Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 999

ตอนที่ 999

นักรบศิลามาแล้ว!

ในตอนนี้ผู้ถูกเลือกที่อยู่ด้านนอกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง ผู้ฝึกตนของขุนเขาทะเลที่เก้าต่างก็งุนงงไปด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อมองเห็นภาพที่ฟางเว่ย

ซึ่งเป็นผู้ถูกเลือกตกตายไป…

ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำของมันก่อนที่จะตายไป ได้ทำให้คนทั้งหมดสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกว่า…ฟางเว่ยไม่น่าจะตายไปเลย

ฟางเว่ย ผู้ถูกเลือกแห่งตระกูลฟาง!

คำว่าฟางในชื่อของมันมาจากแซ่ฟาง คำว่าเว่ยมาจากคำว่า ‘ปกป้อง, คุ้มครอง, รักษา’

ความโศกเศร้าเสียใจปกคลุมไปทั่วทั้งตระกูลฟางในท่ามกลางความปั่นป่วนวุ่นวายนี้ การตายไปของผู้ถูกเลือกทำให้จิตใจของคนทั้งหมดสั่นสะท้าน หลายคนอดคิดด้วยความสงสัยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า ถ้าพวกมันตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับฟางเว่ย สิ่งที่พวกมันจะทำคืออะไร?

“ฟางเว่ย…ข้าจะจดจำชื่อนี้ไว้!”

“เว่ย…มีความหมายเช่นนั้นจริงๆ…”

การก่อกบฏอย่างโกลาหลยังคงดำเนินต่อไปในตระกูลฟาง สมาชิกของตระกูลตกตายไปอยู่ตลอดเวลา คฤหาสน์โบราณเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งออกไปทั่วทุกทิศทาง

การตายไปของฟางเว่ยทำให้สมาชิกของตระกูลหลายคน เริ่มเงียบลงและขมขื่นเป็นอย่างมากในทันที แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะมานั่งโศกเศร้าเสียใจ ดังนั้นพวกมันจึงต่อสู้ต่อไป

สูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ฝานตงเอ๋อร์และผู้ถูกเลือกคนอื่นๆ มองไปอย่างเงียบๆ ไม่มีใครทำอะไรอย่างหุนหันพลันแล่น ดังนั้นพวกมันจึงได้แต่ยืนอยู่ที่นั่นในขณะที่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป

ปรมาจารย์ปฐพีแห่งตระกูลฟางต่อสู้กับจี้ซิ่วฟาง ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าของตระกูลจี้ การต่อสู้ของคนทั้งสองน่าตกใจอย่างถึงที่สุด เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่พลังแก่นแท้ถูกปลดปล่อยออกไป ทั้งคู่ต่างก็เป็นหนึ่งในเต้าจู่ (มรรคาจารย์) และการโจมตีของคนทั้งสองก็ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน เกิดเป็นแสงหลากสีแวบขึ้นไป

“ตระกูลฟางถึงวาระที่จะถูกทำลายล้าง” จี้ซิ่วฟางกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “ฟางโส่วเต้า เจ้าก็รู้ดีอยู่แก่ใจแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้อีกต่อไป เจ้าเด็กฟางเว่ยผู้นั้นช่างซื่อสัตย์และกล้าหาญอย่างน่ายกย่องนัก แต่น่าเสียดาย…ที่มันเกิดมาผิดตระกูล”

“ใช่หรือ?” ฟางโส่วเต้ากล่าวตอบด้วยเสียงแผ่วเบา โบกสะบัดมือทำให้แม่น้ำแห่งดวงดาวปรากฏขึ้น ในชั่วพริบตาคนทั้งสองก็ปะทะกันไปมานับพันครั้ง ทำให้ดวงดาวสั่นสะเทือน แม้แต่ผนึกเกราะป้องกันที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นก็ยังต้องสั่นไหวไปมา

“สามกลุ่มเต๋าอันยิ่งใหญ่จะไม่มาแล้ว” จี้ซิ่วฟางกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา “ตระกูลฟาง…อาจจะดูแล้วแข็งแกร่ง แต่ตระกูลจี้ก็ได้ตระหนักมานานแล้วว่า ที่ตระกูลของเจ้าอ้างว่ามีผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอยู่ลับๆ นั้นไม่เป็นความจริง เจ้า…คือผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าเพียงคนเดียวของตระกูลเท่านั้น!”

