ตอนที่ 925
เจี่ยฟูในอนาคต?
ทันใดนั้นใบหน้าของฟางอวิ๋นอี้ ก็ดูน่าเกลียดขึ้นอย่างถึงที่สุด ใบหน้าของผู้ถูกเลือกอื่นๆ ที่อยู่รายล้อมฟางเว่ย รวมทั้งใบหน้าของกลุ่มคนในตระกูลฟางอื่นๆ ทั้งหมดที่เป็นผู้ติดตามของฟางเว่ย ต่างก็หมองคล้ำลงเช่นเดียวกัน
ในความคิดของพวกมัน ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะเป็นหลานคนโตของสายโลหิตหลัก แต่ท่านปรมาจารย์ได้ประกาศให้ฟางเว่ยเป็นเต้าจื่อ (บุตรแห่งเต๋า) ของตระกูลฟางไปแล้ว แน่นอนว่าฟางเว่ยจะต้องบรรลุถึงอาณาจักรเซียนได้ภายในหนึ่งพันปีนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นคนที่ไม่มีใครจะมาสร้างความสั่นสะเทือนหรือสร้างความขัดใจให้ได้
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีคำยุแหย่ของฟางอวิ๋นอี้ ซึ่งมันได้บอกกับคนทั้งหมดเกี่ยวกับความโหดร้ายของเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายผู้ถูกเลือกมากมายของตระกูลก็เริ่มไม่พอใจกับเมิ่งฮ่าวกันขึ้นมา
ลึกลงไปในแววตาของฟางตงหานแวบแสงที่แทบจะมองไม่เห็นขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่มันอยากจะเห็น ยิ่งเมิ่งฮ่าวมีชื่อเสียงมากขึ้นเท่าใด เขาก็ยิ่งได้เปรียบฟางเว่ยมากขึ้นเท่านั้น และคนทั้งสองก็จะกลายเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมกันไม่ได้อย่างแน่นอน
“คนทั้งสองจะต้องต่อสู้กันไม่เร็วก็ช้านี้ และโอกาสที่ข้าจะมีชื่อเสียงขึ้นก็จะมาถึง…เมื่อการต่อสู้นั้นยุติลง!” มันครุ่นคิดพร้อมกับก้มหน้าลง จนคนอื่นๆ ไม่อาจจะมองเห็นความทะเยอทะยานอย่างบ้าคลั่งอยู่ในแววตาของมัน
ฟางเซียงซานยืนห่างออกไปที่ด้านข้าง หอบหายใจออกมา ดวงตาเบิกกว้าง นางได้พบกับเมิ่งฮ่าวไม่กี่ครั้งภายในตระกูล และมักจะรีบหนีออกไปให้ห่างจากสายตาเขา ตอนนี้เมื่อเสียงของระฆังดังก้องอยู่ในจิตใจ แล้วนางจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเมิ่งฮ่าว…จะสามารถปรุงเม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้าขึ้นมาได้จริงๆ?
ทั่วทั้งตระกูลฟางกำลังสั่นสะเทือน!
“เกิดอะไรขึ้น?” ซ่งหลัวตานถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ดวงตามันแวบประกายขึ้น ผู้ถูกเลือกจากตระกูลอื่นๆ ต่างก็มองไปยังฟางเว่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้แต่หลี่หลิงเอ๋อร์และฝานตงเอ๋อร์ก็เป็นเช่นเดียวกัน
สีหน้าดูถูกมองเห็นได้จากใบหน้าของหลี่หลิงเอ๋อร์ เมื่อพูดถึงเรื่องฟางมู่จากก่อนหน้านี้ นางได้แต่หัวเราะอย่างเคร่งขรึมไปยังท่าทางของฟางเว่ย นางรู้ดีว่าฟางมู่ไม่ใช่ฟางเว่ย แต่เป็นเมิ่งฮ่าวที่น่าชังผู้นั้น
สีหน้าฟางเว่ยกลับเป็นปกติเหมือนเดิม มันยิ้มน้อยๆ ขณะที่หันหน้ากับมายังผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ พร้อมกับกล่าวขึ้น
“ไม่มีอันใด แค่คนในตระกูลปรุงเม็ดยา ทำให้ระฆังดังขึ้นมาก็เท่านั้น สหายเต๋าทั้งหลาย หลังจากที่ผ่านวันนี้ไป ปรากฏการณ์ตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) ก็จะมาถึงแล้ว”
“ฟางโหม่ว (ผู้แซ่ฟาง) ขอแสดงความยินดีล่วงหน้า ในสิ่งที่พวกท่านทั้งหมดจะได้รับไป นี่คือช่วงที่ดวงตะวันจะแปลกประหลาดมากที่สุดในทุกๆ หนึ่งร้อยปีของตระกูลฟาง และในฐานะที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของขุนเขาทะเลที่เก้า พวกเราจึงมักจะยินดีที่จะเรียนเชิญศิษย์จากสำนักและตระกูลต่างๆ ให้มาร่วมรับรู้กับปรากฏการณ์ตงเซิงจือหยางนี้ด้วยกัน!!”
