Skip to content

I Shall Seal The Heaven Chapter 106

ตอนที่ 106

วันที่ดอกปี่อ้านบานเจ็ดสี

“ผู้อาวุโส, ข้าสามารถช่วยท่านซื้อสิ่งของที่ท่านต้องการในเมืองนี้ได้”

เด็กหนุ่มรีบโพล่งออกมาอย่างรวดเร็ว ความกังวล และความหวาดกลัวส่องประกายอยู่ในดวงตา มันเชื่อในสิ่งที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งพูดมา รู้ว่ามันมีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะอธิบายเรื่องราวให้ชัดเจน มิเช่นนั้น มันอาจจะต้องถูกกำจัด ไม่ว่าเมืองนี้จะมีกฎระเบียบอะไรก็ตาม

เมิ่งฮ่าวมองไปที่เด็กหนุ่มโดยไม่พูดจา แต่เด็กหนุ่มผู้นั้นเป็นคนฉลาด และรับรู้ความตั้งใจของเขาได้ มันพูดต่อไป

“ผู้เยาว์นามว่า ชิวหลิน” มันกล่าว คำพูดพรั่งพรูออกมา ด้วยจิตใจเต้นรัว

“ข้าเกิดในเมืองตงจี๋แห่งนี้ ดังนั้นจึงรู้จักสถานที่นี้เป็นอย่างดี ข้าสังเกตเห็นท่านตอนที่เข้ามาในเมือง ข้าคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ท่านมาที่นี่ ท่านจำเป็นต้องหาใครสักคนที่รู้จักเส้นทาง เพื่อช่วยท่านหาซื้อสิ่งของตามที่ต้องหาร ข้าขอนำเสนอบริการนี้แก่ท่าน”

“ผู้อาวุโส, เพียงแค่หินลมปราณห้าสิบก้อน ก็จะช่วยท่านประหยัดเวลาไปได้มาก ข้าสามารถช่วยท่านหาซื้อสิ่งของได้เร็วยิ่งขึ้น” มันมองมาที่เมิ่งฮ่าวด้วยความกังวล มันไม่ได้โกหก ทุกสิ่งที่พูดล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น

มันเคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้เผชิญหน้ากับใครบางคนเช่นเมิ่งฮ่าว ผู้ซึ่งแผ่รังสีแห่งความตายออกมา

เมิ่งฮ่าวมองไปที่มันอย่างเย็นชา จากนั้นก็ปล่อยมือออกช้าๆ เขาขมวดคิ้ว ยิ่งพิษกำเริบมากขึ้นเท่าไหร่ ความต้องการสังหารของเขาก็รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ดูเหมือนว่ามันกำลังมีผลกระทบกับบุคลิกส่วนตัวของเขาอย่างช้าๆ

ชิวหลิน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ถามว่า “ท่านต้องการหาซื้อสิ่งใด?”

“เม็ดยาพิษ” เมิ่งฮ่าวตอบเสียงเย็นชา

“เม็ดยาพิษ?” ชิวหลินจ้องมาด้วยความประหลาดใจ มันคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นดวงตาก็ส่องประกาย และเริ่มพูดอธิบายถึงรายละเอียดของเมืองนี้ด้วยเสียงแจ่มชัด

“ผู้อาวุโส, ในเมืองนี้มีหลายร้านที่ขายยาพิษโดยเฉพาะ แต่เม็ดยาพิษก็ยังคงเป็นเม็ดยาเช่นกัน และมีมากมายหลายร้านในเมืองนี้ที่ขายเม็ดยา มีอยู่สองร้านที่น่าจะดีที่สุด หนึ่งในนั้นเรียกว่า ศาลาหมื่นเม็ดยา มีเม็ดยาหลากหลายชนิดมากที่สุด มีชื่อเสียงรู้จักกันไปทั่ว และเมื่อมีการประมูล แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณก็มาเข้าร่วมด้วย”

“มีอีกร้านที่เล็กกว่าร้านแรก แต่พวกมันทำการค้าร่วมกับทะเลทรายตะวันตก ดังนั้นจึงมีสิ่งของที่นำเข้ามามากมาย พวกมันยังบอกว่า ผู้ขายยาของมัน เคยทำงานร่วมกับเจ้าโอสถจอมปีศาจ แห่งสำนักจื่อยิ่น ผู้ขายยาร้านนี้ถือว่าเป็นอัจฉริยะในด้านเม็ดยาอย่างแท้จริง”

“ท่านต้องการไปสถานที่แห่งไหน?”