“แล้วเจ้าจะมีอะไร ที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชะตากรรมในครั้งนี้ได้?” รังสีสังหารของจี้ซิ่วฟางพุ่งขึ้นไป เสียงระเบิดดังก้องออกมาระหว่างคนทั้งสอง

“ถ้าเจ้ามั่นใจเช่นนั้น แล้วทำไมถึงได้พยายามจะหยั่งเชิงข้าด้วยคำพูดเช่นนี้?” ฟางโส่วเต้ากล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ จี้ซิ่วฟางขมวดคิ้ว จริงๆ แล้ว…นางไม่ค่อยจะมั่นใจนัก นอกจากนั้น นี่ก็คือ…ตระกูลฟาง!!

เมื่อหลายปีก่อนโน้น พวกมันก็มีความรุ่งเรืองเช่นเดียวกับตระกูลจี้ และเป็นหนึ่งในสองตระกูลยอดขุนพลที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของราชันหลี่

ตระกูลจี้มั่นใจว่าตระกูลฟางอยู่ในช่วงตกต่ำ ซึ่งพวกมันแค่แสดงให้เห็นว่ายังคงรุ่งเรืองอยู่ต่อไป แต่จริงๆ แล้วกำลังอ่อนแอลง อย่างไรก็ตามตระกูลจี้ก็ไม่อาจจะประเมินกองกำลังของพวกมันต่ำมากเกินไปนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงฟางโส่วเต้า ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่สะทกสะท้านต่อแม่น้ำโลหิตที่กำลังไหลอยู่ในตระกูลฟางบนดาวตงเซิ่ง การที่มันยังคงสงบนิ่งเยือกเย็นอยู่ได้ ทำให้จี้ซิ่วฟางต้องรู้สึกไม่สบายใจขึ้นเล็กน้อย

“มันต้องมีไพ่ไม้ตายบางอย่างอยู่แน่นอน แต่ว่าคืออะไร…?”

ในเวลาเดียวกันนั้น ฟางเฮ่อซานได้ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศเหนือดาวตงเซิ่ง ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านขณะที่จ้องมองไปยังซากศพของฟางเว่ย ที่ใต้พื้นดินของคฤหาสน์โบราณ ปรมาจารย์รุ่นหกที่กำลังต่อสู้อย่างหมดท่ากับปรมาจารย์รุ่นเจ็ด ได้กระอักโลหิตออกมากองโต

เมิ่งฮ่าวยังคงเงียบขรึมขณะที่มองลงไปยังซากศพของฟางเว่ย เขาไม่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้รับผลเนี่ยผานของตนเองกลับคืนมา ลึกลงไปในจิตใจ เขาถอนหายใจออกมา เดินตรงไปยังซากศพของฟางเว่ย และคุกเข่าลงที่ด้านข้าง เอามือไปวางอยู่ที่หน้าอกของฟางเว่ยและกดลงไปเบาๆ ร่างของฟางเว่ยหายเข้าไปในถุงสมบัติของเมิ่งฮ่าว เขาไม่ต้องการให้ร่างกายนี้ถูกรบกวนจากความปั่นป่วนวุ่นวายของตระกูล หลังจากนี้มันจะถูกนำไปกลบฝัง และจะต้องเป็นพิธีศพที่ยิ่งใหญ่!

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นครุ่นคิดอยู่ภายในใจ

“ตอนแรก ข้าไม่อยากจะมายังดาวตงเซิ่งนี้…ข้าต้องการจะไปยังเซียนกู่เต้าฉ่างโดยตรง แต่ท่านพ่อก็ให้ข้ามาที่นี่ เพราะท่านต้องการให้ข้ามารับผลเนี่ยผานของข้ากลับไป”

เขาคิดย้อนกลับไปยังทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่ที่เขากลับมา และจู่ๆ ก็มีความคิดแวบหนึ่งพุ่งขึ้นมาอยู่ในจิตใจ

“ถ้าเช่นนั้น กลียุคของตระกูลในครั้งนี้ เรื่องทั้งหมดนี้…เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านพ่อรู้มาโดยตลอดว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น?”

