Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1163

ตอนที่ 1163

ก้าวเข้าไปในเต๋าล้มเหลว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้นมาด้วยความจดจ่อ ขณะที่มองไปยังทุกสรรพสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างละเอียด เส้นทางสู่เต๋าคือจุดวิกฤตเมื่อก้าวจากอาณาจักรโบราณเข้าไปในอาณาจักรเต๋า แม้จะด้วยประสบการณ์การฝึกตนทั้งหมดของเขา แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่เคยเห็นใครก้าวเข้าไปในเต๋ามาก่อน

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินไปตอแยใครบางคนที่มันไม่ควรจะไปมีเรื่องด้วย และตอนนี้ก็ไร้ทางเลือกนอกจากต้องลองดูกับเส้นทางนี้ ซึ่งเป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของมันที่จะมีชีวิตรอดออกมาจากสถานการณ์ในตอนนี้ได้

สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็สั่นไปมา ผู้ฝึกตนชุดม่วงแดงส่วนใหญ่ในตลาดเมฆาสวรรค์เลือกที่จะยอมจำนน ทำให้บุคคลเหล่านั้นไม่ถูกตระกูลฟางกวาดล้างไป ในตอนนี้ตลาดเมฆาสวรรค์กลายเป็นตลาดตระกูลฟางไปแล้วอย่างแท้จริง!

ตัวของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินเองเป็นเพียงแค่ผู้รอดชีวิตเท่านั้น ตอนนี้มันกำลังพุ่งตรงไปยังกระแสน้ำวนด้วยความรวดเร็วสูงสุด แต่ขณะที่มันใกล้เข้าไป สายฟ้านับไม่ถ้วนก็รวมตัวเข้าด้วยกัน และฟาดลงมาที่ร่างมัน

ช่างเป็นภาพที่โอ่อ่าเกรียงไกรเป็นอย่างยิ่ง เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจดังก้องออกมาขณะที่สายฟ้าฟาดลงมา ถ้ามองดูให้ละเอียด ก็จะมองเห็นโครงร่างของผู้คนอยู่ภายในสายฟ้าเหล่านั้น

ถึงแม้ว่ายากที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ก็ดูยิ่งใหญ่เป็นอย่างยิ่ง…

ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลงในตอนที่มองเห็นภาพเหล่านี้

เสียงระเบิดดังก้องออกมา และเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็สั่นไปทั้งร่าง โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปาก แต่ตอนนี้มันอยู่ในขั้นที่แปลกๆ

กฎธรรมชาติและแก่นแท้หมุนวนอยู่รอบๆ ตัว มันแผดร้องคำรามออกมาขณะที่กระแทกเข้าไปยังสายฟ้า และพยายามจะก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวนนั้น

มันรู้ว่าการกระทำเช่นนี้คือสิ่งแรกที่ต้องทำให้สำเร็จ เพื่อก้าวเข้าไปในเต๋า ถึงแม้ว่าจะมีอันตรายอันร้ายแรงพุ่งขึ้นมาหลังจากที่มันทำได้ แต่ก้าวแรกนี้คือสิ่งที่ยืนยันว่ามันมีคุณสมบัติที่จะผ่านเข้าไปในก้าวที่สอง

“ถ้าข้าก้าวเข้าไปในเต๋าได้สำเร็จ ข้าก็จะใช้พลังของอาณาจักรเต๋าหลบหนีไปจากสถานที่แห่งนี้ ข้าจะไปเข้าร่วมกับตระกูลจี้ และหลังจากนั้นข้าก็จะเป็นศัตรูที่ไม่อาจจะอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับตระกูลฟางได้!”

“ถ้าข้าล้มเหลว ก็ไม่อาจจะหลบหนีจากไปได้ ดังนั้นข้าจะอยู่ที่นี่ และสังหารกลุ่มคนตระกูลฟางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าจะให้พวกมันถูกกลบฝังร่วมกับข้า!” เทียนอวิ๋นซ่างเหรินคิดแผนการไว้เรียบร้อย ในตอนนี้มันเลือกที่จะไม่ไปขบคิดว่า ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างถึงได้กลับกลายเป็นเช่นนี้ ทั้งไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะการกระทำของมันเอง จึงได้นำไปสู่เหตุการณ์เช่นนี้

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นในจิตใจมัน!

