Skip to content

A Will Eternal 1107

บทที่ 1107 เสี่ยวฉุนออกโรง

และขณะที่ข่าวนี้แพร่ไปทั่วทั้งนครหลัก เมื่อนักพรตจำนวนนับไม่ถ้วนพากันวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทฤษฎีที่ว่าพระยาจื่อหลินถูกใส่ร้ายก็ยิ่งแพร่สะพัดไปมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากที่ราชาผียักษ์ได้ยินข่าวนี้ก็อึ้งไปครู่ ปฏิกิริยาตอบสนองแรกที่เกิดขึ้นในสมองก็คือเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับป๋ายเสี่ยวฉุน แล้วเขาก็ต้องถอนหายใจอยู่ในใจ เพราะรู้สึกว่าวิธีการนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีพลังการโจมตีใดๆ เอาเสียเลย

“เรื่องนี้จะมีใครเขาเชื่อ”

ราชาผียักษ์ปวดหัวขึ้นมาครามครัน รีบไปหาป๋ายเสี่ยวฉุน หมายจะสอบถามให้แน่ใจ แต่ยังไม่ทันรอให้เขาเข้าไปในห้องลับของป๋ายเสี่ยวฉุน ประตูใหญ่ของห้องลับกลับเปิดออก ป๋ายเสี่ยวฉุนที่สวมชุดคลุมยาวสีม่วง สวมมงกุฎราชา ตลอดทั้งร่างแผ่ปราณแห่งความสูงศักดิ์กลับเดินออกมาจากหลังประตูใหญ่เสียก่อน

พลังอำนาจไร้คำบรรยายขุมหนึ่งตรงเข้ามาบีบคั้นจนลมหายใจของราชาผียักษ์ชะงักค้าง รู้สึกเพียงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่เดินออกมาจากห้องลับในเวลานี้แตกต่างไปจากคนในความทรงจำของเขาอย่างสิ้นเชิง

อาภรณ์ที่เขาสวมใส่ รวมไปถึงปราณที่คล้ายอยู่เหนือสรรพชีวิตซึ่งแผ่ออกมาจากร่าง โดยเฉพาะดวงตาที่อบอวลไปด้วยพลังแห่งความคิดที่ราวกับว่าทุกชีวิตในสายตาเขาก็เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น พลังแห่งความคิดที่ราวกับว่าเขาคือผู้ที่ยืนอยู่บนยอดเขาสูงสุด ควบคุมโลกทั้งใบ ควบคุมทุกสิ่งมีชีวิตในโลก!

ลมหายใจราชาผียักษ์ติดขัด ในใจก็ยิ่งสั่นสะเทือนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คำพูดของเขาอัดแน่นเต็มลำคอ ทว่ากลับมิอาจปริปากพูดออกมาได้แม้แต่ครึ่งคำ ได้แต่เหม่อมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่มีมาดซึ่งไม่เคยปรากฏในความทรงจำของตัวเองมาก่อน

อาภรณ์นี้ที่เขาสวมใส่ ก็คืออาภรณ์แห่งเต๋าของเทียนจุน!

หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้กลายเป็นเทียนจุน จักรพรรดิเซิ่งก็เป็นคนประทานมาให้แก่เขา ทอดสายตามองไปทั่วราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง หากรวมป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปด้วยก็มีแค่ห้าคนเท่านั้นที่มีคุณสมบัตินี้ ซึ่งในวันปกติพวกเขาจะไม่เอาชุดนี้ออกมาสวม จะสวมแค่เฉพาะในการประชุมขุนนางใหญ่ที่จัดขึ้นสิบปีครั้ง หรือไม่ก็ในงานพิธียิ่งใหญ่เท่านั้น

รวมถึงมงกุฎราชาด้วยเช่นกัน

ยามนี้เมื่ออาภรณ์แห่งเต๋าซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับสมบัติล้ำค่าถูกสวมลงบนร่าง สง่าราศีของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขามองราชาผียักษ์แวบหนึ่ง ความตื่นตะลึงในดวงตาของอีกฝ่ายทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนลำพองใจไม่น้อย ทว่ากลับยังคงวางมาดเคร่งขรึม เพียงแค่หันมาพยักหน้าให้กับราชาผียักษ์เล็กน้อยเท่านั้น

