ตอนที่ 922
เสียงกลองในศาลาเม็ดยา!
“หินลมปราณ…หินลมปราณ!” ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเจิดจ้าขึ้น และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ
“ฟางฉวินบอกข้าว่าแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา มีเม็ดยาอยู่สามชนิดที่ไม่มีใครเคยปรุงได้มาก่อน ตระกูลจะมอบรางวัลให้มากมายสำหรับใครก็ตามที่ทำได้ เมื่อข้าไม่มีหินลมปราณ ก็คงต้องไปดูว่าข้าสามารถจะปรุงเม็ดยาเหล่านั้นขึ้นมาได้สักหนึ่งเม็ด เพื่อจะได้รางวัลเหล่านั้นมาหรือไม่!” นี่คือวิธีที่ง่ายที่สุดที่เขาสามารถจะคิดได้ และขณะที่เขากำลังจะออกไปเพื่อลองทำดู เสียงอันตื่นเต้นของฟางซีก็ได้ยินมาจากด้านนอกที่พัก
“ท่านอยู่หรือไม่?!”
ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะทันได้กล่าวตอบ ฟางซีก็ผลักประตูให้เปิดออกและผลุนผลันเข้ามา ด้วยท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่มันวิ่งผ่านเข้ามา เมิ่งฮ่าวก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้าที่ด้านนอกดูค่อนข้างจะแตกต่างไปจากปกติ
ดวงตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลงด้วยความจดจ่อ
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน แต่ท้องฟ้าที่ด้านนอกแทบจะเหมือนกับเป็นเปลวไฟ กลายเป็นสีแดงเข้มไปทั่วทั้งท้องฟ้า แต่ก็มองไม่เห็นดวงตะวัน
แทบจะราวกับว่าได้เห็นกฎธรรมชาติแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่ กำลังแขวนอยู่ในท้องฟ้า
“ข้าเพิ่งจะเห็นเสินหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ฝานตงเอ๋อร์ จากอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า!!”
“และหลี่หลิงเอ๋อร์จากตระกูลหลี่มา! ยังมีศิษย์ใหม่บางคนจากนิกายเซี่ยหลัน (กล้วยไม้โลหิต) อีกด้วย!” ดูเหมือนว่าฟางซีจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมันเอ่ยถึงนามของฝานตงเอ๋อร์ ดวงตาก็ดูเหมือนจะสาดประกายด้วยความรักและเทิดทูน ดูเหมือนมันจะกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษเมื่อพูดถึงหลี่หลิงเอ๋อร์
“มีผู้ถูกเลือกมาด้วยอีกมากมาย ไท่หยางจื่อ, ซุนไห่แห่งนิกายตี้เซียน (เซียนจักรพรรดิ), หวังมู่จากตระกูลหวัง และซ่งหลัวตานจากตระกูลซ่ง แม้แต่คนจากสำนักกระบี่ไท่สิงที่มีนามว่าโจวซินก็มาด้วยเช่นกัน!” ขณะที่ฟางซีกล่าว เมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นมายืนด้วยดวงตาที่สาดประกาย ยื่นมือออกจับไปที่ไหล่ของฟางซี
“ไท่หยางจื่อมาที่นี่? ซ่งหลัวตานด้วย? หลี่หลิงเอ๋อร์และซุนไห่…?” เมิ่งฮ่าวเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา เมื่อเขาเริ่มกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนหินลมปราณ กลุ่มคนที่เคยเป็นหนี้เขาทั้งหมดก็มาแสดงตัวขึ้น
“อีกไม่กี่วัน จะมีผู้ถูกเลือกอีกมากมายจากสำนักและตระกูลต่างๆ มาที่นี่ เพื่อเฝ้าดูตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) ที่ศาลารุ่งบูรพา” ฟางซีร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้มันจะรู้สึกว่าการแสดงออกของเมิ่งฮ่าวจะแปลกไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา)?” นี่เป็นครั้งที่สองที่เมิ่งฮ่าวได้ยินผู้คนเอ่ยถึงคำว่ารุ่งบูรพา ครั้งแรกเขาได้ยินกลุ่มของฟางหงได้พูดถึง
“ทุกๆ หนึ่งร้อยปี ดวงตะวันที่ด้านนอกของจิ่วต้าซานไห่ (เก้าขุนเขาทะเลอันยิ่งใหญ่) จะมาถึงจุดที่วงโคจรของมันจะเข้ามาใกล้ดาวตงเซิ่ง (ชัยชนะตะวันออก) มากที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นดาวตงเซิ่งก็คือดาวดวงแรกที่ได้เห็นดวงตะวันโผล่ขึ้นมา!”
