ตัวอย่างเช่น ใช้นิ้วโป้งลูบข้อนิ้วกลาง หรือไม่ก็นำฟันกรามซ้ายกระทบกันสองครั้ง

มันครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต ทุกครั้งเมื่อต้องเปิดเนตรวิญญาณ สภาพแวดล้อมในขณะนั้น และปัจจัยที่ว่า ตนอาจต้องถือปืนลูกโม่ไว้สองมือพร้อมกัน

ลงเอยด้วย ไคลน์เลือกการกระทบฟันกรามซ้ายสองครั้งสำหรับเปิดเนตรวิญญาณ และกระทบฟันกรามขวาสำหรับปิด

หลังจากหลับตาสอนร่างกายตัวเองสักพัก ชายหนุ่มลืมตาขึ้นพร้อมกับอมยิ้มให้นีลล์

“ผมแค่เป็นห่วงปฏิบัติการของหัวหน้าเท่านั้น ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรมากมายครับ”

ขณะเดียวกัน ไคลน์ทดสอบกระทบกรามซ้ายสองครั้งเพื่อเปิดเนตรวิญญาณ มันต้องการคุ้นชินกับวิธีนี้โดยเร็ว

แค่ก! แค่ก! แค่ก!

นีลล์ไอแห้งรุนแรงสองสามหน ถึงขนาดใบหน้าแดงก่ำคล้ายกุ้งล็อบสเตอร์ต้มสุก

“เกิดอะไรขึ้นครับ?”

ไคลน์ผงะ มันรีบถามร้อนรนเป็นกังวล

สายตาเพ่งพิศสำรวจสีออร่าของนีลล์อย่างละเอียด พบว่าสุขภาพอีกฝ่ายค่อนข้างปรกติ มีเพียงสัญญาณการแก่ชราตามวัย

ชายชราไอแห้งเช่นนั้นราวยี่สิบวินาทีก่อนจะได้รับความสงบสุขกลับคืน

“ทุกคนผิดพลาดกันได้ ฉันแค่ทำเครื่องดื่มติดคอ อะแฮ่ม! เอาล่ะ เริ่มเรียนวิชาเร้นลับกันเลยไหม?”

“ครับ”

ไคลน์กระทบกรามขวาสองหนเพื่อปิด

มันกำลังมีความสุข ขณะเดียวกันก็กังวลเล็กน้อยเมื่อตนย่อยโอสถสมบูรณ์เร็วกว่าความคาดหมายถึงสามสัปดาห์

มันดีใจเมื่อไม่ต้องเสี่ยงกับภาวะคลุ้มคลั่ง ขณะเดียวก็จะได้รับพลังใหม่จากโอสถลำดับแปด รวมถึงการเพิ่มขึ้นของพลังวิญญาณ

สำหรับผู้วิเศษทั่วไป ทุกครั้งเมื่อได้เลื่อนระดับ พวกมันมักแสดงอาการตื่นเต้นจนออกนอกหน้า แต่กับไคลน์แล้วไม่ใช่เรื่องดีเสียทั้งหมด ยังมีปัจจัยให้ต้องกังวลอยู่หลายส่วน

หากประเมินจากแนวโน้มในปัจจุบัน ตนคงต้องทำงานกับเหยี่ยวราตรีสาขาทิงเก็นไปอีกพักใหญ่ การแอบเลื่อนลำดับพลังด้วยตัวเองโดยไม่แจ้งกับหัวหน้าอย่างดันน์·สมิท อาจไม่ใช่ทางเลือกฉลาดนัก

วิธีการดังกล่าวรังแต่จะสร้างความหวาดระแวงให้ตัวเอง ต้องคอยกังวลทุกลมหายใจว่าความลับจะถูกเผยตอนไหน และไม่สามารถใช้พลังใหม่ต่อหน้าเพื่อนร่วมทีมขณะปฏิบัติภารกิจ นั่นยิ่งเป็นอันตายต่อชีวิต

ฉะนั้น ไคลน์มีแผนจะเลียนแบบผู้สื่อวิญญาณ มาดามดาลี่ย์ คือการส่งคำร้องขอเลื่อนลำดับพลังไปยังเบื้องบน จากนั้นก็สั่งสมความชอบให้ถึงกำหนด และเข้ารับการทดสอบเพื่อครอบครองโอสถตัวตลก

นั่นคือแผนเลื่อนระดับเป็นผู้วิเศษลำดับแปดที่มันวางไว้

ทว่า…ระหว่างตนกับมาดามดาลี่ย์ยังมีจุดแตกต่างกันมากอยู่หนึ่งข้อ นั่นคือเรื่องที่หล่อนสามารถเลื่อนระดับได้ภายในหนึ่งปีแรก…

แต่มันทำสำเร็จภายในหนึ่งเดือนเท่านั้น!