คำพูดของฟางเว่ยทำให้คนทั้งหมดยากที่จะสอบถามต่อไปได้ พวกมันกลับมาพูดคุยและหัวเราะกันต่อไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครลืมเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ก็ตามที
สีหน้าซุนไห่หยิ่งยโสอย่างถึงที่สุด ขณะที่มันพูดคุยอย่างสุภาพกับผู้ฝึกตนตระกูลฟางที่อยู่ข้างกายมัน สมาชิกตระกูลฟางเหล่านั้นไม่ได้แสดงความไม่เคารพแม้แต่น้อยนิด นอกจากนั้นเมื่อเร็วๆ นี้พวกมันเคยได้ยินมาว่า ซุนไห่ได้รับการเสนอชื่อให้กลายเป็นตี้จื่อ (บุตรจักรพรรดิ) แห่งนิกายตี้เซียนอีกด้วย
“เมื่อท่านกล่าวถึงเรื่องนี้ อันที่จริงแล้วข้าก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอยู่กับตระกูลฟางด้วยเช่นกัน” ซุนไห่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเป็นเสียงดังขึ้น และลูบไปที่ศีรษะที่ล้านเลี่ยนของมัน
“ข้ามีซือเม่ย (ศิษย์น้องที่เป็นผู้หญิง) ที่เป็นคนของตระกูลฟางอยู่ด้วย” เมื่อซุนไห่เอ่ยถึงซือเม่ยผู้นี้ ดวงตามันก็ส่องประกายด้วยความรัก มันยังคงจำได้ถึงครั้งแรกที่ได้เห็นหญิงสาวนางนั้น จนทำให้มันต้องจ้องมองไปด้วยความงุนงง และรู้สึกราวกับว่าจิตใจมันกำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้าอยู่ตลอดเวลา ในตอนนั้นราวกับว่าหญิงสาวจากตระกูลฟางนางนั้น คือสิ่งเดียวที่ยังคงปรากฏอยู่ในจักรวาลทั้งหมดนี้
ถึงแม้ว่าตัวตนที่แท้จริงของนาง จะถูกปกปิดไว้เป็นความลับอยู่ในนิกายตี้เซียน แต่ซุนไห่ก็รู้ว่านางต้องเป็นคนของตระกูลฟางอย่างแน่นอน
มันได้สาบานไว้ว่า สักวันหนึ่งคนทั้งสองจะกลายเป็นคู่รักกัน เพื่อที่จะไล่ตามความฝันนั้น ทำให้มันต้องถูกทุบตีอย่างรุนแรงหลายครั้ง ทั้งหมดนั้นก็เพื่อที่จะใกล้ชิดกับนางให้จงได้…
แต่ละครั้งที่ถูกทุบตี มันก็มักจะตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ด้วยความเชื่อที่ว่านี่คือวิธีการแสดงความสนิทสนมของนางที่มีต่อมัน
ภายในศาลารุ่งบูรพา คนทั้งหมดกำลังพูดคุยเกี่ยวกับตะวันที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้า และจากนั้นก็จะเป็นการโผล่พ้นขึ้นมาของตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) ที่ด้านนอกของศาลารุ่งบูรพา ตรงชายหาดของทะเลสาบจันทร์เจิดจ้า มีผู้คนมากกว่าหนึ่งร้อยคนกำลังห้อมล้อมกันเป็นรูปวงกลม พวกมันส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของตระกูลฟางที่มีอายุน้อยกว่าหนึ่งพันปี ถึงแม้ว่าพวกมันทั้งหมดจะรู้สึกตื่นเต้น ที่จะมีส่วนร่วมในการที่ได้เห็นดวงตะวันขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่ตอนนี้พวกมันทั้งหมดต่างก็สั่นสะท้านอยู่ภายในใจด้วยเสียงของระฆังเต๋าที่ดังขึ้นมา
