Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1510

ตอนที่ 1510

เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น

แต่เมื่อเมิ่งฮ่าวกำลังจะยกขวดน้ำเต้าขึ้นมาและดื่มลงไป ลำแสงสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในที่ห่างไกล เข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็วอย่างน่าตกใจยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายไม่ใช่เมิ่งฮ่าว แต่เป็นกระแสน้ำวนซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรลี้ลับ

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นลำแสงสายนั้นก็ลุกขึ้นมายืน ภายในลำแสงคือบุรุษวัยกลางคนซึ่งมีเส้นผมที่ยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง ด้วยการปรากฏกายขึ้นมาของมัน ก็กระจายเป็นบรรยากาศที่โอ่อ่าเกรียงไกรออกมา เคลื่อนที่มาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ กระแทกเข้าไปในเกราะป้องกันซึ่งคอยปกป้องอาณาจักรลี้ลับไว้ภายในแทบจะในทันที

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น และทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นสะเทือนไปมา บุรุษผู้นั้นกระอักโลหิตออกมา ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะเป็นเสียงดังก้อง

“เจ้าผนึกความว่างเปล่าไร้ขอบเขตไว้ จนไม่มีใครผ่านเข้าไปได้? ปิดกั้นเส้นทางนี้ไว้? ดี!”

“เหล่าฟูตายไปนานแล้ว แต่เจ้าก็ใช้วิญญาณคนทรยศมาดูดซับวิญญาณข้า และพยายามจะมาหลอกลวงอี้จื่อ (บุตรบุญธรรม) ข้า?…ไม่มีทาง!” บุรุษผู้นั้นหัวเราะอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็หันหน้ามองมายังเมิ่งฮ่าว

เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นว่าคนผู้นี้คือใคร จิตใจก็เริ่มหมุนคว้างด้วยความตกตะลึง

“เตีย…” เมิ่งฮ่าวร้องอุทานขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง

บุรุษวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่บิดาที่แท้จริงของตนเอง ฟางซิ่วเฟิง แต่เป็นบิดาบุญธรรม ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักเซียนอสูรโบราณในอาณาจักรขุนเขาทะเล…เคออวิ๋นไห่!

คนทั้งสองพบเจอกันภายในความทรงจำตั้งแต่สมัยโบราณของเจินหลิงเยี่ย (วิญญาณราตรีที่แท้จริง) เป็นสถานที่ซึ่งเดิมทีเมิ่งฮ่าวคิดว่าทั้งหมดนั้นคือภาพลวงตา แต่เมื่อกลับออกมาก็มีผลกระทบกับโลกแห่งความเป็นจริงด้วยเช่นกัน

ย้อนกลับไปในตอนนั้น เคออวิ๋นไห่รู้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่ใช่จิ่วสือซึ่งเป็นบุตรชายของตนเอง แต่ก็ยังคงรักเขาอยู่ตลอดเวลา! นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตของเมิ่งฮ่าวที่รู้สึกได้ถึงความรักของบิดา

ความทรงจำระเบิดขึ้นมาอยู่ภายในจิตใจเมิ่งฮ่าว เริ่มชัดเจนมากขึ้นอยู่ในตอนนี้ เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่างขณะที่สายตาเริ่มพร่าเลือนไปในทันที

เคออวิ๋นไห่มองมายังเมิ่งฮ่าวและยิ้มอย่างอบอุ่น หัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า “ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าจำเป็นต้องมองให้ชัดเจน ทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนี้เป็นเรื่องหลอกลวง ถ้าข้าตายไป ก็สามารถจะพิสูจน์ได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือกับดัก ถ้าข้าไม่ตาย ก็จะช่วยพิสูจน์ได้เช่นกันว่านี่คือกับดักที่จะมาหลอกลวงเจ้า เพราะว่าข้า…ตายไปนานแล้ว!” เคออวิ๋นไห่หมุนคว้างไปมา และขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไป ร่างกายท่านก็สั่นสะท้าน กระแทกศีรษะลงไปยังเกราะป้องกัน เคลื่อนที่ไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ใช้พลังชีวิตทั้งหมดของตนเองออกมา เกิดเป็นเสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องขึ้น ขณะที่กระแทกไปยังเกราะป้องกัน ทำให้เกราะป้องกันนั้นยุบไปทางด้านหลังด้วยพลังอันน่าตกใจเพื่อขัดขวางท่านไว้

ในตอนนั้นเอง ท่านก็ร้องตะโกนขึ้นมา “ฮ่าวเอ๋อร์, อี้จื่อข้า จดจำไว้ว่ากฎธรรมชาติก็มีข้อบกพร่องด้วยเช่นกัน ในโลกแห่งนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ และไม่มีอะไรที่ไม่ด่างพร้อย ทั้งหมดนี้ขึ้นกับจิตใจของเจ้าเอง!”