มีโอกาสสูงที่วิหารศักดิ์สิทธิ์จะจับตามองเป็นพิเศษและปลุกปั้นให้กลายเป็นคนสำคัญของกองทัพรัตติกาล

แต่ไคลน์ไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ มันไม่อยากถูกวิหารศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบร่างกายทุกซอกมุมจนพบความลับเข้า หากมองจากความเคร่งศาสนาของโบสถ์ บุคคลมีความลับจะถือเป็นภัยอันตรายที่พร้อมคลุ้มคลั่ง

ดังนั้น ตนจำเป็นต้องหาเหตุผลอธิบายให้เบื้องบนยอมเชื่อใจ และดันน์·สมิทคือกุญแจสำคัญสำหรับลดทอนความน่าสงสัย

ดังนั้น ก่อนจะแจ้งทุกคนว่าโอสถนักทำนายย่อยสมบูรณ์แล้ว มันมีแผนแอบบอกใบ้ดันน์ให้ทราบเกี่ยวกับเทคนิคสวมบทบาทเสียก่อน เป็นการปูพื้นฐานว่า ความเร็วในการย่อยโอสถของตนมีที่มาที่ไป

ตัวอย่างเช่น ต้องเปรยให้หัวหน้าฟังบ่อยครั้งว่า พลังวิญญาณของตนเข้มข้นขึ้นทุกครั้งหลังจากแวะสโมสรพยากรณ์ หรืออธิบายเรื่อง ‘หลักปฏิบัติ’ ของนักทำนายที่ตนตั้งขึ้นเอง

รวมถึงต้องเล่าว่า เสียงซึ่งไม่ควรได้ยิน ภาพที่ไม่ควรได้เห็น ปรากฏน้อยลงจากเดิมมากโดยเฉพาะในระยะหลัง

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ประกอบกัน เบื้องบนของโบสถ์คงยอมเชื่อว่าตน ‘บังเอิญ’ ค้นพบเทคนิคสวมบทบาทเข้าโดยมีมาดามดาลี่ย์เป็นแบบอย่าง และค้นพบเทคนิค ‘ตั้งกฎ’ จากการเป็นสมาชิกสโมสรพยากรณ์

จึงไม่แปลกหากจะเรียนรู้ได้ไวกว่ามาดามดาลี่ย์ซึ่งใช้เทคนิคสวมบทบาทเพียงอย่างเดียว ความเคลือบแคลงของโบสถ์ก็จะลดลง

แถมวิธีนี้ยังจะช่วยให้ดันน์และเหยี่ยวราตรีคนอื่นทราบถึงเทคนิคสวมบทบาทไปในตัว…

ไคลน์ครุ่นคิดประเด็นเหล่านี้ในใจอยู่นาน

มันมองว่าดันน์·สมิทคือหัวหน้าที่ดี ไม่มีเรื่องเสื่อมเสียหรือนิสัยด้านลบยกเว้นอาการความจำเสื่อม

ตนไม่อยากให้ดันน์เกิดคลุ้มคลั่งในสักวัน และจะยิ่งดีหากหัวหน้าได้เลื่อนลำดับและกลายเป็นผู้วิเศษระดับสูงของโบสถ์

อันที่จริง ไคลน์ต้องการรอให้ครบหนึ่งปีก่อน แล้วค่อยทำเรื่องขอเลื่อนระดับพลัง แต่หลังจากเกิด ‘ความไม่กลมกลืนในโชคชะตา’ ดังคำมิสเตอร์อะซิกทัก รวมถึงเบาะแสอันเลือนรางของปล่องไฟสีแดง มันจึงตระหนักได้ว่า ตนควรเร่งเพิ่มพลังวิญญาณให้ได้โดยเร็ว ยิ่งรอช้าจะยิ่งเป็นอันตราย

