Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 985

ตอนที่ 985

สู้!

สามสิบสามวิญญาณเซียนช่างน่าตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง นักรบเซียนนับไม่ถ้วนกำลังโขกศีรษะอยู่ ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ในความว่างเปล่าเหนือแท่นขนาดใหญ่ มองไปรอบๆ ยังบริเวณนั้น ในขณะที่ภาพนิมิตค่อยๆ จางหายไป

หลังจากที่พวกมันหายไปโดยสิ้นเชิง เขาก็อยู่ในอาณาจักรเซียนแท้อย่างเป็นทางการ และได้บรรลุถึงขั้นสูงสุดของอาณาจักรนี้ ทำให้เขาคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเซียน

ในห้วงเวลานั้น ขุนเขาทะเลที่เก้าตกอยู่ในความเงียบไปโดยสิ้นเชิง ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่มองมาต่างก็หยุดหายใจ ขณะที่ภาพของเมิ่งฮ่าวได้กลายเป็นเครื่องหมายที่ถูกประทับลึกลงไปในจิตใจของแต่ละคน

มันคือเครื่องหมายที่ไม่อาจจะลบล้างไปได้ ไม่มีทางจะจางหายไป!

ไม่นานนัก เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนดาวตงเซิ่ง คนทั้งหมดรวมทั้งสมาชิกของตระกูลฟางและตระกูลอื่นๆ ระเบิดเป็นเสียงพูดคุยด้วยความปั่นป่วนโกลาหลขึ้น

เสียงร้องตะโกนดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง

“ฟางฮ่าว!”

“ฟางฮ่าว!!”

“ฟางฮ่าว!!!”

นามของเมิ่งฮ่าวถูกร้องตะโกนออกมาจากปากนับไม่ถ้วน ดังก้องขึ้นไปในท้องฟ้า ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ในตอนนี้เขาก็คือดวงตะวันอันเจิดจ้าของตระกูลฟาง เป็นความภาคภูมิใจและความยินดีของพวกมัน

ฟางซิ่วซานยืนอยู่ในกลุ่มฝูงชน มีสีหน้าดุร้ายอย่างถึงที่สุด กำหมัดจนแน่นและกำลังหอบหายใจถี่รัว ความคิดอันชั่วร้ายพุ่งขึ้นมาในจิตใจ หมุนวนไปมาอย่างรวดเร็ว

บิดาที่เงียบขรึมของมันก้มศีรษะลง จึงไม่มีใครสามารถจะมองเห็นประกายตาอันน่ากลัวของมันได้

ผู้เฒ่าสูงสุดยืนอย่างเงียบๆ ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก แอบถอนหายใจออกมา

สมาชิกที่เหลือของตระกูลฟางกำลังร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความยินดี สูงขึ้นไปในกลางอากาศ ฟางเว่ยลอยตัวอย่างสงบและนิ่งเงียบ ความต้องการต่อสู้ที่สาดประกายขึ้นในแววตายิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

สำนักและตระกูลทั้งหมดของขุนเขาทะเลที่เก้ากำลังเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้น

สูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมิ่งฮ่าวหันหน้าไปยังดาวหนานเทียน คุกเข่าลงหนึ่งข้างและก้มศีรษะลงต่ำ

สายตาของผู้ฝึกตนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้ามองมา ขณะที่เขาโค้งศีรษะลงตรงไปยังดาวหนานเทียน สิ่งที่เขากำลังโค้งศีรษะให้นั้นไม่ใช่ทั้งสวรรค์และปฐพี ไม่ใช่ทั้งตัวดวงดาวเอง เขากำลังโค้งศีรษะให้กับบิดาและมารดา!

ในตอนนี้ฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่ยืนอยู่ในเจดีย์แห่งถังบนดาวหนานเทียน กำลังมองไปยังเมิ่งฮ่าว มารดามีความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด และหยดน้ำตาแห่งความยินดีและความภาคภูมิใจอย่างเข้มข้นก็ไหล่เอ่ออยู่ในดวงตา

นั่นคือบุตรชายของนาง!

