ตอนที่ 1164
ปรมาจารย์ชั่วนิรันดร์
ทันใดนั้นต่อมา เทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็ก้าวเดินตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ก่อนที่มันจะทันได้เข้าไปใกล้ ฟางโส่วเต้าก็แค่นเสียงและเตรียมตัวจะเคลื่อนไหว แต่เมิ่งฮ่าวก็ยื่นมือออกไปขวางกั้นมันไว้
“ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้า…” ฟางโส่วเต้ามองไปยังเมิ่งฮ่าว และสังเกตเห็นแววตาแปลกๆ ของเขา ขณะที่มองขึ้นไปในกระแสน้ำวน
กระแสน้ำวนกำลังเคลื่อนที่ช้าลง เห็นได้ชัดว่าหมดความสนใจในตัวเทียนอวิ๋นไปแล้ว มันเริ่มกระจัดกระจายออกไป เก้าอาวุธพุ่งกลับไปที่ด้านในเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม…เงาร่างในชุดเกราะสีดำทั้งสี่ยังคงยืนอยู่ที่ด้านนอก ราวกับว่าพวกมันลืมกระแสน้ำวนที่กำลังจะหายไปนี้ พวกมันทั้งหมดกำลังมองมายังเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าเขาคือสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับพวกมัน
จิตใจเมิ่งฮ่าวกำลังเต้นรัว เขาไม่มีเวลาที่จะคอยระวังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ภาพของเงาร่างในชุดเกราะสีดำทั้งสี่ ทำให้โลหิตผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ภายในร่างเขาต้องพลุ่งพล่านขึ้นมา และเวทผนึกอสูรก็ปั่นป่วน อย่างน่าตกใจยิ่งด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาสามารถจะเชื่อมต่อกับสี่เงาร่างนี้ได้
เป็นการเชื่อมต่อที่มองไม่เห็น แต่เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ได้อย่างแน่ชัดถึงความสับสนที่เกิดขึ้นมาในจิตใจของคนทั้งสี่
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และกล่าวว่า “เข้ามา…” ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก เงาร่างในชุดเกราะสีดำก็เริ่มขยับตัว ในชั่วพริบตาก็มาปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว!
พวกมันมีความรวดเร็วกว่าเทียนอวิ๋นซ่างเหรินที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันน่ากลัวมากนัก ก่อนที่มันจะทันได้ใกล้เข้ามา เงาร่างในชุดเกราะสีดำทั้งสี่ก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวแล้ว
เหตุการณ์นี้ทำให้เทียนอวิ๋นซ่างเหรินต้องจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง มันอาจจะมีอายุขัยเหลืออยู่เพียงแค่หนึ่งร้อยปีเท่านั้น แต่ยังคงเชื่อว่าไม่มีอะไรสามารถจะทำให้มันต้องตกตะลึงหรือประหลาดใจได้อีก แต่ในตอนนี้จิตใจมันกำลังเต้นรัว
“นี่…”
ไม่เพียงแต่มันคนเดียวเท่านั้นที่ตกตะลึง ฟางโส่วเต้าอ้าปากค้าง และแววตาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น รวมทั้งกลุ่มคนของตระกูลฟาง คนทั้งหมดกำลังหอบหายใจออกมาด้วยความประหลาดใจ
ทำไมพวกมันถึงจะไม่รู้ว่าเงาร่างในชุดเกราะสีดำทั้งสี่เหล่านี้คือ…ทัณฑ์อันดับสาม เมื่อก้าวเข้าไปในเต๋า!!
