ตอนที่ 1075
ประตูสีทองที่ห้าแบบพิเศษ
เป็นครั้งแรกที่พวกมันได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวส่วนตัวของเมิ่งฮ่าว พวกมันทั้งหมดมองไปยังฉู่อวี้เยียนและต่างก็สั่นสะท้านอยู่ภายในใจ เช่นเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะกล่าวมา ถ้ามีเรื่องเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับพวกมัน…
เพียงชั่วขณะเท่านั้นศิษย์จำนวนมากของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ก็มองไปยังกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรด้วยสายตาที่เย็นชา
แม้แต่ผู้ฝึกตนอสูรบางคนก็ยังมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่าที่เป็นครั้งแรกที่พวกมันรับรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ถ้ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในโลกแห่งการฝึกตน ก็เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนทั้งหมดจะต้องรู้สึกเกลียดชัง ทุกคนต่างก็มีครอบครัวและสหายสนิท รวมทั้งศัตรูด้วย ถ้าเรื่องเช่นนี้ถูกมองข้ามไปเพียงแค่ครั้งเดียว มันคงจะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต…กับพวกมัน
“กลุ่มผู้ฝึกตนอสูร พวกเจ้าเป็นหนี้ข้า! หลงเทียนไห่สมควรตาย ไม่มีทางเอาลำดับขั้นไปจากข้าได้ ถึงแม้ว่าข้าจะพ่ายแพ้ในการเดิมพัน พวกเจ้าก็ยังต้องส่งมอบหยกเซียนที่วางเป็นเดิมพันในตอนแรกให้กับข้าครึ่งหนึ่ง!”
“นั่นคือค่าชดใช้ให้กับข้า!” ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็ก้าวถอยไปทางด้านหลังสองสามก้าว ไปยืนอยู่ที่ด้านหลังของจิ่วผอ
เวลาผ่านไปจนตอนนี้อาณาจักรความเป็นนิรันดร์ได้ฟื้นฟูพื้นฐานฝึกตนของเขาจนแทบจะไปอยู่ที่จุดสูงสุดของมันแล้ว
ปรมาจารย์ผมแดงมีสีหน้าที่ดูน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง จริงๆแล้วมันเห็นด้วยกับกลยุทธ์ที่จะลักพาตัวฉู่อวี้เยียนมา แต่จากแผนการเดิม
เมิ่งฮ่าวจะต้องตายไป และในที่สุดฉู่อวี้เยียนก็จะไร้ประโยชน์ใดๆ จากนั้นเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็จะถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
ใครจะไปคาดคิดว่าถึงแม้พวกมันจะวางกับดักแห่งความตายไว้รอคอยเมิ่งฮ่าว เขาก็สามารถจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้?
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบกริบอย่างน่ากลัว ผู้ฝึกตนของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า มองไปรอบๆ ยังกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรด้วยความหวาดระแวง เริ่มตัดสินเรื่องราวด้วยความคิดของตนเองจากคำพูดของเมิ่งฮ่าว
กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรส่วนใหญ่ยังคงรักษาความเงียบไว้ แต่ยังมีบางคนที่เย้ยหยันปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดนั้น
ในตอนนี้เองที่เสียงราบเรียบของเสินซือซ่างเหรินได้ดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง “พวกเรามามุ่งเน้นไปที่เรื่องราวที่สำคัญมากที่สุดก่อน ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนที่จะเปิดอาณาจักรสายลม”
“ความโลภเกี่ยวกับลำดับขั้นคือการหว่านเมล็ดกรรม สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อครู่นี้คือการเก็บเกี่ยว สหายเต๋าชื่อหลงและอู๋หลิง พวกท่านอาจจะต้องเพิ่มคนเพื่อมาช่วยเปิดอาณาจักรสายลม”
“พักเรื่องนี้ไว้ก่อน ปล่อยให้เมิ่งฮ่าวดำเนินการเดิมพันตามที่ได้ตกลงกันไว้ พวกท่านทั้งสองคิดว่าอย่างไร?” เสินซือซ่างเหรินมองไปยังชายชราผมแดง และปรมาจารย์อสูรอีกคน
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ชายชราผมแดงก็จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง เรื่องราวของเมิ่งฮ่าวในวันนี้ทำให้มันเกิดความรู้สึกต่อเขาอย่างลึกล้ำ มันจ้องมองไปราวกับว่าต้องการจะประทับภาพของเขาลงไปในความทรงจำของมันอย่างถาวร ในที่สุดก็แค่นเสียงเย็นชาและกล่าวขึ้นช้าๆ
“พวกเราจะกระทำตามที่ท่านกล่าวมา, เสินซือ แต่เมื่อ…ลำดับขั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดิมพัน ถ้าเด็กผู้นี้เข้าไปอยู่ในรายชื่อสิบคนแรกของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองได้ทั้งหมด กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรก็จะมอบหยกเซียนให้กับมันสามร้อยล้านชิ้น แต่ถ้ามันล้มเหลว พวกเราจะไม่ให้แม้แต่ชิ้นเดียว!”