ฟางซีอยู่ในกลุ่มฝูงชน อยู่ใกล้กับทะเลสาบมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมดเล็กน้อย ตอนนี้มันกำลังกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น แต่ก็รู้สึกผิดหวังขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน ที่ไม่ได้ไปดูการปุรงยาของเมิ่งฮ่าวก่อนหน้านี้
ในความตื่นเต้นของฟางซี มันไม่ได้สังเกตเห็นว่าภายในศาลารุ่งบูรพา สายตาอันน่ากลัวของฟางอวิ๋นอี้ได้จ้องนิ่งมายังมัน
“ข้าไม่กล้าไปมีเรื่องกับเมิ่งฮ่าวอีกแล้ว แต่สำหรับฟางซี…มันมักจะติดตามเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลา! ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!” ฟางอวิ๋นอี้คิด พร้อมกับแค่นเสียงอย่างเย็นชา มันหันหน้ากลับไปยังคนในตระกูลที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นและกระซิบออกไปสองสามประโยค บุรุษหนุ่มผู้นั้นลังเลอยู่ชั่วขณะ หลังจากที่ฟางอวิ๋นอี้พูดอีกไม่กี่คำ บุรุษผู้นั้นก็ออกมาจากศาลาในทันที เพื่อไปเตรียมการบางอย่าง
ในเวลาเดียวกันนั้น ย้อนกลับไปในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยา เมิ่งฮ่าวกำลังมองไปยังเม็ดยาที่กำลังลอยอยู่ในกลางอากาศ เขาถอนหายใจออกอย่างยาวนาน ขณะที่แสงเจิดจ้าแต่ก็อ่อนโยนได้พุ่งออกมาจากยาเม็ดนั้น ในที่สุดเขาก็ทำท่าคว้าจับ ทำให้เม็ดยาลอยมาตกอยู่ในฝ่ามือ ซึ่งเขาก็ตรวจสอบดูอย่างละเอียด
จิตใจของผู้ฝึกตนที่ห้อมล้อมอยู่สั่นสะท้าน ขณะที่พวกมันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าวและเม็ดยาที่อยู่ในมือเขาด้วยความงุนงง เสียงหอบหายใจดังเต็มไปทั่วในอากาศ
เห็นได้ชัดว่านี่คือ…เม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้า!
เม็ดยานี้ประกอบไปด้วยคุณสมบัติของธาตุหยางอย่างไร้ที่เปรียบ รวมทั้งดูสวยงามเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนเวทเปลวไฟ มันก็คล้ายกับเป็นสิ่งของแห่งสวรรค์หรือว่าเป็นของวิเศษแห่งปฐพี จริงๆ แล้วมันคือเม็ดยาที่ผู้ฝึกตนอาณาจักรวิญญาณไม่อาจจะกลืนกินลงไปได้ แม้แต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียน ถ้าจะใช้มันก็ต้องกระทำด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าทำการดูดซับยาเม็ดนี้ไปเรียบร้อยแล้ว เวทเปลวไฟและพื้นฐานฝึกตนของคนผู้นั้นก็จะสามารถทะลวงผ่านขึ้นไปได้อย่างที่ไม่ต้องสงสัย พิษเปลวไฟต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะกลายเป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์อันน่าเหลือเชื่อ ของผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนเวทเปลวไฟนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากตงเซิงจือหยาง (ตะวันรุ่งบูรพา) จะเกิดขึ้นในวันต่อมา ถ้ายาเม็ดนี้ถูกกลืนกินลงไปในช่วงเวลานั้น เปลวไฟภายในและเปลวไฟภายนอกก็จะหลอมรวมเข้าด้วยกัน ช่วยเร่งปฏิกิริยาของยานี้ ทำให้มันมีความแข็งแกร่งอย่างไร้ที่สิ้นสุด ในแง่ของการกลั่นสกัดร่างกาย!
