บทที่ 356 ยาม่วงของราชันย์แห่งสัตว์
งูบินตัวนี้ยาวประมาณพันจั้ง ทั้งเรือนกายยังหนาหลายสิบจั้ง มองดูไม่เหมือนงูบิน แต่เหมือนมังกรคะนองน้ำ[1]ตัวหนึ่งมากกว่า โดยเฉพาะเขาหงิกงอสองแท่งบนศีรษะ และกรงเล็บสามข้างใต้ท้องของมัน!!
แผ่นเกล็ดทั่วร่างของมันสะท้อนแสงเจิดจ้าอยู่ใต้แสงอาทิตย์ หรือหากมองอย่างละเอียดยังสัมผัสได้ด้วยว่าบนร่างของงูบินตัวนี้มีความศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านออกมารำไร
บวกกับปราณราชันย์แห่งสัตว์ที่ลุกโหมนั้นก็ยิ่งขับให้มันโดดเด่นเหนือหมื่นสรรพสัตว์ เมื่อมันบินเข้ามาใกล้ ความว่างเปล่าก็คล้ายถูกฉีกกระชาก เสียงกึกก้องดังไปทั่วทิศ อีกทั้งปราณราชันย์แห่งสัตว์บนร่างของมันก็ยิ่งทำให้สัตว์รบแทบทุกตัวในสำนักสยบธารตัวสั่นสะท้าน ความกดดันที่มาจากสายเลือดของตัวเองทำให้เหล่าสัตว์รบไร้ซึ่งความคิดใดๆ ที่จะต่อต้าน
มีเพียงมังกรนิลเขาสวรรค์เท่านั้นที่ขนเกือบทั้งร่างลุกชัน แม้จะตัวสั่นไม่ต่างกันก็แต่ยังคำรามฮึ่มฮั่ม
บัดนี้ฟ้าดินเปลี่ยนสี เมฆและฝนพัดตลบ เมื่องูบินเยื้องกรายมาถึง เมฆหมอกกลิ้งซัดสาดไล่หลังกัน ศีรษะและเรือนกายใหญ่โตมโหฬารของงูยักษ์นั่นทำให้ทุกคนของสำนักสยบธารที่มองเห็นพากันร้องอุทานเสียงหลง
“นี่คือ…”
“ราชันย์แห่งสัตว์!!”
เสียงอุทานตกใจดังเซ็งแซ่ ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแม่น้ำตอนล่าง ราชันย์แห่งสัตว์นั้นหาได้ยากยิ่ง ตลอดทั้งชีวิตของคนมากมายแทบจะไม่เห็นได้พบเห็นแม้แต่ตัวเดียว การปรากฏตัวของเถี่ยตั้นก็เรียกได้ว่าเป็นเพียงความบังเอิญที่ไม่มีใครคาดถึง
ทว่าแม่น้ำตอนกลาง แม้ว่าราชันย์แห่งสัตว์จะมีน้อยเช่นกัน แต่ยังไงซะพื้นที่ของตอนกลางก็กว้างใหญ่กว่าเยอะมาก ใช่ว่าจะไม่มีให้เห็นเสียเลย ซึ่งบางครั้ง…ก็มีจะเงาร่างของราชันย์แห่งสัตว์เข้าๆ ออกๆ ให้เห็นในจุดลึกของผืนป่า
แทบจะวินาทีเดียวกับที่งูบินราชันย์แห่งสัตว์พุ่งเข้าหา หลี่จื่อโม่หน้าเปลี่ยนสีลุกพรวดขึ้นยืน บัดนี้นัยน์ตาของเขามีประกายแสงคมกล้าน่าหวาดกลัว ปราณก่อกำเนิดก็ยิ่งระเบิดออกมาในนาทีนี้ สะบัดปลายแขนเสื้อข้างขวาหนึ่งครั้ง พายุลูกหนึ่งพลันหมุนคว้างขึ้นกลางอากาศสกัดกั้นงูบินเอาไว้
ตามหลังเขา เถี่ยตั้นก็ยิ่งคำรามเสียงดังเขย่าคลอนไปแปดทิศ เมื่อเสียงคำรามนี้ดังออกมา ปราณราชันย์แห่งสัตว์บนร่างของมันก็ระเบิดตูมเช่นกัน คล้ายต้องการช่วงชิงความโดดเด่นกับงูบินตัวนั้น
เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับงูบินตัวนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านตบะหรือลมปราณ เถี่ยตั้นก็ล้วนอ่อนด้อยกว่ามากนัก ประดุจสัตว์น้อยตัวหนึ่งที่กำลังเข่นฆ่ากับสัตว์ใหญ่ซึ่งโตเต็มวัย
ทว่าหลังจากหลี่จื่อโม่และเถี่ยตั้น ยังมีปราณอีกระลอกหนึ่งทะยานดังกัมปนาทขึ้นจากบนแท่นบูชา กลายเป็นลำแสงสีเลือดขนาดใหญ่ยักษ์ที่พวยพุ่งเข้าหาชั้นเมฆ ซึ่งปราณนั้นมาจาก…ป๋ายเสี่ยวฉุน!