มันเข้าใจดีว่าด้วยการมีจิ่วผอ, เสินซือซ่างเหริน และหลิงอวิ๋นจื่ออยู่ในตอนนี้ กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรคงไม่อาจจะสร้างปัญหาใดๆ ได้ ถ้าต้องต่อสู้กัน กลุ่มผู้ฝึกตนอสูรคงจะต้องพ่ายแพ้ไปอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น การพ่ายแพ้ในครั้งนี้ คงจะทำให้ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าจากอีกสองฝ่าย ซึ่งเป็นบุรุษและสตรีนางนั้น มีโอกาสที่จะเปลี่ยนใจได้
ตอนนี้ชายชราผมแดงได้แต่ต้องแอบถอนหายใจเท่านั้น สำหรับปรมาจารย์อสูรที่แซ่อู๋ มันค่อยๆ พยักหน้าอย่างช้าๆ
เสินซือซ่างเหรินมองไปยังเมิ่งฮ่าว ดวงตาเขาสาดประกายขึ้น แต่ก็ตระหนักดีว่าเมื่อเรื่องราวได้บานปลายมาจนถึงขั้นนี้ ก็หมายความว่าไม่อาจจะผลักดันให้ไปได้ไกลมากกว่านี้อีกแล้ว การกระทำเช่นนั้นอาจจะถูกต่อต้านได้ ถึงแม้ว่าโทสะในจิตใจของเขาไม่อาจจะถูกขจัดไปได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ยังคงพยักหน้าเห็นด้วย อย่างไรก็ตามในขณะที่คนทั้งหมดกำลังมองมา เขาก็ดึงเอาหลงเทียนไห่ออกมาจากถุงสมบัติ
เขาจับลำคอมันไว้และบีบลงไปอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นก็พุ่งมือซ้ายแทงเข้าไปในหน้าอกของหลงเทียนไห่ หลงเทียนไห่ดิ้นรนไปมา และในท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมด เมิ่งฮ่าวดึงเอาหัวใจมังกรทะเลออกมาจากร่างมัน
หัวใจยังคงเต้นอยู่ขณะที่เมิ่งฮ่าวบดขยี้มันไป เพื่อทำให้เกิดเป็นหยดของเหลวสีขาว พวกที่มองดูอยู่ ทั้งผู้ฝึกตนธรรมดาและผู้ฝึกตนอสูรต่างก็เป็นเช่นเดียวกัน จ้องมองไปด้วยจิตใจที่เต้นรัว
ทันใดนั้น จิตใจพวกมันก็ถูกกระแทกลงไปอย่างลึกล้ำ ด้วยระดับความโหดเหี้ยมและดุร้ายของเมิ่งฮ่าว
พวกมันทั้งหมดต่างก็ครุ่นคิดเหมือนกันว่า ต่อให้ไม่มีทางเลือกใดๆ หลงเหลืออยู่ พวกมันก็จะไม่ไปมีเรื่องกับเมิ่งฮ่าวอย่างเด็ดขาด ผู้ฝึกตนธรรมดารู้สึกเช่นนั้น ผู้ฝึกตนอสูรที่เคยเกลียดชังเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่งก็รู้สึกเช่นเดียวกัน และยังคงรักษาความเงียบของพวกมันไว้
ขณะที่ชายชราผมแดงมองไป ใบหน้ามันบิดเบี้ยวขึ้น และกลิ่นอายอันน่ากลัวก็หมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ร่างมัน
แต่ก็ไม่มีทางที่มันจะระบายโทสะออกมาได้ มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ หันร่างจากไป รู้ตัวดีว่าถ้าขืนอยู่ต่อไป มันคงไม่อาจจะควบคุมตนเองได้ในที่สุด
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งอย่างถึงที่สุด ขณะที่หยิบเอาหยดโลหิตหัวใจมังกรทะเลออกมาจากถุงสมบัติอีกเก้าหยด เขาหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหยดโลหิตขนาดใหญ่ขึ้น และใส่เข้าไปในปากของฉู่อวี้เยียน
จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ใส่นางกลับเข้าไปในถุงสมบัติ เมื่อกระทำเรื่องราวเหล่านี้จนเสร็จสิ้น เขาก็หันหลังและมุ่งหน้าตรงไปยังประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทอง ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา
ถึงแม้ว่าเขาได้สังหารผู้ฝึกตนอสูรไปบ้าง แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะระบายโทสะที่เขารู้สึกอยู่ในจิตใจได้ บางทีการกระทำของเขาอาจจะเพียงพอที่จะข่มขู่ให้ผู้ฝึกตนอสูรธรรมดาทั่วไปหวาดกลัวได้