“เวทแห่งเต๋าและกฎธรรมชาติของฟ้าดินก็จะปรากฏขึ้น เพราะว่าดวงตะวันได้เข้ามาใกล้มาก ถ้าท่านสามารถจะหยั่งรู้และเข้าใจได้ ในตอนที่เกิดปรากฏการณ์ตงเซิงจือหยาง ท่านก็จะถูกอาบไล้ไปด้วยแสงตะวันอันไร้ขอบเขต แสงตะวันนั้นประกอบไปด้วยเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้กายเนื้อท่านแข็งแกร่งขึ้นมาได้!”
“ท่านควรจะต้องไปดู เมื่อตงเซิงจือหยางปรากฏขึ้น สมาชิกของตระกูลทั้งหมดที่มีอายุต่ำกว่าหนึ่งพันปี ก็จะบินขึ้นไปอาบไล้ในแสงตะวัน ยิ่งท่านบินขึ้นไปสูงมากเท่าใด ยิ่งเข้าไปใกล้ดวงตะวันมากแค่ไหน ท่านก็จะยิ่งได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น!”
“เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน” ฟางซีกล่าวต่อด้วยความตื่นเต้น “อู๋เต้าจื่อแห่งเซียนกู่เต้าฉ่าง (พิธีเต๋าเซียนโบราณ) สามารถที่จะทะลวงผ่านข้อจำกัดไปได้ และกายเนื้อของมันก็บรรลุถึงจุดที่แทบจะสูงสุดเมื่อเทียบกับเซียนแท้!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น กายเนื้อของเขามีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่ออยู่แล้ว แต่ตอนนี้เมื่อชีพจรเซียนของเขาได้ปรากฏขึ้น กายเนื้อจึงได้อ่อนแอกว่าพื้นฐานฝึกตนอยู่เล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่รู้ถึงวิธีที่จะปรับปรุงมันให้ดีขึ้น ถ้าสามารถจะใช้โอกาสนี้ได้ ก็คงจะเป็นความโชคดีอยู่ไม่น้อย
“มันจะเริ่มเมื่อไหร่?” เมิ่งฮ่าวถาม
“ภายในเจ็ดวัน” ฟางซีกล่าวตอบ
เมิ่งฮ่าวลูบไปที่ถุงสมบัติ และจากนั้นก็เลียริมฝีปาก กล่าวว่า “ไท่หยางจื่อและพวกทั้งหมดอยู่ที่ไหน? พาข้าไปหาพวกมัน”
“หือ?” ฟางซีลังเลอยู่ชั่วขณะ เมื่อครู่นี้มันเพิ่งจะมองเห็นกลุ่มคนดังกล่าวอยู่ที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์โบราณ “ฟางเว่ยเชิญพวกมันทั้งหมดให้ไปยังศาลารุ่งบูรพา ในเขตตะวันออก นั่น…เป็นเขตของสาขาตระกูลพวกมัน มันน่าจะเหมาะสมกว่าที่จะไปที่นั่นในวันของตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) แต่ตอนนี้…”
“ข้าเข้าใจ…” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย พร้อมกับยิ้มขึ้น “ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปพบพวกมันในอีกเจ็ดวันข้างหน้านี้ ก่อนอื่นข้าจำเป็นต้องไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา เจ้าจะมาด้วยหรือไม่?”
ฟางซีส่ายหน้า
“เตียเรียกข้าไปพบ ข้ามาที่นี่เพื่อบอกท่านเกี่ยวกับตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) เท่านั้น ท่านไปเองเถอะ”
เมิ่งฮ่าวพยักหน้า เขาและฟางซีเดินออกมาจากที่พัก หลังจากนั้นคนทั้งสองก็แยกทางกัน
เมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปจากคฤหาสน์โบราณ มุ่งหน้าตรงไปยังแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ไม่นานนักเขาก็ไปถึง เด็กฝึกปรุงยามากมายกำลังพูดคุยเกี่ยวกับตงเซิงจือหยาง และนักปรุงยามากมายกำลังเตรียมตัวเป็นพิเศษเพื่อปรุงเม็ดยาขึ้นมาในช่วงเวลานั้น พลังที่เข้มข้นของดวงตะวันที่เข้าไปในเม็ดยาธาตุไฟ จะช่วยให้ตัวยายิ่งมีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น พลังของดวงตะวันก็จะทำให้แสงแดดมีความเข้มข้นจนสามารถปรุงเป็นเม็ดยาตงเซิง (รุ่งบูรพา) ได้ เม็ดยาเช่นนี้สามารถจะปรุงขึ้นมาได้หนี่งครั้งในทุกๆ หนี่งร้อยปีเท่านั้น ในช่วงที่ตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมา!