ฟางซิ่วเฟิงไม่อาจจะรักษาสีหน้าให้สงบเยือกเย็นไว้ได้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้นจากการที่ได้เห็นบุตรชายของตนเองกลายเป็นมังกร ท่านสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และจากนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมา

เป็นเรื่องธรรมดา ที่ท่านจะรู้ดีว่าเมิ่งฮ่าวกำลังโค้งศีรษะลงให้กับใคร

ในตอนนี้ความเคียดแค้นที่เกิดขึ้นมาในจิตใจของท่าน หลังจากที่ออกมาจากตระกูลฟาง ในที่สุดก็ถูกปลดเปลื้องไป เป็นเพราะบุตรชายของท่านเมิ่งฮ่าว ที่ไม่เพียงแต่จะกลับบ้านไปยังตระกูลเท่านั้น แต่ยังได้มีชื่อเสียงขึ้นมาจนกลายเป็นดวงตะวันอันเจิดจ้าอีกด้วย

ที่ด้านนอกดาวตงเซิ่ง เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง ภาพนิมิตทั้งหมดจางหายไป และตอนนี้วิญญาณเซียนทั้งสามสิบสามดวงก็หายไปเช่นกัน

ในตอนนี้เองที่ผู้ถูกเลือกเซียนแท้แห่งขุนเขาทะเลที่เก้า ต่างก็รู้สึกได้ถึงความต้องการต่อสู้ที่พุ่งขึ้นมา และสีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไปด้วยความมุ่งมั่น

สู้!

พ่ายแพ้แล้วจะเป็นอย่างไร? ยังไงพวกมันก็ต้องสู้!

ถ้าพวกมันไม่สู้ จิตมารที่มาจากเมิ่งฮ่าวก็จะคอยตามรังควานพวกมันไปตลอดชีวิต และทำให้พวกมันไม่อาจจะเดินไปบนเส้นทางของตนเองได้

ดังนั้นพวกมันจึงต้องสู้!

พวกมันต้องทุ่มออกมาจนสุดตัว เพื่อต่อสู้อย่างเต็มที่!

พวกมันมีทางเลือกเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือมุ่งเดินไปข้างหน้า นั่นคือหนทางเดียวที่จะทำให้พวกมันมั่นใจได้ว่า จะมีโอกาสทะลวงผ่านมากขึ้นไปอีกในอนาคต นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะรับประกันได้ว่า พวกมันจะสามารถไล่ตามเต๋าของตนเองไปได้!

ไท่หยางจื่อคือผู้ถูกเลือกเซียนแท้คนแรก ที่ก้าวเท้าเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทางไกล มันคือเต้าจื่อแห่งภูเขาไท่หยาง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันคือหนึ่งในสองคนของภูเขาไท่หยางที่ก้าวเท้าเข้าไปเป็นเซียนแท้ในรุ่นนี้ มันมีความภาคภูมิใจในตนเอง มีเป้าหมายและความมุ่งมั่นของตัวเอง และมันก็จะต่อสู้!

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่มันก้าวเท้าเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทางไกลและหายตัวไป เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง อย่างน่าตกใจยิ่ง มันได้ไปอยู่ที่ด้านนอกของดาวตงเซิ่ง ฉับพลันนั้นมันก็หมุนตัวตรงไปยังทิศทางของเมิ่งฮ่าว และเริ่มบินตรงไปหาเขา

“เมิ่งฮ่าว!” มันไม่ได้ร้องตะโกนนามของเมิ่งฮ่าวที่ถูกใช้อยู่ในตระกูลฟาง, ฟางฮ่าว และไม่ได้ตะโกนเรียกชื่อที่เขาใช้ในการแข่งขันของสามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่ แต่มันตะโกนเรียกชื่อจริงของเขา เป็นชื่อที่เขาใช้บนดาวหนานเทียน!

เสียงร้องตะโกนของมันกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับเป็นคลื่นเสียง ที่พุ่งกระจายออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จากนั้นไท่หยางจื่อก็กลายเป็นดวงตะวันซึ่งกระจายแสงอันเจิดจ้าอย่างไร้ขอบเขตออกมา ช่างน่าตกใจอย่างถึงที่สุด ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว

“มาสู้กัน!!” ดวงตาไท่หยางจื่อกลายเป็นสีแดงจ้า และระเบิดเป็นพลังออกมา มันเปิดชีพจรเซียนได้มากกว่าเก้าสิบจุด และชีพจรทั้งหมดก็พุ่งพลังขึ้นมา กลายเป็นพลังของเซียนแท้กระจายออกไป

ขณะที่พลังของมันพุ่งทะยานสูงขึ้นไป ไท่หยางจื่อในรูปแบบดวงตะวันก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดในทันที คนทั้งหมดรู้สึกประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง

“พวกมันกำลังจะต่อสู้กันแล้ว!!”

