ตอนที่ 1144
จ้งอู๋หยาลงมือ
กลายเป็นว่าผู้ฝึกตนเพียงคนเดียวของอาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่อาจจะทำให้แขนของเต้าเทียนฟื้นฟูกลับมาได้อย่างสมบูรณ์เพียงพอ โดยไม่หยุดชะงักลง มันไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าของผู้ฝึกตนอีกคน ครั้งนี้มันพุ่งมือขวาออกไปแทนที่จะเป็นมือซ้าย และแขนขวาที่เป็นเลือดเนื้อแหลกเหลวของมันก็แทงเข้าไปยังหน้าอกของผู้ฝึกตนนั้นอย่างโหดเหี้ยม เกิดเป็นเสียงแผดร้องอย่างโหยหวนออกมา ขณะที่ร่างของบุรุษผู้นั้นแทบจะแห้งเหี่ยวลงไปในทันที พลังชีวิตทั้งหมดของมันถูกดูดซับเข้าไปยังแขนขวาของเต้าเทียนด้วยความตะกละตะกลาม
ขณะที่เกิดขึ้นเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็แวบฝ่าอากาศตรงไปยังเต้าเทียน เข้าไปใกล้มันอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต้าเทียนบิดเบี้ยวขึ้นด้วยความดุร้าย ขณะที่เหวี่ยงแขนขวาออกไป ส่งผลให้ผู้ฝึกตนที่ร่างแห้งกรังลอยตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
สำหรับเต้าเทียน มันรีบพุ่งถอยไปทางด้านหลังในทันที ครั้งนี้มันมุ่งหน้าตรงไปยังฝานตงเอ๋อร์
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วขึ้นมาในทันใด ต่อให้ไม่คำนึงถึงอดีตที่ผ่านมาระหว่างตนเองและฝานตงเอ๋อร์ แต่นางก็มาจากขุนเขาทะเลที่เก้าเช่นเดียวกัน เขาจึงยกมือขึ้นมา ภายในมือปรากฏเป็นกระถางสายฟ้า ส่งเสียงดังกระหึ่มขึ้น ขณะที่จู่ๆ เขาก็สลับสับเปลี่ยนตำแหน่งกับนาง
เต้าเทียนมีสีหน้าเปลี่ยนไป ยกมือขวาขึ้น เปลวไฟสีดำส่งเสียงดังกระหึ่มราวกับมีชีวิตขึ้นมา มันตบลงไปที่ถุงสมบัติ ทำให้กิ่งไม้สีดำปรากฏขึ้น
เต้าเทียนกวัดแกว่งกิ่งไม้ไปที่เปลวไฟสีดำนั้น มันเริ่มงอกออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่ากลัว ในชั่วพริบตาก็กลายเป็นเส้นเถาวัลย์นับไม่ถ้วน ส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฎขึ้นตรงตำแหน่งเดิมของฝานตงเอ๋อร์ เขาแค่นเสียงเย็นชา ขยับมือร่ายเวทและชี้ออกไป ภูเขาสีฟ้าจำนวนมากจู่ๆ ก็เริ่มตกลงมา บดขยี้ลงไปบนร่างเต้าเทียน ทำให้โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก มันรีบถอยไปทางด้านหลัง และเมิ่งฮ่าวก็ไล่ตามไป ทำท่าคว้าจับด้วยมือเพื่อเรียกหอกที่มีส่วนปลายเป็นกระดูกออกมา จากนั้นเขาก็พุ่งแทงตรงไป
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่หอกนั้นแทงฝ่าอากาศไป ฉีกกระชากต้นเถาวัลย์ให้กลายเป็นเสี่ยงๆ และไปปรากฏขึ้นตรงเบื้องหน้าเต้าเทียนอย่างรวดเร็ว ในช่วงวิกฤตนี้เองที่เต้าเทียนกัดปลายลิ้น และพ่นโลหิตออกมาหนึ่งคำ อย่างน่าประหลาดใจยิ่ง ตอนแรกโลหิตนั้นกลายเป็นทะเลแห่งโลหิต จากนั้นเสียงแผดร้องคำรามก็ดังก้องขึ้นมา กลายเป็นมังกรโลหิตหนึ่งตัว ซึ่งอ้าปากกว้างและพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ใช้มือซ้ายขยับร่ายเวท จากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป ศีรษะอสูรโลหิตปรากฏขึ้น พุ่งตรงไปยังมังกรโลหิต ตลอดช่วงเวลานั้นหอกที่ส่วนปลายเป็นกระดูกของเมิ่งฮ่าวไม่เคยหยุดชะงักนิ่ง พุ่งแทงตรงไปยังหน้าอกของเต้าเทียนอย่างต่อเนื่อง
เต้าเทียนส่งเสียงแผดร้องคำรามอย่างดุร้ายออกมา และใช้มือทั้งสองข้างกระแทกไปที่หอกเล่มนั้น ก่อนที่จะปะทะกัน เมิ่งฮ่าวก็ปล่อยมือ เกิดเป็นภาพซ้อนทับปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ขณะที่เมิ่งฮ่าวไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านขวาของเต้าเทียนในทันที กำมือขวาเป็นหมัดและจากนั้นก็ต่อยออกไปด้วยหมัดสังหารเทพ
เต้าเทียนไม่มีเวลาแม้แต่จะหมุนตัวหันร่าง มันพยายามหลบไปทางด้านข้าง แต่ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบเป็นแสงขึ้น ขณะที่พลังเซียนทุกชั้นฟ้าบดขยี้ลงไป
“เต้าเทียน!” เมิ่งฮ่าวร้องตวาดขึ้น เกิดเป็นเสียงดังก้องออกไปคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม โดยมีพลังจากเซียนทุกชั้นฟ้าคอยสนับสนุนอยู่
เสียงของเขากลายเป็นแรงกดดันขนาดใหญ่ กระแทกลงไปบนร่างเต้าเทียน จิตใจเต้าเทียนเริ่มหมุนคว้างในทันที และความเร็วของมันก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ในตอนนี้หมัดของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งมาถึง กระแทกลงไปที่ข้างลำตัวเต้าเทียน ทำให้ทั่วทั้งร่างของมันสั่นสะท้านจนถึงจุดที่ใกล้จะระเบิดออกไป ทันใดนั้นต่อมาเขาก็จิ้มนิ้วลงไปบนหน้าผากของเต้าเทียน
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้น ขณะที่รูโลหิตขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนศีรษะของเต้าเทียน พุ่งทะลวงจากด้านหน้าออกไปทางด้านหลัง ร่างมันสั่นไปมาและดวงตาก็มืดมิดลงไป ขณะที่ซากศพมันเริ่มตกลงไปบนพื้น เมิ่งฮ่าวก็เตรียมตัวที่จะสังหารมันไปเป็นครั้งที่สอง แต่ทันใดนั้นเองซากศพของเต้าเทียนก็ละลายกลายเป็นกลุ่มหมอกของโลหิตไปเอง และกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว
กลุ่มหมอกเหล่านั้นกลายเป็นสัญลักษณ์เวทสีโลหิตหนึ่งชิ้น เริ่มสาดประกายเป็นสีแดงจ้าออกมา แสงนั้นกลายเป็นลมพายุสีแดงอย่างรวดเร็ว พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วเหลือคณา ในชั่วพริบตาก็อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันจ้าง และก่อตัวเป็นเต้าเทียนขึ้นมาอีกครั้ง กระอักโลหิตออกมากองโตและจ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความเกลียดชัง
จิตใจเต้าเทียนสั่นสะท้าน มันพ่ายแพ้ไปในการต่อสู้ครั้งนี้ และยังต้องเสียชีวิตไปหนึ่งครั้งอีกด้วย
เมิ่งฮ่าวจ้องมองเต้าเทียนมาจากที่ห่างไกลด้วยสายตาอันเย็นชา ไม่ยอมไล่ตามมันไปอีก ลอยตัวอยู่กลางอากาศชั่วขณะ ก่อนที่จะหมุนตัวโบกสะบัดชายแขนเสื้อไปเผชิญหน้ากับหานชิงเหลย ฉับพลันนั้นหานชิงเหลยก็หยุดชะงักนิ่ง และเริ่มถอยไปทางด้านหลังด้วยร่างที่สั่นสะท้าน เมื่อคิดว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจ้องมาที่มัน มันจึงไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้กว่านี้
จิตใจมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง ถ้าไม่มีเต้าเทียนตรึงเมิ่งฮ่าวไว้ มันรู้ตัวดีว่าไม่อาจจะต่อสู้ได้แม้แต่น้อย และยังรู้อีกด้วยว่ามันมีชีวิตเหลืออยู่อีกหนึ่งชีวิตเท่านั้น ถ้ามันตายไป เมื่อคิดไปถึงความต้องการสังหารอันน่าตกใจของเมิ่งฮ่าว มันคงมีโอกาสน้อยมากที่จะหลบหนีจากไปด้วยชีวิตสุดท้ายนั้น
อันที่จริงถ้าเต้าเทียนไม่ได้โจมตีไปยังเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้ หานชิงเหลยคงจะถูกสังหารไปหลายครั้งแล้ว มันจะต้องตายไปอย่างแท้จริง ไม่มีชีวิตเหลืออยู่เพื่อฟื้นกลับคืนมาอีก ตอนนี้มันจึงต้องหลบหนีจากไปด้วยความรวดเร็วอย่างไร้ทางเลือกใดๆ
เท่าที่หลินชงคิด ดินแดนยมโลกสีโลหิตของมัน อยู่ในท่ามกลางการพุ่งลงไปยังเมิ่งฮ่าว เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชา จากนั้นก็เดินตรงไปเจ็ดก้าวอย่างรวดเร็ว พลังของเขาพุ่งขึ้นไป และชี้นิ้วตรงไปยังดินแดนยมโลกนั้น
น้ำพุเหลืองพังทลายลงไปในทันที และเมืองฟงโตวก็ถูกทำลายไป วิชาเวททั้งหมดของมันกระจัดกระจายออกไป และหลินชงก็กระอักโลหิตออกมากองโต ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว มันรีบล่าถอยหลบหนีไป
ในช่วงเวลาเดียวกับที่มันหลบหนีจากไป พื้นที่ว่างตรงที่มันเพิ่งจะยืนอยู่ก็แตกกระจายไปพร้อมกับเสียงระเบิด ถ้ามันหลบหนีไม่ทันก็คงต้องตายไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น…มันเคยถูกเมิ่งฮ่าวสังหารไปแล้วหนึ่งครั้งในการต่อสู้กันครั้งแรก เมื่อรวมเข้ากับอีกหนึ่งชีวิตที่มันต้องสูญเสียไปในการต่อสู้ก่อนหน้านั้น ถ้ามันตายอยู่ที่นี่…มันคงต้องตายไปอย่างแท้จริง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นขณะที่เตรียมตัวจะไล่ติดตามไป
ตรงจุดที่ห่างออกไปไกล จักรพรรดิใช้สองมือขยับร่ายเวท และชี้นิ้วตรงไปยังหลินชง ทันใดนั้นกระแสปราณอาณาจักรสายลมก็ตกลงมา ปกคลุมไปทั่วร่างหลินชง ซึ่งมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง อย่างไรก็ตามโดยที่ไม่ลังเลใดๆ มันยอมรับกระแสปราณนั้น กัดฟันแน่นและปลดปล่อยสายฟ้าออกไปขัดขวางเมิ่งฮ่าวไว้
เมิ่งฮ่าวมองไปยังจักรพรรดิด้วยสายตาที่เย็นชา รู้สึกได้ว่ากระแสปราณกำลังพุ่งเข้าไปในร่างหลินชง และด้วยเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่โจมตีไปยังมัน แต่กลับหมุนตัว และฟาดฝ่ามือตรงไปยังวิหาร
ตูมมมมมมม…
รอยแตกร้าวกระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของวิหารมากขึ้นกว่าเดิม และเริ่มส่ายไปมาราวกับว่าจะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ เท่าที่เห็นสุดยอดแก่นแท้โลกที่ถูกซ่อนอยู่ด้านใน ใกล้จะทะลวงออกมาแล้วในตอนนี้
ในช่วงเวลานี้หลินชงไม่กล้าจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป หานชิงเหลยก็หวาดกลัวไปนานแล้ว สำหรับเต้าเทียน มันเพิ่งจะฟื้นคืนจากความเศร้าโศกหลังจากที่สูญเสียเวทยิ่งใหญ่ของตนเองไป ตอนนี้มันรู้ตัวดีว่า…ไม่อาจจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวได้
ต่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากพลังด้านนอกบางอย่าง มันก็มีแต่จะต้องจบลงด้วยการสูญเสียชีวิตที่สองไปเท่านั้น
ที่ด้านนอกวิหารกลาง เมิ่งฮ่าวโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง กระจายกลิ่นอายของพลังอันสูงสุดออกมา
วิหารแทบจะพังทลายลงไป ราวกับว่ามันอาจจะระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อ สีหน้าของจักรพรรดิเปลี่ยนไป ถึงแม้ว่าจะสูญเสียตาทั้งสองข้างไป มันยังคงมองเห็นสถานการณ์ของวิหารในตอนนี้ได้
“พวกเรายังไม่พร้อม! ยังต้องการเวลาอีกเล็กน้อย จ้งอู๋หยา ไปหยุดเมิ่งฮ่าวให้ได้! ถ่วงเวลาให้พวกเราอีกหนึ่งร้อยลมหายใจ นั่นคือทั้งหมดที่พวกเราต้องการ!!”
