บทที่ 795 เจอเบาะแส
ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้กับเจ้าพระยาสวรรค์ทั้งสิบตระกูล สิ่งที่เขาต้องทำมีเพียงการแสดงท่าทีอย่างแน่ชัด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตระกูลเฉิน ไม่เพียงแต่ทำให้ความคิดในใจของลูกหลานตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์อีกเก้าท่านลิงโลด ขณะเดียวกันก็ยังไปกระตุ้นใจคนตระกูลพระยาสวรรค์ทั้งหมดอย่างรุนแรงด้วย
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!
และในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ วันที่ป๋ายเสี่ยวฉุนออกมาจากตระกูลเฉิน ข้อมูลที่เขาได้รับมานั้นมากมายจนแทบจะเทียบเท่ากับจำนวนรวมของข้อมูลที่เขาได้มาตลอดครึ่งเดือนก่อนหน้านี้เสียอีก!
ในบรรดาข้อมูลเหล่านี้มีทั้งเท็จมีทั้งจริง เรื่องที่เกี่ยวกับสมบัติของแต่ละตระกูล ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่กวาดตามองผ่านแวบเดียวเท่านั้น เขาให้ความสำคัญกับรายงานข่าวเรื่องความเคลื่อนไหวของแต่ละตระกูลในช่วงเวลาที่ผ่านมามากกว่า
นี่ต่างหากถึงจะเป็นข้อมูลที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจับตามองมากที่สุด และช่วงเวลาหลายวันต่อมา ข่าวเหล่านี้ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนจมจ่อมอยู่กับมัน คอยค้นหาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการผลักดันโองการประทานคุณแด่ประชาก็เริ่มก่อเกิดเป็นคลื่นใต้น้ำอยู่ในตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์
นี่จึงเป็นเหตุให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มได้รับข้อมูลข่าวมาจากตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์ด้วย
เวลาเดียวกันนั้น เมื่อมรสุมลูกนี้พัดตะลุยรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ตระกูลของพระยาสวรรค์จึงเริ่มจะควบคุมกันไม่อยู่มืออีกต่อไป ส่วนตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์ก็เรียกได้ว่ามีความเคลื่อนไหวในทางลับมากยิ่งกว่า นอกจากนี้ ในที่สุดแม้แต่สี่ราชสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่…ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากมรสุมลูกนี้บ้างแล้ว
ราชาชิงชัยนั้นนับว่าดีหน่อย ลูกหลานเขามีน้อยมาก ต่อให้นับรวมราชาชัยน้อยด้วยก็มีแค่ห้าคนเท่านั้น มากพอจะให้พวกเขาใช้จ่ายกันอย่างสิ้นเปลืองโดยที่ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงกัน
ส่วนราชาผียักษ์ก็ยิ่งไร้ความเสียหายมากกว่าผู้ใด สตรีธุลีแดงก็ยิ่งไม่รับรู้เรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย หลังจากวันพิธีเซ่นไหว้บรรพชน นางก็ถูกราชาผียักษ์เกลี้ยกล่อมให้ปิดด่าน ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพยายามฝ่าทะลุขั้น
ทว่า…ราชาเก้านรกภูมิกลับอเนจอนาจไม่น้อย ลูกหลานของเขามีร้อยกว่าคน คนร้อยกว่าคนนี้ต่างก็ปิติยินดีอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาช่วยกันสนับสนุนต้าเทียนซือและป๋ายเสี่ยวฉุน ขณะเดียวกันโจวหงก็ใกล้จะร้องไห้เต็มแก่ เดิมทีทรัพยากรสำหรับเตรียมเลื่อนสู่ตบะครึ่งเทพยามรับตำแหน่งราชาก็ห่างจากเขาไกลแสนไกลมากพออยู่แล้ว และต่อให้ในตระกูลจะมีทรัพยากรที่มากพอ เขาก็ยังเป็นเพียงความหวังเดียว ทว่าตอนนี้…ความหวังที่ว่านั้นกลับขาดสะบั้นลงกลางคัน นี่จึงทำให้ความเกลียดแค้นที่เขามีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนลึกล้ำฝังทรวงใน
ราชาเก้านรกภูมิเองก็กลัดกลุ้มอย่างยิ่ง เขามีตบะครึ่งเทพ เดิมทีก็ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องพวกนี้มากเท่าไหร่นัก ทว่าพอเห็นลูกหลานตัวเองไชโยโห่ร้อง เขาก็หัวโตขึ้นมาทันใด เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เขารู้สึกปวดหัวแล้วไพล่นึกไปถึงราชาเทพจุติที่มีชื่อเสียงด้านนี้ระบือไกลในแดนทุรกันดาร เขาก็พลันจิตใจสงบสุขสดชื่น รู้สึกว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ระคายตนเท่าไหร่นัก
ทว่าราชาเทพจุตินั้น…กลับใกล้บ้าเต็มทีแล้ว!
เสียงคำรามของเขาดังก้องไปทั่วทั้งนครเทพจุติ
“เจ้าป๋ายฮ่าวสมควรตาย ไอ้เด็กนี่มันชั่วช้าเกินไปแล้ว!!”
“ข้าก็แค่แยกเขาออกจากซานซานเท่านั้น อ๊าก ข้าผู้เป็นราชาไม่เคยทำเรื่องที่ผิดต่อฟ้าดินสักหน่อย แค่ข้าอบรมสั่งสอนลูกสาวของข้าก็ไม่ได้งั้นหรือ!”
“นี่เขากำลังแก้แค้นข้า เขาคิดแผนนี้ขึ้นมาเพื่อเล่นงานข้าชัดๆ!!!” ราชาเทพจุติแผดเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว โกรธจนสั่นไปทั้งตัว พอนึกถึงลูกหลานของตัวเอง เขาก็ร้องโหยหวนอยู่ในใจไม่หยุด
ลูกของเขา…มากมายยิ่งนัก ลำพังเพียงแค่ลูกชายก็ปาเข้าไปสามพันกว่าคนแล้ว…หากนับรวมลูกสาวเข้าไปด้วยก็มากพอห้าหกพันคน ซึ่งจำนวนที่แน่ชัดกว่านี้เขาเองก็ยังจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ
พอนึกว่าสมบัติที่ตัวเองสะสมมาทั้งชีวิตต้องถูกนำมาแบ่งให้กับลูกหลานห้าหกพันคน ต่อให้ราชาเทพจุติมีตบะครึ่งเทพ หัวใจเขาก็ยังหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างห้ามไม่ได้ ทว่าพวกลูกๆ ของเขากลับฮึกเหิมปิติยินดีไปกับโองการประทานคุณแด่ประชานี้ แต่ละคนดีอกดีใจจนดวงตาแทบจะเปล่งแสงได้
ทั้งยิ่งให้การสนับสนุนต้าเทียนซือกับป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งหากราชาเทพจุติคิดจะต่อต้าน พวกเขาก็อาจจะถึงขั้นร่วมมือกันแว้งกลับมาเล่นงานราชาเทพจุติเสียอีก
ตลอดทั้งนครเทพจุติจึงอลหม่านขึ้นมาในบัดดล องค์ชายองค์หญิงห้าหกพันคนนี้ต่างก็มีกองกำลังเล็กๆ เป็นของตัวเอง พอเป็นเช่นนี้เหตุการณ์จึงลุกลามโกลาหลอย่างสมบูรณ์แบบ
ราชาเทพจุติจนใจ เขารู้สึกว่ายังไงตนก็คงสังหารบุตรของตัวเองเพียงเพื่อปกป้องทรัพย์สินไม่ได้…จึงได้แต่หันไปมองที่ตั้งของนครจักรพรรดิขุยด้วยความอึดอัดคับข้องใจ
“เจ้าป๋ายฮ่าวผู้นั้นต้องจงใจแน่นอน!”
และคนที่คลั่งแค้นที่สุดในนครเทพจุติก็คือซื่อจื่อผู้สืบทอด เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยดวงตาแดงก่ำ ความเกลียดแค้นที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนพุ่งสูงทะลุชั้นฟ้า
ส่วนซวี่ซานที่อยู่ในตำหนักของตัวเองเพียงมองไปทางนครจักรพรรดิขุยอยู่เงียบๆ แล้วถอนหายใจเบาๆ นางแอบรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับป๋ายฮ่าว นางอยากไปหาอีกฝ่าย แต่พอวันนั้นที่ถูกบิดาพาตัวกลับมา นางก็ถูกกักบริเวณทันที ทำให้นางมิอาจหนีออกไปได้อีก
ทางฝ่ายของเฉินม่านเหยาก็เป็นเช่นเดียวกัน ตั้งแต่วันนั้นที่ถูกต้าเทียนซือออกคำสั่ง จนถึงวันนี้นางก็ยังคงอยู่ในพื้นที่ปิดด่าน
หลังจากที่สี่ราชาสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่เกิดความวุ่นวายในระดับที่แตกต่างกัน ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็พอจะคลำเจอเบาะแสบางอย่างจากข้อมูลจำนวนนับไม่ถ้วนที่ได้รับมา
“เมี่ยวหลินเอ๋อร์หายตัวไป…เป็นตระกูลที่เคยมีอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินปรากฏตัว…คนในตระกูลส่วนใหญ่ก็หายตัวไปด้วย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำ ไอสังหารในดวงตาเดือดพล่าน แต่กลับถูกเขาข่มกลั้นมันไว้ เขาเข้าใจดีว่า ยิ่งเป็นช่วงเวลานี้ ตนยิ่งไม่ควรกระทำการบุ่มบ่าม
เขาจำเป็นต้องมีหลักฐานที่แน่ชัดก่อนถึงจะลงมือช่วยป๋ายฮ่าวมาได้
หาไม่แล้ว หากเขาล้มเหลวก็เท่ากับแหวกหญ้าให้งูตื่น คิดจะหาเบาะแสใหม่อีกครั้งย่อมแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“โอกาส มีแค่ครั้งเดียว! เบาะแสของข้ายังไม่มากพอ! แต่ว่าต้องตามหาคนตระกูลเมี่ยวนี่ให้เจอก่อน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็ส่งข้อความเสียงหาโจวอีซิง สั่งความให้เขาตามหาคนของตระกูลเมี่ยวตามที่ตนได้เบาะแสมาในวันนี้ ทว่าหากหาเจอกลับแค่ให้โจวอีซิงจับตามองไว้เท่านั้น ห้ามแตะต้องอีกฝ่ายเด็ดขาด
“ตอนนี้ที่ข้ายังไม่รู้ ก็มีแค่ข้อที่ว่าวันนั้นสี่ราชาสวรรค์คนไหนกันแน่…ที่เป็นคนลงมือ! ขอแค่มีเบาะแสข้อนี้ให้ไล่สืบตามไป ถึงจะเอามาเชื่อมโยงกับข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้านี้ และข้าก็จะวิเคราะห์ที่อยู่ที่ป๋ายฮ่าวถูกจับตัวไป…ได้อย่างแม่นยำ!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงตาบนใบหน้าที่แฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้าของเขาก็ฉายความบ้าคลั่งออกมาอย่างชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
เวลาเกือบหนึ่งเดือนมานี้ เขาไม่ได้พักผ่อนแม้สักเสี้ยวนาที ประสาทตลอดทั้งร่างจึงขึงเกร็ง นิ่งคิดไปครู่เขาก็รีบอาศัยนามของจวนตรวจการส่งข้อความไปหาพวกลูกหลานของราชาสวรรค์ทั้งสี่ท่าน
บอกพวกเขาว่าอีกสามวันให้มาที่จวนตรวจการ ตนต้องการประกาศใช้โองการประทานคุณแด่ประชาต่อหน้าพวกเขาทุกคน!
ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าใจดีว่าคำเชิญนี้ของตนไม่ใช่โองการจากต้าเทียนซือ ดังนั้นซื่อจื่อของสี่ราชาสวรรค์ย่อมไม่มีทางสนใจตน และความเกลียดแค้นที่พวกเขามีต่อตนก็ไม่ใช่สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนใส่ใจ
ที่เขาสนใจมีเพียงว่าจะมีบุตรหลานของราชาสวรรค์ที่ไม่มีสิทธิ์สืบทอดมาเยือนมากน้อยแค่ไหน เพราะพวกเขาเหล่านั้นจะกลายมาเป็นสายลับของป๋ายเสี่ยวฉุนในวังราชาสวรรค์!
หลังจากที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ราชาผียักษ์เองก็ได้ข่าวเหมือนกัน แต่เขาเลือกจะมองข้าม ส่วนราชาชิงชัยก็ไม่ให้ความสำคัญเช่นกัน บุตรหลานเขาก็ยิ่งไม่มีใครแยแส มีเพียงบุตรของราชาเก้านรกภูมิกับราชาเทพจุติเท่านั้นที่พากันเดินทางผ่านค่ายกลนำส่งจากสองนครมาเยือนจวนตรวจการตามคำเชิญของป๋ายเสี่ยวฉุน!
ในจวนตรวจการวันนี้มีคนมาเยือนมากมาย ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เดินออกมาจากในห้องลับแล้วเห็นคนมากมายขนาดนี้ เขาก็ถึงกับอึ้งไปครู่ ยิ่งรู้ว่าในบรรดานี้มีคนถึงเจ็ดแปดส่วนที่มาจากนครเทพจุติ เขาก็ตกตะลึงอย่างหนัก
ส่วนลูกหลานของหวังเหย่ที่พอเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนต่างก็พากันคารวะทักทายด้วยความกระตือรือร้นอย่างยิ่งยวด
“คารวะท่านผู้ตรวจการ!”
“ท่านผู้ตรวจการเก่งกาจมากฝีมือ โองการประทานคุณแด่ประชาก็คือปราการอันแข็งแกร่งที่จะช่วยสร้างความรุ่งโรจน์ให้แก่นครจักรพรรดิขุยของเราในวันหน้า!”
เสียงจอแจดังออกมาจากปากคนหลายพันคน ป๋ายเสี่ยวฉุนเพียงพยักหน้ารับเบาๆ ไม่มีอารมณ์มาเออออคล้อยตามใครเท่าใดนัก เพียงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมต่อหน้าคนทั้งหมด
“ทุกท่าน จักรพรรดิขุยมีโองการ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ราชาและขุนนางทุกคนที่ศักดิ์ต่ำกว่าเทียนซือลงไป ล้วนต้องแบ่งทรัพย์สินให้กับลูกหลานอย่างเท่าเทียมกัน มิใช่มอบให้ผู้สืบทอดเพียงคนเดียว!”
“ดังนั้นพวกเจ้าไม่ว่าใครก็ตามล้วนมีโอกาสได้สืบทอดตำแหน่งราชาในอนาคต และต่อให้มีตบะไม่ถึงครึ่งเทพ ทว่าตามกฎของโองการประทานคุณแด่ประชาแล้ว พวกเจ้าล้วนมีสิทธิ์ที่จะยืนในตำแหน่งที่ทัดเทียมกับผู้สืบทอด!”
“และสุดท้ายแล้วโองการนี้จะเป็นไปอย่างยุติธรรมหรือไม่ ยังต้องอยู่ที่ว่าพวกเจ้าเข้าใจตระกูลของตัวเองมากน้อยแค่ไหน ยิ่งข้อมูลและรายงานที่พวกเจ้าบอกให้ข้ารู้มีมากเท่าไหร่ ข้าผู้แซ่ป๋ายถึงจะตอบสนองให้พวกเจ้าพึงพอใจได้มากเท่านั้น!”
“และตอนนี้ข้อมูลทรัพย์สินที่บุตรอนุภรรยากับลูกหลานสายตรงของตระกูลพระยาสวรรค์กับตระกูลเจ้าพระยาสวรรค์ส่งมาให้ข้า ก็ทำให้ข้าผู้แซ่ป๋ายรับรู้สถานการณ์ได้มากพอสมควรแล้ว ตอนนี้…ขาดแค่พวกเจ้าเท่านั้น”
คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนดังก้อง ทุกคนพากันเงียบเสียงรับฟัง เรื่องนี้พวกเขาได้ยินมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้แปลกใจเท่าใดนัก กลับกันคือยิ่งซาบซึ้งใจในตัวป๋ายเสี่ยวฉุนมากขึ้น
วิธีการที่ข้าบอกข้อมูลให้เจ้าอย่างลับๆ ทว่ากลับมีเจ้าเป็นคนชั่วแทนให้เช่นนี้ พวกเขาย่อมต้องสนับสนุนอยู่แล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่ต่อให้คนนอกรู้เรื่องข้อมูลและทรัพย์สมบัติในตระกูลก็ยังไม่มีปัญหาอะไร
ขนาดตระกูลของเจ้าพระยาสวรรค์ยังไม่มีการก่อกบฏ ไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น ถ้าเช่นนั้นตระกูลของครึ่งเทพ…เกรงว่าต่อให้มีการก่อกบฏจริงก็น้อยนักที่จะมีคนกล้าลงโทษ
เดิมทีลูกหลานที่มีสายเลือดของราชสวรรค์เหล่านี้ก็ไม่ใช่ผู้สืบทอดอยู่แล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องพิจารณาอะไรมากนัก ดังนั้นเวลาปกติยามลงมือทำอะไรจึงมักจะไร้ซึ่งความยำเกรงหรือการใคร่ครวญให้วุ่นวาย พอออกมาจากจวนตรวจการ พวกเขาจึงเริ่มส่งข่าวจำนวนมากให้กับป๋ายเสี่ยวฉุนตั้งแต่วันนั้น
พอเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าป๋ายเสี่ยวฉุนหว่านแหกวาดครอบคลุมขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งราชสำนักขุย การรายงานข่าวจำนวนนับไม่ถ้วนถูกส่งมาให้ป๋ายเสี่ยวฉุนแทบจะทุกเวลานาที ยิ่งพวกชาวบ้านของนครจักรพรรดิขุยที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ก็ยิ่งพากันส่งรายงานข่าวเข้ามามีส่วนร่วมกับป๋ายเสี่ยวฉุนด้วย
ป๋ายเสี่ยวฉุนยุ่งวุ่นวายมากกว่าเดิม ในที่สุด…เมื่อเวลาผ่านไปอีกห้าวัน คืนวันนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในห้องลับจวนตรวจการก็พลันเงยหน้าขึ้น มือขวาของเขากำแผ่นหยกส่งข้อความเสียงไว้แน่น ลมหายใจของเขาหอบกระชั้น ดวงตาเต้นระริกไปด้วยไอสังหารและความคลุ้มคลั่งเข้มข้น
เขาเจอเบาะแสที่พอเอามารวมกันก็ทำให้หมอกปริศนาเรื่องการหายตัวไปของป๋ายฮ่าวสลายหายไปต่อหน้าเขา!!
“ตระกูลที่เคยมีอาจารย์หลอมวิญญาณชั้นดินปรากฏ…สิบสามตระกูลร่วมมือกัน…ราชาเก้านรกภูมิ…”
“ปู่ของเมี่ยวหลินเอ๋อร์…ซ่อนตัวอยู่ที่บ้านของหนึ่งในสิบสามตระกูล!” ไอสังหารในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนพวยพุ่ง ก้มหน้าพลิกหาข้อมูลในแผ่นหยก สาวเบาะแสไปทีละเส้นจนเจอรายงานลับหนึ่งที่ส่งมาจากลูกหลานของตระกูลพระยาสวรรค์แซ่โจว!
“ดูเหมือนว่าในตระกูลจะมีอาจารย์หลอมวิญญาณขั้นสีดำเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน คนผู้นี้เป็นคนแปลกหน้า ทำตัวลึกลับยากคาดเดา ได้ยินว่าปิดด่านอยู่ที่นี่ ซึ่งน่าจะกำลังหลอมอาวุธวิเศษชิ้นหนึ่ง!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก สีเลือดแดงฉานในดวงตาพลันเข้มข้นถึงขีดสุด!
“หาเจอแล้ว!”