ตอนนี้ทัณฑ์อันดับสามไม่ได้จางหายไป แต่รับฟังคำพูดของเมิ่งฮ่าวราวกับว่าเป็นคำสั่ง ภาพที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ทำให้จิตใจคนทั้งหมดต้องหมุนคว้าง
“โกหก!” เทียนอวิ๋นซ่างเหรินแผดร้องขึ้น พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวอย่างต่อเนื่อง “เจ้าไม่มีทางควบคุมขุนพลนักรบขุนเขา…” แต่ก่อนที่มันจะทันได้พูดจบ ทันใดนั้นร่างกายก็สั่นสะท้านขึ้นราวกับว่ามันเพิ่งจะมองเห็นภูติผี
นั่นเป็นเพราะว่าในตอนนี้มันกำลังมองเห็นด้วยสองตาตัวเองว่า เงาร่างในชุดเกราะอันน่ากลัวทั้งสี่จู่ๆ ก็…คุกเข่าลงให้กับเมิ่งฮ่าว!!
พวกมันคุกเข่าลงไปหนึ่งข้าง ยกมือขวาชูสูงขึ้นไปในอากาศ นั่นคือ…รูปแบบการคารวะสูงสุดของโลกแห่งเซียนโบราณ ใครก็ตามที่ใช้รูปแบบการคารวะเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าพวกมันเป็นผู้ต่ำต้อยที่แสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อผู้ที่สูงส่งกว่า!
คลื่นแห่งความตกใจขนาดใหญ่บดขยี้ลงไปบนจิตใจฟางโส่วเต้า ขณะที่มันอ้าปากค้างต่อภาพที่เห็นนี้ แทบไม่อยากจะเชื่อต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ อันที่จริงมันพอจะรู้อยู่เล็กน้อยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของตระกูล และรับรู้ถึงคำว่า ‘ทุกชั้นฟ้า’ ด้วยเช่นกัน
แต่ก็ยังมีเรื่องราวที่น่าสงสัยอยู่มากมายที่มันไม่ค่อยจะชัดเจนมากนัก แม้แต่พื้นฐานฝึกตนของมันก็ยังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยิ่งของสายโลหิตเมื่อไม่นานมานี้ เมล็ดเต๋าปรากฏขึ้นอยู่ภายในร่างมันด้วยเช่นกัน กระตุ้นให้มันและฟางเหยียนซวีต้องทำการตรวจสอบ คนทั้งสองยังได้ไปแสดงความเคารพต่อร่างจำแลงของปรมาจารย์รุ่นแรกอีกด้วย และนั่นคือสถานที่ที่พวกมันได้รับคำตอบ
“สายโลหิตของตระกูลเปลี่ยนแปลงไป เจตจำนงแห่งปรมาจารย์มาถึงแล้ว มันคือต้นกำเนิดแห่งเต๋า เป็นปรมาจารย์ชั่วนิรันดร์แห่งตระกูลฟาง!”
นั่นคือสิ่งที่ร่างจำแลงของปรมาจารย์รุ่นแรกได้กล่าวไว้ ในตอนนั้นฟางโส่วเต้าไม่ค่อยจะเข้าใจว่าท่านหมายความถึงอะไร แต่ในทันทีที่มันมองเห็นเมิ่งฮ่าวเพียงแวบแรกจากก่อนหน้านี้ จิตใจก็ต้องสั่นสะท้านจนไปถึงแก่นกาย เมิ่งฮ่าวมีบางสิ่งบางอย่างที่น่าตกใจไปโดยสิ้นเชิง มีกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้ฟางโส่วเต้าต้องการจะกราบกรานสักการะอย่างบ้าคลั่ง
เมิ่งฮ่าวสามารถจะควบคุมความเป็นตายของกลุ่มคนในตระกูลฟางได้ทั้งหมด และสามารถจะควบคุมเมล็ดเต๋าที่อยู่ในสายโลหิตของพวกมันได้เช่นเดียวกัน!
ที่ยิ่งน่าประหลาดใจมากไปกว่านั้นสำหรับฟางโส่วเต้าก็คือว่า
เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวไม่ใช่สมาชิกธรรมดาทั่วไปของตระกูลอีกต่อไป เขาคล้ายกับเป็นแสงที่ส่องประกายเจิดจ้า ยิ่งฟางโส่วเต้าเข้าไปใกล้เขามากเท่าใด ก็จะยิ่งรู้สึกราวกับว่าโลหิตของมันกำลังเดือดพล่าน นอกจากนั้นความต้องการที่จะกราบกรานสักการะก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า!