สังหารเมิ่งฮ่าว!

ความแค้นทั้งหมดของมันได้มุ่งเน้นไปที่เมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่ามันจะก้าวเข้าไปในเต๋าได้สำเร็จหรือไม่ ความปรารถนาหลักก่อนตายของมันก็คือ สามารถสังหารเขาไปให้จงได้

มันแผดร้องคำรามออกมา ขณะที่พุ่งตรงไปยังกระแสน้ำวน เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกมา และสายฟ้าก็ฟาดลงไป ความรวดเร็วในการพุ่งตรงไปของมันเริ่มช้าลงไปเรื่อยๆ

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ยืนห่างออกไปไกล เฝ้ามองดูภาพนี้อย่างครุ่นคิด

ฟางโส่วเต้ายืนอยู่ที่ด้านข้าง สายตาก็เพ่งนิ่งไปยังกระแสน้ำวนที่อยู่ในความว่างเปล่าด้านบนด้วยเช่นกัน

“เทียนอวิ๋นซ่างเหรินพร้อมที่จะก้าวเข้าไปในเต๋ามาหลายปีแล้ว” มันกล่าวเสียงราบเรียบ ขณะที่มองดูเทียนอวิ๋นซ่างเหรินกำลังเข้าไปใกล้กระแสน้ำวน “ไม่เคยกล้าที่จะก้าวเข้าไปเลย แต่กลับใช้สถานการณ์ของตนเองก่อตัวเป็นเกราะป้องกัน…อาจจะกล่าวได้ว่าเหล่าฟูกำลังช่วยมันให้ก้าวเข้าไปเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามีทั้งหมดเก้าทัณฑ์เมื่อก้าวเข้าไปในเต๋า นี่เป็นแค่ทัณฑ์แรกเท่านั้น, ทัณฑ์สายฟ้า”

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินพ่นโลหิตออกมา และกลิ่นอายของมันกำลังอ่อนแอลง แต่ก็ให้ความรู้สึกว่ามันยินยอมทำทุกอย่างที่จะระเบิดเป็นพลังออกมา ถึงแม้ว่าจะต้องตายไปก็ตามที มันกู่ร้องออกมา ชั้นของกลุ่มเมฆและสายหมอกก่อตัวขึ้นมาอยู่รอบๆ ร่างมันอย่างน่าตกใจยิ่ง ซึ่งจากนั้นก็สลับกันเปลี่ยนแปลงระหว่างสายฝนและกลุ่มหมอก นี่คือ…แก่นแท้ของมัน!

แต่แก่นแท้นั้นคืออะไรไม่มีใครบอกได้ ในขณะที่พวกมันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวนและจากนั้นก็เดินไปจนสุดเส้นทาง แก่นแท้ของมันก็จะก่อตัวขึ้นมาอย่างแท้จริงจนสมบูรณ์

การที่คนผู้หนึ่งจะสามารถเดินไปบนเส้นทางนั้นได้ไกลแค่ไหน และอาณาจักรสุดท้ายของคนผู้นั้นจะสิ้นสุดตรงไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนผู้นั้นจะมีแก่นแท้อยู่ในครอบครองมากน้อยแค่ไหน แน่นอนว่ายิ่งคนผู้นั้นเดินไปไกลมากขึ้น โอกาสที่จะล้มเหลวก็สูงขึ้นตามไปด้วย

เสียงระเบิดดังก้องออกไป และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากของเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ในช่วงวิกฤตนี้ มันใช้สองมือขยับร่ายเวท จากนั้นก็ฟาดลงไปบนหน้าผาก ทันใดนั้นพื้นฐานฝึกตนของมันก็ปะทุขึ้นมา และร่างมันก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมีความสูงหลายสิบจ้าง

จากนั้นมันก็พุ่งตรงไปยังกระแสน้ำวน สายฟ้าฟาดลงมาบนร่างมันมากขึ้น จนร่างมันเริ่มหดเล็กลง ในที่สุดก็อยู่ห่างจากกระแสน้ำวนเพียงแค่สิบจ้างเท่านั้น และร่างมันก็กลับไปสู่ความสูงตามปกติเหมือนเดิม

ดวงตามันสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความบ้าคลั่ง แผดร้องคำราม ทุ่มออกมาจนสุดตัว พุ่งตรงไป แต่ในทันทีที่มันก้าวเข้าไปในกระแสน้ำวน กลุ่มหมอกก็ระเบิดออกมาจากด้านใน กลายเป็นหอกที่พุ่งตรงไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน แทบจะสังหารมันไป แต่กระนั้นมันก็ยังต้องส่งเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ขณะที่ถูกผลักให้ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง

“ไม่!!” ขณะที่มันถอยไปทางด้านหลัง สายฟ้านับไม่ถ้วนก็ฟาดลงมา ทำให้ร่างมันจมอยู่ทะเลสายฟ้าไปโดยสิ้นเชิง

ฟางโส่วเต้าส่ายหน้า “ทัณฑ์ที่สองกำลังมา, ทัณฑ์อาวุธ เทียนอวิ๋นผู้นี้…มีจิตเต๋าไม่มั่นคง แก่นแท้ของมันไม่อาจจะรวมตัวกันได้ และพลังแห่งเจตจำนงของมันก็สั่นคลอน ดูเหมือนว่ามันจะล้มเหลวในทัณฑ์อาวุธ”

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินแผดร้องออกมา ขณะที่หอกสายหมอกยังคงพุ่งไล่ตามมันไปอย่างต่อเนื่อง สวรรค์สั่นสะท้าน และเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็เริ่มหัวเราะด้วยความขมขื่นออกมา ขณะที่ต่อสู้กลับไปอย่างหมดท่า ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีกลุ่มหมอกพุ่งออกมาจากภายในกระแสน้ำวนมากขึ้น

ครั้งนี้กลุ่มหมอกได้กลายเป็นอาวุธแปดชนิด ดาบ, ทวน, กระบี่, ง้าว, ขวานสงคราม, ขวานขนาดเล็ก, ตะขอ และตรีศูล ในทันทีที่พวกมันปรากฏขึ้น ก็เข้าไปร่วมกับหอก กลายเป็นเก้าลำแสงพุ่งตรงไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน

ในตอนนี้ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด ต่างก็ได้ข้อสรุปเดียวกัน เทียนอวิ๋นซ่างเหริน…กำลังจะพ่ายแพ้!

“ข้าไม่ยอม!” มันแผดร้องออกมา ต่อสู้กลับไปด้วยพลังทั้งหมด ปฏิเสธที่จะยอมจำนน ถึงแม้ว่าจะพ่นโลหิตกระจายออกมาจากปากก็ตาม พร้อมด้วยบาดแผลที่มีอยู่มากมายบนร่างมัน กลุ่มหมอกแห่งกฎธรรมชาติและแก่นแท้บางส่วนที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ตัว ได้หลอมรวมเข้าไปในร่างช่วยฟื้นฟูร่างกายมัน แต่…การฟื้นฟูนั้นก็เผาผลาญพลังแห่งกฎธรรมชาติและแก่นแท้ไป ทำให้พลังเหล่านั้นเริ่มอ่อนแอลงและกระจายหายไป

เมื่อพลังเหล่านั้นกระจายหายไปโดยสิ้นเชิง ก็จะเป็นการบ่งบอกว่า…ความพยายามที่จะก้าวเข้าไปในเต๋าของมัน…ล้มเหลว!