“ไปกับข้าผู้เป็นราชา” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้ว่าในเวลานี้จะปล่อยให้พลังอำนาจของตนขาดช่วงไม่ได้ หลังจากเอ่ยจบ เขาก็เดินเชิดหน้าออกไปจากประตูใหญ่ของจวนอย่างโอหัง

ลมหายใจของราชาผียักษ์ถี่กระชั้น พอจะคาดเดาแผนการของป๋ายเสี่ยวฉุนได้คร่าวๆ แม้ในใจจะลังเล แต่พอได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนที่คล้ายจะไม่เว้นที่ให้ปฏิเสธ โดยเฉพาะพลังอำนาจบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยิ่งทำให้ในใจของราชาผียักษ์…เกิดความสั่นสะเทือนเหมือนตอนที่ได้เห็นจักรพรรดิขุยเป็นครั้งแรกในปีนั้น

ช่วงแรกเริ่มสุดที่จักรพรรดิขุยยังไม่ถูกต้าเทียนซือเข้าควบคุม ฐานะจักรพรรดิของเขาทำให้คนทั้งแดนทุรกันดารยำเกรงและเคารพนับถือ สายตาของเขาสามารถทำให้ฟ้าดินที่คำรามดังสะเทือนเลือนลั่นปฐพีสงบลงได้ในชั่วพริบตา

มองแผ่นหลังของป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาของราชาผียักษ์ฉายประกายลุกเรือง หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกเขาก็ถึงกับก้มหน้าลงน้อยๆ ประหนึ่งขุนนางที่เดินติดตามจักรพรรดิไปด้านหลัง

ตลอดทางที่ติดตามป๋ายเสี่ยวฉุนมา พอข้ารับใช้ทุกคนที่อยู่ในจวนแห่งนี้เห็น

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันใจสั่นอย่างบ้าคลั่ง ลมหายใจของแต่ละคนเหมือนหยุดชะงัก ถูกพลังอำนาจและการแต่งกายของป๋ายเสี่ยวฉุนบีบคั้นอารมณ์จนอดพากันก้มหน้าคุกเข่ากราบกรานไม่ได้

และป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดินออกจากจวนไปทั้งแบบนี้ ทุกคนที่อยู่ในจวนได้แต่คุกเข่าไม่มีใครกล้าลุกขึ้นยืน ขณะเดียวกัน ตอนที่เดินออกมาจากจวนและยืนอยู่บนถนน พลังอำนาจของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลง กลับยิ่งระเบิดเพิ่มพูน ก่อนที่เขาจะเดินช้าๆ มุ่งหน้าไปยัง…จวนของเทียนจุนวิเศษกาลนาน

ทุกที่ที่ผ่าน ไม่ว่าจะเป็นนักพรตในนครหลักคนใดที่มองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุน ไม่ว่าจะมีตบะอะไร บัดนี้พวกเขาล้วนใจสั่น กริ่งเกรงในพลังอำนาจและปราณของป๋ายเสี่ยวฉุน ทุกคนสูดลมหายใจดังเฮือก พากันกุมมือคารวะ

“คารวะเทียนจุน!”

“คารวะเทียนจุน!!”

“คารวะเทียนจุน!!!” เสียงเหล่านี้ตอนแรกเริ่มยังกระจัดกระจาย แต่ไม่นานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าพวกเขายินดีที่จะทำเช่นนี้ แต่ที่ทำลงไปเพราะล้วนมาจากสัญชาตญาณที่ถูกพลานุภาพสยบของอีกฝ่ายบีบคั้นทั้งสิ้น

ยังดีที่ที่พักของป๋ายเสี่ยวฉุนห่างจากจวนของเทียนจุนวิเศษกาลนานไปไม่ไกลนัก และเมื่อพลังอำนาจของป๋ายเสี่ยวฉุนไต่ทะยานสู่จุดสูงสุด เขาก็เดินมาถึงหน้าจวนของเทียนจุนวิเศษกาลนานแล้ว

ไม่แม้แต่จะปรายตามองผู้เฒ่าคนฟ้าหลายคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยอาการปากอ้าตาค้าง ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินดุ่มๆ เข้าไปทันที ส่วนราชาผียักษ์ก็มีสีหน้าฮึกเหิม ตามหลังไปติดๆ