นอกจากนั้น มีแต่นักปรุงยาระดับเจ็ดหรือสูงกว่าเท่านั้น ที่สามารถจะปรุงเม็ดยาเช่นนั้นขึ้นมาได้
เมิ่งฮ่าวไม่ได้ไปยังยอดเขาเจ็ดหนึ่งเก้าหนึ่ง แต่กลับไปหาฟางฉวิน หลังจากที่อธิบายถึงสิ่งที่เขาต้องการจะทำ ฟางฉวินก็จ้องกลับมาที่เขาด้วยความงุนงง มันไม่เคยเห็นเมิ่งฮ่าวปรุงยามาก่อน อันที่จริงไม่ใช่มันคนเดียวเท่านั้น ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาทั้งหมดไม่มีใครเคยเห็นเมิ่งฮ่าวปรุงยามาก่อน
เนื่องจากเช่นนั้น ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่คาดเดาว่าเมิ่งฮ่าวมีแต่ความเข้าใจในเรื่องต้นพืชสมุนไพรเท่านั้น ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการปรุงยาใดๆ
ยังมีอีกพวกที่เชื่อว่าเมิ่งฮ่าวต้องมีความเข้าใจในเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยาอย่างแน่นอน และสงสัยว่าอาณาจักรแห่งการปรุงยาของเขาจะอยู่ที่ชั้นไหนกันแน่
เมื่อฟางฉวินได้ยินว่าเขากำลังจะพยายามปรุงหนึ่งในสามเม็ดยาในตำนาน ซึ่งไม่มีใครเคยปรุงได้สำเร็จมาก่อน มันก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ไม่นานหลังจากนั้น มันก็เริ่มตื่นเต้นขึ้น พยักหน้า และเริ่มนำทางไป
คนทั้งสองพุ่งผ่านแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา มุ่งหน้าตรงเข้าไปในเขตภูเขาด้านใน เด็กฝึกปรุงยามากมายมองเห็นพวกเขา และดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้น
“ฟางฮ่าวกำลังเข้าไปในเขตภูเขาด้านใน? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังศาลาโอสถอีกครั้ง?!?!”
“ข้าต้องรีบไปแล้ว มิเช่นนั้นจะไม่ได้ตำแหน่งที่นั่งดีๆ”
“มาเถอะ ตามมันไป!” เด็กฝึกปรุงยามากมายรีบติดตามเมิ่งฮ่าวไป และในที่สุดก็มีกลุ่มฝูงชนติดตามเขาไปนับพัน ลำแสงเจิดจ้าพุ่งฝ่าอากาศเข้าไปในเขตภูเขาด้านใน นักปรุงยามากมายที่อยู่แถวนั้นรับรู้ได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และเข้ามาร่วมกับฝูงชนเหล่านั้นในทันที
หลังจากที่พวกมันตระหนักว่าเขาไม่ได้มุ่งหน้าไปยังศาลาโอสถ หลายคนรู้สึกผิดหวัง แต่ในตอนนี้เองที่กลุ่มคนเริ่มตระหนักว่าจริงๆ แล้วเขากำลังมุ่งหน้าไปยัง…
ศาลาเม็ดยา!
แผนกเต๋าแห่งการปรุงยามีศาลาโอสถ และก็มีศาลาเม็ดยาด้วยเช่นกัน!
ภายในศาลาเม็ดยามีเม็ดยาอยู่เป็นจำนวนมากมายมหาศาล เมื่อไหร่ที่นักปรุงยาทำการปรุงยา พวกมันก็จะนำเม็ดยามาขายยังที่แห่งนี้ เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของต่างๆ ตามที่พวกมันต้องการ
และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นที่ที่ของรางวัลอันมหาศาล จะถูกมอบให้กับผู้ที่ปรุงยาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเม็ดเหล่านั้นได้!
“มันกำลังไปยังศาลาเม็ดยา? บางทีมันกำลังจะไปซื้อเม็ดยาบางอย่าง?”
“ไม่ถูกต้อง…ศาลาเม็ดยาไม่ได้ขายเม็ดยา เพียงแต่ซื้อเม็ดยาเท่านั้น…เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันรู้วิธีการปรุงเม็ดยา?”