สำหรับนักปรุงยาใดๆ ก็ตาม ยาเม็ดนี้…เป็นยิ่งกว่าสิ่งของที่ล้ำค่า ด้วยการศึกษามัน ก็จะสามารถกลั่นสกัดให้เต๋าแห่งการปรุงยาของตัวเองก้าวหน้าได้มากขึ้น เมื่อพูดถึงเม็ดยาอีกสองชนิดที่พบเห็นได้ยากของตระกูลฟาง ก็ไม่มียาเม็ดไหนเหลืออยู่เลยในศาลาเม็ดยา แต่เม็ดยาวิญญาณตะวันทุกชั้นฟ้ายังพอมีเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงสิบเม็ด
มีข่าวลือได้บอกว่าเม็ดยาเหล่านี้ ได้อยู่ที่นั่นมาเป็นเวลานานแล้ว และถ้ามีใครอยากได้มาไว้ในครอบครอง ก็ต้องใช้คะแนนความดีจำนวนมากมายมหาศาลมาแลกเปลี่ยนเท่านั้น
แน่นอนว่าสำนักเย่าเซียน (เซียนโอสถ) สามารถจะปรุงยานี้ขึ้นมาได้ ถ้าใครต้องการจะซื้อมันก็ต้องมีหินลมปราณจำนวนมหาศาลเท่านั้น แม้แต่นักปรุงยาระดับเจ็ดก็ยังไม่อาจจะซื้อมาได้แม้แต่เม็ดเดียว
ทันใดนั้น นักปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็เริ่มร้องตะโกนขึ้นมา ด้วยความต้องการที่จะซื้อยาเม็ดนี้
“ฟางตานซือ (นักปรุงยาฟาง) ท่านต้องการจะขายยาเม็ดนั้นหรือไม่?”
“ท่านต้องการขายมันเป็นหินลมปราณจำนวนเท่าใด?! เหล่าฟูต้องการจะซื้อมัน!”
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวได้ยินคำว่าหินลมปราณ ดวงตาก็เริ่มสาดประกายขึ้น ขณะที่เขาลังเล นักปรุงยาระดับแปดที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครมองเห็น ทันใดนั้นก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอยู่ในบริเวณนั้น
ฉับพลันนั้น สีหน้าของนักปรุงยาที่อยู่ในกลุ่มฝูงชนก็เปลี่ยนไป พวกมันประสานมือและโค้งตัวลงโดยพร้อมเพรียงกัน
“ขอคารวะ เก๋อเหล่า! (ผู้อาวุโสศาลา)”
ปฏิกิริยานี้ทำให้กลุ่มผู้ชมคนอื่นๆ ต่างก็อ้าปากค้าง และมองไปยังชายชราซึ่งมีหน้าตาไม่น่าดูที่เพิ่งจะปรากฏตัวขึ้น จิตใจพวกมันหมุนคว้างขณะที่ตระหนักว่า นอกจากผู้เฒ่าโอสถแล้ว ก็ยังมีผู้ที่มีตำแหน่งแทบจะสูงสุดอยู่ในแผนกเต๋าแห่งการปรุงยาอีกด้วย ซึ่งก็คือเก๋อเหล่า!
“ขอคารวะ เก๋อเหล่า!”
“ขอคารวะ เก๋อเหล่า!”