“ทัณฑ์ที่สามกำลังมา…” ฟางโส่วเต้ากล่าว มองเข้าไปในกระแสน้ำวน

แทบจะในเวลาเดียวกับที่มันพูดออกมา เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจก็ได้ยินออกมาจากภายในกระแสน้ำวน และสี่เงาร่างก็ปรากฏขึ้น

แต่ละเงาร่างเหล่านี้สวมใส่ชุดเกราะสีดำ ยากที่จะมองเห็นใบหน้าของพวกมันได้ แต่ทั้งหมดกระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวอย่างสุดที่จะพรรณนาออกมา ทำให้สีหน้าของพวกที่มุงดูอยู่ทั้งหมดเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ

“ขุนพลนักรบขุนเขาทะเล!” ฟางโส่วเต้าพึมพำ ดวงตาลุกโชนขึ้นด้วยความหลงใหล

ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังเงาร่างทั้งสี่ ทันใดนั้นเวทผนึกอสูรที่อยู่ภายในร่างก็เริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมา

“เวทเป็นตาย?” เมิ่งฮ่าวคิด แทบจะในทันทีที่เขารับรู้ถึงการเชื่อมต่อนั้น สี่เงาร่างก็หันหน้าตรงมาที่เขาในทันใด ภายในหมวกของพวกมัน ฉับพลันนั้นก็มีแสงแปลกๆ แวบขึ้นมาจากดวงตาพวกมัน

เมื่อสบประสานสายตากัน จิตใจเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้าน ทันใดนั้นไม่เพียงแต่เวทผนึกอสูรเท่านั้นที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างเขา โลหิตผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในผลเนี่ยผานของเขาก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน!

เมิ่งฮ่าวค่อยๆ เริ่มตระหนักได้ว่ามีการเชื่อมต่อกันอย่างแปลกๆ ระหว่างตนเองและเงาร่างทั้งสี่เหล่านี้

“เหมือนกับว่า…ข้าสามารถควบคุมพวกมันได้…” เขาพึมพำด้วยจิตใจที่เต้นรัว

“เจ้าพูดว่าอะไร?” ฟางโส่วเต้าถาม มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

ในช่วงเวลาเดียวกับที่จิตใจเมิ่งฮ่าวกำลังสั่นสะท้าน เทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็หัวเราะเป็นเสียงแหลมเล็กออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและบ้าคลั่ง ในตอนนี้มันก็ตระหนักได้เช่นกันว่าไม่อาจจะทำได้สำเร็จ การก้าวเข้าไปในเต๋าเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ สำหรับผู้ฝึกตนที่อยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ มันคือการทดสอบอันน่ากลัว เกินกว่าการทำให้ตะเกียงวิญญาณดับลงไปจากก่อนหน้านี้

อาณาจักรโบราณคือสถานที่อันน่ากลัวสำหรับผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตาม หลังจากที่บรรลุถึงอาณาจักรนี้ พวกมันต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตอันร้ายแรงครั้งแล้วครั้งเล่า หนทางเดียวที่จะเป็นอิสระจากการคงอยู่เช่นนั้นก็คือ ก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าได้สำเร็จ

“เมิ่งฮ่าว ทั้งหมดนี้คือความผิดของเจ้า!!” เทียนอวิ๋นแผดร้องออกมาด้วยโทสะ เสียงหัวเราะอย่างขมขื่นของมันถูกแต่งแต้มด้วยความบ้าคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงเจิดจ้า ในตอนนี้มันเลือก…ที่จะทำในสิ่งที่คนทั้งหมดซึ่งก้าวเข้าไปในเต๋าล้มเหลวมักจะทำกัน

แทนที่จะพยายามทำการทะลวงผ่านอย่างไร้ความหวังต่อไป มันดูดเอากฎธรรมชาติและแก่นแท้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้เข้ามาในร่าง เพื่อที่จะก่อตัวพลังชีวิตของมันให้เข้าไปอยู่ในอาณาจักรเสมือนเต๋า!