คนทั้งหมดที่กำลังติดตามเมิ่งฮ่าวมา ต่างก็อยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง น้อยคนนักที่จะจากไป ส่วนใหญ่ยังคงติดตามเขาไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เข้าไปใกล้ศาลาเม็ดยา
ศาลานี้ดูไม่แตกต่างไปจากศาลาโอสถมากนัก มีสองชายชรากำลังยืนคุ้มกันอยู่ที่ด้านนอกด้วยเช่นกัน รวมทั้งแท่นศิลาตัวอักษรขนาดใหญ่ ที่มีชื่อของเม็ดยาต่างๆ จารึกอยู่บนพื้นผิว
สิ่งที่แตกต่างระหว่างทั้งสองก็คือ ศาลาโอสถลอยอยู่ในกลางอากาศ ดูเหมือนว่าจะถูกล่ามโซ่ไว้จนตรึงแน่นอยู่กับที่ ราวกับว่ามันปรารถนาจะบินขึ้นไปในท้องฟ้า ออกไปจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา
ศาลาเม็ดยาไม่ได้ลอยอยู่ในกลางอากาศ มันตั้งอยู่บนพื้นดินที่เป็นหัตถ์ศิลาขนาดใหญ่ ซึ่งดรรชนีได้แทงทะลุเข้าไปในศาลา มันก็เช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าปรารถนาจะบินจากไป แต่ก็ต้องมาติดอยู่กับหัตถ์ยักษ์นี้ตลอดไป
“เห็นได้ชัดว่าศาลาโอสถถูกนำมาจากที่อื่น มาวางอยู่ที่แผนกเต๋าแห่งการปรุงยานี้โดยท่านปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟาง” เมิ่งฮ่าวคิด “นั่นคือเหตุผลที่ทำไมมันถึงถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ตรวน เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปหาเจ้านายเดิมของมัน สำหรับศาลาเม็ดยา เพียงมองแค่แวบแรกก็บอกได้เลยว่ามันก็ถูกนำมาจากที่แห่งอื่นด้วยเช่นกัน และกำลังถูกตรึงไว้ในสถานที่แห่งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปหาเจ้านายที่แท้จริงของมันได้” สีหน้าแปลกๆ มองเห็นได้จากใบหน้าเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขามองไปยังศาลาเม็ดยา จากสถานการณ์ของศาลาทั้งสองนี้ ทำให้สามารถจะเห็นได้ถึงการกดขี่ข่มเหงของปรมาจารย์ตระกูลฟางรุ่นแรก
ที่เบื้องหน้าของศาลาเม็ดยามีกลองขนาดใหญ่อยู่สามใบ แต่ละใบดูเก่าแก่โบราณ ราวกับว่าพวกมันได้คงอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน ตรงหน้ากลองแต่ละใบมองเห็นตัวอักษรโบราณ ที่กำลังส่องแสงระยิบระยับอยู่
เม็ดยาคิดถึงฟ้า!
เม็ดยาแยกทะเล!
เม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า!
สามกลอง, สามกลุ่มตัวอักษรโบราณ เม็ดยาทั้งสามเหล่านี้คือผลงานทั้งชีวิตของสามปรมาจารย์ตระกูลฟางในหลายยุคสมัยที่ผ่านมา และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครในตระกูลฟางจะสามารถปรุงพวกมันขึ้นมาได้อีกเลย!