ผู้ฝึกตนนับแสนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมดประสานมือและโค้งตัวลง เสียงของพวกมันกระหึ่มดังก้องออกไปราวกับเป็นเสียงฟ้าร้อง ใบหน้าของเก๋อเหล่าทั้งห้ายังคงสงบนิ่งไร้ความรู้สึก หนึ่งในพวกมัน มีรูปร่างค่อนข้างเตี้ย เป็นชายชราหลังค่อม ยิ้มและโบกมือ ทำให้ร่างมันแวบขึ้นและจากนั้นก็ไปปรากฏกายอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
“ฟางฮ่าวของคารวะ เก๋อเหล่า!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น ประสานมือและโค้งตัวลง
“ฟางฮ่าวไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ แผนกเต๋าแห่งการปรุงยามีกฎว่า ใครก็ตามที่ปรุงหนึ่งในสามเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ ก็จะมีศักดิ์ฐานะเป็นเก๋อเหล่า มา เหล่าฟูจะนำเจ้าไปหาผู้เฒ่าโอสถ” สีหน้าของชายชราสาดประกายขึ้นด้วยความชื่นชมและยอมรับ ผู้อาวุโสอีกสี่คนมาห้อมล้อมคนทั้งสอง ถึงแม้ว่าสีหน้าพวกมันจะไร้ความรู้สึก แต่ก็ยังคงสาดประกายด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่ติดตามพวกมันไปแต่โดยดี คนทั้งหกกลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในเขตภูเขาด้านใน
กลุ่มผู้ฝึกตนนับแสนที่ยังอยู่ในบริเวณนั้น สีหน้าของคนทั้งหมดสาดประกายด้วยความอิจฉา สำหรับเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดที่เคยรับฟังคำบรรยายของเมิ่งฮ่าวมา พวกมันมีท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อคิดว่าตนเองเป็นผู้ติดตามของเมิ่งฮ่าว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า…พวกมันเป็นผู้ติดตามของเก๋อเหล่า!
ที่ห่างไกลออกไปในกลางอากาศ เก๋อเหล่ามองไปยังกิริยาท่าทางที่อ่อนน้อมถ่อมตัว และมีเสน่ห์ของเมิ่งฮ่าว ท่าทางยอมรับของพวกมันก็ยิ่งลึกล้ำมากขึ้น
“ทั้งไม่เย่อหยิ่งและไม่ใจร้อน” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา “ทั้งมีนิสัยที่ไร้ข้อบกพร่องใดๆ และยังได้รู้จักมารยาทเป็นอย่างดี เจ้าอาจจะโลภมากอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าไม่เลวจริงๆ! เมื่อเทียบกับบิดาของเจ้าแล้ว ก็ดีกว่ามากนัก”
“บิดาข้า?” เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง
“ก่อนที่บิดาเจ้าจะได้พบกับมารดาเจ้า มันได้มาหาเหล่าฟูเพื่อขอให้ช่วยปรุงยาบางอย่าง มันช่างเย่อหยิ่งและคุกคามคนเป็นอย่างยิ่ง มันยังได้ข่มขู่ข้าอีกด้วย! มันบอกว่าถ้าข้าไม่ปรุงยาให้กับมัน มันก็จะแนะนำหลานสาวข้าให้กับน้องชายของมัน” ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าชายชราจะมีท่าทางหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย และแค่นเสียงอยู่ในลำคอ
“อา?” เมิ่งฮ่าวร้องอุทานขึ้น จ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าบิดาซึ่งดูเหมือนว่าจะยิ่งใหญ่, เคร่งขรึม และเข้มงวดอยู่ตลอดเวลา จะกลายเป็นคนที่เก๋อเหล่าเพิ่งจะพูดมา
“จริงแท้แน่นอน!” เก๋อเหล่าอีกคนกล่าวขึ้น พยักหน้าอย่างจริงจัง “หลังจากที่มันพบกับมารดาเจ้า บิดาเจ้าก็สามารถควบคุมตัวเองได้มากขึ้น เมื่อคิดไปแล้ว ในตอนที่มันเป็นอันธพาลอันดับหนึ่งแห่งดาวตงเซิ่ง มันได้ข่มเหงบุรุษทั้งหมด และพิชิตหญิงสาวทั้งมวล!” ชายชราถอนหายใจออกมา
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอและส่ายหน้าไปมา ไม่รู้ว่าต้องกล่าวอะไรออกมาดี แต่ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินมานี้
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้ากล่าวว่าเจ้าไม่เลว ฮ่าวเอ๋อร์ ช่างมีแนวโน้มที่ดีอย่างไร้จุดสิ้นสุดจริงๆ” ชายชราหลังค่อมกล่าว หัวเราะเป็นเสียงดังออกมา และมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ชื่นชมยกย่อง
“เก๋อเหล่า สุดท้าย…ท่านได้ปรุงยาให้บิดาข้าหรือไม่?” เมิ่งฮ่าวถาม
“ฮึ่ม! เหล่าฟูเป็นคนที่พูดจาตรงๆ ไม่อ้อมค้อม” ชายชรากล่าวอย่างวางท่า “ไม่ยอมที่จะก้มศีรษะให้ใคร! ข้ามีศิษย์อยู่ไม่น้อย ด้วยเช่นนั้นถ้าข้าไม่อยากจะปรุงยา ไม่ว่าใครจะมาหาข้า แม้แต่บิดาเจ้าก็ตามที เจ้าคิดว่าข้าจะยกเว้นให้? ดังนั้น ข้าจึงปรุงยาให้กับมันแค่ห้าร้อยครั้งเท่านั้น ไม่มากไปกว่านั้นแม้แต่ครั้งเดียว!”