เมิ่งฮ่าวคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าว “ศาลาหมื่นเม็ดยา” ชิวหลินพยักหน้า และนำทางไป

การได้รับความช่วยเหลือจากมัน ก็ช่วยประหยัดเวลาให้เขาได้มากจริงๆ ทั้งสองเดินไปในเมืองด้วยความรวดเร็ว และภายในครึ่งชั่วยาม ก็มาถึงศาลาเจ็ดชั้นหลังหนึ่ง แผ่นศิลาขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาอยู่ด้านข้าง มีตัวอักษรเขียนว่า ‘ศาลาหมื่นเม็ดยา’

“ข้าไม่สามารถเข้าไปด้านในได้จริงๆ” ชิวหลินกล่าว “ข้าจะรอท่านอยู่ที่ด้านนอกนี้”

เมื่อมองไปรอบๆ เมิ่งฮ่าวก็สังเกตเห็นมีผู้ฝึกตนระดับห้าหรือหก ขั้นรวบรวมลมปราณอยู่ไม่กี่คน รอคอยอยู่ด้านนอกเช่นเดียวกัน

ด้วยการพยักหน้าเล็กน้อย เขาก็เข้าไปยังศาลาเจ็ดชั้นนั้น สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาได้ส่งจิตสัมผัสออกไปเล็กน้อย เพื่อมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำอะไรที่น่าขบขันออกมา

ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ จึงเริ่มคุ้นเคยกับการใช้จิตสัมผัสมากขึ้น

ในศาลาหมื่นเม็ดยา ผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณถูกจำกัดอยู่ที่ชั้นแรก ชั้นที่สอง และสามสำหรับพื้นฐานลมปราณ, สร้างแกนลมปราณต้องไปที่ชั้นสี่ เมิ่งฮ่าวเดินไปรอบๆ เล็กน้อย ขมวดคิ้วขณะที่มองไปยังเม็ดยามากมายเหล่านั้น

เวลาธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก เขาก็เดินออกมา ชิวหลินรีบก้าวตรงมาในทันที

“ไปยังร้านที่สอง ที่เจ้าแนะนำกันเถอะ” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมคิ้วที่ขมวดอยู่ ชิวหลินเป็นคนฉลาด ดังนั้นมันจึงไม่สอบถามอันใด เดินนำเขาออกไปในทันที ในที่สุดก็เป็นเวลาใกล้มืด เมื่อทั้งสองมาถึงสถานที่ ที่ค่อนข้างห่างออกไปจากในเมือง ร้านนี้ดูเหมือนจะอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

“ร้านนี้ค่อนข้างเล็ก และมีกฎอยู่สามข้อ” ชิวหลินบอกต่อเมิ่งฮ่าว “กฎข้อแรกคือ ท่านไม่สามารถเข้าไปได้ จนกว่าจะวางมัดจำเป็นหินลมปราณห้าหมื่นก้อน มัดจำนี้ไม่มีการคืน ไม่ว่าท่านจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ตาม”

“กฎข้อที่สอง เข้าไปได้ครั้งละหนึ่งคน ในช่วงเวลาที่มีคนเข้าไป ทุกคนต้องรออยู่ด้านนอก นอกจากนั้น เข้าไปได้เพียงยี่สิบคนในหนึ่งวัน เมื่อคนที่ยี่สิบเข้าไปแล้ว คนอื่นๆ ต้องรอวันต่อไป”

“กฎข้อที่สาม เมื่อเข้าไปข้างใน ไม่อาจถามสะเปะสะปะ ทุกคำถามต้องจ่ายด้วยหินลมปราณ”

เมิ่งฮ่าวมองไปด้วยความประหลาดใจชั่วครู่ ก่อนที่ความเข้าใจจะปรากฎขึ้นในดวงตา เดินตรงไป เขาเกลียดการสูญเสียหินลมปราณ แต่ถ้าทำให้สามารถกำจัดพิษนี้ได้ มันก็คู่ควร

ประตูร้านปิดอยู่ แขวนแผ่นป้ายโลหะที่มีตัวเลขสิบแปดไว้

เมิ่งฮ่าวควบคุมลมปราณ และจิตใจให้เยือกเย็น จากนั้นก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ชิวหลินยืนอยู่ด้านข้าง

ในที่สุด เมื่อดวงตะวันกำลังจะหายไปจากเส้นขอบฟ้า ประตูก็เปิดออก และบุรุษวัยกลางคนเดินออกมา คิ้วขมวดอยู่บนใบหน้าของมัน ไม่แม้แต่จะมองมายังเมิ่งฮ่าวและชิวหลิน มันเดินออกไป จากนั้นก็ประสานมือ โค้งตัวคำนับให้กับชายชราซึ่งเดินมาส่งมัน

เมื่อเขาเห็นบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็หดแคบลง และก้มศีรษะต่ำ เขาเคยเห็นบุรุษผู้นี้มาก่อน มันไม่ใช่ใครอื่น นอกจากท่านปี้หง ซึ่งเขาได้เห็นมันบินผ่านท้องฟ้าเข้ามาในเมือง ก่อนหน้านี้ไม่นาน

ชายชราซึ่งยืนอยู่ที่ประตูร้าน อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณระดับสุดท้าย การที่มีผู้พิสดารสร้างแกนลมปราณมาคารวะมันเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

ท่านปี้หงหันหลังกลับ และกลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งออกไปในอากาศ เสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศดังออกมา หลังจากนั้น ชายชราในร้านก็มองมาที่เมิ่งฮ่าว

โดยไม่ลังเล เมิ่งฮ่าวหยิบถุงสมบัติ ที่ด้านในมีหินลมปราณห้าหมื่นก้อน ยื่นส่งให้ด้วยความเคารพ

ชายชรารับมันไว้พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลัง และเดินเข้าไปในร้าน เมิ่งฮ่าวเดินตามไป เหลือบมองไปด้านหลัง ขณะที่ประตูปิดตามหลังไป ตัวเลขที่อยู่บนแผ่นป้ายโลหะเปลี่ยนจากสิบแปดเป็นสิบเก้า

ภายในร้านไม่ใหญ่โตมากนัก ไม่มีชั้นวางของ แต่มีเตาปรุงยาอยู่เจ็ดเตาซึ่งมีขนาดแตกต่างกัน โต๊ะยาวสองตัว และตะเกียงน้ำมัน แสงค่อนข้างมืดสลัว แต่สำหรับผู้ฝึกตนทั้งหลาย ก็ไม่มีผลอะไร พวกมันสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน

“ให้ข้าช่วยอะไรท่านได้บ้าง?” ชายชรากล่าวเสียงเย็นชา นั่งลงขัดสมาธิอยู่ด้านหลังหนึ่งในโต๊ะยาว

เมิ่งฮ่าวไม่พูดจา แต่ตบไปที่ถุงสมบัติแทน ขวดหยกขนาดเล็กปรากฎขึ้น เขาผลักมันผ่านโต๊ะยาวตรงไปที่ชายชรา

ชายชราหยิบมันขึ้นมาเปิดจุกออก จ้องลงไปดูใกล้ๆ ก้มหน้าลงไปดมกลิ่น จากนั้นก็เทขวดหยก โลหิตไหลออกไปอยู่บนพื้นผิวของโต๊ะ

ขวดหยกเล็กๆ นั้น บรรจุเต็มไปด้วยโลหิตจำนวนมาก ซึ่งเมิ่งฮ่าวได้มาจากร่างของเขาเอง

“น่าสนใจ” ชายชรากล่าวเสียงเบาๆ มันจ้องไปที่โลหิตบนโต๊ะ ยกมือขึ้น เข็มสีเงินยาวก็ปรากฎ มันเขี่ยไปมาที่โลหิตนั้น เข็มก็เริ่มเรืองแสงออกมาในทันที จากนั้นเพียงชั่วพริบตา มันก็เริ่มละลายไป อึดใจเดียวเข็มเล่มนั้น ก็กลายเป็นขี้เถ้า ลอยออกไปในอากาศ

ดวงตาของชายชราสาดประกาย มันตบลงไปที่โต๊ะด้วยมือซ้าย ทำให้โลหิตลอยขึ้นไปในอากาศ รวมตัวกันเป็นเม็ดโลหิต จากนั้นมันก็ตบไปที่ถุงสมบัติ เมล็ดพืชเหี่ยวแห้งก็ปรากฎขึ้น มันขยับนิ้วไปมา เมล็ดพืชนั้นก็หลอมรวมเข้าด้วยกันกับเม็ดโลหิต

โลหิตเริ่มหดตัวลงไปทันที และไม่ช้าก็หายไป เมล็ดพืชนั้นก็ไม่แห้งเหี่ยวอีกต่อไป แต่อวบอ้วนจนเกือบจะระเบิดออกมา ขณะที่มันลอยอยู่ในอากาศ ก็ค่อยๆ แตกใบอ่อน ออกมาอย่างช้าๆ

เมิ่งฮ่าวมองดูอย่างตั้งใจ ขณะที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้นไปเรื่อยๆ เขาได้ใช้หินลมปราณไปมากมาย เพื่อพยายามที่จะขจัดพิษในร่าง

เมล็ดพืชนั้นแตกใบอ่อนออกมา ก่อตัวเป็นลำต้นยาวขึ้น มีใบแค่หนึ่งใบ จนในที่สุดใบไม้นั้นก็เติบโตขึ้นเป็นดอกไม้ ทันทีที่ดอกไม้ปรากฎขึ้น ใบหน้าของชายชราก็เริ่มซีดขาว ดวงตาของเมิ่งฮ่าวหดแคบลง

กลีบของดอกไม้ มีสามสีที่แตกต่างกันออกไป เหลือง, น้ำเงิน และแดง ประสานเชื่อมต่อกัน ดอกไม้นั้นปรากฎเป็นใบหน้าของปีศาจ ที่กำลังหัวเราะ และร้องไห้ในเวลาเดียวกัน ดอกไม้ใบหน้าปีศาจลอยอยู่ในอากาศ ดูเหมือนจะมีชีวิต แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

“ดอกปี่อ้านสามสี…” ชายชรากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง จ้องไปที่ดอกไม้นั้น ดวงตาสาดประกาย

“เมื่อพิษนี้กำเริบขึ้นสามครั้ง มันก็จะก่อตัวเป็นรอบวงจรที่สมบูรณ์ หลังจากผ่านไปสามรอบ ดอกไม้ก็จะเบ่งบาน หลังจากนั้น ใบหน้าปีศาจที่ดูเหมือนกำลังหัวเราะ และร้องไห้ จะปรากฎขึ้นในดวงตาข้างขวา การปรากฎขึ้น และจากไปของมัน ขึ้นกับพลังลมปราณที่ใช้ไป ถ้ามีการโคจรพลังลมปราณเป็นเวลานาน มันก็จะเติบโตขึ้นจนเห็นได้ชัดเจนมากกว่าเดิม ในขั้นตอนนี้ พิษจะไม่ทำร้ายเจ้า แต่จริงๆ แล้ว จะช่วยปกป้องเจ้าจากพิษอื่นๆ ทั้งหมด แต่ความต้องการสังหารของเจ้าก็จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น”

“หลังจากผ่านไปมากกว่าสามรอบ ดอกไม้ก็จะบานขึ้นอีกครั้ง และเมื่อพิษกำเริบขึ้น ก็จะมีใบหน้าปีศาจอื่น ปรากฎขึ้นที่ดวงตาด้านซ้าย ณ จุดนี้ ความต้องการสังหารก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม เจ้าก็จะกลายเป็นผู้กระหายเลือดอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่เพียงแต่มีภูมิคุ้มกันพิษมากมายหลายชนิด ร่างเจ้าจะเริ่มกระจายพิษออกมา กล้ามเนื้อจะเริ่มเหนียวแน่นทนทานอย่างมากมาย และสามารถฟื้นฟูร่างกายได้มากกว่าผู้ฝึกตนโดยทั่วไป”

“อย่างไรก็ตาม จะพบว่าร่างกายเจ้าจะเริ่มแข็งกระด้างมากขึ้นเรื่อยๆ ความว่องไวจะลดลง พลังชีวิตก็จะค่อยๆ ริบหรี่ลงไปช้าๆ และมักจะมีรังสีแห่งความตายรายล้อมอยู่รอบตัว”