“คนทั้งหมดในที่แห่งนี้บอกว่าข้าไม่อาจจะมองเห็นได้ชัดเจน ก็เป็นเรื่องจริง แต่ข้าก็ยินดีที่จะตายไป เพื่อให้เจ้ามีโอกาสได้มองเห็นความเป็นจริง!”

พลังกระแทกเข้าไปในร่างเคออวิ๋นไห่ จนกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อและโลหิต พุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทางอย่างฉับพลัน

ท่านใช้ความตายของตนเองเพื่อเผยให้เห็นถึงความเป็นจริง!

ท่านใช้ความตายของตนเองเพื่อให้เมิ่งฮ่าวมีโอกาสมองทะลุถึงเรื่องหลอกลวงนี้ได้!

ท่านใช้ความตายของตนเองเพื่อพิสูจน์ว่าท่านคิดถูก!

เมิ่งฮ่าวโยนขวดน้ำเต้าสุราลงไป เพลิงโทสะพุ่งขึ้นมาอยู่ภายในใจ ขณะที่มองตรงไปยังจุดที่เคออวิ๋นไห่กลายเป็นกลุ่มควันแห่งโลหิต คำพูดที่ท่านเพิ่งจะกล่าวออกมานี้ ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสั่นสะท้าน ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ และกลิ่นอายก็ปะทุขึ้นมา

“เตีย…” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หยดน้ำตาไหลรินลงมาบนใบหน้า ก่อนหน้านี้เขาได้ยอมแพ้ไปแล้ว แต่ความคิดนั้นก็จางหายไปในทันที ความสงสัยเกี่ยวกับโลกแห่งนี้เริ่มรุนแรงมากขึ้นอย่างฉับพลัน เริ่มหอบหายใจและสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ขณะที่จ้องมองไปยังกลุ่มหมอกโลหิต และคิดไปถึงเคออวิ๋นไห่ จนต้องร้องไห้ออกมามากขึ้น

รู้สึกว่าจิตใจแทบจะระเบิดออกมา จากเส้นใยแห่งความคิดนับไม่ถ้วนที่ซุ่มซ่อนอยู่ในนั้น ราวกับว่าความคิดเหล่านั้นกำลังจะไหล่บ่าท่วมท้นเต็มอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย ทันใดนั้นแสงก็เริ่มสาดประกายออกมาจากภายในร่าง แต่เวลาเดียวกันนั้นแรงกดดันก็ปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงบริเวณนั้นด้วยเช่นกัน

แรงกดดันนั้นพุ่งมาถึงโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า และปกคลุมไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง สะกดข่มเขาไว้ รวมทั้งความคิดนับไม่ถ้วนซึ่งดูเหมือนว่าแทบจะก่อตัวกันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

พลังของการตื่นขึ้นมา และพลังของแรงกดดัน กำลังใช้ร่างกายของตนเองเป็นสนามรบ โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ถอยโซเซไปทางด้านหลังขณะที่ความคิดถูกบดขยี้ไป

เมิ่งฮ่าวมองลงไปยังหน้าอกของตนเองด้วยใบหน้าที่ซีดขาว ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดทรมานด้วยความรู้สึกที่ถูกแทง กระจกทองแดงกำลังส่งกระแสความร้อนให้กระจายไปทั่วร่าง ทำให้เมิ่งฮ่าวหอบหายใจ มองขึ้นมาด้วยดวงตาสีแดงเจิดจ้า

เสียงถอนหายใจจำนวนมากได้ยินมา คนทั้งหมดรวมทั้งเจ้าอ้วน ต่างก็มองมาด้วยสีหน้าอันซับซ้อน

“คาดไม่ถึงว่าผู้ที่ยากจะได้สติตื่นขึ้นมาจะเป็นเคออวิ๋นไห่ ไม่ใช่เมิ่งฮ่าว…”

“ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา เมื่อไม่อาจจะแยกแยะความเป็นจริงและภาพลวงตาได้…”

ในตอนนี้ คนทั้งหมดกำลังเริ่มพูดถึงเมิ่งฮ่าวกันไปมา

“เมิ่งฮ่าว เจ้าเห็นหรือไม่? มันบ้าไปแล้ว เจ้าต้องไม่ปล่อยให้ตนเองสับสน ทุกสิ่งทุกอย่างในความว่างเปล่าไร้ขอบเขตเป็นภาพลวงตา เป็นแค่ความฝันเท่านั้น”

“ถ้าเจ้าปล่อยให้ตนเองสับสนเช่นนั้น ก็จะจบลงเช่นนี้! จิตใจเจ้าจะแตกกระจายไป!”