ด้วยหน้าที่ของพวกนักพรตคนฟ้าที่เฝ้าพิทักษ์อยู่ที่นี่ เดิมทีพวกเขาควรขัดขวาง ทว่าเมื่อเจอกับพลังอำนาจของป๋ายเสี่ยวฉุน พวกเขากลับไม่มีความคิดที่จะต้านทานแม้แต่นิดเดียว

แล้วป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดินเข้าไปในจวนของเทียนจุนวิเศษกาลนานได้อย่างราบรื่นไปตลอดทาง วินาทีที่เข้าไปข้างใน เขาก็สัมผัสได้ว่าในห้องโถงใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้ามีคนสิบกว่าคนกำลังปรึกษาอะไรกันอยู่ ซึ่งมีพระยาจื่อหลินรวมอยู่ด้วย ปราณของคนหนึ่งในนั้นมองดูเหมือนคลุมเครือ แต่ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจนประดุจมองเห็นคบเพลิงในค่ำคืนมืดมิด

แทบจะขณะเดียวกันกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของเทียนจุนวิเศษกาลนาน เทียนจุนวิเศษกาลนานที่กำลังปวดหัวก็พลันเงยหน้าขึ้น ชั่วขณะที่ศีรษะของเขาเงยขึ้นมา ประตูของห้องโถงที่เขาและพวกครึ่งเทพที่เป็นลูกน้องกำลังหารือกันก็มีเสียงแอดดังขึ้น ครั้นจึงถูกเปิดออกช้าๆ ชักนำความสนใจจากครึ่งเทพสิบคนและพระยาจื่อหลินที่อยู่ในนั้นได้ทันที

ตอนที่พวกเขาหันไปมองตามจิตใต้สำนึก แต่ละคนก็รู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ยืนอึ้งกันอยู่ตรงนั้น ได้แต่เหม่อมองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่ตรงนั้นซึ่งสวมชุดเต๋าเทียนจุน สวมมงกุฎราชา พลังอำนาจเหนือล้ำเกินจะหาสิ่งใดเปรียบประดุจทวยเทพที่เยื้องกรายลงมาบนโลกมนุษย์

พระยาจื่อหลินเองก็สูดลมหายใจดังเฮือก หัวสมองขาวโพลน

ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเมินครึ่งเทพสิบคนและพระยาจื่อหลินไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อผลักประตูใหญ่ให้เปิดออก ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็จ้องเขม็งไปยังตำแหน่งประธานของห้องโถงใหญ่ มองไปยังผู้เฒ่าคนหนึ่งที่…นั่งอยู่ตรงนั้น!

ผู้เฒ่าคนนี้ก็สวมชุดคลุมสีม่วงเช่นกัน แต่ไม่ใช่ชุดเต๋าของเทียนจุน พลานุภาพสยบแห่งเทียนจุนที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างของเขาคล้ายสามารถส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน ทั้งๆ ที่เขานั่งอยู่ตรงนั้น แต่กลับทำให้คนรู้สึกเหมือนภาพลวงตาไม่ใช่ตัวจริง ใครก็ตามที่จ้องมองเขานานเกินไปก็จะรู้สึกราวกับว่าอีกฝ่ายคือทวยเทพผู้สูงศักดิ์อย่างแท้จริง!

และเวลานี้หัวสมองของครึ่งเทพสิบกว่าท่านที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ก็ดังอื้ออึง อันดับแรกคือพวกเขาคาดไม่ถึงว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะมา อันดับที่สองคือไม่คิดว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่มาที่นี่จะสวมชุดเต๋าเทียนจุน แผ่พลานุภาพสยบออกมาจากทั่วร่าง แสดงออกถึงตัวตนผู้เป็นราชาที่จักรพรรดิเซิ่งมอบให้อย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้

และที่ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดีก็คือการที่ต้องมาถูกหนีบอยู่ตรงกลางระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนกับเทียนจุนวิเศษกาลนาน ทวยเทพสององค์นี้กำลังประสานสายตากัน พลานุภาพสยบที่เกิดขึ้นทำให้พวกครึ่งเทพและพระยาจื่อหลินร้องโอดครวญอยู่ในใจ