ภายในสองสัปดาห์ถัดไป มันต้องคอยเป่าหูหัวหน้าไม่ต่ำกว่าสามครั้ง เพื่อให้รากฐานข้อแก้ตัวมั่นคงและมีที่มาที่ไป จากนั้นค่อยส่งคำร้องขอเลื่อนระดับเป็นทางการ

ขณะเดียวกันก็ต้องหาโอกาสเดินตลาดมืดค้าของวิเศษ เผื่อว่าจะมีวัตถุดิบวิเศษวางขายบ้าง ของที่ตุนไว้เริ่มหมดแล้ว…

ไคลน์วางแผนชีวิตตัวเองเป็นขั้นเป็นตอน ก่อนจะหันมาตั้งใจเรียนคาบวิชาเร้นลับกับลุงนีลล์ต่อ

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก มื้ออาหารเที่ยงใกล้เข้ามาทุกขณะ ลุงนีลล์จัดการเครื่องดื่มและเก็บกวาดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ

“คาบเรียนศาสตร์เร้นลับใกล้จบลงแล้ว ฉันเหลือวิชาที่จะสอนอีกไม่มาก…จากการประเมินด้วยสายตา ดูเหมือนเจ้าเก่งกาจพอจะสร้างยันต์ด้วยตัวเองได้แล้ว”

“ครับ ผมมีความคิดจะสร้างยันต์อยู่”

ไคลน์ถอนหายใจยาวผ่อนคลาย

ยันต์ถือเป็นอุปกรณ์คนละชนิดกับเครื่องรางที่ตนมอบให้เบ็นสันและเมลิสซ่า

ตัวยันต์สามารถสลักอักขระพิเศษลงไปผ่านพิธีกรรมเวทมนตร์ และสำแดงพลังแต่งต่างกันไปในแต่ละประเภท สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยพลิกกระแสการต่อสู้

ยันต์ระดับต่ำมิได้อรรถประโยชน์นัก แถมพลังวิญญาณที่บรรจุลงไปยังถดถอยลงตามกาลเวลา จำเป็นต้องบรรจุใหม่ทุกสองสัปดาห์

การใช้ยันต์แต่ละครั้งต้องถ่ายโอนพลังวิญญาณเข้าไปพร้อมกับเปล่งคาถา จึงไม่สะดวกใช้ในบางสถานการณ์

ไม่เพียงเท่านั้น ยันต์ที่เหยี่ยวราตรีสามารถใช้ได้ จะถูกจำกัดวงแคบเพียงขอบเขตอำนาจของเทพธิดารัตติกาล

ปัจจุบัน ไคลน์สามารถสร้างยันต์สามชนิดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ประกอบด้วย

ชนิดแรก ยันต์หลับใหล ส่งผลคล้ายกับการขับกล่อมจากนักกวีเที่ยงคืน ศัตรูจะเข้าสู่ภวังค์หลับใหลชั่วคราว

ชนิดที่สอง ยันต์สยบวิญญาณ ใช้ทำให้เหล่าผีสาง ซอมบี้ หรือดวงวิญญาณเร่ร่อนสงบลง แถมยังใช้ปราบวิญญาณอาฆาตและวิญญาณร้ายได้ในบางกรณี

ชนิดที่สาม ยันต์ห้วงความฝัน ผู้ใช้สามารถเข้าไปในความฝันของเป้าหมายได้

ความสามารถข้างตนคล้ายคลึงกับพลังของเส้นทางผู้ไร้หลับมาก ทั้งนักกวีเที่ยงคืนและฝันร้าย ส่งผลให้ดันน์กับเลียวนาร์ดไม่จำเป็นต้องพึ่งพายันต์ในการต่อสู้จริง เพราะพลังของพวกมันปลดปล่อยได้ทันทีโดยไม่ต้องท่องคาถา แถมยังมีระยะหวังผลไกลกว่า

ส่วนนักเก็บซากศพ·ฟราย ผู้ไร้หลับ·รอยัล และผู้ไร้หลับ·โคเฮนรี่ ล้วนพกพายันต์ติดตัวไว้คนละหนึ่งถึงสองชนิดเสมอ พวกมันมักนำกลับมาให้ลุงนีลล์ช่วย ‘เติมพลัง’ เป็นประจำ

ชายชราชำเลืองมองไคลน์

“ได้ยินว่าตลอดเดือนที่ผ่านมา เจ้าฝึกฝนพิธีกรรมอย่างหนักจนวัตถุดิบเริ่มร่อยหรอ พวกเราหาโอกาสไปเดินตลาดมืดกันไหม?”