แต่เมื่อเป็นผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า ถ้าพวกมันได้เคยลิ้มรสของความเจ็บปวด พวกมันคงจะทำให้เขาต้องมีปัญหาในภายหลังอย่างแน่นอน
ในตอนนี้การเดิมพันของเขากับกลุ่มผู้ฝึกตนอสูร เหมือนกับคมมีดที่เขาสามารถจะแทงเข้าไปในร่างกายพวกมันได้ ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าของพวกมันคงจะต้องรู้สึกเจ็บปวดต่อการสูญเสียความร่ำรวยของพวกมันไปอย่างแน่นอน!
หยกเซียนสามร้อยล้านชิ้น เป็นจำนวนที่มากมายจนทำให้ใครก็ตามต้องหอบหายใจออกมาด้วยความอยากได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าก็ตามที ถ้ากลุ่มผู้ฝึกตนอสูรสูญเสียหยกเซียนด้วยจำนวนมากมายเช่นนั้น คงจะทำให้พวกมันต้องกระอักโลหิตออกมาอย่างแน่นอน
แค่คิดไปถึงหยกเซียนสามร้อยล้านชิ้น ก็ทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องเต้นรัว หอบหายใจออกมา ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า
“ข้าจะทุ่มจนสุดตัว! ข้าต้องเข้าไปอยู่ในสิบคนแรกของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองทั้งหมดให้จงได้!” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเร่งความเร็วมากขึ้น แหวกฝ่าอากาศจนเป็นเสียงแหลมเล็ก เข้าไปใกล้กับตำแหน่งของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่อยู่ใกล้มากที่สุดอย่างรวดเร็ว
มันเป็นแท่นศิลาลำดับที่ห้า เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปยังแสงสีทองที่พุ่งขึ้นมาจากแท่นศิลานั้น ก็รับรู้ได้ในทันทีว่ามันเป็นสนามรบ ที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าสังหารอย่างไม่รู้จบ
“ประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่ห้า เป็นการทดสอบการเข่นฆ่าสังหาร และเป็นที่รู้จักกันในนามว่า การทดสอบของจิตเต๋าด้วยเช่นกัน!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น
เขาก้าวเดินตรงไป และในชั่วพริบตาก็หายตัวเข้าไปในแท่นศิลาตัวอักษร ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนของอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้าจำนวนมากก็มารวมตัวกันอยู่ในบริเวณนั้น ถึงแม้ไม่อาจจะพูดได้อย่างแน่ชัดว่า
คนทั้งหมดในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้ารู้เรื่องเกี่ยวกับการเดิมพันในครั้งนี้ แต่คงไม่ห่างไกลไปจากความเป็นจริงมากนัก
นอกจากนั้น ด้วยการสังหารหมู่ของเมิ่งฮ่าว และวิธีการที่เขายืนอยู่ตรงเบื้องหน้าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าของกลุ่มผู้ฝึกตนอสูร ก็ทำให้คนทั้งหมดต้องตกตะลึงขึ้น
เมื่อรวมเข้ากับเดิมพันจำนวนมหาศาลนี้ ก็มั่นใจได้ว่าคงอีกไม่นานนักประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่ห้านี้จะถูกห้อมล้อมเต็มไปด้วยกลุ่มฝูงชน แม้แต่จิ่วผอและกลุ่มคนของนาง รวมทั้งปรมาจารย์อสูรแซ่อู๋ ทั้งหมดต่างก็ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ เฝ้ามองไป
“การที่จะเข้าไปอยู่ในสิบคนแรกของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองได้ทั้งหมด…นั่นคงเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อนัก!”
“เมิ่งฮ่าวอาจจะได้อันดับสองในประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่เก้า แต่แท่นศิลาตัวอักษรอื่นๆ แตกต่างกันไปทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประตูสีทองอันดับแรก ซึ่งมีแรงกดดันอย่างเข้มข้น!”