เทียนจุนวิเศษกาลนานหรี่ตาลง สีหน้าไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ต้น เอาแต่จ้องป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างเดียว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่คนทั้งสองได้พบหน้ากัน

“โทษทีนะ การประชุมครั้งนี้ ข้าผู้เป็นราชามาสายไปหน่อย”

ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องตากับเทียนจุนวิเศษกาลนานอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเนิบช้าพลางก้าวเดินเข้าไปข้างใน หลังจากกวาดตาไปรอบด้าน เขาก็ยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นตรงหน้าประตูใหญ่ก็มีก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า พริบตาเดียวก้อนหินเหล่านั้นก็ประกอบเข้าด้วยกันเป็นเก้าอี้ขนาดมหึมาภายใต้สายตาจับจ้องจากทุกคน!

หลังจากที่สร้างเก้าอี้ขึ้นจากเวทอาคมเสร็จเรียบร้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้สะบัดปลายแขนเสื้อแล้วนั่งลงไปตรงข้ามกับเทียนจุนวิเศษกาลนานโดยที่มีโถงกว้างกั้นกลาง

บัดนี้ด้านหน้าและด้านหลังห้องโถงใหญ่มีเก้าอี้อยู่สองตัว การที่เทียนจุนทั้งสองท่านนั่งเสมออย่างทัดเทียมกันความหมายว่าอะไร ไม่ต้องบอกก็รู้ได้!

“พวกเจ้าประชุมกันต่อได้เลย ข้าผู้เป็นราชาก็แค่ทำตามหน้าที่ที่จักรพรรดิเซิ่งมอบหมายให้เท่านั้น พวกเจ้าไม่ต้องสนใจ” พอนั่งลงป๋ายเสี่ยวฉุนก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ

ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่หายใจสะดุด มีความรู้สึกเหมือนปลาที่ติดร่างแหตามไปด้วย ขนาดหายใจแต่ละคนยังไม่กล้าหายใจแรง แล้วจะกล้าพูดได้อย่างไร

ส่วนพระยาจื่อหลินก็เห็นราชาผียักษ์ที่ติดตามมาด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วเหมือนกัน เขาจึงได้แต่หวังว่าเทียนจุนวิเศษกาลนานจะสยบขวัญป๋ายเสี่ยวฉุนได้

เทียนจุนวิเศษกาลนานมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเย็นชา แล้วจู่ๆ ก็คลี่ยิ้ม รอยยิ้มนี้แฝงความเฉยชา แต่ที่มากกว่านั้นคือความดูแคลน หลังจากที่ถอนสายตากลับคืนมา เขาก็หันไปเอ่ยกับพวกครึ่งเทพในห้องโถงใหญ่ด้วยคำแค่สองคำ

“ต่อเลย!”

พวกครึ่งเทพในตำหนักใหญ่ลังเลกันไปครู่ แต่เมื่อเห็นว่าเทียนจุนวิเศษกาลนานออกปากแล้ว พวกเขาก็ได้แต่แข็งใจเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ใต้เท้า เรื่องที่พุ่งเป้าเล่นงานพระยาจื่อหลินได้ทำการตรวจสอบอย่างแน่ชัดจนรู้แล้วว่า นี่คือการใส่ร้าย!”

“ถูกต้อง พวกราชวงศ์จักรพรรดิแสชอบใช้แผนการชั่วร้ายกันเป็นประจำ หากเรากังขาพระยาจื่อหลินเพราะเรื่องครั้งนี้ นั่นต่างหากที่จะทำให้เราหลงกลแผนการชั่วช้าของราชวงศ์จักรพรรดิแสเข้าจริงๆ!”

“ข้าน้อยขอใต้เท้าโปรดออกคำสั่ง ป่าวประกาศไปทั่วดินแดนเซียนแห่งที่สอง คืนความบริสุทธิ์ให้แก่พระยาจื่อหลิน!”

หลังจากที่ทุกคนพากันเอ่ยแสดงความเห็น เทียนจุนวิเศษกาลนานก็กระตุกยิ้มมุมปาก ครั้นจึงเอ่ยเนิบช้า

“อนุมัติ!” กล่าวจบเขาก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะจากไป ทว่าเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยเสียงเรียบเฉย

“ช้าก่อน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!