ขณะที่เมิ่งฮ่าวยืนขบคิดอยู่ที่นั่น เสียงหัวเราะแหลมเล็กก็ได้ยินออกมาจากฟางเฮ่อซาน

“ฟางฮ่าว เจ้ากำลังทำอะไร!? ส่งเว่ยเอ๋อร์คืนมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

เมิ่งฮ่าวหันไปมองยังฟางเฮ่อซาน จากนั้นก็กล่าวขึ้นอย่างเงียบๆ

“มันคือน้องชายร่วมตระกูลของข้า น้องชายข้าไม่ได้ทรยศต่อตระกูล ดังนั้นหลังจากที่ตายไปแล้ว ซากศพของมันไม่ควรที่จะถูกแปดเปื้อน ฟางเฮ่อซาน กลับใจได้แล้ว”

“ไม่อาจจะกลับใจได้ ซิ่วซาน! เว่ยเอ๋อร์! เหล่าฟู…ไม่อาจจะกลับใจได้อีกแล้ว!” เส้นผมฟางเฮ่อซานยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง ดวงตามันแดงก่ำ ดูเหมือนจะเริ่มคลุ้มคลั่งไปแล้ว ขณะที่จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว รังสีสังหารก็เดือดพล่านขึ้น

“เจ้าลูกสุนัขน้อย! เจ้าสังหารซิ่วซานและเว่ยเอ๋อร์! เจ้ามีชีวิตอยู่ทำไม?! ทำไมเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่อีก!?” ฟางเฮ่อซานเงยหน้าขึ้นและหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา พื้นฐานฝึกตนของมันพุ่งขึ้นไป เดิมทีมันมีพลังของตะเกียงวิญญาณที่ดับไปแล้วสามดวง แต่ในตอนนี้ภายใต้สิ่งเร้าอย่างถึงที่สุด และทันใดนั้น ระลอกคลื่นแห่งความตายก็ได้กระจายออกมาจากร่างมัน

มันกำลังทุ่มสุดตัว ทำการเผาไหม้พลังชีวิตของตัวเอง เพื่อที่จะดับตะเกียงวิญญาณลงไปอีกสามดวงในทันที!!

ในตอนนี้มันมีพลังทำลายล้างของตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปแล้วหกดวง ทำให้สวรรค์สั่นสะท้านปฐพีสั่นสะเทือน ผู้เฒ่าสูงสุดกำลังจะสอดมือเข้ามา แต่ฟางเฮ่อซานก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ผลักให้มันลอยออกไป

“ฟางฮ่าว ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!!” ฟางเฮ่อซานแผดร้องคำราม กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยรังสีสังหารที่พุ่งขึ้นมา

ที่ด้านหลังของเขาจู่ๆ ก็มีสามผู้อาวุโสจากสายโลหิตของฟางเว่ยปรากฏตัวขึ้น เข้าร่วมกับฟางเฮ่อซานโจมตีมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความโหดเหี้ยม

สือจิ่วซูต้องการจะเข้าไปขัดขวาง เช่นเดียวกับกลุ่มคนอื่นๆ ของสายโลหิตหลัก แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะทำได้

“ฮ่าวเอ๋อร์!!” สือจิ่วซูร้องตะโกนขึ้นมาอย่างเร่งรีบ

ในตอนนี้เองที่ผลเนี่ยผานของปรมาจารย์รุ่นแรกได้โผล่ออกมาจากหน้าผากของเมิ่งฮ่าว กลิ่นอายและพื้นฐานฝึกตนของเขาได้ลดลงมาจากระดับของจักรพรรดิเซียนก่อนหน้านี้ ลงไปจนถึงอาณาจักรดั้งเดิมในตอนแรก

สีหน้าเขาสงบนิ่งเยือกเย็น นั่นเป็นเพราะว่า…เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่เขาได้เรียกหาไปอย่างต่อเนื่อง เป็นกลิ่นอายของนักรบศิลา!

มันกำลังมาแล้ว!

หลังจากที่ทำการเรียกไปหลายครั้ง ดินแดนบรรพบุรุษก็เริ่มกระจายระลอกคลื่นออกมา ซึ่งได้ปรากฏอยู่ภายในใจของเมิ่งฮ่าว เขามองไปยังฟางเฮ่อซานด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น และทันใดนั้นดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเย็นเยียบ

เขาไม่ได้ขยับตัวเคลื่อนไหว เพียงแค่มองไปเท่านั้น

ฟางเฮ่อซานเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งอยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งร้อยจ้าง พลังของตะเกียงวิญญาณที่ดับไปหกดวงระเบิดออกมาอย่างรุนแรง กลายเป็นดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ ซึ่งกระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวอย่างน่าตกใจออกมา นี่คือดอกบัวสีทองที่ดูเหมือนว่าจะสามารถกำจัดเซียนใดๆ ไปทั้งหมดได้!

แม้แต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณ ที่มีตะเกียงวิญญาณดับไปแล้วสี่ดวงหรือน้อยกว่านั้น ดอกบัวสีทองนี้ก็สามารถจะสังหารไปได้!