คนทั้งหมดกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้
จิ่วผอและหลิงอวิ๋นจื่อมองดูซึ่งกันและกัน และดวงตาของพวกท่านก็สาดประกายขึ้นอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะเพ่งมองไปยังแท่นศิลาตัวอักษรอันดับห้าเพียงอย่างเดียว
ปรมาจารย์จากกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรมองไปด้วยประกายที่แปลกๆ อยู่ในดวงตา “ประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่ห้า…ไม่เหมือนกับประตูอื่นๆ เป็นการทดสอบที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง”
ในเวลาเดียวกันนั้น…เมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฏกายขึ้นอยู่ภายในโลกของประตูแท่นศิลาตัวอักษรสีทองที่ห้า เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็เห็นโลกที่งดงามเจิดจ้า
เต็มไปด้วยเสียงวิหคขับขาน และกลิ่นหอมของบุปผานานาพันธุ์ ลมปราณหมุนวนไปมา ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นโลกสำหรับเซียน
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มองลงไปยังตัวเอง เขากำลังสวมใส่ชุดนักพรตที่ไม่คุ้นเคยอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเขากำลังยืนอยู่ในท่ามกลางกลุ่มคนบนยอดเขา ตรงลานสี่เหลี่มจัตุรัสขนาดใหญ่
เขาถูกห้อมล้อมด้วยผู้ฝึกตนนับหมื่น รวมตัวกันอย่างแน่นหนาทั้งบนพื้นและลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ บรรยากาศที่อึมครึมและเข้มงวดค่อยๆ ปกคลุมไปทั่วในบริเวณนั้นอย่างช้าๆ ทำให้กลุ่มเมฆเริ่มบดบังดวงตะวันไป
สูงขึ้นไปที่ด้านบน สามเงาร่างลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ พวกมันถูกห้อมล้อมด้วยประกายแสงสีทอง ทำให้ยากที่จะบอกได้ว่าเป็นเงาร่างของผู้ใด
เสียงเก่าแก่โบราณดังก้องออกไปทั่วทั้งลานสี่เหลี่ยมจัตุรัส
“ชนเผ่าด้านนอกที่ต้องการจะทำลายโลกของพวกเรากำลังบุกรุกเข้ามา! พวกมันมีความชั่วร้ายอย่างไร้ขอบเขต และเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งปีศาจ พวกมันเป็นปีศาจที่โหดเหี้ยมจากกลุ่มดาวที่ด้านนอก และกำลังมาเพื่อทำสงคราม ศิษย์ทั้งหลายต้องกำจัดพวกมันไป!
การสังหารจะไม่มีวันสิ้นสุดลง และจะไม่มีสถานที่แห่งใดให้พวกเจ้าหลบหนีจากไปได้!”
“พวกมันจะมาถึงในวันนี้! ขณะเดียวกันนั้น…พวกเราก็พบว่าปีศาจที่ชั่วร้ายเหล่านั้นได้ปลอมตัวแทรกซึมเข้ามาในสำนักของพวกเราแล้ว!” ขณะที่เสียงนั้นจางหายไป สามเงาร่างที่เรืองแสงตรงด้านบนก็โบกสะบัดมือไปโดยพร้อมเพรียงกัน
ทันใดนั้น ประมาณหนึ่งในสามจากกลุ่มผู้ฝึกตนนับหมื่น จู่ๆ ก็พบว่าตนเองกำลังอาบไล้อยู่ภายใต้แสงอันเจิดจ้า พวกมันมีท่าทางตกใจ, ประหลาดใจ ขณะที่ผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นค่อยๆ มองมายังพวกมันอย่างช้าๆ
เมิ่งฮ่าวสังเกตเห็นว่ามีผู้ฝึกตนสองคน ที่กำลังยืนอยู่ข้างกายตัวเอง กำลังอาบไล้ในแสงอันเจิดจ้าอยู่ในตอนนี้
“ท่านปรมาจารย์ ข้า…ข้าไม่ใช่ปีศาจที่ชั่วร้าย! ข้า…”
“เกิดอะไรขึ้น!? ท่านปรมาจารย์ ข้าเป็นศิษย์ของสำนักนะ!”
พวกมันหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งจนร่างกายกำลังสั่นสะท้านไปมา แต่ในเวลาเดียวกันนั้นก็รู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก ราวกับว่าพวกมันกำลังถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมแต่ก็มีการตอบรับเพียงอย่างเดียวเท่านั้นจากคำอ้อนวอนของพวกมัน
“สังหารพวกมัน!”