ในครั้งแรกที่มันรู้สึกตกใจ ก็คิดย้อนกลับไปยังสิ่งที่ร่างจำแลงของปรมาจารย์รุ่นแรกได้กล่าวไว้
ช่วงเวลาสั้นๆ ต่อมา เมิ่งฮ่าวก็กำจัดเมล็ดเต๋าที่อยู่ในร่างผู้อาวุโสนั้นทิ้งไป และความสงสัยของฟางโส่วเต้าก็หายไปโดยสิ้นเชิง
ในตอนนั้นมันมั่นใจแล้วว่า…เมิ่งฮ่าวคือเหตุผลที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นอยู่ในตระกูลฟาง เขาคือสิ่งที่ร่างจำแลงปรมาจารย์รุ่นแรกได้เอ่ยถึงในฐานะที่เป็น…ต้นกำเนิดแห่งเต๋าในสายโลหิต เป็นปรมาจารย์ชั่วนิรันดร์แห่งตระกูลฟาง!
เรื่องทั้งหมดนั้นช่างน่าตกใจด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว แต่ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นกับเงาร่างชุดเกราะสีดำเมื่อครู่นี้ ฟางโส่วเต้าต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ
ฮ่าวเอ๋อร์สามารถทำให้ขุนพลนักรบขุนเขาทะเลคุกเข่าอยู่เบื้องหน้ามันได้จริงๆ…ยังสามารถควบคุมพวกมันได้อีกด้วย…นั่นก็หมายความว่านับจากนี้เป็นต้นไป เมื่อไหร่ก็ตามที่คนในตระกูลฟางพยายามจะก้าวเข้าไปในเต๋า ทัณฑ์อันดับสาม…ก็จะผ่านไปได้อย่างง่ายดาย!
ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น และกลุ่มคนในตระกูลฟางทั้งหมด กำลังจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงยังภาพที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าของพวกมัน เป็นสิ่งที่พวกมันไม่มีทางจะลืมเลือนไปได้
“ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้า…เจ้าสามารถควบคุมพวกมันได้?” ฟางโส่วเต้าถามขึ้น ด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
“สังหารมัน!” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นในทันที ตัวเขาเองก็อยากจะรู้คำตอบด้วยเช่นกัน ดวงตาแวบประกายขึ้น ชี้มือตรงไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหรินพร้อมกับรังสีสังหารที่พุ่งวนไปมา
การกระทำของเมิ่งฮ่าวทำให้เทียนอวิ๋นซ่างเหรินรู้สึกราวกับว่าหนังศีรษะของมันแทบจะระเบิดออกมา รีบพุ่งถอยไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว มันอาจจะมีอายุขัยหลงเหลืออยู่เพียงแค่หนึ่งร้อยปี และบ้าคลั่งไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันต้องการจะตายไปจริงๆ
ตายไปในตอนนี้ และตายไปอีกร้อยปีนับจากนี้ เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่ามันต้องการจะมีชีวิตอยู่ตราบนานเท่านาน ดังนั้นเมื่อมันเห็นเงาร่างในชุดเกราะสีดำลุกขึ้นมาเพื่อตอบรับการชี้นิ้วออกไปของเมิ่งฮ่าว เมื่อมันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวที่กำลังพุ่งขึ้นมาของพวกมัน เมื่อพวกมันเริ่มหันหน้ามองมายังทิศทางมัน ในที่สุดเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็…หวาดกลัว
ความหวาดกลัวทั้งหมดที่มันมีต่อเมิ่งฮ่าว ซึ่งได้สะกดข่มไว้จนกระทั่งถึงตอนนี้ ในที่สุดก็ระเบิดออกมา!
“จริงๆ แล้ว…มันคือใครกัน? มันสามารถระดมคนในตระกูลฟางทั้งหมดมาทำสงคราม สามารถทำให้ฟางโส่วเต้าต้องเฝ้าประจบมัน และยังควบคุมขุนพลนักรบขุนเขาทะเลของทัณฑ์อันดับสามได้อีกด้วย!!”
