ตอนที่ 1153
ช่างใจดี ช่างซื่อสัตย์
เศษซากเซียนคือเศษชิ้นส่วนจากซากปรักหักพังของโลกแห่งเซียน พวกมันเป็นสถานที่ซึ่งแม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าธรรมดาทั่วไป ก็ไม่อาจจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวมันได้ อย่าว่าแต่จะนำมันไปเหมือนกับเป็นของที่ระลึก สิ่งที่พวกมันสามารถทำได้ก็คือมองไปยังซากปรักหักพังลอยไปมาอยู่ที่นั่นตราบชั่วนิรันดร์
มีแต่ผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังเช่นราชันแห่งเก้าขุนเขาทะเลเท่านั้น ถึงจะสามารถนำชิ้นส่วนจากเศษซากเซียนออกไปได้ ยกตัวอย่างเช่นปรมาจารย์รุ่นแรกของตระกูลฟาง ที่นำชิ้นส่วนของเศษซากเซียนกลับไปยังตระกูลเพื่อทำเป็นสุสาน
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นชิ้นส่วนของเศษซากเซียนยาวหนึ่งหมื่นจ้างกำลังลอยตรงมายังตนเอง จิตใจก็เริ่มเต้นรัวด้วยความกระตือรือร้น และลำคอก็เริ่มแห้งผาก ชิ้นส่วนนี้ไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับชิ้นที่ปรมาจารย์รุ่นแรกนำกลับไป แต่ก็ยังคงมีขนาดใหญ่ประมาณสามในสิบส่วนของชิ้นนั้นได้ ช่างใหญ่โตยิ่งนัก
โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก ถ้านำมันไปโจมตีใครบางคน คงทำให้คนผู้นั้นถูกบดขยี้ไปจนแหลกเละ
“ของวิเศษ!” เมิ่งฮ่าวรีบยื่นมือออกไปคว้าจับไว้ในทันที
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ขณะที่ชิ้นส่วนของเศษซากเซียนลอยผ่านความว่างเปล่าตรงมาที่เขา ก็ทำให้ทุกสรรพสิ่งส่งเสียงดังกระหึ่มและสั่นสะเทือนไปมา เกิดเป็นระลอกคลื่นอันน่าตกใจพุ่งออกไป ชิ้นส่วนนั้นเริ่มหดเล็กลง ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และแอบพึมพำอยู่ภายในใจว่า ไห่เมิ่งจื้อจุนช่างใส่ใจผู้อื่นนัก รู้สึกดีใจจนแทบคลุ้มคลั่ง มันลอยตรงมาที่เขา หดเล็กลงจนกระทั่งมีขนาดเท่าฝ่ามือ จากนั้นก็ลอยลงไปอยู่บนฝ่ามือของเขา
เมื่อมันหยุดลง สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็เต็มไปด้วยความเบิกบานใจ แต่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นสลดลงในทันที
เมื่อตระหนักว่าไม่อาจจะถือมันไว้ได้ มันเริ่มตกลงไปในฉับพลัน ถึงแม้ว่ามันจะเปลี่ยนขนาดไปแล้ว แต่ก็ยังมีน้ำหนักเหมือนกับตอนที่มีความกว้างหนึ่งหมื่นจ้าง!
นี่ไม่ใช่ชิ้นส่วนธรรมดาของผืนดิน มันคือเศษชิ้นส่วนของโลกแห่งเซียน!! สามารถจะกล่าวได้ว่ามันคือ…ทวีปจากโลกแห่งเซียน!!
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกมา ขณะที่น้ำหนักอันน่าเหลือเชื่อนั้น ทำให้เสียงแตกร้าวดังกระจายออกมาจากมือของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นผืนดินขนาดใหญ่นั้นก็ตกลงมาจากมือของเขา หมุนคว้างลงไปในความว่างเปล่าด้านล่าง แต่ก็ดูเหมือนว่าความว่างเปล่านั้นจะไร้จุดสิ้นสุด ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังของวิเศษอันล้ำค่าของเศษซากเซียนตกลงไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำ โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาบินไล่ติดตามลงไปในทันที
“เพียงเพราะเจ้าไม่อาจจะถือมันไว้ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่เคยให้มันกับเจ้ามาก่อน ดินแดนในเศษซากเซียนนี้เต็มไปด้วยพลังของอาณาจักรเซียนผู้ยิ่งใหญ่เมื่อในอดีต มันคือ…ของวิเศษอันล้ำค่าอย่างแท้จริง ส่วนที่ข้ามอบให้เจ้าไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็มีน้ำหนักเทียบเท่ากับ…หนึ่งในสิบของดาวตงเซิ่ง!”