ลำแสงสีเลือดนี้คือพลังเลือดลมของป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อปราณแผ่ออกไป ตบะยาอายุวัฒนะวิถีฟ้าในร่างของเขาก็ยิ่งพุ่งทะยานดังสะเทือนเลือนลั่น ทำให้รอบด้านของลำแสงสีเลือดนั้นโอบล้อมไปด้วยแสงสีทองอีกหนึ่งชั้น
“เจ้ากล้ารึ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนดวงตาแดงก่ำ ตวาดเสียงดังดุจอสนีบาต วินาทีที่เสียงดังออกไป ร่างของเขาก็ลอยพรวดขึ้นจากพื้นดิน มือขวายกขึ้นทำมุทรา ในถุงเก็บของของเขาก็มีแสงสีดำเส้นหนึ่งบินออกมาทันใด
นั่นคือเขามังกรผกผัน กริชรูปเขานี้หมุนคว้างพร้อมเสียงดังอึงอล แฝงเร้นไว้ด้วยพลังตบะทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุน คำรามอู้เข้าไปหางูบินตัวนั้น
เวลาเดียวกัน ดวงตาที่สามกลางหว่างคิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เบิกโพลงขึ้นอย่างไม่ลังเล เผยให้เห็นแสงสีม่วง สายตาที่แฝงเร้นไว้ด้วยปณิธานแรงกล้าจ้องเขม็งไปที่ร่างของงูบิน
ฟ้าดินอึงอลไปด้วยเสียงดังเกริกก้อง พายุของหลี่จื่อโม่ทำให้ร่างของงูบินหยุดชะงัก ขณะเดียวกันเขามังกรผกผันที่อัดแน่นไว้ด้วยปราณวิถีฟ้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำให้ดวงตาทั้งคู่ของงูบินพลันหดตัว มันขดร่างสร้างค่ายกลงูอย่างรวดเร็ว ใช้กล้ามเนื้อต้านทานเอาไว้
เสียงตูมตามดังสะเทือนเลือนลั่น พายุแตกทลาย เขามังกรผกผันม้วนตลบกลับมา ส่วนงูบินตัวนั้นก็สั่นเยือกไปทั้งร่าง ถูกบีบให้ถอยห่างออกไปร้อยจั้ง
เสียงคำรามเดือดดาลของเถี่ยตั้นก็ดังออกมาในนาทีเดียวกัน มันจ้องเขม็งไปที่งูบิน นัยน์ตาฉายความดุดัน ทว่ากลับมีความหวาดหวั่นแสดงออกมาให้เห็นเด่นชัด เพราะยังไงซะเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับมันมาก ยาสีม่วงบนศีรษะยังคงรวมตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ว่าการคุกคามที่มาจากงูบินทำให้เถี่ยตั้นกระวนกระวายใจถึงขีดสุด ขณะที่มันกำลังร้อนใจ ทันใดนั้นมีเงาร่างหนึ่งบินพรวดขึ้นมาจากพื้นดิน มาปรากฏอยู่ข้างกายเถี่ยตั้น มือขวาของเขายกขึ้นวางลงบนลำกายช่วงหน้าของมัน
เงาร่างนี้เมื่อเทียบกับเถี่ยตั้นที่เรือนกายใหญ่หลายร้อยจั้งแล้วจึงดูเล็กกะจิดริด ทว่ามือขวาของเขากลับเป็นเหมือนขุนเขาที่มิอาจสั่นคลอน เมื่อมือข้างนั้นวางลงบนลำกาย ความร้อนรนกระวนกระวายใจของเถี่ยตั้นก็พลันหายวับไปในบัดดล
“จงรวมโอสถอย่างสบายใจเถิด ทุกอย่างข้าจัดการเอง!”
เงาร่างนี้ก็คือป๋ายเสี่ยวฉุน ขณะที่เขาเอ่ยด้วยเสียงทุ้มหนัก ตาก็มองไปยังงูบินที่จับจ้องมายังจุดนี้ด้วยสายตาละโมบ
ไม่นานเงาร่างของหลี่จื่อโม่ก็ปรากฏขึ้นมาเช่นกัน ทั้งยังมีพวกนักพรตรวมโอสถที่ให้การพิทักษ์อยู่บนพื้นดินที่ต่างก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ พวกเขากลายร่างเป็นรุ้งเส้นยาวมาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ
ค่ายกลของสายธาราทมิฬก็ระเบิดออกเช่นกัน กลายเป็นค่ายกลกระบี่ใหญ่เก้าเล่มลอยอยู่กลางอากาศ เล็งไปที่ตัวของงูบินพร้อมแผ่ไอเย็นเยียบ
ทั้งหมดนี้ทำให้ดวงตาเย็นชาคู่นั้นของงูบินหดตัวลง แม้ว่ามันจะเป็นราชันย์แห่งสัตว์ อีกทั้งยังไม่ใช่ราชันย์แห่งสัตว์ขั้นรวมโอสถ แต่เป็นถึงราชันย์แห่งสัตว์ขั้นก่อกำเนิด ทว่า…ยังไงซะที่นี่ก็คือสำนักสยบธาร คือหนึ่งในสี่สำนักใหญ่แม่น้ำตอนกลาง หากไม่สุดวิสัยจริงๆ มันก็ไม่ยินดีมาหาเรื่อง
เพียงแต่การรวมโอสถของเถี่ยตั้นช่างล่อลวงใจมันยิ่งนัก มันถึงขั้นสัมผัสได้ว่าหากกินยาสีม่วงเม็ดนั้นเข้าไป ดูดซับเอาปราณราชันย์แห่งสัตว์ของเถี่ยตั้นมา ถ้าเช่นนั้นวันหน้าหากมันจะฝ่าทะลุขอบเขตก่อกำเนิดเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นคนฟ้า ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียเลย
ทางฝ่ายของนักพรตสำนักสยบธารเองก็กริ่งเกรงเช่นกัน ต่อให้เป็นหลี่จื่อโม่ หากไม่ใช่ภาวะที่จำเป็นจริงๆ เขาก็ไม่ยินดีมีเรื่องกับราชันย์แห่งสัตว์ที่โตเต็มวัยเช่นนี้
ราชันย์แห่งสัตว์ทุกตัวล้วนสามารถเรียกรวมสัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนให้ก่อเกิดเป็นกระแสสัตว์ได้ สำหรับสำนักสยบธารแล้วนี่ถือว่าไม่เป็นผลดีอย่างมาก
สองฝ่ายต่างก็มีความกังวล เวลานี้กลางอากาศจึงค่อยๆ ตกอยู่ในสภาวะคุมเชิงกัน อีกทั้งตอนนี้บนเขาสยบธารยังมีกระแสจิตคมกริบของก่อกำเนิดหลายเส้นกวาดมาเล็งไว้ที่ตัวงูบินด้วย
แม้จะไม่ยินดีมีเรื่อง แต่หากงูบินตัวนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี พยายามเข้ามาโจมตี ถ้าเช่นนั้นต่อให้สำนักสยบธารต้องทุ่มสุดกำลังและเสียค่าตอบแทนมหาศาลก็จะต้องสังหารงูบินตัวนี้เพื่อขจัดภัยร้ายที่จะตามมาทีหลังให้ได้
“ตัวเจ้าบำเพ็ญตนได้ถึงระดับนี้แล้ว หากจะเรียกเจ้าว่าสหายนักพรตก็ไม่ถือว่าเกินไปนัก วันนี้สัตว์พิทักษ์สำนักสยบธารของเรารวมโอสถ เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดกัน ขอสหายนักพรตโปรดจากไปซะเถอะ!” หลี่จื่อโม่หรี่ตาทั้งคู่ลง เอ่ยปากเนิบช้า น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น
งูบินเงียบงัน ดวงตาเปล่งวาบน้อยๆ มันรู้สึกไม่เต็มใจนัก จึงหันไปมองทางฝ่ายของเถี่ยตั้นอีกครั้ง ทว่าเวลานี้เอง ทันใดนั้นยาสีม่วงเหนือร่างของเถี่ยตั้นก็พลันส่องประกายแสงสีม่วงเจิดจ้าบาดตาถึงขีดสุด
อีกทั้งกลิ่นหอมแปลกประหลาดก็ยิ่งแผ่กระจายไปแปดทิศ ยาม่วง…ก่อตัวสำเร็จ!
วินาทีที่มันก่อตัวสำเร็จนั้น นัยน์ตาเถี่ยตั้นเผยความฮึกเหิม สูดเฮือกเข้าไปอย่างแรก ยาม่วงพลันบินดิ่งเข้าหาเถี่ยตั้น กำลังจะถูกเถี่ยตั้นกลืนเข้าปาก ทว่าทันใดนั้นความว่างเปล่ารอบกายเถี่ยตั้นที่มีคนมากมายโอบล้อมกลับพลันบิดเบือนแล้วมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้า…ยาสีม่วงของเถี่ยตั้นเอาไว้!
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตะลึงลาน ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งตาแดงฉาน คำรามแหบห้าวพุ่งพรวดออกไป มือขวายกขึ้นต่อยโครมลงบนมือข้างที่ยื่นออกมาจากความว่างเปล่าอย่างแรง
เวลาเดียวกันนั้นก็มีเสียงแค่นเย็นชาสามเสียงดังลอยมาจากบนเขาสยบธาร เฟิงเสินจื่อ หันจง ชื่อหุน บุรพาจารย์สามคนพลันย้ายร่างมาอยู่ตรงจุดนี้ในทันที บนร่างของพวกเขากลับไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังปิดด่าน ราวกับว่าไม่ได้ปิดด่านมาตั้งแต่แรก พอมาปรากฏตัวอยู่รอบมือข้างนั้นได้ก็ร่ายเวทที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาทันที
“เจ้าลอบสังเกตการณ์สำนักสยบธารของพวกเรามานานแล้ว นึกหรือว่าสำนักสยบธารของเราทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆ!” น้ำเสียงแหบปร่าของเฟิงเสินจื่อแฝงไว้ด้วยไอสังหาร วินาทีที่คนทั้งสามลงมือเสียงกัมปนาทก็ดังสะท้านไปทั้งแผ่นดิน มือข้างนั้นพลันสั่นสะเทือนแล้วแตกทลายลงทันที เมื่อยาสีม่วงร่วงลงพื้น ทันใดนั้นในท้องฟ้าก็มีเสียงหัวเราะแปร่งหูดังลอยมา ตามมาด้วยรุ้งสามเส้นที่พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
เรือนกายในรุ้งยาวพร่าเลือน มองเห็นไม่ชัดเจน ทว่ากลับตรงดิ่งเข้าหายาสีม่วงด้วยความเร็วที่มากถึงขีดสุด
“ก่อนหน้านี้ก็คำนวณได้ว่าที่นี่มีสมบัติประหลาดปรากฏขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะมียาม่วงของราชันย์แห่งสัตว์ด้วย!” เสียงหัวเราะของคนทั้งสามแปลกแปร่ง วินาทีที่ดังออกมา ค่ายกลของสำนักสยบธารพลันโคจรครั่นครืน กระบี่ยักษ์แปลงกายขึ้นกลางอากาศแล้วตวัดฟันไปที่คนทั้งสามทันใด
บุรพจารย์คนอื่นๆ ที่เดิมทีปิดด่านอยู่ก็พากันเคลื่อนกายมาถึงในพริบตา บนร่างของพวกเขาก็ไม่มีสัญญาณแห่งการปิดด่านใดๆ ไม่ต่างไปจากพวกเฟิงเสินจื่อสามคน!
ส่วนงูบินตัวนั้นเวลานี้ดวงตาก็เผยประกายเย็นเยียบ กระโจนพรวดเข้าใส่เถี่ยตั้น แม้จะถูกสกัดขวาง แต่ด้วยเหตุการณ์ฉุกละหุกในตอนนี้จึงทำให้มันเข้าช่วงชิงยาม่วงด้วย
พอเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงเข้าใจโดยพลัน หลายเดือนมานี้ในสำนักมองดูแล้วเหมือนสงบสุข ทว่าในความเป็นจริงกลับมีคนมากมายเฝ้าสังเกตการณ์อย่างลับๆ การรวมโอสถของเถี่ยตั้นในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการดึงให้ทุกคนที่จ้องหาโอกาสเผยตัวออกมาด้วย
ส่วนพวกบุรพาจารย์ก็ไม่ได้ปิดด่านจริงๆ เพียงแต่ต้องการล่อเสือออกจากถ้ำก็เท่านั้น ดูจากการลงมือของพวกเขาแล้วจึงรู้ว่าไม่ได้คิดจะหลอกใช้เถี่ยตั้น
ทว่าเถี่ยตั้นสำคัญกับป๋ายเสี่ยวฉุนมาก ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ยินยอมให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ เด็ดขาด ต่อให้สำนักมีการเตรียมตัวมาก่อน แต่เขาก็ยังคงร้อนใจ เวลานี้ดวงตาทั้งคู่แดงฉาน คำรามกร้าวแล้วตรงดิ่งเข้าหา…เรือนกายของบรรพบุรุษโลหิตที่ยืนตระหง่านอยู่หน้าประตูสำนัก!
พริบตาเดียวก็หายวับเข้าไปด้านใน!
——
[1] มังกรคะนองน้ำ(蛟龙 )มังกรที่ปรากฏในเรื่องเล่าลือสมัยโบราณซึ่งสามารถพ่นน้ำให้น้ำท่วมได้