ส่วนสุดท้ายนี้คือสิ่งที่วิกฤตมากที่สุดตราบเท่าที่เทียนอวิ๋นซ่างเหรินคิด เมื่อมันมองเห็นเมิ่งฮ่าวสามารถควบคุมทัณฑ์แห่งเต๋าที่มันล้มเหลวไปได้จริงๆ โลกทั้งหมดของมันก็พลิกกลับตาลปัตร ราวกับว่าทุกสรรพสิ่งที่มันเคยรู้มากำลังพังทลายลงไป
ขณะที่มันถอยไปทางด้านหลัง เงาร่างในชุดเกราะสีดำทั้งสี่ก็เข้ามาใกล้ สวรรค์สะท้านปฐพีสะเทือน กลิ่นอายอันน่ากลัวระเบิดออกมาจากพวกมัน เป็นเพียงแค่พลังเท่านั้น แต่ก็ทำให้สีสันต้องแวบขึ้นไป และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นไปมา โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของเทียนอวิ๋นซ่างเหริน และมันก็แก่ชราลงไปหกถึงเจ็ดปีในทันที
แสงแปลกๆ ปรากฏขึ้นในแววตาของฟางโส่วเต้า ขณะที่พึมพำขึ้น “จากตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา ขุนพลนักรบขุนเขาทะเลเป็นผู้ฝึกตนที่รับใช้ผู้ยิ่งใหญ่ และสังหารพวกนอกคอกในสนามรบโบราณ คาดคะเนกันว่าพวกมันมีรังสีสังหารที่มากมายอย่างน่าทึ่ง จนถึงจุดที่สามารถจะควบคุมเจตจำนงแห่งความตายได้! เห็นได้ชัดว่า ตำนานนั้นเป็นเรื่องจริง!”
ผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋าทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ และภายใต้สถานการณ์ปกติ ก็ไม่อาจจะดูแคลนได้ แต่เมื่อต้องมาต่อสู้กับขุนพลนักรบขุนเขาทะเล…ก็เป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง!
แค่พลังของพวกมันเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้อายุขัยของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินต้องลดลงไปห้าถึงหกปี สามารถจะยืนยันได้ว่าพวกมันมีความน่ากลัวมากแค่ไหน และทำให้เทียนอวิ๋นซ่างเหรินต้องหวาดกลัวไปโดยสิ้นเชิง มันขยับสองมือร่ายเวท และชี้นิ้วไปที่เบื้องหน้า ทำให้พลังแก่นแท้ปะทุออกไป แต่ขณะที่มันกำลังจะเริ่มต่อสู้ หนึ่งในเงาร่างชุดเกราะสีดำก็ยกมือขวาขึ้น และทำท่าสับลงไป
ท่าสับนั้นทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือน ราวกับกำลังจะฉีกขาดออกไป การต่อต้านทั้งหมดของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินพังทลายลงไป ร่างกายมันสั่นสะท้าน และในชั่วพริบตามันก็แก่ชราลงไปอีกยี่สิบปี!!
โลหิตพ่นกระจายออกมาจากปากของมัน ขณะที่เงาร่างชุดเกราะสีดำคนที่สองทำท่าสับลงไปด้วยเช่นกัน ตามมาด้วยเงาร่างที่สาม และเงาร่างที่สี่ซึ่งทำท่าสับลงไปเป็นครั้งที่สี่!
เทียนอวิ๋นซ่างเหรินไม่อาจจะหลบเลี่ยงการโจมตีมาทั้งสามครั้งนี้ได้ และไม่อาจจะต่อสู้กลับไปด้วยเช่นกัน เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ และโลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากมันมากขึ้น ทันใดนั้นมันก็แก่ชราลงไปอีกยี่สิบปี, สี่สิบปี, หกสิบปี, แปดสิบปี!