ไคลน์ชะงักเล็กน้อยในตอนแรก ก่อนรีบพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

“ครับ!”

มันทราบราคาของวัสดุสร้างยันต์ดี และได้แต่หวังว่าจะสำเร็จในครั้งแรกเพื่อให้ต้นทุนถูกที่สุด

หลังจากได้รับภารกิจ ‘นำอาหารกลางวันลงมายังใต้ดิน’ จากนีลล์ ไคลน์รีบสวมเสื้อนอกเดินกลับขึ้นไปยังบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬด้วยไม้ค้ำในมือซ้าย

ขณะเดินผ่านห้องนันทนาการ มันเหลือบเห็นเลียวนาร์ดและคนอื่นกลับมาถึงแล้ว และกำลังลิ้มรสอาหารเที่ยงอย่างมีความสุข

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ประตูห้องทำงานดันน์สมิทถูกเคาะจากด้านนอก

“เชิญ”

เสียงลุ่มลึกของอีกฝ่ายดังกังวาน

ไคลน์ผลักประตูพร้อมกับถอดหมวก

“หัวหน้า จับทริสซี่ได้ไหมครับ?”

ดันน์ลูบขมับพลางส่ายหัวอย่างอ่อนล้า

“พวกเราไม่พบตัวเธอที่สถานีทิงเก็น และมีโทรเลขส่งมาจากเบ็คลันด์ว่า พยานคนหนึ่งพบเห็นเธอบนรถจักรไอน้ำเที่ยวเช้าสุด ก่อนจะลงจากรถไฟในสถานีกลางทาง จึงไม่ทราบปลายทางที่แท้จริง”

“น่าเสียดาย…”

ไคลน์ถอนหายใจผิดหวัง ถึงแม้จะเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้วก็ตาม

“พลังทำนายไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น…”

ชายหนุ่มตัดพ้อซ้ำตำหนิตัวเอง

นัยน์ตาสีเทาของดันน์ชำเลืองมอง

“ไม่จำเป็นต้องหดหู่ขนาดนั้น การจับกุมผู้วิเศษลำดับเจ็ดไม่เคยเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว และอย่างน้อย พวกเราสามารถขัดขวางพิธีกรรมของเธอและช่วยชีวิตผู้บริสุทธิ์ไว้ได้มากมาย อีกทั้ง ทางเรายังทราบเกี่ยวกับลักษณะการลงมือของทริสซี่ การก่อคดีซ้ำไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ หากเธอพยายามใช้ลูกไม้เดิม เหยี่ยวราตรีจะตรวจพบความผิดปรกติและพร้อมลงมือจับกุม ไม่ช้าก็เร็ว อาชญากรต้องถูกควบคุมตัวโดยเหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา จิตแห่งจักรกล หน่วยใดหน่วยหนึ่ง ในกรณีเลวร้ายอาจถึงขั้นวิสามัญฆาตกรรม”

“ขอให้เป็นเช่นนั้น…ขอให้เทพธิดาอวยพรพวกเรา”

ไคลน์ทำสัญลักษณ์สี่จุดบนหน้าอก

ถัดมา มันครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนบอกเล่า

“หัวหน้าครับ ผมไม่ได้ยินเสียงในหัวมาราวหนึ่งสัปดาห์แล้ว หมายถึงเสียงที่ไม่ควรได้ยิน ภาพที่ไม่ควรเห็น แม้กระทั่งในยามเข้าฌานหรือเปิดเนตรวิญญาณก็ไม่”

“จริงหรือ?”

ดันน์ขมวดคิ้วสับสน

ไคลน์ฉวยโอกาสอธิบาย

“ผมสัมผัสได้ว่า ตัวเองอยู่ห่างจากการย่อยโอสถนักทำนายอีกเพียงแค่เอื้อม…สิ่งเหล่านี้อาจเกี่ยวพันกับการแวะสโมสรพยากรณ์และชี้นำเส้นทางที่ถูกต้องให้ลูกค้า”

“…ทำไมถึงคิดแบบนั้น?”