ใครก็ตามที่ล้มเหลวในการก้าวเข้าไปในเต๋า และกลายเป็นผู้ฝึกตนเสมือนเต๋าแทน ก็จะถูกจำกัดอายุขัยอย่างรุนแรง ซึ่งมักจะมีการเชื่อมต่อกับกฎธรรมชาติและแก่นแท้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่หลังจากที่ล้มเหลวไปแล้ว

ยิ่งพวกมันมีกฎธรรมชาติและแก่นแท้หลงเหลืออยู่มากเท่าใด ก็จะยิ่งมีอายุขัยมากขึ้นเท่านั้น ถ้าพวกมันมีน้อยมาก…จำนวนปีที่พวกมันเหลืออยู่ก็จะน้อยตามไปด้วย

เทียนอวิ๋นซ่างเหรินหัวเราะอย่างขมขื่น ดูดพลังที่ใช้ในการทะลวงผ่านกลับเข้าไปในร่าง พร้อมด้วยกลุ่มหมอกแห่งกฎธรรมชาติและแก่นแท้ที่อยู่รอบๆ ตัว

ขณะที่มันดูดพลังกลับเข้าไปนั้น อาวุธสายหมอกทั้งเก้าก็หยุดชะงักนิ่งในทันที หยุดการโจมตีของพวกมันไป

ร่างของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินกระจายเสียงกระหึ่มออกมา ขณะที่กฎธรรมชาติและแก่นแท้หลอมรวมเข้าไปในร่างกาย จากนั้นพลังของมันก็ปะทุขึ้น ผ่านวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ และบรรลุถึง…อาณาจักรเสมือนเต๋า!!

ตอนนี้มันอยู่ในอาณาจักรที่ห่างจากอาณาจักรเต๋าเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น แต่ก็เหนือกว่าวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณเป็นอย่างมาก นอกจากนี้มันยังมีกฎธรรมชาติและแก่นแท้อยู่ด้วย

ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยังคงน่าตกใจเป็นอย่างยิ่งจนถึงจุดที่…แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าที่มีแก่นแท้เพียงหนึ่งเดียว ก็ต้องพบว่ามีปัญหาเป็นอย่างมากที่จะไปต่อสู้กับมัน นอกจากนี้…ผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋าต่างก็เป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่อย่างไร้ความหวังและตกอยู่ในความบ้าคลั่ง!

พวกมันรู้อย่างแน่ชัดว่าจะต้องตายไปเมื่อใด เช่นเดียวกับคนทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ตัวพวกมัน จึงทำให้พวกมันเป็นบ้าไป!

เสียงหัวเราะอย่างขมขื่นดังก้องออกมาจากเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ขณะที่ร่างกายมันสั่นสะท้านและกลิ่นอายก็เปลี่ยนไป พลังชีวิตของมันจางหายไป และถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นอายแห่งความตายอย่างรวดเร็ว!

อายุขัยอันยาวนานของมันถูกกฎธรรมชาติและแก่นแท้กลืนกินลงไป ถ้ามันไม่ใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์หรือทำการต่อสู้ คงจะมีชีวิตอยู่ได้เกือบหนึ่งร้อยปี เมื่อเวลาผ่านไป…มันก็จะตายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ โดยไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในโลกนี้แม้แต่น้อยนิด

สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้ว หนึ่งร้อยปีคือชั่วชีวิตทั้งหมด แต่สำหรับผู้ฝึกตน หนึ่งร้อยปีจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“เมื่อถูกจำกัดอายุขัย! ศัตรูต้องถูกล้างแค้น! ความคับข้องใจต้องได้รับการชดเชย!” เทียนอวิ๋นซ่างเหรินหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่น่าเกลียดกว่าเสียงร้องไห้ ตามันเหลือกขึ้น และกลิ่นอายแห่งความตายที่อยู่รอบๆ ตัวก็เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น ความบ้าคลั่งเต็มอยู่ในแววตา ขณะที่เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของมันดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง กลายเป็นสายลมที่ทำให้แสงทั้งมวลต้องมืดสลัวลงไป และสวรรค์ก็สั่นสะเทือน ระลอกคลื่นอันไร้ขอบเขตพุ่งกระจายออกไป

พลังของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินในตอนนี้ ยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีมาในตลอดชีวิตของมัน

“เมิ่งฮ่าว!” มันร้องตวาดออกมาอย่างชั่วร้าย มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยรังสีสังหารอันไร้ขอบเขต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!