“พวกมันต้องสู้กันอยู่แล้ว ถ้าข้าเป็นผู้ถูกเลือก ข้าก็จะโจมตีไปด้วยเช่นกัน ข้าไม่กลัวที่จะต้องพ่ายแพ้หรือตายไป สิ่งที่ข้าหวาดกลัวก็คือ…การที่ไม่กล้าจะต่อสู้ด้วย! ไม่กล้าที่จะชักกระบี่ออกมา!”

“ไท่หยางจื่อคือคนแรกที่มาโจมตี! มันจะต้องกลายเป็นคนที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนในวันข้างหน้า!” กลุ่มผู้ชมนับไม่ถ้วนในตอนนี้กำลังเฝ้ารอคอยการต่อสู้ที่จะเริ่มขึ้นนี้

“ในยุคของเซียนแท้นี้ ใครที่สามารถเอาชนะเมิ่งฮ่าวได้…ก็จะมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างสูงสุด!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น ขณะที่มองไปยังไท่หยางจื่อซึ่งกำลังพุ่งตรงมา ย้อนกลับไปในตอนที่เขากำลังทำการทะลวงผ่าน ก็ได้คาดคิดว่าจะมีคนมาต่อสู้กับเขา แต่ก็ไม่เคยจะคิดว่าบุคคลแรกที่กระทำเช่นนี้จะไม่ใช่ฟางเว่ย แต่เป็นไท่หยางจื่อ

“เจ้ายังเป็นหนี้ข้าอยู่…” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยความไม่แยแส สีหน้าสงบนิ่งอย่างถึงที่สุด ราวกับว่าคำพูดของเขาคือประกาศิตแห่งสวรรค์ ไร้ความรู้สึกว่าจะไม่เหมาะสมแม้แต่น้อยนิด

คำพูดของเขาทำให้ความกระตือรือร้นของไท่หยางจื่อกลายเป็นความลังเลขึ้นมาในทันที…

ผู้ฝึกตนทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้า ซึ่งกำลังมองดูเหตุการณ์นี้อยู่ต่างก็เริ่มตกตะลึงไปตามๆ กัน

“แต่…” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อไป “ถ้าเจ้าต้องการจะสู้ ก็มาสู้กัน!” ในทันทีที่เขาพูดจบ แสงอันเจิดจ้าก็พุ่งออกมาจากดวงตา และก้าวเท้าตรงไปยังไท่หยางจื่อ

ขณะที่เขาก้าวเท้าออกไป ไท่หยางจื่อก็แผดร้องออกมาด้วยโทสะ พลังอันรุนแรงของมันพุ่งทะยานขึ้นไปอีกครั้ง สัญลักษณ์เวทนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของดวงตะวันที่กลายร่างมาจากมัน และกลายเป็นระลอกคลื่นอันน่าตกใจพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ไท่หยางจื่อแผดร้องคำรามจากนั้นก็ยืดเท้าออกไป และเริ่มหมุนตัวเป็นวงกลมเพื่อโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าว

พลังจากพื้นฐานฝึกตนทั้งหมดของมันระเบิดออกไป เพื่อการต่อสู้ในครั้งนี้เท่านั้น!

ภาพแห่งธรรมขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของมัน อย่างน่าตกใจยิ่งมันเป็นภาพของดวงตะวัน ซึ่งได้หลอมรวมเข้ากับความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของมัน เพื่อสร้างเป็นดวงตะวันที่เหมือนของจริงอย่างน่าเหลือเชื่อ ดูคล้ายกับเป็นดวงตะวันจริงๆ ราวกับว่ามันได้ทุ่มพลังชีวิตทั้งหมดเข้าไปในการโจมตีครั้งนี้

เมิ่งฮ่าวกำมือขวาเป็นหมัด ขณะที่เท้าของไท่หยางจื่อพุ่งตรงมา เขาต่อยหมัดออกไปอย่างเรียบง่าย ราวกับว่าไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลย!