“หลังจากนั้น ดอกไม้ก็จะบานเป็นครั้งที่สาม” ชายชรากล่าว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเยือกเย็น “จิตใจ…ของเจ้า ก็จะหายไป ชีวิตก็ตกตาย ร่างจะกลายเป็นดอกปี่อ้านสามสี คนที่ฝังเมล็ดนี้ไว้ ก็จะมาเก็บดอกปี่อ้านไป บางครั้งหลังจากการเปลี่ยนร่าง บางคนก็จะกลายเป็นดอกปี่อ้านสี่สี”

“มนุษย์, รวบรวมลมปราณ, พื้นฐานลมปราณ, สร้างแกนลมปราณ, วิญญาณแรกก่อตั้ง, ตัดวิญญาณ, ค้นหาเต๋า, เจ็ดขั้น เจ็ดสี, หนึ่งสีสำหรับแต่ละขั้น ในที่สุด ดอกปี่อ้านก็จะบานทั้งเจ็ดสี, เมื่อดอกไม้ล่วงโรย, เซียนก็ขึ้นสู่สวรรค์ไปหนึ่งพันปี”

“ในสมัยโบราณ ผู้ฝึกตนที่ใช้ดอกไม้นี้ ก็เพื่อที่จะบรรลุถึงการขึ้นสวรรค์ชั้นเซียน” ชายชราจ้องไปยังเมิ่งฮ่าว

เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา ก็ทำให้เขาต้องสั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่ใช่เนื่องจากอากาศหนาว แต่มาจากความหวาดกลัว เขาขมวดคิ้วขณะที่คิดถึงทุกอย่างที่ชายชรากล่าวเกียวกับพิษนี้ทั้งหมด

“สหายเต๋า, โปรดอย่าล้อข้าเล่น ข้ามีพรสวรรค์ที่ธรรมดา และไม่มีของวิเศษที่พิเศษเฉพาะใดๆ ให้ผู้คนคอยไล่ตาม คงไม่คุ้มค่าที่จะมาโจมตีข้าด้วยดอกไม้ที่หายากเช่นนี้”

ชายชรามองไปที่เขาพร้อมรอยยิ้ม แต่ไม่กล่าวอันใดออกมา

เมิ่งฮ่าวเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็หยิบถุงสมบัติออกมาอีก วางลงไปยังเบื้องหน้าของชายชรา มันพยักหน้า

“สหายน้อย ที่เจ้าพูดมาก็มีทั้งถูก และผิด” ชายชรากล่าวช้าๆ “ดอกปี่อ้านสามสีนี้ยังไม่สมบูรณ์ มันยังมีข้อบกพร่อง มันยังไม่ได้บานออกมาสามสี มิเช่นนั้น ก็ไม่มีใครในโลกนี้ จะสามารถขจัดมันไปได้”

“ข้าจะขจัดมันได้อย่างไร?” เมื่อชายชราไม่ตอบ เมิ่งฮ่าวก็โยนถุงสมบัติไปอีก

ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านนอกของร้าน ดวงดาว และดวงจันทร์กำลังปรากฎขึ้นในท้องฟ้ายามค่ำ และโคมไฟก็เริ่มสว่างขึ้นทั่วทั้งเมือง หญิงสาวปรากฎตัวยังที่ห่างไกล สวมใส่ชุดยาวสีขาวที่ไม่มีแขนเสื้อ

เป็นหญิงสาวที่มีความสวยงามอย่างน่าเหลือเชื่อ สง่างาม และมีรูปร่างผอมบางสมส่วน เมื่อปรากฎขึ้นภายใต้แสงจันทร์ก็ดูสวยงามราวนางเซียนบนสวรรค์ ดูท่าทางเย็นชา เยือกเย็น และค่อนข้างเรียบร้อย รูปโฉมของนางไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหน ก็ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่แสงโคมสาดส่องไปทั่วทั้งเมือง นางก็เดินตรงมาที่ร้าน เมื่อนางเห็นเลขสิบเก้าบนแผ่นป้ายโลหะบนประตู รอยยิ่มน้อยๆ ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า ซึ่งก็ทำให้หัวใจของชิวหลินเต้นระรัว

ตัวเมิ่งฮ่าวเอง เคยเห็นหญิงสาวนางนี้มาก่อน ในสำนักเอกะเทวะ นางได้จากไปพร้อมกับหวังเถิงเฟย ตอนที่มันออกจากสำนักไป นี่คือ…คู่หมั้นของหวังเถิงเฟย

ฉู่อวี้เยียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!