ตอนที่ 1154
ตลาดเมฆาสวรรค์
ด้วยความรู้สึกที่หลงตัวเองและคิดว่าตนเองใจดีมากเกินไป เมิ่งฮ่าวถอนหายใจให้กับความสัตย์ซื่อจริงใจของตัวเอง มองไปรอบๆ โดยที่หน้าไม่แดงแม้แต่น้อย แน่นอนว่าไม่มีใครมองเห็นเขา หลังจากที่กระแอมไอออกมาอีกครั้ง ก็หมุนตัวกลายเป็นลำแสงอันเจิดจ้าพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
สิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่รู้ก็คือว่าในทันทีที่เขากลับมายังขุนเขาทะเลที่เก้า กลุ่มคนทั้งหมดในตระกูลฟางบนดาวหนานเทียน รู้สึกว่าจิตใจของพวกมันกำลังสั่นสะท้าน ราวกับว่ามีแรงกดดันอย่างที่ยากจะอธิบายออกมาได้ จู่ๆ ก็กดทับลงมายังพวกมัน แม้แต่ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าที่กำลังเข้าฌานอยู่ ก็ยังต้องตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง
มันคือแรงฉุดดึงที่ออกมาจากสายโลหิตของพวกมัน มันคือ…พลังที่คงอยู่ในโลหิตของเมิ่งฮ่าว ซึ่งได้กลายเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงของตระกูลฟางไปแล้วในตอนนี้ เป็นพลังที่ทำให้เกิดเป็นแรงกดดันอันเลือนลางอยู่ในท่ามกลางกลุ่มคนของตระกูล ด้วยพลังนั้นทำให้เมิ่งฮ่าวสามารถจะควบคุมโชคชะตาของตระกูลฟางได้อย่างแท้จริง!
ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง จนไม่อาจจะนำไปเปรียบเทียบกับตอนที่เขาเข้าไปในอาณาจักรสายลมเป็นครั้งแรกได้ เขาเริ่มดูดซับผลเนี่ยผานลูกที่สามเข้าไปได้ด้วยการช่วยเหลือของตำราผู้ทรยศกบฎเต๋า ถึงแม้ว่าการหลอมรวมนั้นจะยังไม่สมบูรณ์ดี และต้องใช้เวลาอีกระยะก็ตาม
แต่คงไม่นานจนเกินไปนัก อย่างน้อยที่สุดก็คงอีกไม่กี่เดือน และอย่างมากที่สุดก็เป็นเวลาหนึ่งปี เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะอยู่ในอาณาจักรเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าอย่างแท้จริง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋าก็คงไม่อาจจะมาต่อสู้กับเขาได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าขั้นต้น เขาก็ยังมีคุณสมบัติที่จะต่อสู้ด้วยได้!
จากการเกิดขึ้นมาของอาณาจักรขุนเขาทะเลจวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ เขาคือบุคคลแรก…ที่ทำให้อาณาจักรเซียนก้าวขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด เขาคือบุคคลเดียวที่อยู่ในอาณาจักรเซียน แต่สามารถจะต่อสู้กับคนที่อยู่ในอาณาจักรเต๋าได้อย่างแท้จริง!
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความมุ่งหวัง และเร่งความเร็วขึ้น เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังอยู่รอบๆ ตัว ขณะที่เขาพุ่งผ่านท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว ตรงไปยังทิศทางของดาวหนานเทียน
“ผลเนี่ยผานลูกที่สามของข้าจะต้องหลอมรวมให้เสร็จสิ้นได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ข้าต้องเริ่มคิดเกี่ยวกับผลเนี่ยผานลูกที่สี่แล้ว เมื่อข้าดูดซับมันเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์ ข้าก็สามารถจะก้าวเข้าไปในอาณาจักรโบราณ!”
“เมื่อข้าเปิดประตูของอาณาจักรโบราณ และเรียกตะเกียงวิญญาณออกมาได้ ทั้งกายเนื้อและพื้นฐานฝึกตนของข้าก็จะอยู่ในอาณาจักรโบราณ จากนั้น…แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าขั้นต้นข้าก็สามารถจะต่อสู้ด้วยได้ ข้าสามารถจะ…เอาชนะพวกมันได้!” เมิ่งฮ่าวเริ่มรู้สึกมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้นไปเรื่อยๆ และยิ่งมีพลังสะกดข่มมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกด้วย
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้กระจายกลิ่นอายที่โอ่อ่าเกรียงไกรออกมา แต่ความเชื่อมั่นที่สะกดข่มนี้ก็ทำให้เขามีท่าทางที่น่าเกรงขามอย่างเห็นได้ชัด
ความรวดเร็วของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่พุ่งผ่านท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาว ย้อนกลับไปในตอนแรกที่เขาเริ่มเดินทางอยู่ในท่ามกลางกลุ่มดาว ถ้าเขาพยายามเดินทางจากตำแหน่งในตอนนี้กลับไปยังดาวหนานเทียน คงต้องใช้เวลานานมากๆ เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่จะใช้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกล คงต้องกินเวลานานเป็นหลายเดือน
แต่ตอนนี้ โดยที่ไม่ต้องใช้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ก็กินเวลาประมาณหนึ่งเดือนเท่านั้น แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่คิดจะทำเช่นนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่การใช้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกล คือวิธีที่ดีที่สุด
สามวันต่อมา เมิ่งฮ่าวพบว่าตนเองมาอยู่ที่ด้านนอกของกลุ่มดาว ดาวบางดวงมีขนาดใหญ่ บางดวงก็มีขนาดเล็ก ที่ใหญ่มากที่สุดมีความกว้างถึงแสนจ้าง ที่เล็กมากที่สุดมีขนาดเพียงแค่ไม่กี่ร้อยจ้างเท่านั้น มีทั้งหมดหลายร้อยดวง รวมกลุ่มเข้าด้วยกันอย่างหนาแน่น
กลุ่มดาวเช่นนี้ค่อนข้างจะพบเห็นบ่อย ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของขุนเขาทะเลที่เก้า ดวงดาวมักจะรวมกลุ่มเข้าด้วยกัน ทำให้พวกมันเหมาะสมที่จะเป็นจุดตามธรรมชาติเพื่อใช้ติดตั้งประตูเคลื่อนย้ายทางไกล
เนื่องจากเช่นนั้น ทำให้กลุ่มดาวขนาดใหญ่เหล่านั้นกลายเป็นสถานที่สำหรับผู้ฝึกตนมาทำการค้าขาย พวกมันมักจะเป็นสถานที่ทำการค้าพร้อมกับมีผู้คนมากมายผ่านไปมา นำสินค้าจากสถานที่ใกล้เคียงและห่างไกลมาซื้อขายแลกเปลี่ยน
สถานที่แห่งนี้คือตลาดขนาดกลาง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้ฝึกตนอยู่ไม่น้อย จุดที่ดึงดูดสายตามากที่สุดคือดวงดาวที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง มีกลุ่มคนอยู่รวมกันมากที่สุด ก่อตั้งเป็นเมืองขนาดใหญ่ สามารถจะมองเห็นได้แม้จะอยู่ห่างไกลออกไป
มีผู้คนบินไปมาอยู่เป็นระยะ ได้ยินเสียงพูดคุยดังก้องออกมาจากภายในเมือง พร้อมทั้งมีเกราะป้องกันเรืองแสงที่ก่อตัวกันเป็นกำแพงอยู่รอบๆ สถานที่แห่งนั้นทั้งหมดอีกด้วย
ตระกูลฟางได้ติดตั้งประตูเคลื่อนย้ายทางไกลไว้บนหนึ่งในดวงดาวเหล่านี้ ซึ่งมีสมาชิกของตระกูลฟางมาคอยปกป้องดูแลอยู่รอบๆ บริเวณนั้น
สมาชิกของตระกูลสามารถใช้ประตูนั้นได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าผู้ที่ไม่ใช่กลุ่มคนของตระกูลก็ต้องจ่ายค่าเข้าใช้
แทบทุกดวงดาวจะมีประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเช่นเดียวกันนี้ติดตั้งไว้ สี่ตระกูลใหญ่, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สามนิกายหกสำนัก ต่างก็ติดตั้งประตูเคลื่อนย้ายทางไกลไว้ทั้งหมด มองเห็นระลอกคลื่นของการเคลื่อนย้ายทางไกลกระจายออกมาจากสถานที่เหล่านั้นเป็นระยะ
บางสถานที่ในขุนเขาทะเลที่เก้าจะถูกควบคุมโดยกลุ่มกองกำลังที่แตกต่างกัน ใครก็ตามที่ต้องการจะไปยังสถานที่เช่นนั้น ต้องใช้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลที่เฉพาะเจาะจง การจัดการเช่นนี้เป็นรายได้ที่สำคัญสำหรับกองกำลังที่แข็งแกร่งมากมายในขุนเขาทะเลที่เก้า แม้แต่ตระกูลจี้ก็เช่นกัน
เนื่องจากดาวหนานเทียนเป็นสถานที่ที่โดดเด่นและสำคัญ ทำให้กองกำลังเกือบทั้งหมดมีประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเพื่อไปยังทิศทางนั้น แต่เมื่อคิดว่าเมิ่งฮ่าวเป็นคนที่เกลียดการสูญเสียเงินทองเป็นอย่างมาก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะเลือกใช้ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลของตระกูลฟาง
เขากำลังจะลัดเลาะไปยังตลาดหลัก และมุ่งหน้าตรงไปยังดวงดาวของตระกูลฟาง แต่เมื่อมองไปที่ตลาดทันใดนั้นจิตใจก็ต้องสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสถานที่ที่คึกคักจอแจ เต็มไปด้วยร้านค้าเกือบทุกชนิด ผู้ฝึกตนบางคนยังได้เปิดแผงวางขายสิ่งของอีกด้วย
ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เขามองไป ผู้คนมากมายได้มาและจากไปผ่านทางประตูเคลื่อนย้ายทางไกล มีจำนวนนับพันคน
นอกจากนั้นก็ยังมีผู้ฝึกตนที่เดินลาดตระเวนไปมา คอยรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่อีกด้วย พวกมันสวมใส่ชุดสีม่วงแดง และเห็นได้ชัดว่ามีพื้นฐานฝึกตนที่แข็งแกร่ง เป็นเซียนขั้นหกหรือเจ็ดกันทั้งหมด
ไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้อยู่ในตลาด ถ้าเกิดการขัดแย้งกัน ผู้ฝ่าฝืนจะถูกขับไล่ออกไปในทันที ในกรณีที่ร้ายแรงมากที่สุด พวกมันอาจจะถูกสังหารไป นั่นคือกฎของตลาดเช่นเดียวกันนี้ทั้งหมด
แน่นอนว่าการที่กฎระเบียบเช่นนี้จะเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป และสามารถใช้บังคับได้ ก็จำเป็นต้องมีกองกำลังที่แข็งแกร่ง!
ไม่ว่าสี่ตระกูลใหญ่, ห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่สามนิกายหกสำนัก ต่างก็มีส่วนร่วมกับตลาดเช่นนี้ นอกจากนั้นพวกมันส่วนใหญ่ก็ยังมีผู้ฝึกตนเร่ร่อนที่แข็งแกร่งเป็นกองกำลังอีกด้วย ที่อ่อนแอมากที่สุดในกลุ่มพวกมันอยู่ในอาณาจักรโบราณขั้นสุดท้าย และตลาดบางแห่งก็มีผู้ฝึกตนเร่ร่อนอาณาจักรเต๋าเป็นกองกำลังอีกด้วย
ตลาดแห่งนี้ถูกเรียกว่าตลาดเมฆาสวรรค์ ถูกควบคุมโดยผู้แข็งแกร่งอาณาจักรโบราณขั้นสูงสุด ซึ่งอยู่ห่างจากอาณาจักรเสมือนเต๋าเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น เป็นที่รู้จักกันดีในนามว่า เทียนอวิ๋นซ่างเหริน (ผู้สูงส่งเมฆาสวรรค์) และคนทั้งหมดต่างก็รู้ดีว่า มันสามารถจะทะลวงผ่านเข้าไปในอาณาจักรเสมือนเต๋า หรือแม้แต่อาณาจักรเต๋าได้อย่างง่ายดาย!
อย่างไรก็ตามเทียนอวิ๋นซ่างเหรินรู้สึกลังเลเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่กล้าที่จะลองพยายามทะลวงผ่านเข้าไป มันรู้ดีว่าถ้าทำพลาดไปก็ต้องตาย ผลสุดท้ายก็คือว่าตลาดเมฆาสวรรค์ยังคงเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครกล้าจะมาหาเรื่องด้วย แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ต่างก็เฝ้าระวังที่จะไม่ทำสิ่งใดๆ ไปรบกวนมัน นอกจากนั้น…ถึงแม้ว่ามันไม่อาจจะทะลวงผ่านไปได้ แต่ก็ยังคงอยู่ในฐานะที่เป็นผู้ฝึกตนเสมือนเต๋า
ถ้ามีความขัดแย้งเกิดขึ้น มันก็จะทะลวงผ่านเข้าไปในอาณาจักรเต๋าเพื่อจัดการปัญหาเหล่านั้น ทำให้มันสามารถจะจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้ามันล้มเหลวและกลายเป็นผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋า อายุขัยของมันก็จะมีขีดจำกัด ด้วยการมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนั้น
มันอาจจะบ้าคลั่งขึ้นมาได้ ราวกับว่ามันไม่กลัวความตายแม้แต่น้อย สถานการณ์เช่นนี้คงจะทำให้กองกำลังหลักทั้งหมดต้องปวดศีรษะเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าไม่ได้กลับบ้านมานาน หลังจากที่กลับไปในครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะเป็นเมื่อไหร่…เตียเหนียงก็ติดอยู่บนดาวหนานเทียน ดังนั้นข้าควรจะซื้อของขวัญดีๆ ไปให้พวกท่านบ้าง…” เมิ่งฮ่าวคิด ด้วยเช่นนั้นเขาจึงพุ่งตรงไปยังตลาด ในทันทีที่ผ่านเกราะป้องกันเข้าไป ก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่กดทับลงมาบนร่าง
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงกระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากตรึงมาบนร่างด้วยเช่นกัน ซึ่งมาจากกลุ่มผู้ฝึกตนในชุดสีม่วงแดง เขาบอกได้ว่าถ้าพยายามจะทำอะไรที่ไม่ตรงไปตรงมา พวกมันก็จะพุ่งมาโจมตีเขาในทันที
แน่นอนว่า ไม่ว่าพวกมันจะวิเคราะห์เมิ่งฮ่าวด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อย่างไรก็ตามที พวกมันทั้งหมดต่างก็รู้สึกว่าเขาอยู่ในอาณาจักรเซียน ไม่อาจจะตรวจจับได้ถึงกลิ่นอายที่ยากจะเข้าใจได้บนร่างเขา ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าเขากำลังซุกซ่อนบางสิ่งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตนเองไว้ แต่ผู้ฝึกตนมักจะมีวิชาเวทและของวิเศษต่างๆ ที่ทำให้คนอื่นๆ ไม่อาจจะบอกสิ่งใดๆ เกี่ยวกับพวกมันได้ ด้วยการใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านเท่านั้น นอกจากนี้คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกมันที่จะคาดคิดได้ว่า เมิ่งฮ่าวอาจจะเป็นบุคคลที่แม้แต่ปรมาจารย์ของพวกมัน, เทียนอวิ๋นซ่างเหรินยังต้องหวาดกลัว
แน่นอนว่าเมิ่งฮ่าวมีชื่อเสียงอยู่ในขุนเขาทะเลที่เก้าเรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีคนอยู่น้อยมากที่จะจดจำตัวจริงของเขาได้ คนส่วนใหญ่เคยเห็นภาพเขาอยู่บนจอภาพเท่านั้น และไม่ค่อยคุ้นตามากนัก กับหน้าตาที่แท้จริงเมื่อดูในระยะใกล้ชิด
ผู้ฝึกตนชุดสีแดงม่วงเหล่านี้ก็เช่นเดียวกัน บางคนคิดว่าเขาดูคุ้นตา แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะนึกได้ว่าพวกมันเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อน
เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่กดทับลงมาบนร่าง ถ้าเขาต้องการก็สามารถจะต่อต้านกลับไป
หรือแม้แต่จะทำลายเกราะป้องกันทั้งหมดไปได้อย่างง่ายดาย แต่เขาแค่มายังที่แห่งนี้เพื่อซื้อของขวัญบางอย่างเท่านั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องอวดดียกตนข่มท่าน ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ตนเองถูกกดลงไปยืนบนพื้น
ในทันทีที่ทำเช่นนี้ สายตาที่จ้องนิ่งมาบนร่างเขาก็หายไป ไปสังเกตดูผู้ฝึกตนที่กำลังเข้ามาคนอื่นๆ พวกมันไม่ให้ความสนใจต่อเมิ่งฮ่าว อีกต่อไป
เมิ่งฮ่าวตบไปที่ถุงสมบัติและกระแอมไอออกมา หลังจากที่เอาชนะเดิมพันกลุ่มผู้ฝึกตนอสูรในอาณาจักรแห่งท้องทะเลที่เก้า ทำให้มีหยกเซียนอยู่ไม่น้อย และไม่มีใครรู้ว่าเขาคือผู้ที่ร่ำรวย เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ อยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็เริ่มเดินไปเรื่อยๆ เท่าที่เห็นส่วนใหญ่แล้ว เขารู้ว่านี่เป็นตลาดเกี่ยวกับอะไร มีร้านค้าและสถานที่ประมูลขายสินค้าอยู่หลากหลายมากมาย สำหรับสถานที่ประมูลขายสินค้า ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิก ใครก็ตามสามารถจะเข้าร่วมการประมูลได้
นอกจากร้านค้าและสถานที่ประมูลขายสินค้าแล้ว ยังมีแผงขายของพ่อค้าหาบเร่อีกด้วย ซึ่งเป็นส่วนหลักของตลาดแห่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คาดคิดได้ต่างก็มีวางขายบนแผงเหล่านั้น
หลังจากที่ตรวจสอบดูคร่าวๆ แล้ว เมิ่งฮ่าวก็เดินเข้าไปในร้านแห่งหนึ่ง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือผู้ฝึกตนสี่ถึงห้าคน ต่างก็มีพนักงานขายอยู่ด้านข้างกำลังให้คำแนะนำเกี่ยวกับของวิเศษต่างๆ ที่วางขายอยู่
ในทันทีที่เขาเดินเข้าไป หญิงสาวเยาว์วัยผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา แต่ก่อนที่นางจะกล่าวคำทักทาย เมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อด้วยท่าทางเดียวกับเศรษฐีโจวที่เขาจำได้ เชิดหน้าขึ้นกล่าวเสียงราบเรียบว่า “นำข้าไปยังแผนกสินค้าชั้นเยี่ยม”
หญิงสาวนางนั้นมองมาชั่วขณะ และแอบดูถูกเขาแทบจะในทันที นางเคยเห็นผู้คนเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าวมาอย่างมากมายในอดีตที่ผ่านมา ผู้คนเหล่านั้นคิดว่าตนเองร่ำรวย แต่เมื่อได้เห็นสิ่งของราคาแพง ก็ไม่ซื้ออะไรเลย
ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งเหมือนก่อนหน้านี้ นางพยักหน้าและนำเขาไปยังมุมหนึ่งของร้าน จากนั้นก็ตบมือ ทำให้ผนังหมุนไปในทันที ไม่นานต่อมา ของวิเศษสิบกว่าชิ้นก็ปรากฏขึ้น
“ชิ้นนี้” เมิ่งฮ่าวกล่าว ชี้ไปยังกระดิ่งใบหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปยังชิ้นอื่น “และชิ้นนี้ด้วย ชิ้นนั้นด้วย และนั่นด้วย เจ็ดชิ้นเหล่านี้…”
“สหายเต๋าท่านนี้มีสายตาที่แหลมคมนัก” หญิงสาวเยาว์วัยกล่าวเสียงราบเรียบ “ทั้งเจ็ดชิ้นเหล่านี้เป็นของวิเศษชั้นดี ราคาทั้งหมดหกล้านหินลมปราณ ถ้าท่านจ่ายด้วยหยกเซียน ก็จะได้รับส่วนลดบ้างเล็กน้อย…” นางมองดูเมิ่งฮ่าว ด้วยความอยากรู้ว่าเขาจะกล้าซื้อสิ่งของทั้งเจ็ดชิ้นนี้หรือไม่ หลังจากที่ได้ยินราคาที่แพงลิ่วของพวกมัน
“ของทั้งเจ็ดชิ้นเหล่านี้…ข้าไม่ต้องการ” เขากล่าวเสียงราบเรียบ
หญิงสาวเยาว์วัยแอบหัวเราะอย่างเย็นชาอยู่ภายในใจ แต่สีหน้าก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย นางกำลังจะพูดขึ้นมา แต่เมิ่งฮ่าวก็กล่าวว่า “แต่ข้าต้องการชิ้นอื่นๆ ทั้งหมด”