แม้แต่คนทั่วไปก็ยังรู้ว่า นักปรุงยาที่แข็งแกร่งมากที่สุดในรุ่นนี้ ฟางตานอวิ๋น ก็ยังไม่อาจจะปรุงมันขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามบางคนก็ได้คาดเดาว่า ถึงแม้ผู้เฒ่าโอสถจะไม่อาจปรุงเม็ดยาคิดถึงฟ้า และเม็ดยาแยกทะเลได้ ท่านก็น่าจะสามารถปรุงเม็ดยาที่ง่ายมากที่สุดในสามเม็ดนั้นได้ ก็คือเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป ในทันทีที่มันแตะสัมผัสไปโดนกลองทั้งสามใบ เสียงเก่าแก่โบราณก็ดังก้องอยู่ในจิตใจ
“เม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า! ใครก็ตามที่ปรุงยานี้ได้ จะได้รับรางวัลเป็นหินลมปราณหนึ่งร้อยล้านก้อน, หยกเซียนหนึ่งแสนชิ้น, คะแนนความดีห้าล้านแต้ม, ต้นสมุนไพรตามที่เจ้าต้องการจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาหนึ่งหมื่นชนิด, เวทแห่งเต๋าของตระกูลสามเวท และของวิเศษเซียนหนึ่งชิ้น ยิ่งไปกว่านั้น ระฆังเต๋าจะดังออกมาเก้าครั้ง! สำหรับคนที่ปรารถนาจะลองปรุงเม็ดยานี้ ให้ตีกลอง และจ่ายคะแนนความดีหนึ่งล้านแต้ม เพื่อรับส่วนผสมต้นสมุนไพรไปหนึ่งชุด”
“เม็ดยาแยกทะเล! ใครก็ตามที่ปรุงยานี้ได้ จะได้รับรางวัลเป็นหินลมปราณหนึ่งพันล้านก้อน, หยกเซียนหนึ่งล้านชิ้น, คะแนนความดียี่สิบล้านแต้ม, ต้นสมุนไพรตามที่เจ้าต้องการจากแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาหนึ่งแสนชนิด, เวทแห่งเต๋าของตระกูลหกเวท และของวิเศษโบราณหนึ่งชิ้น ระฆังเต๋าจะดังออกมาสิบแปดครั้ง! ส่วนผสมต้นสมุนไพรมีค่าเท่ากับคะแนนความดีสิบล้านแต้ม”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และเริ่มหอบหายใจออกมา มองไปยังกลองทั้งสามด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“เม็ดยาคิดถึงฟ้า! ใครก็ตามที่ปรุงยานี้ได้จะกลายเป็นราชันของแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา! สิ่งที่ต้องใช้ในการพยายามจะลองปรุงยานี้ก็คือ การปรุงยาทั้งสองเม็ดก่อนหน้านี้ ค่าของส่วนผสมต้นสมุนไพรคือคะแนนความดีหนึ่งร้อยล้านแต้ม”
จิตใจเมิ่งฮ่าวหมุนคว้าง เขารู้ว่าการพิจารณาถึงรางวัลที่จะได้รับ และความจริงที่ว่าหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีใครสามารถจะปรุงยาเหล่านี้ชขึ้นมาได้…เม็ดยาคิดถึงฟ้าต้องปรุงได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญยิ่ง
“ข้าไม่จำเป็นต้องปรุงเม็ดยาคิดถึงฟ้า ถ้าข้าสามารถปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า และได้รับหินลมปราณหนึ่งร้อยล้านก้อนเป็นรางวัล ก็เพียงพอแล้ว” เมิ่งฮ่าวพึมพำ เลียริมฝีปาก เฝ้าครุนคิดแต่เรื่องของรางวัลอยู่ในจิตใจ ขณะที่เพิ่งประทับมันลงไปในจิตวิญญาณ ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง
“เพื่อหินลมปราณ!! และเพื่อของวิเศษเซียน!” เขาบินตรงไป
“ข้าจะต้องทุ่มจนสุดตัว!” กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังศาลาเม็ดยา ขณะที่กลุ่มผู้ชมที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นนับพันเฝ้ามองไป เขาไม่ได้ผ่านเข้าไปในศาลา แต่มุ่งหน้าตรงไปยังกลองทั้งสาม ดวงตาของกลุ่มผู้ชมเบิกกว้างขึ้น
ในชั่วพริบตา เขาก็ไปอยู่ที่เบื้องหน้ากลอง จากนั้นก็ยื่นมือขวาออกไปยังกลองเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า และฟาดฝ่ามือลงไป
ตง!!
กลองสั่นสะเทือนด้วยเสียงอันลึกล้ำ ซึ่งดังก้องออกไปทั่วทั้งแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา ระลอกคลื่นกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง นักปรุงยาและเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดต่างก็ได้ยินเสียงนี้กันถ้วนทั่วทุกตัวคน
“นั่นคือ…เสียงที่ใครบางคนกำลังตีไปที่กลองของศาลาเม็ดยา!!”
“ใครบางคนกำลังพยายามที่จะปรุงหนึ่งในสามเม็ดยาที่ไม่อาจจะปรุงได้! แม้แต่เม็ดยาที่ง่ายมากที่สุดก็ต้องใช้คะแนนความดีถึงหนึ่งล้านแต้ม ใครจะร่ำรวยเช่นนั้น? เม็ดยาเหล่านั้นไม่อาจจะปรุงขึ้นมาได้! ช่างเป็นการสูญเสียคะแนนความดีหนึ่งล้านแต้มไปโดยเปล่าประโยชน์!”
“นั่นคือ…หนึ่งล้านแต้มเลยนะ!!”
แผนกเต๋าแห่งการปรุงยาตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมาในทันที