Skip to content

A Will Eternal 402

บทที่ 402 มารังแกถึงที่

ผู้นำพรรคท้องฟ้าดีใจอย่างล้นเหลือ รีบนำทางให้ทันที นักพรตที่อยู่รอบกายหลี่หยวนเซิ่งต่างก็เป็นคนในตระกูลผู้สูงศักดิ์ที่อยู่บนสายรุ้งแห่งนี้ ตบะของพวกเขาล้วนมาจากการสั่งสมของตระกูลตัวเอง แม้จะเป็นรวมโอสถ แต่นี่ก็ถือว่าเดินมาสุดทางแห่งชีวิตของพวกเขาแล้ว

วันปกติว่างงานไม่มีอะไรให้ทำ เวลานี้พอได้ยินว่ากำลังจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นเลยพากันติดตามหลี่เซิ่งหยวนมาด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน คนสิบกว่าคนจึงเฮโลกันเข้าไปในค่ายกลนำส่งมุ่งหน้าไปยังนครฟ้าที่อยู่เบื้องล่าง

หลังจากมาถึงนครฟ้า ในใจของผู้นำพรรคท้องฟ้าฮึกเหิม เขารู้ว่าความสนใจของลูกผู้ลากมากดีเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วและก็หายไปเร็วเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มัวรีรอ รีบพาทุกคนตรงดิ่งไปยังเมืองตะวันตกทันที

“ผู้นำพรรคมังกรเขียวคนนั้นอำมหิตอย่างถึงที่สุด เคยหลอมสุดยอดยาปี้กู่ออกมาทำร้ายคนร่วมสำนัก!”

“และยังมียาหลอนประสาทที่ตอนนี้สำนักสั่งห้าม ก่อนหน้านี้เขาก็เป็นคนหลอมเหมือนกัน นำหายนะมาสู่ทุกคน ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ในนครฟ้ามีคนมากแค่ไหนที่เกลียดแค้นเขาเข้ากระดูกดำ!”

“นายน้อยขอรับ ที่ท่านมาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพื่อกิจธุระในตระกูลของพวกเรา ยังได้ช่วยกำจัดภัยให้กับสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราของเราด้วย!” ตลอดทางที่ผ่านมา ผู้นำของพรรคท้องฟ้าพูดไม่หยุดปาก ทำเอาพวกนักพรตผู้สูงศักดิ์ที่ตามหลีเซิ่งหยวนมาด้วยหัวเราะฮ่าๆ ให้แก่กัน เรื่องพวกนี้พวกเขาไม่คิดว่าจะเป็นความจริง เพียงแค่รับฟังเอาสนุกก็เท่านั้น

“จะให้กำจัดนั้นคงทำไม่ได้ ผู้ที่มีที่ดินส่วนบุคคลย่อมมีภูมิหลังไม่ธรรมดา แต่ต่อให้ภูมิหลังจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์เมื่อกล้ามาล่วงเกินตระกูลคนฟ้าของข้า!” หลี่หยวนเซิ่งพูดเสียงเรียบ แม้ว่าเขาจะเป็นคุณชายตระกูลผู้ดี แต่ก็เป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของตระกูลเช่นกัน แม้จะมีความหยิ่งยโส ทว่าก็ไม่ได้หลงเชื่อในคำยกยอปอปั้นมากเกินไปนัก

“แต่หลังจากที่ข้าช่วยเจ้าเรื่องนี้แล้ว เจ้าก็ต้องรู้ว่าอันดับต่อไปควรจัดการเช่นไร” หลี่หยวนเซิ่งมองผู้นำพรรคท้องฟ้าด้วยสายตาบ่งบอกความหมายลึกล้ำ ผู้นำพรรคท้องฟ้าก็รู้ใจเป็นอย่างดี รู้ว่านี่คือการบอกเป็นนัยว่าอีกฝ่ายต้องการคะแนนคุณความดี ดังนั้นจึงรีบพยักหน้าติดต่อกัน

หลี่หยวนเซิ่งอมยิ้มน้อยๆ สำหรับการไปหาเรื่องพรรคมังกรเขียวในครั้งนี้ เขาไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องยากลำบากเท่าใดนัก จึงคอยหันไปพูดคุยแย้มยิ้มกับคนข้างกายเป็นพักๆ และทุกคนก็บินไปยังเมืองตะวันตก

ระหว่างทาง นักพรตนครฟ้าหลายคนที่มองเห็นพวกเขาต่างก็แสดงท่าทางตื่นตระหนก คนสิบกว่าคนนี้…นอกจากผู้นำพรรคท้องฟ้าแล้ว ทุกคนที่เหลือต่างก็เป็นลูกศิษย์ชุดเหลือง

ชุดคลุมสีเหลืองที่ส่ายสะบัดเด่นชัดทำให้ทุกคนที่มองเห็นต่างก็สั่นสะท้านไปทั้งจิตใจ ทั้งรู้สึกอิจฉาขณะเดียวกันก็รู้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากสายรุ้ง

ยังมีนักพรตจำนวนไม่น้อยที่พอเห็นว่าทิศทางที่ลูกศิษย์ชุดเหลืองเหล่านี้มุ่งหน้าไปคือเมืองตะวันตก แต่ละคนก็เกิดการคาดเดามากมาย แอบติดตามไปด้านหลังอย่างระมัดระวัง

ไม่นานนักพรตที่ติดตามมาด้วยก็มีมากหลายร้อยคน หลี่หยวนเซิ่งไม่ได้สนใจ ในฐานะที่เป็นศิษย์แห่งความภาคภูมิใจของตระกูลคนฟ้า

และในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ชุดเหลือง ไม่ว่าเขาเดินไปที่ไหน ขอแค่อยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรสายตะวันออกก็ล้วนเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง เขาจึงคุ้นชินนานแล้ว

เวลานี้คนทั้งกลุ่มต่างก็ไม่ได้ใช้ความเร็วมากนัก ทว่าไม่นานหลังจากนั้นก็ยังมาถึงที่ตั้งของทะเลทรายตรงริมชายแดนเมืองตะวันตก มองไกลๆ จะเห็นได้ว่าด้านนอกซากโบราณสถานมีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่กินอาณาเขตกว้างถึงสิบลี้

สถานที่แห่งนี้มีคนอยู่เยอะมาก ผู้คนเดินกันขวักไขว่ แม้จะเป็นยามสายัณห์ ทว่าก็ยังคึกคักอย่างถึงที่สุด เพียงแต่เมื่อมองเห็นลูกศิษย์ชุดเหลืองกลุ่มของหลี่หยวนเซิ่งทุกคนกลับตะลึงงัน ใจหายวาบ

“ลูกศิษย์ชุดเหลือง!”

“ลูกศิษย์ชุดเหลืองเยอะมากมายขนาดนี้ คนคนนั้นที่อยู่ข้างกายพวกเขาข้ารู้สึกคุ้นหน้าจัง…นั่นมันผู้นำพรรคท้องฟ้าไม่ใช่รึ!!”

“หรือว่าพวกเขาคือตระกูลคนฟ้า พรรคท้องฟ้ามาแล้ว พวกเขามาเล่นงานพรรคมังกรเขียว!!”

ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ พวกหลี่หยวนเซิ่งก็ได้บินมาอยู่เหนือโรงเตี๊ยมเรียบร้อยแล้ว วินาทีที่ตบะของนักพรตรวมโอสถสิบกว่าคนแผ่ซ่านออกอย่างกำเริบเสิบสานพร้อมกัน ฟ้าดินก็สะเทือนเลือนลั่น ลมเมฆพัดตลบอบอวล พื้นแผ่นดินสั่นไหวรุนแรง พลานุภาพสยบรุนแรงแผ่ออกไปรอบด้านในพริบตาเดียว ทำให้นักพรตของที่นี่ตัวสั่นสะท้าน

คล้ายว่ามีพลานุภาพสยบหลายชั้นเยื้องกรายลงมาจากท้องฟ้า จนทุกคนที่อยู่ด้านล่างรู้สึกเหมือนมีภูเขาใหญ่หลายลูกกดทับ นักพรตพรรคมังกรเขียวทุกคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมก็ล้วนหน้าเปลี่ยนสี ร้องอุทานเสียงหลง

เสินซ่วนจื่อเดินออกมาอย่างรวดเร็ว อาศัยคะแนนคุณความดีในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาเองก็มีตบะถึงขั้นเสมือนโอสถที่ถัดมาจากสร้างฐานรากขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว ดวงตาโชนแสงคมกล้าของเขามองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนจางต้าพั่งก็เดินออกมาเช่นกัน

ในบรรดาผู้พิทักษ์เหล่านี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน คนที่มีพัฒนาการรวดเร็วมากที่สุดก็คือจางต้าพั่ง ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างกายของเขาเข้ากันได้ดีกับปราณวิญญาณของต้นน้ำ หรือเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับการหลอมพลังจิตของเขากันแน่ เมื่ออยู่ภายใต้การสั่งสมคะแนนคุณความดีนับไม่ถ้วนของป๋ายเสี่ยวฉุน ตบะของเขาถึงได้เหยียบย่างเข้าสู่สร้างฐานรากขั้นสมบูรณ์แบบในช่วงที่ผ่านมา

เวลานี้เมื่อเดินออกมา พลังอำนาจของเขาจึงไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง และยังมีสวีเป่าไฉกับเฉินม่านเหยาที่ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี พากันปรากฏตัว พอมองเห็นนักพรตชุดเหลืองสิบกว่าคนบนท้องฟ้าและพลานุภาพสยบรวมโอสถที่แผ่ออกมาจากบนร่างของพวกเขาแล้ว สีหน้าของคนทั้งสี่ก็เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง

“ผู้นำพรรคมังกรเขียว จงโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!” ผู้นำพรรคท้องฟ้าสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาของเขาเผยความตื่นเต้นและฮึกเหิม เขาเกลียดพรรคมังกรเขียวเข้ากระดูกดำอยู่นานแล้ว ตอนนี้พอได้แผดเสียงตะโกน ในใจของเขาจึงรู้สึกโล่งโปร่งสบาย ประโยคนี้เขาฝังมันไว้อยู่ในใจมานานเหลือเกินแล้ว ในที่สุดก็ได้พูดมันออกมา นี่ทำให้เขาปลอดโปร่งอย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้

ทุกคนที่อยู่รอบด้านพากันใจแกว่ง ส่วนคนหลายร้อยที่ตามติดมาไกลๆ นั่นก็เบิกตาค้าง จ้องมองภาพเหตุการณ์นี้ตาไม่กะพริบ

“พรรคมังกรเขียวจบเห่แล้ว…”

“ความแข็งแกร่งของพรรคท้องฟ้าอยู่ที่ตระกูลคนฟ้าที่หนุนหลังพวกเขา…ขอแค่ตระกูลคนฟ้าเอ่ยประโยคเดียว ก็มีนักพรตจำนวนนับไม่ถ้วนบ้าคลั่งได้เพื่อพวกเขาทันที!”

“ข้าเคยเห็นคนผู้นั้นมาก่อน เขาคือหลี่หยวนเซิ่ง สวรรค์ เขาคือศิษย์แห่งความภาคภูมิใจอันดับที่เก้าร้อยกว่าของกระดานเกียรติคุณอันตมรรคาฟ้าดารา!!” เสียงฮือฮาดังออกมาไม่หยุดจากรอบด้าน

ผู้ที่มีรายชื่อติดหนึ่งในพันของกระดานเกียรติคุณอันตมรรคาฟ้าดาราล้วนเป็นสุดยอดศิษย์แห่งความภาคภูมิใจทั้งสิ้น เพราะอย่างไรซะขนาดของสำนักอันตมรรคาฟ้าดาราก็กว้างใหญ่ไพศาลมาก จำนวนของลูกศิษย์จึงมีมากจนคนนอกมิอาจคำนวณได้

เมื่อทุกคนส่งเสียงฮือฮา เมื่อเสียงคำรามด้วยความเดือดดาลของหัวหน้าพรรคท้องฟ้าดังลั่น ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แง้มหน้าต่างด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวน หลังจากโผล่หน้ามาแอบมองและเห็นนักพรตสิบกว่าคนที่อยู่บนท้องฟ้า เขาก็กลอกตาไปมา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของตนจึงวางใจลงได้ เลยไอแห้งๆ หนึ่งครั้งแล้วเดินอาดๆ ออกมาจากในห้อง

“ใครกันมาเอะอะเสียงดัง” ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนขมวดคิ้วมุ่นอยู่บนหอเรือน พลังอำนาจตลอดร่างแผ่กระจาย เอ่ยปากด้วยความเย่อหยิ่ง

“ไสหัวออกไปซะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ควบคุมให้ธงเจ็ดสีนั้นโคจรพลังค่ายกล ลมและเมฆจึงพัดตลบขึ้นมาทันที พลังค่ายกลซัดโหม ขณะที่กำลังจะขับไล่คนพวกนี้ออกไป ทันใดหลี่หยวนเซิ่งก็ยิ้มน้อยๆ มือขวาพลันปรากฏแผ่นหยกหนึ่งแผ่น แล้วกดลงไปบนพื้น

“ค่ายกลสลาย!”

วินาทีที่คำง่ายๆ สามคำเปล่งออกมา พลังค่ายกลที่เพิ่งรวมตัวกันก็สลายหายไปจนเกลี้ยง ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังแปลกใจ หลี่หยวนเซิ่งก็สะบัดร่างหนึ่งครั้ง ตลอดทั้งร่างของเขาพลันมีเปลวไฟสีขาวพวยพุ่ง ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ต่างไปจากดาวตกดวงหนึ่ง

เมื่อเยื้องกรายลงมา พลังตบะของเขาก็แผ่ออกทุกด้าน พลานุภาพสยบโชติช่วงที่เกิดจากตบะรวมโอสถช่วงกลางทำให้เขาดูไม่ต่างจากเปลวไฟสวรรค์ที่มาปรากฏพรวดอยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน

“อย่าให้ข้าพูดเป็นครั้งที่สอง ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!” หลี่หยวนเซิ่งพูดเนิบนาบ นัยน์ตาฉายแววเย็นชาและดูหมิ่น และอยู่ๆ มือขวาของเขาก็ฟาดลงมา

เมื่อมองไกลๆ เปลวเพลิงนั่นพวยพุ่งจนน่าตกใจ ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนหดตัวลงน้อยๆ อีกฝ่ายมีตบะเท่ากับเขา ต่างก็เป็นรวมโอสถช่วงกลางเหมือนกัน เวลานี้เมื่อลงมือพลานุภาพจึงไม่ธรรมดา อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าเขาออกแรงเต็มที่แล้ว ไม่เพียงแต่ต้องการทำร้ายให้ป๋ายเสี่ยวฉุนบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังต้องการทำลายโรงเตี๊ยมแห่งนี้ให้สิ้นซากด้วย!

ท่ามกลางเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจของพวกเสินซ่วนจื่อ ป๋ายเสี่ยวฉุนเดือดปรี๊ดทันใด ที่นี่คือบ้านของเขา อีกฝ่ายมาเยือนด้วยความเหิมเกริมไม่ต่างจากพวกมหาโจร หมายจะดับทำลายบ้านและกิจการของตน เรื่องนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด

“เจ้านั่นแหละที่ต้องไสหัวไป!” มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนทำมุทราในฉับพลัน คาถาหันเหมินเลี้ยงความคิดแผ่ซ่าน เมื่อมือขวาของเขายกขึ้นโบกอย่างแรง ไอความเย็นที่น่าครั่นคร้ามระลอกหนึ่งจึงพลันระเบิดออกมาจากกลางฝ่ามือของเขา พริบตาเดียวก็ปิดผนึกรอบด้าน โดยเริ่มจากฝ่าเท้าของเขาแล้วแผ่ขยายออกไปในรัศมีหลายร้อยจั้ง ไม่ว่าพื้นที่ใดก็ตามที่ถูกเวทอภินิหารของอีกฝ่ายปกคลุมก็ล้วนถูกปิดผนึกด้วยน้ำแข็งทั้งหมด

เมื่อฝ่ามือไฟสวรรค์ของหลี่หยวนเซิ่งปะทะเข้ากับมือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุน เสียงตูมดังขึ้นหนึ่งครั้ง ไฟสวรรค์ระเบิดกระจายไปรอบด้าน ทว่าขณะที่แผ่กระจายออกไปนี้ มันไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำลายโรงเตี๊ยมที่ถูกน้ำแข็งปิดผนึกได้แม้แต่นิดเดียว ทั้งยังมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าสะเก็ดไฟเหล่านั้นกลับถูกปิดผนึกให้กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งไฟมากมายด้วย!

หลี่หยวนเซิ่งหน้าถอดสี ร่างกายเย็นเยือกในชั่วพริบตา ไอความเย็นนี้แปลกประหลาดอย่างมาก หลังจากเข้ามาในร่างแล้วไม่สามารถขับออกไปได้ อีกทั้งยังกลายมาเป็นเกล็ดน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้แม้แต่เลือดสดที่ไหลซึมออกมาตรงมุมปากของหลี่หยวนเซิ่งก็ยังเกาะตัวกันเป็นน้ำแข็ง

“ลงมือพร้อม…” หลี่หยวนเซิ่งหายใจติดขัด ก้าวถอยหลังออกไปยังไม่ทันได้พูดจบ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเงยหน้าขึ้นพรวด ไอความเย็นตลอดร่างของเขาทะยานเสียดฟ้า ทำให้สะเก็ดจากไฟสวรรค์ที่อยู่นอกร่างของเขาล้วนถูกปิดผนึกเป็นน้ำแข็ง และร่างของเขาก็กระโจนเข้าใส่หลี่หยวนเซิ่ง

ความรวดเร็วนั้นเพียงแค่เสียงตูมดังหนึ่งทีก็มาอยู่เบื้องหน้าหลี่หยวนเซิ่งแล้ว เขาทำมุทราชี้ไปอีกครั้ง ไอเย็นเยียบระเบิดตูมออกมากลางอากาศและแผ่กระจายไปรอบด้านในฉับพลัน สหายที่มาพร้อมกับหลี่หยวนเซิ่งต่างก็หน้าถอดสี รีบลงมือ พริบตาเดียวเสียงกัมปนาทก็ก้องไปทั้งนภากาศ การลงมือของนักพรตรวมโอสถสิบกว่าคนนี้ทำให้ความว่างเปล่าพังทลาย ก่อเกิดเป็นปากขนาดใหญ่ยักษ์ที่หมายจะกลืนกินป๋ายเสี่ยวฉุน

“เสี่ยวฉุน!” จางต้าพั่งคำรามเคียดแค้น คิดจะเข้าไปช่วยเหลือ แต่กลับไร้ความสามารถ

ทว่าขณะที่ปากขนาดยักษ์นี้พุ่งเข้ามาใกล้ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันหายวับไป มาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่ด้านหลังนักพรตรวมโอสถสิบกว่าคนนั้น สีหน้าของเขามืดทะมึน ปราณดุร้ายทั่วร่างแผ่ซ่านออกมาคล้ายกลับไปเป็นเย่จั้งอีกครั้ง!

“หายตัว!! เป็นไปไม่ได้!!” วินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนหายตัวไปแล้วเผยกายอีกครั้ง ในบรรดานักพรตรวมโอสถสิบกว่าคนมีคนหันไปมองข้างหลัง สีหน้าของเขาเหลือเชื่อ ร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!