“เมิ่งฮ่าว ตื่นขึ้นมา!”

“เมิ่งฮ่าว ทำไมถึงไม่มองสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจน? คนผู้นั้นไม่ว่าจะเป็นใคร แต่ก็ตกอยู่ในความฝันนานมากเกินไป ไม่อาจจะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงได้ ข้ารู้ว่าเจ้าสนิทกับมันเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่าปล่อยให้มันมีผลกระทบต่อเจ้า!”

“เมิ่งฮ่าว ความสัมพันธ์ทั้งหมดจากความฝันไม่ใช่เรื่องจริง! เจ้าต้องตื่นขึ้นมา!”

เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าจิตใจกำลังหมุนคว้าง การต่อสู้ระหว่างความทรงจำที่กำลังตื่นขึ้นมา และแรงกดดันที่กำลังสะกดข่มบรรลุถึงจุดเดือดพล่าน และในที่สุดเขาก็มองขึ้นไปและร้องตะโกนขึ้นมาว่า “หุบปาก!”

คำพูดเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไปคล้ายเสียงฟ้าร้องคำราม ทันใดนั้นกลิ่นอายของระดับเก้าแก่นแท้ก็ระเบิดออกไป เต็มไปทั่วทั้งบริเวณนั้น เมิ่งฮ่าวเอามือกุมศีรษะจากนั้นก็แผดร้องคำรามออกมา

“หุบปาก!”

“หุบปาก!!”

“หุบปาก!!!”

เขาแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ทำให้เกิดเป็นคลื่นเสียงซึ่งหลอมรวมเข้ากับพลังระดับเก้าแก่นแท้โจมตีออกไป เสียงกระหึ่มดังเต็มไปทั่วบริเวณนั้น เมื่อคลื่นเสียงม้วนกวาดออกไป ทำให้ดาวเคราะห์นับไม่ถ้วนกลายเป็นเถ้าธุลีไป เงาร่างจำนวนมาก ไม่เคยเห็นภาพที่เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยเป็นพลังโจมตีที่ระเบิดออกไปเช่นนี้มาก่อน ต่างก็ถูกบดขยี้ไปโดยคลื่นเสียงนี้ สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรงจนกระทั่งร่างกายระเบิดขึ้น

เจ้าอ้วน ฉู่อวี้เยียน หลี่หลิงเอ๋อร์ ฝานตงเอ๋อร์ ฟางอวี๋ ซุนไห่…ร่างแล้วร่างเล่าจากความทรงจำของเมิ่งฮ่าวถูกกำจัดไป

ในทันทีที่คนทั้งหมดตายไป อากาศก็บิดเบี้ยวไปมา ราวกับว่าเสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะกำลังกลายเป็นระลอกคลื่นที่พุ่งผ่านไปทั่วบริเวณนั้น ราวกับว่าแหล่งที่มาของเสียงแผดร้องนั้นไม่ได้ตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวจะกระทำเรื่องเช่นนี้

ทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณนั้นจางหายไป เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา เส้นผมยุ่งเหยิง มองไปรอบๆ ยังความว่างเปล่า และเถ้าธุลีที่ยังคงหลงเหลืออยู่ จากนั้นก็เริ่มหัวเราะหึๆ ด้วยเสียงแหบแห้ง เป็นเสียงหัวเราะที่กลายเป็นเสียงแห่งความขมขื่นมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว

เขามองไปยังเกราะป้องกันที่ผนึกกระแสน้ำวนไว้ และเริ่มบินตรงไป

“การตายของข้าจะเป็นการพิสูจน์ว่านี่คือกลลวงหรือไม่!” เมิ่งฮ่าวมุ่งหน้าตรงไป ขณะที่เสียงหัวเราะด้วยความขมขื่นดังก้องออกมา ในชั่วพริบตาก็บรรลุถึงเกราะป้องกัน ตูม!

ทันใดนั้นพลังที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องแตกกระจายไป ระเบิดออกมาโจมตี ส่งผลให้ต้องลอยละลิ่วไปทางด้านหลัง กระดูกถูกบดขยี้ และกายเนื้อก็แตกกระจายไป

แต่เขาก็ยังไม่ตาย…

เมิ่งฮ่าวดิ้นรนขึ้นมายืน และพุ่งตรงไปยังเกราะป้องกันอีกครั้ง ในตอนนี้เองที่เสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะก็ดังก้องออกมา เป็นเสียงของอาจารย์และเฉินฝาน รวมทั้งคนอื่นๆ จากสำนักชางไห่ ภรรยาก็มาด้วยเช่นกัน