ดันน์รีบเปลี่ยนท่านั่ง สีหน้าของมันยังฉงน

ไคลน์พ่นถ้อยคำที่เตรียมไว้

“ท…ทุกครั้งเมื่อผมไปเยือนสโมสรพยากรณ์ ราวกับพลังวิญญาณในตัวเข้มข้นขึ้นทีละนิด โดยเฉพาะหลังจากได้ช่วยทำนายดวงชะตาให้ลูกค้า ทั้งหัวใจ ร่างกาย และวิญญาณของผมจะรู้สึกผ่อนคลายมาก ผมยังตั้งกฎของนักทำนายขึ้นเองจากประสบการณ์ในสโมสรพยากรณ์ เป็นข้อห้ามเหมือนกับ ‘หลักปฏิบัติ’ ของผู้ส่องความลับที่ระบุว่า ‘ทำในสิ่งที่อยากทำ·แต่ต้องไม่เดือดร้อนใคร’ ผมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมาตลอด หากผู้ส่องความลับจำเป็นต้องมีหลักปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงคลุ้มคลั่ง ผมจึงคิดว่านักทำนายก็ควรต้องมีบ้างเช่นกัน ผมมองว่าสองวิธีการข้างต้นจะช่วยให้ย่อยโอสถได้เร็วขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงเกิดอาการคลุ้มคลั่ง เหมือนกับที่มาดามดาลี่ย์สวมบทบาทเป็นผู้สื่อวิญญาณตลอดเวลา”

ไม่มีใครทราบว่าดันน์หยิบไปป์ขึ้นมาตอนไหน มันใช้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นยาสูบโดยไม่จุดไฟเฉกเช่นทุกครั้ง สีหน้าครุ่นคิดเคร่งเครียด

“เป็นการคาดเดาที่สมเหตุสมผล และนำไปทดสอบหาผลลัพธ์ได้น่าสนใจมาก…”

ในบทสนทนาหนแรก ไคลน์เพียงต้องการวางรากฐานคำแก้ตัวไว้ก่อน มันจึงไม่อธิบายสิ่งใดเพิ่มเติม แค่กล่าวติดตลกตบท้าย

“บางทีผมอาจเป็นเหยี่ยวราตรีที่ย่อยโอสถลำดับเก้าเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์…”

“ขอให้เทพธิดาคุ้มครองคุณ”

ดันน์อวยพรไคลน์ ไม่เก็บคำพูดเมื่อครู่มาคิดจริงจัง ก่อนจะก้มศีรษะไตร่ตรองขึงขัง

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ไคลน์ยกมุมปากขึ้นและโบกมืออำลา จากนั้นก็เดินออกจากห้องทำงานดันน์·สมิท

ในวินาทีที่ปิดประตู มันพลันฉุกคิดถึงอุปสรรคใหญ่หลวงในอนาคต…

แล้วตนจะสวมบทบาทเป็นตัวตลกยังไง!

ส…สมัครเป็นสมาชิกคณะละครสัตว์?

แต่ในทิงเก็นไม่มีโรงละครสัตว์ตายตัว คณะละครสัตว์ส่วนใหญ่ของอาณาจักรโลเอ็นจะเป็นแบบตระเวนแสดงตามเมือง…

สีหน้าไคลน์พลันดำมืดเข้มข้น

ในโลกปัจจุบันซึ่งศาสตร์ทำนายมีอยู่จริง การเป็นหมอดูคืออาชีพมีเกียรติ ต่อให้ถูกคนรู้จักบังเอิญพบเข้า แต่ก็ไม่มีสิ่งใดน่าอับอายให้ต้องอธิบาย

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่กับตัวตลก!

ตนจะอธิบายกับเบ็นสันและเมลิสซ่ายังไง!

ไม่สิ…ต้องมีวิธีสวมบทบาทเป็นตัวตลกทางอื่นอยู่แน่ โดยไม่ต้องทำงานในคณะละครสัตว์จริง เพราะช่วงที่ศิลาเย้ยเทพปรากฏตัว โลกมนุษย์ยังไม่น่าจะมีอาชีพชื่อว่าตัวตลก

แต่ตอนนี้คงต้องลืมไปก่อน ทำใจให้สงบ

กว่าจะได้เลื่อนลำดับพลังคงต้องรออีกสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้า คิดไปก่อนก็ปวดหัว

ไคลน์ขจัดความคาใจและมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขก ชายหนุ่มเดินผ่านโรแซน ไบรท์ และมาดามโอเรียนน่าเพื่อนำอาหารกลางวันในส่วนของตนและนีลล์ไปส่งห้องใต้ดิน

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!