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มขึ้น ขณะที่ดอกบัวสีทองขนาดใหญ่ พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างน่ากลัว…

เมิ่งฮ่าวไม่ขยับตัวเคลื่อนไหว มองตรงไปด้วยสายตาที่เย็นเยียบอย่างเช่นเคย ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น เสียงแตกร้าวก็ได้ยินอยู่ที่เบื้องหน้าของเขา และทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มสั่นสะเทือน รอยแยกขนาดใหญ่เปิดขึ้นมาในอากาศที่อยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าว!

ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังใช้ใบมีดขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น มากรีดลงไปในอากาศ แยกมันออกเป็นสองส่วน สร้างเป็นรอยแตกขนาดใหญ่ขึ้นมา ในเวลาเดียวกับที่รอยแตกนั้นปรากฏขึ้น ก็มองเห็นได้ในทันทีถึง…ดินแดนบรรพบุรุษตระกูลฟาง!

ต่อมากระบี่ขนาดใหญ่ที่ดูเก่าแก่โบราณ ได้โผล่ออกมาจากภายในรอยแตกนั้นอย่างไร้เสียง กระบี่นั้นตวัดกรีดลงไป จนดูเหมือนว่าจะสามารถแยกสวรรค์หั่นปฐพีให้ขาดออกจากกันได้ แสงอันเจิดจ้าอย่างไร้ขอบเขตกระจายออกมาจากคมกระบี่นั้น

แสงนั้นแวบผ่านดอกบัวสีทองที่พุ่งเข้ามา และกรีดเฉือนมันออกเป็นสองส่วนในทันที และแสงนั้นก็เคลื่อนที่ตรงไปยังฟางเฮ่อซานต่อไป

ตะเกียงวิญญาณที่ดับลงไปหกดวงของฟางเฮ่อซานสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง เริ่มแตกร้าวและพังทลายลงไป เช่นเดียวกับความสามารถศักดิ์สิทธิ์และเวทแห่งเต๋าทั้งหมดของมัน แสงนั้นพุ่งผ่านฟางเฮ่อซาน และจากนั้นก็พุ่งตรงไปยังสามผู้อาวุโสอาณาจักรโบราณ ซึ่งเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง

ตะเกียงวิญญาณของพวกมันแตกกระจายไป และดูเหมือนว่าร่างกายของพวกมันจะค้างนิ่งอยู่ในกลางอากาศ ดวงตาพวกมันสาดประกายขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อและประหลาดใจ ขณะที่พวกมันบังคับให้ตนเองมองลงไป…

ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!

แสงนั้นพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า และเมื่อมันหายไป สามศีรษะก็ลอยสูงขึ้นไปในอากาศ และร่างที่ไร้ศีรษะสามร่างก็ตกกระแทกลงไปบนพื้น

ทั่วทั้งสนามรบตกอยู่ในความเงียบไปโดยสิ้นเชิง

สามผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังฟางเฮ่อซานตกตายไป!

วิญญาณดับสูญ! ถูกสังหารไปสิ้น!

หนึ่งกระบี่…สังหารสามผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณ!

สำหรับฟางเฮ่อซาน มีรอยเส้นโลหิตเป็นทางยาวอยู่บนลำคอของมัน กลับกลายเป็นว่า ไม่ใช่สามผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณเท่านั้นที่ถูกสังหารไป แต่เป็นสี่!

ฟางเฮ่อซานยังคงมีชีวิตอยู่นานขึ้นเล็กน้อย และพยายามไม่ให้ศีรษะของมันตกลงไป มันมองเข้าไปในรอยแตกนั้นด้วยความสิ้นหวังและไม่อยากจะเชื่อ…

สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนี้ทำให้สวรรค์ต้องสั่นสะท้านปฐพีต้องสั่นสะเทือน และทำให้ผู้ฝึกตนของขุนเขาทะเลที่เก้าต้องตกตะลึงไปถ้วนทั่วทุกตัวคน

กลุ่มคนของตระกูลฟาง ทั้งผู้ทรยศและผู้ที่จงรักภักดี ทั้งหมดต่างก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันเย็นเยียบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้พวกมันต้องสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าวและรอยแตกที่เพิ่งจะเกิดขึ้น รวมทั้งกระบี่อันเก่าแก่โบราณนั้น

อย่างช้าๆ เงาร่างที่สูงหนึ่งพันจ้าง ได้เดินออกมาจากภายในรอยแตก

ตูม! ตูม! ตูม!