จ้งอู๋หยาถอนหายใจออกมา จากนั้นก็หายตัวไปในทันที เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง มันก็ไปอยู่ที่ด้านนอกวิหาร ใกล้กับเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างยิ่ง กำมือเป็นหมัดและพลังจากพื้นฐานฝึกตนก็ปะทุขึ้น ขณะที่ต่อยหมัดตรงไปขัดขวางเมิ่งฮ่าว
“จ้งอู๋หยา!” เมิ่งฮ่าวกล่าว หันไปมองมันด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เขาไม่ต้องการจะต่อสู้กับคนผู้นี้อย่างแท้จริง
“สู้กับข้า ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง” จ้งอู๋หยากล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ ใช้มือขวาขยับร่ายเวท และกลิ่นอายก็ระเบิดออกมา ที่ยิ่งแข็งแกร่งมากไปกว่านั้นก็คือความรู้สึกของปราณและโลหิตที่กระจายออกมาจากร่างมัน คนทั้งหมดในบริเวณนั้นรับรู้ได้ถึงพลังนั้น แม้แต่เต้าเทียนก็ยังต้องมีสีหน้าที่สลดลง
จ้งอู๋หยาเริ่มก้าวเดินตรงไป มือขวาต่อหมัดทำลายล้างชีวิตออกไป จากนั้นก็เป็นหมัดเผาไหม้ตนเอง และจากนั้นก็เป็นหมัดสังหารเทพ!
ตูมมมมมมม! มันเดินไปแค่สามก้าวเท่านั้น แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมาด้วยสามหมัดที่โจมตีไปพร้อมกับย่างก้าวเหล่านั้น เพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกตนลำดับขั้นอื่นๆ ต้องตกตะลึงขึ้น อันที่จริง จากมุมมองของเต้าเทียนและคนอื่นๆ จ้งอู๋หยาไม่ได้อ่อนแอกว่าเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อย!
“มันอยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรโบราณ…อีกก้าวเดียวก็จะพุ่งเข้าไปในเต๋า!!”
“หลังจากที่ก้าวเข้าไปในเต๋า ถ้าสำเร็จมันก็จะอยู่ในอาณาจักรเต๋า ถ้าล้มเหลว…ก็จะกลายเป็นผู้ฝึกตนเสมือนเต๋า!!”
คนทั้งหมดสั่นสะท้าน สำหรับเมิ่งฮ่าว เขามีสีหน้าที่ซับซ้อน ทันใดนั้นเขาก็โจมตีไป ต่อยออกไปสามหมัดด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับหมัดของจ้งอู๋หยา ทำลายล้างชีวิต! เผาไหม้ตนเอง! สังหารเทพ!!
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องขึ้นอย่างน่าตกใจ ขณะที่คนทั้งสองต่อสู้กันในกลางอากาศเหนือวิหาร
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้…
“เมิ่งฮ่าว เจ้าเคยถามว่า ข้าจะทำอะไรถ้าเต๋าเดิมแท้ที่ข้าเชื่อถือเป็นเรื่องหลอกลวง…” จ้งอู๋หยากล่าว ขณะที่คนทั้งสองปะทะหมัดกันครั้งแรก
เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกมา และคนทั้งสองต่างก็ถอยไปทางด้านหลัง ใบหน้าซีดขาว โดยไม่หยุดชะงักลง ต่างคนต่างก็โจมตีไปอีกครั้ง
“ข้าคือผู้ฝึกตน และข้าก็ค้นหาความจริง ข้าค้นหาสวรรค์ที่คงอยู่ตรงด้านนอกของสวรรค์ และสิ่งที่ข้าค้นหาสามารถจะอธิบายทุกสรรพสิ่งได้อย่างง่ายดาย!”
จ้งอู๋หยาหัวเราะ แต่เมิ่งฮ่าวยังคงนิ่งเงียบ เมื่อโจมตีไปเป็นหมัดที่สอง, หมัดเผาไหม้ตนเอง ทำให้โลหิตไหลซึมออกมาจากปากคนทั้งคู่ และเสียงกระหึ่มก็ดังก้องออกไป อีกครั้งที่คนทั้งสองถอยไปทางด้านหลัง แต่ก็พุ่งตรงเข้าไปอีกครั้ง
“ข้าคือจ้งอู๋หยาจากขุนเขาทะเลที่เก้า ข้าไม่ได้มาเพื่อค้นหาความร่ำรวย หรือพลัง หรือความต้องการอื่นๆ ในอาณาจักรสายลม เพียงแค่…มาเพื่อเต๋าเดิมแท้…ข้าไม่ต้องการสูญเสียโอกาสที่จะได้รับรู้ความจริง!”
“ข้าต้องการเห็น…สิ่งที่เป็นเต๋าเดิมแท้คืออะไรกันแน่ บนเส้นทางที่ข้าเดินไป สิ่งที่ข้าหวาดกลัวไม่ใช่ความพ่ายแพ้ สิ่งที่ข้ากลัวคือการไม่ได้รับคำตอบนั้น!”
จ้งอู๋หยาหัวเราะออกมา ขณะที่หมัดสังหารเทพของคนทั้งสองกระแทกเข้าหากัน เกิดเป็นเสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ และทุกสิ่งทุกอย่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง
จ้งอู๋หยาก็กระอักโลหิตออกมาเช่นเดียวกัน และถูกบังคับให้ต้องถอยหลังไป เสียงหัวเราะของมันเริ่มชัดเจนและสดใสมากขึ้น เต็มไปด้วยความหลงใหลทั้งหมดของมัน
“ข้า, จ้งอู๋หยา มีชีวิตอยู่อย่างนิ่งเงียบและถ่อมตัว แต่สวรรค์ก็สามารถเป็นพยานได้ว่าข้าแสวงหาเต๋ามาโดยตลอด สำหรับผู้ที่แสวงหาเต๋า เป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ในยามเช้า และตายไปในยามสนธยา ความตายไร้ความหมายแม้แต่น้อย ข้าจะแสวงหาเต๋าต่อไป!”
“ถ้าสุดท้ายแล้วข้าคิดถูก ก็จะไร้ซึ่งความเสียใจใดๆ ในชีวิตนี้ ถ้าข้าคิดผิด ก็จะไร้ซึ่งความเสียใจเช่นเดียวกัน แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ข้าไม่อาจจะตัดใจได้ และข้าต้องขอให้เจ้าช่วยเหลือเพื่อทำมันให้สำเร็จ” จ้งอู๋หยาหัวเราะออกมาเป็นเสียงดัง ยกมือขวาขึ้นและมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยแววตาที่คมกริบ
“เมิ่งฮ่าว เมื่อเจ้าคือศิษย์น้องของข้า เป็นคนที่ได้เรียนรู้หมัดทั้งสามเหล่านั้นเช่นเดียวกับข้า ดังนั้นข้าจะถ่ายทอดหมัดที่สี่ของข้าไปในการโจมตีนี้แล้ว!”
“ข้าคือจ้งอู๋หยา และหมัดที่สี่นี้ข้าคิดค้นขึ้นมาเอง มันคือ…หมัดแสวงหาเต๋าของข้า!” ขณะที่จ้งอู๋หยากล่าวขึ้น กลิ่นอายของมันก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง อากาศรอบๆ ตัวมันบิดเบี้ยวไปมา และทันใดนั้น ก็ดูเหมือนว่าร่างกายมันจะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น ใหญ่โตจนสามารถจะทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน
สายลมที่มองไม่เห็นพุ่งขึ้นมา ม้วนกวาดออกไปยังทุกสรรพสิ่ง ทำให้โลกทั้งหมดต้องสั่นสะเทือน
ฝานตงเอ๋อร์และผู้ฝึกตนอื่นๆ จากทะเลที่เก้าตกตะลึง ในทันทีที่พวกมันได้ยินเมิ่งฮ่าวพูดว่า ‘จ้งอู๋หยา’ และจากนั้นก็ได้ยินสิ่งที่จ้งอู๋หยา กล่าวกับเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นพวกมันก็นึกย้อนไปถึงนามที่เคยได้ยินมาในสำนัก
“นั่นคือ…ศิษย์พี่จ้งอู๋หยาซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังของสำนักในปีนั้น!!” ฝานตงเอ๋อร์พึมพำ จ้องมองไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
——————–
หมายเหตุ:
ข้อความเกี่ยวกับ การมีชีวิตอยู่ในตอนเช้า และตายไปในตอนเย็น มาจากปรัชญาเต๋าจริงๆ ซึ่งเคออวิ๋นไห่เคยพูดถึงในตอนที่ 597: ข้าจะเป็นความภาคภูมิใจของท่าน และนกแก้วเคยพูดถึงในตอนที่ 631: เซียนเทียมและเซียนแท้