มีอยู่หลายคนในท่ามกลางกลุ่มฝูงชนยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่รู้จักบุคคลเหล่านั้น
แต่ก็รู้สึกว่าคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี ผู้ฝึกตนอื่นๆ ในบริเวณนั้นกำลังรู้สึกลังเล และมีอยู่ส่วนน้อยเท่านั้นที่โจมตีไปจริงๆ
“ข้าไม่ใช่ปีศาจร้าย! ข้าคือศิษย์ในสำนัก!!”
เสียงแผดร้องอย่างโหยหวนดังก้องออกมา ขณะที่ศิษย์จำนวนมากหลบหนีจากไป และยังมีอีกหลายคนที่เริ่มร้องไห้ออกมาอีกด้วย
“ศิษย์พี่จาง ข้าไม่ใช่ปีศาจร้าย!!”
“ซือเจี่ย (ศิษย์พี่หญิง) ข้าคือฝานเซิง! เป็นซือตี้ (ศิษย์น้องชาย) ของท่าน…”
ขณะที่การสังหารเริ่มเกิดขึ้น เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว ยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับการทดสอบนี้
ทันใดนั้น หนึ่งในศิษย์ที่อาบไล้อยู่ภายใต้แสงอันเจิดจ้า ซึ่งเป็นบุรุษวัยกลางคน ก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมาเป็นเสียงดัง
“เฉินโหม่วไม่ใช่ปีศาจร้าย! ข้าเป็นศิษย์ในสำนัก!
วันนี้ข้าจะใช้ความตายมาพิสูจน์ให้เห็น! พวกท่านไม่จำเป็นต้องมาเสียเลือดเนื้อเพราะข้า ถ้าจะต้องตายไป ข้าก็ขอตายอย่างมีเกียรติ!” ด้วยเช่นนั้น มันจึงฟาดฝ่ามือลงไปบนขม่อมของตัวเอง เกิดเป็นเสียงปะทุขึ้น โลหิตพุ่งกระจายออกมา และมันก็ตกตายไป
คนทั้งหมดมองไปอย่างเงียบๆ ในที่สุดเสียงหัวเราะอย่างขมขื่นก็ดังก้องออกมามากขึ้น ขณะที่ศิษย์ซึ่งถูกกล่าวหามากกว่าครึ่งเริ่มจบชีวิตของพวกมันไปอย่างน่าตกใจยิ่ง
“ถ้าข้าต้องตาย ข้าจะไม่ยอมตายไปด้วยเงื้อมมือของสหายร่วมสำนัก!”
“ข้าอาจจะต้องตายไปในวันนี้ แต่ก่อนที่จะตาย ข้าขอบอกว่า…ข้าไม่ใช่ปีศาจร้าย!” เสียงระเบิดดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง และซากศพก็กองซ้อนกันไปมาอยู่บนพื้น ในที่สุดเหตุการณ์ก็เริ่มสงบเงียบลง ขณะที่ศิษย์ทั้งหมดซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจร้าย…ตกตายไป
ศิษย์ที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด ไม่ว่าพวกมันจะโจมตีไปเมื่อครู่นี้หรือไม่ ต่างก็มองไปด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน จากนั้นพวกมันก็หันหน้ามองไปยังสามเงาร่างที่ด้านบน และไม่อาจจะปิดบังสีหน้าสงสัยที่กำลังแสดงออกมาอยู่บนใบหน้าพวกมันได้
เมิ่งฮ่าวรู้สึกสั่นสะท้านใจ ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ดูเหมือนว่าการทดสอบนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
“นี่ไม่ใช่การทดสอบเกี่ยวกับการเข่นฆ่าสังหาร และไม่ได้เกี่ยวกับจิตเต๋าด้วยเช่นกัน ยังมี…จุดประสงค์อื่นอยู่อีกด้วย!”
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่ตระหนักได้ถึงความเป็นจริงที่มองเห็นอยู่นี้ ทำให้แทบจะลืมไปว่าเขาคือใคร และรู้สึกว่าตนเองได้กลายเป็นศิษย์ของสำนักนี้ไปโดยสิ้นเชิง
เขาตระหนักว่าเป็นเพราะเขาเริ่มเกิดความรู้สึกสงสัย เกี่ยวกับสามเงาร่างที่อยู่เบื้องหน้าด้วยเช่นกัน