เฉินฝานคว้าจับเมิ่งฮ่าวไว้ และภรรยาก็โอบกอดเขาไว้ หยดน้ำตาไหลลงมานองหน้า

“เมิ่งฮ่าว เจ้าบ้าไปแล้ว?” เฉินฝานแผดร้องตะโกน คนอื่นๆ จากสำนักชางไห่พุ่งตรงมาขัดขวาง

เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมัน รวมทั้งภรรยาและอาจารย์ ในที่สุดก็หันหน้ามองไปยังเฉินฝาน ไม่แน่ใจว่าต้องกล่าวอะไรออกมาดี อ้าปากขึ้นจะพูด แต่จากนั้นก็กระอักโลหิตออกมาและหมดสติไป

เมื่อตื่นขึ้นมาก็กลับไปอยู่ในสำนักชางไห่ ภรรยากำลังยืนปกป้องอยู่ที่ด้านข้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความวิตกและกระวนกระวายใจ

เมิ่งฮ่าวนอนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ผู้คนมาเยี่ยมเยือน แต่ความว่างเปล่าในแววตาก็ไม่เคยเปลี่ยนไป เขาไม่พูดอะไรออกมา และความจริงแล้วก็ใช้เวลาเกือบทั้งวันมองจากหน้าต่างออกไปยังฟ้าดินที่ด้านนอก ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องอะไร

เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ตระหนักว่า กระแสความอบอุ่นจากกระจกทองแดงกำลังมีความรุนแรงมากขึ้น ตอนแรกกระแสความร้อนนั้นกระเพื่อมออกมาเพียงแค่ครั้งเดียวต่อเดือน แต่ตอนนี้มันกระเพื่อมออกมาหลายครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นมุมมองของเขาต่อโลกแห่งนี้ก็กระเพื่อมขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าสิ่งที่ตนเองกำลังมองไปคือเปลือกที่ถูกปอกออกมา เพื่อเผยให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ด้านล่าง

กระแสความอบอุ่นกระจายออกไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว แต่ก็ไม่ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บใดๆ ซึ่งเมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แค่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเท่านั้น

ผลที่ตามมาจากการสังหารเจ้าอ้วนและคนอื่นๆ กำลังเกิดขึ้นมาแล้ว สำนักอื่นๆ ต่างก็มีโทสะ รวมพลังกันเพื่อบังคับให้สำนักชางไห่ส่งมอบเมิ่งฮ่าวออกไป

สำนักชางไห่ปฏิเสธที่จะยอมจำนน และด้วยเช่นนั้นสงครามก็เริ่มต้นขึ้น

การต่อสู้บานปลายออกไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเสียงกระหึ่มของการต่อสู้ก็ได้ยินออกมาจากดวงดาวของสำนักชางไห่ ศิษย์นับไม่ถ้วนตกตายไป บางสำนักที่เป็นพันธมิตรก็ต่อสู้เข้ามาในสำนักชางไห่เอง

เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในโลกแห่งนี้ แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่สนใจ และไม่ใส่ใจต่อสายตาที่มองมาของภรรยาหรือสหายร่วมสำนักคนอื่นๆ พวกมันมองมาด้วยความห่วงใย วิตกกังวล ตำหนิติเตียน หรือแม้แต่เกลียดชัง

เมิ่งฮ่าวเผชิญหน้ากับสายตาเหล่านั้นด้วยความเงียบขรึม

เสียงค่อยๆ ดังก้องขึ้นอยู่ภายในสำนัก เรียกร้องให้ส่งมอบเมิ่งฮ่าวออกไป แต่อาจารย์, เฉินฝาน และสหายร่วมสำนักคนอื่นๆ ต่างก็สาบานว่าขอตายไปดีกว่าที่จะทำเรื่องเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่างเงียบๆ แต่ภายในใจก็รับรู้ได้ถึงระลอกคลื่นแห่งอารมณ์ความรู้สึก เมื่อมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ แต่ก็สะกดข่มไว้อย่างเต็มกำลัง

เขาต้องการมองเห็นว่า เหตุการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างไร

ในที่สุดก็ผ่านไปหนึ่งเดือน สำนักพันธมิตรทำลายประตูหลักของสำนักชางไห่เข้ามาได้ เกิดการเข่นฆ่าสังหารไปทั่ว เมิ่งฮ่าวมองเห็นภรรยาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเพื่อปกป้องตนเอง มองเห็นกระบี่บินแทงเข้าไปในหน้าผากของบุตรชาย ขณะที่เด็กชายตายไป ก็ร้องตะโกนออกมายังบิดาด้วยความอ่อนแอ เมิ่งฮ่าวไม่สนใจ ถึงแม้ว่าจะสั่นสะท้านด้วยความโศกเศร้าเสียใจก็ตาม

“พอที พอที…” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับหัวเราะด้วยความขมขื่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!