ขณะที่มันเดินออกมา จิตใจของคนทั้งหมดก็เริ่มเต้นรัว เมื่อเงาร่างนั้นเริ่มมองเห็นได้ชัดเจน คนทั้งหมดในตระกูลฟางก็อดไม่ได้ที่จะต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนกและไม่อยากจะเชื่อขึ้น

“นั่น…นั่นคือ…”

“ผู้พิทักษ์เต๋าแห่งดินแดนบรรพบุรุษ! มัน…มันไม่ใช่เป็นแค่รูปปั้น? มันขยับตัวได้อย่างไรกัน!?!?”

“ผู้พิทักษ์เต๋า! มันได้ยืนนิ่งอยู่ที่นั่นมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน! จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา มันได้บินมาที่นี่จากด้านนอกของสวรรค์! ถูกคาดว่ากำลังเฝ้ารอคอยใครบางคนอยู่! ตอนนี้มันขยับตัวได้แล้วจริงๆ!!”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเนื่องจากเกิดการทรยศขึ้นในตระกูล!?!?” กลุ่มคนในตระกูลทั้งหมดต่างก็ตื่นตระหนก จิตใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดหมุนคว้าง พวกมันแทบไม่อยากจะเชื่อต่อสิ่งทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นนี้

ในเวลาเดียวกันนั้น กลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่เสมือนเต๋า ทันใดนั้นก็ระเบิดออกมาจากร่างของนักรบศิลา

เมื่อกลิ่นอายนั้นกระจายออกไป ก็ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือน เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มคนตระกูลฟางทั้งหมดก็รู้สึกว่าจิตใจของตนเองกำลังสั่นสะท้าน

ระลอกคลื่นที่ดูเหมือนว่าจะสามารถกวาดล้างใครก็ตามที่อยู่ในอาณาจักรโบราณได้กระจายออกไป นั่นคือ…ความบ้าคลั่งของผู้ยิ่งใหญ่เสมือนเต๋า!

สูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จี้ซิ่วฟางซึ่งกำลังต่อสู้อย่างหมดท่าอยู่กับปรมาจารย์ปฐพีตระกูลฟาง รับรู้ได้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ และดวงตาของนางก็ต้องเบิกกว้างขึ้น กล่าวว่า

“นั่นคือไพ่ไม้ตายของเจ้า? เจ้าคิดว่าผู้พิทักษ์เต๋าอาณาจักรเสมือนเต๋า จะสามารถแก้ไขวิกฤตในตระกูลฟางได้จริงๆ?”

ขณะที่จี้ซิ่วฟางพูดขึ้น ปรมาจารย์ปฐพีตระกูลฟางก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาในจิตใจ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่มันไม่เคยรู้มาก่อน กล่าวขึ้นว่า

“ตระกูลฟางมีกองกำลังที่ลึกล้ำเกินกว่าคนเช่นเจ้าจะคาดคิดได้ ผู้พิทักษ์เต๋าเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้า…”

ก่อนที่มันจะพูดไปถึงครึ่งทางในสิ่งที่มันต้องการจะกล่าวออกมา แต่ทันใดนั้นมันก็หยุดพูดไป ดวงตาเบิกกว้างขึ้นขณะที่มองตรงไปยังดาวตงเซิ่ง จี้ซิ่วฟางก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน และจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง

สิ่งที่คนทั้งสองมองเห็นก็คือ…ผู้พิทักษ์เต๋าได้ก้าวเท้าออกมาอย่างเต็มตัวอยู่บนดาวตงเซิ่ง ขณะที่กลิ่นอายของผู้ยิ่งใหญ่เสมือนเต๋ากระจายออกไป จู่ๆ ผู้พิทักษ์เต๋าก็…คุกเข่าลงไปหนึ่งข้าง และก้มศีรษะลงเพื่อคารวะต่อเมิ่งฮ่าว!

คนทั้งหมดตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง!

“นี่…นี่…”

“ผู้พิทักษ์เต๋ากำลังคุกเข่าให้กับเมิ่งฮ่าว!?!?”

“ทำไมมันถึงได้ทำเช่นนี้? กำลังเกิดอะไรขึ้น!?!?”

“แม้แต่ผู้พิทักษ์เต๋าก็กำลังปกป้องมัน…?” โลหิตไหลซึมออกมาจากปากของฟางเฮ่อซาน และมันก็เริ่มหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา จากนั้นโลหิตก็ระเบิดออกมาจากลำคอของมัน และศีรษะก็ตกลงมาจากร่าง จากนั้นก็กระแทกลงไปบนพื้น ตกตายไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!