Skip to content

A Will Eternal 825

บทที่ 825 สู้ตาย!

ตลอดทางที่ห้อตะบึงมา เรือสวรรค์ทะยานไปด้วยความเร็วสูงสุด อารมณ์ของสตรีธุลีแดงปั่นป่วนไม่มั่นคง นางคอยเหลือบมองไปทางป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นระยะ พลังการต่อสู้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนระเบิดออกมาก่อนหน้านี้รวมไปถึงวิชาอภินิหารที่เขาร่ายใช้ทำให้ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความซับซ้อน

แต่สุดท้ายนางกลับไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงแค่หลับตาลง ช่วงชิงเวลาให้ตัวเองฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด เพียงแต่ว่านางเบิกพลังมาใช้ล่วงหน้ามากเกินไป และอาการบาดเจ็บในร่างนางก็ประหลาดอย่างมาก บาดแผลเหล่านั้นไม่สามารถประสานตัวกลับมาดีได้ดังเดิม แม้นางจะกำราบเอาไว้ได้ แต่นางก็เข้าใจดีว่าการฝืนระงับอาการเช่นนี้มักจะทำได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น และต้องแลกมาด้วยการโจมตีกลับที่ทำให้อาการบาดเจ็บทรุดหนักยิ่งกว่าเก่า

ท่ามกลางความขมขื่น สตรีธุลีแดงถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจ และเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ควบคุมเรือสวรรค์อย่างเต็มกำลังพลันหน้าเปลี่ยนสี หันขวับไปมองยังทิศทางที่ตนกำราบเหลยซานเอาไว้ก่อนหน้านี้

ชั่วขณะที่เขามองไปก็พลันมีเสียงร้องคำรามสะเทือนฟ้าดินดังแว่วมาพร้อมกับแผ่นดินสั่นไหวและลมพายุบ้าคลั่งที่หมุนคว้างไปรอบด้าน

ห่างออกไปไกลหลายพันลี้ ยอดเขาที่สูงหลายร้อยจั้งพลันพังถล่ม เศษหินจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายเกลื่อนไปสี่ทิศ ผนึกมิวางวายเองก็พังทลายลง ก่อนที่เรือนกายสูงใหญ่จะ…เดินออกมาจากในหลุมลึก!

นั่นก็คือเหลยซาน!

เขาสีหน้าไร้อารมณ์ เพียงแต่ว่าอาการบาดเจ็บบนร่างนั้นสาหัสมาก และยังมีหลายจุดที่ถูกแทงทะลุร่าง เผยให้เห็นเป็นรูโบ๋จำนวนมาก แต่ว่าบาดแผลของเขากลับประสานตัวอย่างต่อเนื่อง

เพียงแต่ทุกครั้งที่มีการฟื้นตัว แสงสีดำในดวงตาของเขาก็คล้ายจะสลัวรางลงไปส่วนหนึ่ง และยามนี้เขาก็ได้ทะยานตัวขึ้นฟ้า ไล่กวดตามมาโจมตีอีกครั้งหนึ่งแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ เวทอภินิหารที่เจ้าร่ายไปเมื่อครู่นี้ไม่อ่อนด้อยไปกว่าการโจมตีที่ข้ามีต่อศพหุ่นเชิดตัวนั้นก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย แต่เหตุใดเขาถึงได้ไล่ตามมาเร็วขนาดนี้!!” สตรีธุลีแดงตกใจ

ป๋ายเสี่ยวฉุนเงียบงัน สีหน้ายิ่งดำมืด เขาพอจะคาดเดาได้ถึงคำตอบแล้ว นี่ต้องเป็นเพราะมีความเกี่ยวข้องกับกงซุนหว่านเอ๋อร์แน่นอน แม้จะไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัด แต่ลึกๆ ในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับอัดอั้นอย่างไร้คำบรรยาย

“กงซุนหว่านเอ๋อร์น่าจะยังไม่หลุดพ้นจากพันธนาการหรอกกระมัง…น่าจะ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่แน่ใจ ด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงฉานเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยอีกครั้ง ยามนี้เขาปล่อยมือ ไม่ควบคุมเรือสวรรค์อีกต่อไป ปล่อยให้เรือสวรรค์พุ่งไปข้างหน้าด้วยพละกำลังที่เหลืออยู่ ความเร็วจึงเริ่มช้าลงไปด้วย ขณะเดียวกันป๋ายเสี่ยวฉุนก็หมุนตัวกลับไปยืนอยู่ที่ท้ายเรือ ทอดสายตามองไปยังนภากาศทิศไกลด้วยสายตาเย็นชา มองไปยังทิศทางที่ห่างไปหลายพันลี้ซึ่งแม้จะมองไม่เห็น แต่ก็รู้ว่าเหลยซานกำลังไล่ตามมา

“ไม่กำจัดเขา เกรงว่าคงยากที่จะหนีได้พ้น หากเขายังตามมาพัวพันอยู่เช่นนี้ตลอดเวลาย่อมอันตรายแน่” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำเบาๆ อยู่ในใจ เขาก็กลั้นใจหนึ่งครั้ง ก่อนจะยกมือทั้งคู่ขึ้น สายตาโชนแสงคมกริบ ตบะในร่างโคจรเต็มกำลัง พึมพำสองคำอยู่ในใจ

“เขตแดน!”

ไม่นานไอน้ำขุมหนึ่งก็แผ่ออกมาจากในร่างของเขา หลังจากที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเรือก็แผ่ลามไปแปดทิศ จนกระทั่งแผ่ไปทั่วรัศมีพันลี้!

และเวลานี้เอง เพราะความเร็วของเรือลดลง ร่างของเหลยซานจึงค่อยๆ ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงเส้นขอบฟ้า เขาห้อตะบึงมาพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหวตลอดทาง จนกระทั่งเข้ามาใกล้ในรัศมีหนึ่งพันลี้ เข้ามาอยู่ในโลกที่มีไอน้ำปกคลุมแห่งนี้!

ชั่วขณะที่เขาก้าวเข้ามาข้างใน ไอสังหารในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหมือนกลายมาเป็นของจริงที่จับต้องได้ เขาพลันโบกมือหนึ่งครั้งพร้อมพึมพำเบาๆ ในใจอีกหนึ่งประโยค

“ธารา!!”

เขตแดนธารา!

เมื่อเวทอภินิหารนี้ถูกร่ายออกมา ไอน้ำในขอบเขตพันลี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นบึงน้ำที่ปกคลุมแผ่นดินเอาไว้ ขณะเดียวกันก็มีเสียงสัตว์ร้องคำรามที่ราวกับดังมาจากบรรพกาลอันห่างไกล ทำให้คนที่ได้ยินจิตใจสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง นภากาศก็ถึงกับสั่นสะเทือนไปด้วยคลื่นกระเพื่อมไหว!

แสงสีดำในดวงตาของเหลยซานเปล่งแสงวาบ ร่างก็ชะงักกึก คิดจะก้าวถอย ทว่าเสี้ยววินาทีที่เขาหยุดนิ่งนั้นเอง เสียงสัตว์ร้องคำรามก็ยิ่งดังสนั่นหวั่นไหว ดังกระหึ่มไปแปดทิศ ฉับพลันนั้นหนามแหลมจำนวนมากที่คล้ายยอดเขาก็แทงทะลุขึ้นมาในรัศมีพันลี้นี้!

หนามแหลมทุกชิ้นเหมือนแฝงเร้นพลังที่น่าครั่นคร้ามเอาไว้ ท่ามกลางเสียงตูมตามสะท้านฟ้า ความบ้าคลั่งที่ราวกับจะซัดภูเขาพลิกทะเลก็ระเบิดออกมา ร่างของเหลยซานที่ยืนอยู่ตรงนั้นถูกชนกระแทกงัดเสยขึ้น

ร่างของเหลยซานสั่นเยือกรุนแรง บาดแผลที่ประสานตัวกันก่อนหน้านี้ปริแตกออกอีกครั้ง เลือดสดสีดำสาดกระจายไปทั่ว เขาถอยกรูดอย่างต่อเนื่อง ทว่าหลังจากที่หนามแหลมประหนึ่งยอดเขาเหล่านั้นผุดขึ้นมาเรื่อยๆ สุดท้ายก็ตามมาด้วยยอดเขาโค้งงอห้ายอด!

ยอดเขาทั้งห้านี้ไม่ได้เรียงแถวกัน แต่แทงขึ้นฟ้าอย่างไม่มีระเบียบ หลังจากกระแทกเข้าใส่ร่างของเหลยซานอีกครั้ง หนามโค้งงอทั้งห้าก็แทงขึ้นไปถึงท้องฟ้าในที่สุด เมื่อมองไกลๆ ก็ราวกับว่ามีแผ่นดินผืนใหญ่ที่ถูกดึงให้คาไว้อยู่บนท้องฟ้า!

หากมองอย่างละเอียดจะเห็นได้ชัดเจนว่า…นั่นก็คือกรงเล็บขนาดใหญ่ยักษ์ข้างหนึ่ง!!

ยอดเขาทั้งหมดนั้นก็คือหนามแหลมที่ขึ้นอยู่บนหลังกรงเล็บ ที่มองดูว่าพวกมันใหญ่มโหฬารก็เพราะกรงเล็บนั้นใหญ่ยักษ์ยิ่งกว่า!

ส่วนคำที่เรียกว่ายอดเขาโค้งงอ ก็คือเล็บที่แหลมคมราวใบมีด!

ส่วนแผ่นดินใหญ่นั้น…ก็คือฝ่ามือของกรงเล็บ และตอนนี้สิ่งที่เผยออกมา…เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทั้งหมด เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะได้เห็นสัตว์แห่งชะตาชีวิตของตัวเองที่อยู่ในเขตแดนธารามาแล้วหลายครั้ง แต่เขาก็ยังต้องสะท้านสะเทือนอย่างรุนแรงไปเสียทุกครั้ง

ยามนี้กรงเล็บที่ใหญ่โตจนเหมือนจะเข้ามาทดแทนนภากาศนี้พลันตวัดเข้าใส่เหลยซานอย่างแรง!!

มิอาจบรรยายความน่าตื่นตะลึงของภาพนี้ได้ ท่ามกลางเสียงอึกทึกดังกึกก้อง ไม่ว่าเหลยซานจะดิ้นรนแค่ไหน พยายามจะเผ่นหนีอย่างไร เขาก็มิอาจหลีกพ้น สุดท้ายเขาร้องคำรามดังลั่น แสงสีดำในดวงตาสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั่วร่างก็ยิ่งมีควันสีดำลอยกรุ่นขึ้นมา ก่อนที่ควันสีดำพวกนี้จะลอยขึ้นไปรวมตัวกันกลางอากาศแล้วกลายมาเป็นหัวกะโหลกของเด็กหญิงคนหนึ่ง

หัวกะโหลกนี้กรีดร้องเสียงแหลมแล้วพุ่งเข้ามาปะทะกับกรงเล็บสัตว์ที่ตวัดเข้าใกล้!

เสียงกัมปนาทราวแก้วหูจะดับดังไปแปดทิศ เมื่อกรงเล็บร่วงลงมา พื้นดินก็สั่นสะเทือน ก่อนจะพังถล่มยุบยวบลงไปเป็นแถบๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ เซถอยไปข้างหลัง

ก่อนหน้านี้เขาร่ายหมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญเพื่อช่วยสตรีธุลีแดง จากนั้นตอนที่หนีมาก็ร่ายเวทอภินิหารติดต่อกันหลายอย่าง มาตอนนี้เขาจึงอ่อนล้าถึงขีดสุด

และตอนนี้กรงเล็บสัตว์นั้นก็พร่าเลือน ก่อนจะจางหายไปอย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งเดียวที่ทิ้งไว้บนพื้นมีเพียง…หลุมขนาดใหญ่ยักษ์!

หลุมนี้ลึกพอหลายร้อยลี้ ยอดเขา ต้นไม้ทั้งหมดที่อยู่ข้างในแตกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี และในหลุมลึกนี้ก็มีศพอยู่หนึ่งศพ นั่นก็คือเหลยซาน!

ร่างของเขาที่เหมือนจะแตกสลายนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ขาทั้งสองข้างหักออกจากกัน หัวกะโหลกก็เกิดรอยร้าว สภาพไม่เหมือนคนอีกต่อไป ทว่าแสงสีดำในดวงตากลับยังคงวาววับ ราวกับว่านี่คือการกระตุ้นที่รุนแรงอย่างถึงที่สุดสำหรับเหลยซาน และนั่นได้ทำให้อาการบาดเจ็บบนร่างของเขาฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว และเวลาแค่เพียงชั่วพริบตา เขาก็ลุกผลุงขึ้นมาแล้ว…ทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง!!

เห็นได้ชัดว่าคราวนี้แสงสีดำในดวงตาของเขาได้หายไปแล้วเกินครึ่ง และปราณของเขาก็อ่อนด้อยกว่าที่เคยเป็นหลายเท่า ทว่าการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของเขากลับทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ได้เห็นเกิดความสิ้นหวังเสี้ยวหนึ่งขึ้นในใจ

“นี่มันพลังการฟื้นตัวอะไรกัน!!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนฉายความบ้าคลั่ง

เหลยซานผู้นี้สู้ด้วยไม่ยาก แต่ระดับการตายยากของเขากลับทำให้คนขนหัวลุกด้วยความเดือดดาล หากเปลี่ยนมาเป็นนักพรตคนอื่น ต่อให้เป็นคนฟ้าที่ได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ก็คงใกล้ตายเต็มทีแล้ว แต่เหลยซานผู้นี้กลับยังฟื้นตัวได้เร็วถึงเพียงนี้

สตรีธุลีแดงที่อยู่ข้างกันก็เงียบกริบ มองเห็นเหลยซานที่โผล่ออกมาจากหลุมด้วยอาการหายดีไปเกินครึ่ง นางก็สูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้ง นางรู้ดีว่าหากเหลยซานผู้นี้ไม่ตาย พวกนางสองคนก็ยากที่จะหนีไปได้ และเวลาก็กระชั้นชิดมากขึ้นทุกขณะ เพราะนางเองก็ไม่แน่ใจว่าธุลีแดงจื่อโม่ของตนจะปิดผนึกอีกฝ่ายได้นานเท่าไหร่

หากคนที่หน้าตาเหมือนป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นั้นฝ่าพันธนาการออกมาได้กะหันทัน เกรงว่าเขาคงตามมาถึงในเวลาสั้นๆ เมื่อถึงเวลานั้น…พวกนางก็ย่อมตายอย่างมิต้องสงสัย

คิดมาถึงตรงนี้ สตรีธุลีแดงก็มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาลึกล้ำหนึ่งครั้ง

เวทอภินิหารเป็นชุดๆ ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายออกมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเขตแดนธารานั่นก็ได้ทำให้นางมีคำตอบกับตัวเองแล้ว ทว่าเวลานี้ต่อให้นางจะต้องการแค่ไหนก็มิอาจมาซักไซ้เอาความกับอีกฝ่ายได้ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ให้ได้! นางจึงหลับตาทั้งคู่ลง ชั่วขณะที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาของนางก็ฉายปณิธานแห่งการสู้รบและความเย่อหยิ่งออกมา นางลงมือยับยั้งอาการบาดเจ็บของตัวเองอย่างเต็มกำลังโดยไม่ลังเล ครั้นจึงกระโดดผลุงขึ้นไปบนฟ้า!

ตบะคนฟ้าระเบิดตูมออกมาจากในร่างของนางแล้วกระจายไปรอบด้าน ท่วงท่าของนางในเวลานี้เหมือนกลับคืนมาเป็นแม่ทัพกองผียักษ์ผู้สูงส่งเหนือผู้ใดอีกครั้ง นางสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“ป๋ายฮ่าว เจ้าจงรีบจากไป ขอบเขตของการปิดผนึกในพื้นที่นี้มาถึงขีดสุดแล้ว เจ้าจงนำความไปแจ้งราชาผียักษ์เสด็จพ่อของข้าและบอกต้าเทียนซือว่าเจ้านายของหุ่นเชิดตัวนี้…กลืนกินชีวิตผู้คนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง และจะกลายมาเป็นต้นกำเนิดแห่งหายนะใหญ่หลวงของแดนทุรกันดารเรา!!”

ระหว่างที่พูด สตรีธุลีแดงก็ไม่สนใจว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะมีท่าทีเช่นไร นางเพียงพลิ้วกายออกไปจากเรือสวรรค์ กระโจนเข้าใส่เหลยซานที่ฟื้นพลังกลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว!

ป๋ายเสี่ยวฉุนร่างสั่นเยือก ภาพนี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก มันช่างคล้ายคลึงกับเทือกเขาลั่วเฉินในปีนั้น เขามองแผ่นหลังของสตรีธุลีแดงพลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

ทว่าเขาในตอนนี้ไม่ใช่นักพรตขั้นหลอมลมปราณตัวน้อยๆ อย่างเมื่อครั้งที่อยู่ในเทือกเขาลั่วเฉินอีกแล้ว!

“โจวจื่อโม่ เจ้าช่วยช่วงชิงเวลาให้ข้าหนึ่งก้านธูป หนึ่งก้านธูปหมดลง…ข้าจะกลับมาแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้สิ้นซาก!” ในน้ำเสียงที่เยือกเย็นของป๋ายเสี่ยวฉุนแฝงเร้นไว้ด้วยความองอาจ ทั้งยังไม่เว้นที่ให้ปฏิเสธ พอเอ่ยจบก็หมุนตัวกลับไป ไม่ได้ควบคุมเรือสวรรค์ แต่เดินเข้าไปในห้องลับแห่งหนึ่งในเรือ เปิดใช้ค่ายกลปิดผนึกรอบด้านแล้วนั่งลงขัดสมาธิ ก่อนจะหยิบ…หม้อกระดองเต่าออกมา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!