ในชั่วพริบตา หมัดและเท้าก็กระแทกเข้าหากัน

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังพุ่งขึ้นไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน สวรรค์มืดสลัวดูเลือนราง และสายลมก็เปลี่ยนทิศทาง คลื่นพลังอันรุนแรงกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ผู้ฝึกตนทั้งหมดแห่งขุนเขาทะเลที่เก้ามองไป ขณะที่ไท่หยางจื่อซึ่งอยู่ในรูปแบบดวงตะวันได้พังทลายไปโดยสิ้นเชิง ภายใต้พลังหมัดของเมิ่งฮ่าว แตกกระจายและหายไปในทันที

ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวได้ทำการระเบิดดวงตะวันไป!

โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของไท่หยางจื่อ และลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลังราวกับเป็นว่าวที่ถูกตัดสายป่าน

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เส้นผมไม่ได้ลอยพลิ้วไปมา และเสื้อผ้าก็ราบเรียบไม่ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยนิด หมัดของเขายังคงยื่นออกไปด้วยท่าเดียวกันจากเมื่อครู่นี้ และจากนั้นก็ค่อยๆ ดึงแขนกลับมาอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง

หนึ่งหมัด!

เมิ่งฮ่าวบดขยี้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของผู้ถูกเลือกเซียนแท้ ที่มีชีพจรเซียนมากกว่าเก้าสิบจุดไปอย่างง่ายดาย ราวกับกำลังเหยียบย่ำลงไปบนหญ้าแห้ง!

ขุนเขาทะเลที่เก้าตกอยู่ในความเงียบไปโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าคนทั้งหมดจะคิดว่าเมิ่งฮ่าวต้องชนะอย่างแน่นอน แต่การที่ได้เห็นในสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ด้วยสองตาของตนเองก็ทำให้พวกมันต้องตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…ก่อนหน้านี้พวกมันไม่อาจจะประเมินพลังที่แท้จริงของเมิ่งฮ่าวได้ แต่ตอนนี้ก็สามารถจะคาดเดาได้บ้างแล้ว

“แค่หมัดเดียวเท่านั้น…มันไม่ได้ใช้แม้แต่ภาพแห่งธรรมของตัวเองเลย…”

“เมิ่งฮ่าวผู้นี้ มัน…มันมีความแข็งแกร่งมากน้อยเท่าใดกันแน่!?!?”

ขณะที่คนทั้งหมดร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ ไท่หยางจื่อก็บังคับตนเองให้หยุดลง ใบหน้ามันซีดขาวและกระอักโลหิตออกมากองโต มองขึ้นไปด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยโทสะ ความต้องการต่อสู้ของมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

“เมิ่งฮ่าว พวกเรายังสู้กันไม่เสร็จสิ้น!”

“เวทลับ, คัมภีร์ตะวันศักดิ์สิทธิ์!” ไท่หยางจื่อขยับร่ายเวทพร้อมกันทั้งสองมือ จากนั้นก็กดลงไปบนจุดต่างๆ ของร่างกายสี่สิบเก้าครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันต้องการจะสู้ต่อ แต่ก็มาถึงขีดจำกัดของมันแล้ว ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ หลังจากนั้นมันก็แหงนหน้าขึ้นไปและกู่ร้องออกมา ขณะที่พลังในร่างได้พุ่งสูงขึ้นไป

ก่อนหน้านี้พลังชีพจรเซียนของมันมากกว่าเก้าสิบจุดเต็มอยู่ในร่าง แต่ตอนนี้ระลอกคลื่นได้กระจายออกมาซึ่งประกอบไปด้วยระดับพลังที่มากกว่าเดิมสองในสิบส่วน! ตอนนี้พลังชีพจรเซียนของมันมีมากกว่าหนึ่งร้อยสิบจุด! ซึ่งเป็นผลมาจาก

เวทลับ!

ทุกสำนักและตระกูลมีเวทลับของอาณาจักรเซียน เวทอันแข็งแกร่งนี้สามารถฝึกฝนได้ด้วยการที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนเป็นอย่างสูงออกมา และจะถูกส่งมอบให้กับคนที่มีคุณสมบัติที่จะเรียนรู้เวทลับนี้ได้เท่านั้น

ความจริงแล้ว เมิ่งฮ่าวไม่เคยจะเรียนรู้เวทลับชีพจรเซียนใดๆ จากตระกูลฟางเลยแม้แต่น้อย!

ขณะที่พลังของไท่หยางจื่อพุ่งขึ้นมา ภาพแห่งธรรมของมันก็หายไป และตรงตำแหน่งเดิมของภาพแห่งธรรม ก็มีวิญญาณเซียนเก้าดวงปรากฏขึ้นอย่างน่าตกใจยิ่ง!