“เมื่อเจ้าต้องการของรางวัลจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรสายลม ไม่ว่าเจ้าสามารถจะถือมันไว้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นกับตัวเจ้าเองแล้ว” ในทันทีที่คำพูดอันเย็นชาของนางผ่านเข้าไปในหู เมิ่งฮ่าวก็เริ่มรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
หลี่หลิงเอ๋อร์ยืนอยู่ที่ข้างกายไห่เมิ่งจื้อจุน มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่หายตัวไปด้านล่างด้วยสีหน้าแปลกๆ และจากนั้นก็มองกลับไปยังไห่เมิ่งจื้อจุน หลังจากที่กระพริบตาปริบๆ อยู่สองสามครั้ง นางก็ยิ้มออกมา พยายามกลั้นหัวเราะไว้
เมิ่งฮ่าวมีโทสะเป็นอย่างยิ่ง และจิตใจก็มีโลหิตไหลหยดหยาดลงมา ถ้าชิ้นส่วนของเศษซากเซียนนี้ไม่เคยเป็นของเขามาก่อน ต่อให้มันสูญหายไปก็ไม่เป็นไร
แต่ไห่เมิ่งจื้อจุนได้มอบมันให้กับเขาแล้ว ปัญหาก็คือว่าเขาไม่อาจจะถือมันไว้ได้ เมื่อเห็นมันตกลงไปก็รู้สึกราวกับว่ากำลังมีมีดมากรีดเฉือนหัวใจ
มีเวลาเพียงเล็กน้อยที่จะครุ่นคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบ แสงสีฟ้าพุ่งออกมาอยู่รอบๆ ตัว เขายังใช้พลังเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าจากผลเนี่ยผานลูกที่สามตรงหน้าผากออกมาอีกด้วย พุ่งลงไปด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ…ขณะที่ไล่ติดตามชิ้นส่วนของเศษซากเซียนไป เขากลายเป็นวิหคยักษ์สีฟ้า เพิ่มความเร็วจนกระทั่งพุ่งลงไปราวกับเป็นสายฟ้า
“กลับมานี่! เจ้าเป็นของข้า ของข้าเท่านั้น!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดงจ้า รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างรุนแรง บางทีอาจจะเป็นเพราะจิตใจที่ไม่ยอมแพ้อย่างเข้มข้น และความขุ่นเคืองอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เขาพุ่งลงไปด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่ตอนที่กำลังหลบหนีเอาชีวิตรอด เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่เข้าไปใกล้ชิ้นส่วนของเศษซากเซียนที่กำลังตกลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนี้เขาเพ่งสมาธิไปที่ชิ้นส่วนของเศษซากเซียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เสียงระเบิดดังก้องขึ้นมา ขณะที่เขาปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์และเวทแห่งเต๋าออกมามากมาย ทุ่มออกมาจนสุดตัวจนเวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ก่อนจะในที่สุดก็ไล่ตามไปจนทัน จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปและทำท่าคว้าจับตรงไปยังชิ้นส่วนของเศษซากเซียนที่กำลังตกลงไป
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ชิ้นส่วนของเศษซากเซียนที่กำลังตกลงไปหยุดชะงักนิ่ง ด้วยความรวดเร็วและไม่ออมพลังใดๆ ไว้แม้แต่น้อย เมิ่งฮ่าวกระทำเรื่องเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงแม้จะไม่ง่ายนักแต่ในที่สุด ชิ้นส่วนของเศษซากเซียนก็กลายเป็นลำแสงลอยเข้าไปในถุงสมบัติของเขา
ถึงแม้ว่าไห่เมิ่งจื้อจุนจะไม่กล่าวเตือนเมิ่งฮ่าวเกี่ยวกับน้ำหนักของมัน แต่นางก็บอกว่าจะมอบชิ้นส่วนของเศษซากเซียนให้กับเขา และนางก็ไม่ได้โกหก
ด้วยเช่นนั้นถึงแม้ว่ามันจะมีน้ำหนักอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ถูกเปลี่ยนไปด้วยพลังเวทของนาง ทำให้สามารถจะใส่เข้าไปในถุงสมบัติของเขาได้
ต้องขอบคุณสำหรับเวทการเปลี่ยนแปลงของไห่เมิ่งจื้อจุน ทำให้ดินแดนขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักเท่ากับหนึ่งในสิบส่วนของดาวตงเซิ่ง ไร้น้ำหนักแม้แต่น้อย เมื่อเข้าไปอยู่ด้านในถุงสมบัติ
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา จากนั้นก็บินกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็กลับไปยังตำแหน่งเดิม แต่ก็พบว่าไห่เมิ่งจื้อจุนได้หายตัวไปแล้ว พร้อมทั้งหลี่หลิงเอ๋อร์และถ้ำแห่งเซียน สิ่งเดียวที่ยังคงเหลืออยู่คือเสียงที่ดังก้องของนาง
“กระจกบานนั้นเป็นสิ่งอัปมงคล มันจะทำร้ายผู้เป็นเจ้าของ ปรากฏขึ้นครั้งแรกในสมัยโบราณ และตอนนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง”
นอกจากเสียงนั้นแล้ว มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งก็คือกระแสน้ำวนเคลื่อนย้ายทางไกลที่กลายเป็นน้ำแข็ง ตอนนี้มันเริ่มหมุนวนไปมาอย่างช้าๆ ทำให้น้ำแข็งละลายไป รอคอยให้เขาผ่านเข้าไป เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง
ถ้ำแห่งเซียนหายไป, หลี่หลิงเอ๋อร์หายไป และไห่เมิ่งจื้อจุนก็…หายไป!
“พวกนางไปไหนกัน? พวกนางจากไปแล้ว? นางตั้งใจทำเช่นนี้! ตั้งใจทำเช่นนี้อย่างแน่นอน!” จากสีหน้าของเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนกับว่าเขากำลังจะตบไปที่ศีรษะตนเอง
“ข้ามีความเสียใจอยู่สิบเก้าครั้ง! ข้า, ข้า…ข้าได้รับมาแค่ครั้งแรกเท่านั้น!
ไห่เมิ่งจื้อจุน ท่านแอบหนีไปไหน, หือ? มันไม่ถูกต้อง ท่านได้ยินข้าหรือไม่!? มันไร้เหตุผล! ข้าไม่ใช่คนโลภมาก! ข้ามีความเสียใจอยู่แค่สิบเก้าครั้งเท่านั้น มันไม่ได้มากมายเท่าใดนัก!” เมิ่งฮ่าวรู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่ง และจากนั้นก็เต็มไปด้วยความเสียใจ ขณะที่ตระหนักว่าเขาไม่ได้พูดให้เร็วเพียงพอ
ถ้ารู้ว่าเรื่องราวจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ เขาคงจะพูดถึงความเสียใจทั้งสิบแปดครั้งในรวดเดียว นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรจะกระทำ
“นางคือผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่โอ่อ่าเกรียงไกร! ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีโอกาสร้องขอค่าตอบแทนอย่างมีเหตุผลเช่นนี้ แต่สุดท้ายนางก็เอาเปรียบข้า!”
“ถ้าข้าโลภมาก ก็สมควรแล้วที่นางจะหลบหนีจากไป แต่ข้าไม่ได้โลภมากแม้แต่น้อย! สิ่งเดียวที่ข้าเอ่ยถึงก็คือสิบเก้าความเสียใจ! บางคนอาจจะพูดเป็นร้อย หรือเป็นพันด้วยซ้ำ!”
“เฮ้อ! โลกในทุกวันนี้ไม่มีใครสัตย์ซื่อและเชื่อถือได้เท่าข้าอีกแล้ว ทำให้ข้าต้องถูกรังแกอยู่เรื่อย คนเหล่านี้ช่างมากเกินไปแล้ว มักชอบจะรังแกแต่คนซื่อสัตย์!” เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยโทสะ แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจด้วยความโศกเศร้าต่อไป
“อย่างน้อยข้าก็ได้เศษซากเซียนมาบ้าง เมื่อถึงเวลา ข้าจะกลับไปยังดาวตงเซิ่ง ช่วยนักรบศิลาที่เคอฟู่ (ท่านพ่อเคออวิ๋นไห่) มอบให้ข้าออกมา” เมื่อครุ่นคิดมาจนถึงจุดนี้ เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่อาจจะหยุดคิดว่า ไห่เมิ่งจื้อจุนได้รังแกคนที่ซื่อสัตย์เช่นเขาอย่างไร้ความยุติธรรมยิ่ง
เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าเข้าไปในกระแสน้ำวนด้วยใบหน้าที่ขุ่นเคืองคิ้วขมวดมุ่น จากนั้นเสียงกึกก้องที่มาพร้อมกับพลังของการเคลื่อนย้ายทางไกล ก็ดังกระหึ่มขึ้นมาอยู่ชั่วขณะก่อนที่เขาจะหายตัวไป จากนั้นกระแสน้ำวนก็จางหายไปช้าๆ อย่างไร้ร่องรอยใดๆ
เรื่องราวของอาณาจักรสายลมได้ข้อสรุปแล้วโดยสิ้นเชิงในตอนนี้
นับจากนี้เป็นต้นไป จะไม่มีอาณาจักรสายลมอยู่ในความว่างเปล่าของอาณาจักรขุนเขาทะเล มันหายไปตราบชั่วนิรันดร์ อาณาจักรแห่งท้องทะเลทั้งเก้าแห่ง ไม่อาจจัดการแข่งขันในอาณาจักรสายลมได้อีกต่อไป
มีเพียงเซียนกู่เต้าฉ่างและสำนักกระบี่ไท่สิงเท่านั้น ที่ยังคงสามารถรักษาอาณาจักรของพวกมันไว้ได้
ในขณะเดียวกันนั้น เงาร่างในชุดดำผู้หนึ่งกำลังก้าวเนิบนาบผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในอาณาจักรขุนเขาทะเลมา ผ่านผู้ฝึกตน, ผ่านขุนเขาทะเล, ผ่านความว่างเปล่า แต่ไม่มีใครมองเห็นมันได้ คล้ายกับว่ามันคือวิญญาณอันเดียวดายที่ลอยล่องไปมาอยู่ในขุนเขาทะเล…
ในช่วงเวลาที่อาณาจักรสายลมผ่านเข้าไปในสามสิบสามสวรรค์ ตรงตำแหน่งที่ห่างไกลออกไปในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวอันไร้ขอบเขต ดวงดาวตรงตำแหน่งที่แตกต่างกันสองแห่ง กำลังสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง ขณะที่กองกำลังอันทรงพลังสองฝ่ายกำลังพุ่งตรงมา
พวกมันอยู่ห่างไกลออกไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเลเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ระยะทางที่ห่างไกลเช่นนั้นก็ไม่สำคัญแต่อย่างใด ขณะที่พวกมันกำลัง…ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ!
พร้อมกันนั้นย้อนกลับไปยังเขตชายขอบที่อยู่ใกล้กับอาณาจักรขุนเขาทะเลที่เก้า จู่ๆ ก็เกิดเป็นระลอกคลื่นพุ่งกระจายออกไป จนเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น ค่อยๆ ก่อตัวเข้าด้วยกันจนกลายเป็นกระแสน้ำวน เมิ่งฮ่าวก้าวเดินออกมา และมองไปรอบๆ จากภาพที่ดูคุ้นเคยรอบๆ ตัว ทำให้เขาจดจำได้ว่านี่คือทะเลที่เก้าในทันที
“ในที่สุด…ข้าก็กลับมาแล้ว” เมิ่งฮ่าวพึมพำ คิดย้อนกลับไปยังทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในอาณาจักรสายลม ทำให้ต้องแอบถอนหายใจออกมา จากนั้นก็มองขึ้นไปในความว่างเปล่าและคิดไปถึงจ้งอู๋หยา
“ไม่รู้ว่ามันจะค้นพบเต๋าที่แท้จริงของมันได้หรือไม่….” เมิ่งฮ่าวคิด ส่ายหน้าช้าๆ หลังจากยืนอยู่ที่นั่นอยู่ชั่วขณะ ดวงตาก็สาดประกายขึ้น
“อาณาจักรขุนเขาทะเลที่เก้าคือบ้านของข้า น่าเสียดาย…ที่ข้าต้องจากไปแล้วในตอนนี้ สวี่ชิงอยู่ในขุนเขาทะเลที่สี่ และข้าต้องไปค้นหานาง เพื่อทำตามสัญญาของพวกเรา และนำนางกลับมายังที่แห่งนี้!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า การเดินทางไปยังอาณาจักรสายลมทำให้เขาได้รับโชควาสนาอย่างน่าเหลือเชื่อ เขาดูดซับผลเนี่ยผานเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์ เริ่มต้นขั้นตอนการกลายเป็นเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้า และรับรู้ได้ถึงร่องรอยที่สำคัญของสวี่ชิง ทั้งหมดนี้ทำให้เขาพร้อมที่จะจากอาณาจักรขุนเขาทะเลที่เก้าไป
เส้นทางของเขา และโลกของเขา ไม่ได้ถูกจำกัดไว้ที่ขุนเขาทะเลที่เก้าอีกต่อไป เขาจะไปดู…โลกที่ใหญ่กว่านี้และกว้างกว่านี้!
“ข้าจำเป็นต้องทำให้ตั๋วสัญญาหนาขึ้นกว่านี้!” เมิ่งฮ่าวคิดด้วยความหลงใหล
“ผู้ฝึกตนลำดับขั้น ผู้ถูกเลือก ไม่สำคัญว่าเป็นใคร ข้าจะทำให้กลุ่มคนในรุ่นนี้ของอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมดเป็นหนี้ข้า! และจากนั้น…ข้าก็จะไปจัดการกับรุ่นอาวุโส! ข้าจะ…ทำให้พวกมันกลายเป็นลูกหนี้ข้าด้วยเช่นกัน!”
“จากนั้นข้าก็จะกลายเป็นราชันแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลในรูปแบบของตัวเอง!” เมิ่งฮ่าวคิดว่าความทะเยอะทะยานของตนเองช่างสูงส่งยิ่งนัก ถึงแม้ว่าจะมีงานใหญ่รออยู่ที่เบื้องหน้า แต่ก็มั่นใจว่าเขาต้องทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน
พร้อมกับดวงตาที่สาดประกาย ร่างเขาแวบขึ้นขณะที่บินออกไปยังที่ห่างไกล
“ตั้งแต่ออกมาจากดาวหนานเทียน ข้าไม่มีโอกาสที่จะกลับไปเยี่ยมเตียเหนียง (บิดามารดา) เลย รวมทั้งเจี่ยเจีย (พี่สาว) ด้วย…ข้าต้องไปยังดาวหนานเทียนเพื่อบอกลาเตียเหนียงก่อนที่จะจากไป”
“ดาวหนานเทียน…ยังมีแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่นอีกด้วย ข้าต้องกลับไปทดสอบยังสถานที่แห่งนั้นอีกครั้ง!” เมิ่งฮ่าวพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็วสูงสุด กลายเป็นริ้วแสงอันเจิดจ้ามุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของดาวหนานเทียน
“นอกจากนี้ เมื่อข้าตัดสินใจที่จะจากขุนเขาทะเลที่เก้าไปแล้ว ก็น่าจะไปทวงหนี้ได้แล้ว ข้ามีตั๋วสัญญาอยู่มากมาย และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะเก็บรวบรวมพวกมันทั้งหมดแล้ว!”
เมิ่งฮ่าวเริ่มรู้สึกว่าตนเองมีจิตใจที่อ่อนโยนมากเกินไป เมื่อไหร่ที่ได้เห็นผู้คนไม่มีเงิน เขามักจะรู้สึกสงสาร และไม่บังคับให้พวกมันจ่ายหนี้คืนมา ยกเว้นดอกเบี้ยบางส่วนเท่านั้น
“ครั้งนี้ ข้าจะไม่ใจดีอีกแล้ว! เมิ่งฮ่าว อา เมิ่งฮ่าว เจ้าต้องไม่ใจดีอีกต่อไป!”
เมิ่งฮ่าวเฝ้าบอกตนเองอย่างต่อเนื่อง