ที่ด้านข้าง ชายชราอีกผู้หนึ่งซึ่งยังไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้มองมายังเมิ่งฮ่าวและขยิบตาให้
เมิ่งฮ่าวกระพริบตาปริบๆ กระแอมไอออกมา และไม่กล้าที่จะสอบถามเพิ่มเติมอีก
ไม่นานนัก เก๋อเหล่าก็ได้นำเมิ่งฮ่าวมาถึงจุดศูนย์กลางของเขตภูเขาด้านใน ที่ห่างไกลออกไปเป็นยอดเขาที่พุ่งสูงขึ้นไปในกลุ่มเมฆที่ลอยพลิ้วไปมา เมื่อมองดูให้ละเอียด ก็จะเห็นถ้ำนับไม่ถ้วนอยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขา
เสียงหึ่งๆ ค่อยๆ ได้ยินออกมาจากภายในถ้ำเหล่านั้น เป็นเสียงที่ทำให้หนังศีรษะของเมิ่งฮ่าวต้องด้านชา
ก่อนที่คนทั้งหกจะทันได้เข้าไปใกล้ ลำแสงสีดำนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากถ้ำเหล่านั้น ในชั่วพริบตาท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยตัวด้วงสีดำนับล้าน ซึ่งมักจะเป็นที่รู้จักกันในนามว่า ด้วงเขาเดียว!
เสียงหึ่งๆ ดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่ตัวด้วงนับล้านมารุมอยู่รอบๆ กลุ่มของเมิ่งฮ่าว กระจายพลังอันน่าประหลาดใจออกมา
“กลัวหรือไม่” เก๋อเหล่าที่หลังค่อมกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกเราเรียกแมลงเหล่านี้ว่า ตู๋เจี่ยวเซียน (เซียนเขาเดียว) พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้เฒ่าโอสถ จริงๆ แล้ว มีบางสิ่งที่เจ้าอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับท่าน ผู้เฒ่าโอสถ…ไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยา แต่เก่งในเรื่องเต๋าแห่งแมลง!”
เมิ่งฮ่าวสะท้านอยู่ภายในใจ ผู้เฒ่าโอสถไม่เชี่ยวชาญในเต๋าแห่งการปรุงยา แต่ก็ยังเป็นถึงนักปรุงยาระดับเก้า ทำให้คาดคิดได้ว่าท่านจะน่ากลัวสักแค่ไหนในสิ่งที่เชี่ยวชาญ เมื่อได้เห็นเซียนเขาเดียวเหล่านี้ ก็ทำให้เขาต้องนึกย้อนกลับไปยังด้วงสีดำนับไม่ถ้วนที่เคยเห็นมา ในสวนต้นสมุนไพรที่อยู่ในเศษซากเซียน
ในตอนนี้เองที่เสียงเก่าแก่โบราณ จู่ๆ ก็ดังก้องขึ้นมา
“ฟางฮ่าว เข้ามา…”
เซียนเขาเดียวหมุนวนเป็นวงกลมอยู่รอบๆ ยอดเขา และจากนั้นก็พุ่งกลับเข้าไปในถ้ำ
——————–
หมายเหตุ : เจี่ยฟู (姐夫) แปลว่า พี่เขย