วิญญาณเซียนแต่ละดวงเหล่านั้นมีรูปร่างเหมือนกับดวงตะวัน ทำให้ที่ด้านหลังของไท่หยางจื่อมีดวงตะวันอยู่เก้าดวง ซึ่งแต่ละดวงได้เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นภาพอันโอ่อ่าเกรียงไกรซึ่งกระจายพลังอันน่าตกใจออกมา

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกมาจนเต็มไปทั่วสวรรค์ กระจายออกไปทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ดวงตาไท่หยางจื่อกลายเป็นสีแดงก่ำขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นมันก็ชี้นิ้วออกไป ทำให้ดวงตะวันทั้งเก้าพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ในเวลาเดียวกันนั้นไท่หยางจื่อก็ขยับมือร่ายเวท ทำให้พลังของชีพจรเซียนมากกว่าหนึ่งร้อยสิบจุด ก่อตัวขึ้นมากลายเป็นภาพของคันธนูที่อยู่ในมือซ้ายของมัน มันใช้มือขวาดึงสายธนูไปทางด้านหลัง และจากนั้นก็ปล่อยออกไป

“คัมภีร์ตะวันศักดิ์สิทธิ์, ธนูเซียนเก้าตะวันสังหาร!”

สายตาทุกคู่จ้องนิ่งไปยังภาพที่กำลังเกิดขึ้นนี้ แต่ละคนรู้สึกว่าจิตใจกำลังเต้นรัว ขณะที่ลำแสงสีทองได้พุ่งฝ่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวราวกับเป็นลูกธนูอันแหลมคม

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ไม่ว่าไท่หยางจื่อจะปลดปล่อยเวทลับเช่นนี้ออกมาหรือไม่ เมิ่งฮ่าวก็ยังคงถอนหายใจกล่าวว่า

“เจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่มากมาย ทำให้การต่อสู้กับเจ้าเป็นเรื่องที่ยุ่งยากอยู่ไม่น้อย” เขาส่ายหน้า เดินตรงไปหนึ่งก้าว ขณะที่เท้าเหยียบย่างลงไป ดวงตะวันทั้งเก้าก็กดทับลงมา ทำให้เมิ่งฮ่าวจมอยู่ภายใต้ดวงตะวันไปโดยสิ้นเชิง

“ระเบิดขึ้น!!” ไท่หยางจื่อแผดร้องตะโกน ดวงตะวันทั้งเก้าระเบิดออก ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังกึกก้อง ส่งผลให้ระลอกคลื่นกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ในเวลาเดียวกันนั้นลูกธนูสีทองก็แทงทะลุผ่านระลอกคลื่นเข้าไป

ใบหน้าไท่หยางจื่อซีดขาว และกระอักโลหิตออกมาอีก ตอนนี้มันอ่อนแอลงไปเป็นอย่างมาก มันได้ใช้เวทลับที่สิ้นเปลืองพลังมากเกินไป ในตอนนี้เองที่จู่ๆ ดวงตามันก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อและประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่ระลอกคลื่นได้จางหายไปจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ก็เริ่มมองเห็นเมิ่งฮ่าวขึ้นมา กำลังลอยตัวอยู่ในตำแหน่งเดิมจากก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยนิด และจริงๆ แล้วแม้แต่สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ที่ถูกจับอยู่ในนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของเขาคือ ลำแสงสีทองที่กำลังสั่นไปมาอยู่

“ตอนนี้หนี้ของเจ้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว” เขากล่าวเสียงราบเรียบขึ้น จากนั้นก็บีบนิ้วลงไป และเสียงแตกหักก็ได้ยินมาขณะที่ลำแสงสีทอง…แตกกระจายไป

ไท่หยางจื่อกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง ถอยโซเซไปทางด้านหลังด้วยความตกตะลึง มันได้เตรียมใจไว้แล้วว่า เมิ่งฮ่าวอาจจะป้องกันความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของมันไว้ได้ แต่ก็ไม่เคยจะคาดคิดว่าหลังจากที่ใช้พลังทั้งหมดเพื่อปลดปล่อยเวทลับออกมา เมิ่งฮ่าวจะสามารถ…ต่อต้านด้วยการใช้แค่สองนิ้วเท่านั้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!