เมื่อมาถึงตอนนี้ มันก็มีอายุขัยเหลืออยู่เพียงแค่สิบกว่าปีเท่านั้น มีท่าทางแก่ชราไปโดยสิ้นเชิง และถูกห้อมล้อมด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
“ขุนพลนักรบขุนเขาทะเลสับอาณาจักรเสมือนเต๋า!” ฟางโส่วเต้าสังเกตดูเงาร่างชุดเกราะสีดำทั้งสี่ด้วยแววตาที่สาดประกาย
มันแทบจะมองเห็นภาพจากในสมัยโบราณ ซึ่งขุนพลนักรบขุนเขาทะเลจำนวนมากได้ต่อสู้ไปพร้อมกับผู้ยิ่งใหญ่ในสนามรบมากมายนับไม่ถ้วน
จิตใจเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้านขึ้นมาด้วยเช่นกัน ขณะที่มองไปยังภาพที่เกิดขึ้นอยู่นี้ ทันใดนั้นเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
“เมิ่งฮ่าว เจ้ากล้าที่จะต่อสู้ตัวต่อตัวกับข้าหรือไม่? ถ้าข้าตายในการต่อสู้นี้ อย่างน้อยก็สามารถตายไปโดยไร้ความเสียใจใดๆ!” มันหวาดกลัวต่อขุนพลนักรบขุนเขาทะเล ซึ่งสามารถจะเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย มันรู้อย่างแน่ชัดว่าตนเองกำลังจะตายไป แต่ก่อนที่จะเกิดขึ้นเช่นนั้น มันต้องการกำจัดเมิ่งฮ่าวไปก่อน!
เมิ่งฮ่าวละสายตาจากเงาร่างชุดเกราะสีดำทั้งสี่ มองตรงไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน และดวงตาก็แวบประกายขึ้นด้วยความต้องการต่อสู้
“เจ้าต้องการสู้!? ข้าจะช่วยให้เจ้าสมปรารถนา!” เขาเริ่มก้าวเดินตรงไป ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มจนทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือน แสงสีฟ้าอันน่าตกใจพุ่งขึ้นไป และในชั่วพริบตาเขาก็ไปอยู่ที่เบื้องหน้าเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ภูเขาเซียนตกลงมา และเวทระเบิดดวงตะวันก็ระเบิดออกไป ตามมาด้วยจันทราสีม่วง ขุนเขาที่เก้าปรากฏขึ้น และอสูรโลหิตก็แผดร้องคำรามออกมา ทั้งหมดนี้กลายเป็นห้วงมหาภัยที่ส่งเสียงดังกึกก้องพุ่งตรงไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน
เขาโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยบรรยากาศที่สะกดข่มโดยสิ้นเชิง การโบกสะบัดมือออกไปของเขา ทำให้แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกไป จนเกิดเป็นทะเลแห่งเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ใบหน้าเทียนอวิ๋นซ่างเหรินซีดขาว และรีบขยับมือร่ายเวท เรียกความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมาเป็นจำนวนมาก ในชั่วพริบตามันและเมิ่งฮ่าวก็ปะทะกันไปมานับร้อยครั้ง
เป็นการต่อสู้ที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ดวงดาวในสนามดวงดาวแห่งนั้นหลายดวงแตกกระจายออกไป ความว่างเปล่าสั่นสะท้าน และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็สั่นสะเทือน ในเวลาเดียวกันนั้น อายุขัยของเทียนอวิ๋นซ่างเหรินก็เริ่มลดน้อยลงไปอย่างต่อเนื่อง
สิบสามปี, เก้าปี, หกปี, สามปี…หนึ่งปี!
สิบเดือน, เจ็ดเดือน, ห้าเดือน, สามเดือน…หนึ่งเดือน!!
ยี่สิบเจ็ดวัน, ยี่สิบวัน, สิบสามวัน, หกวัน…หนึ่งวัน!!
ปราณและโลหิตของเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นไป และความต้องการต่อสู้ของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น เดินตรงไปหนึ่งก้าวและต่อยหมัดออกไป
มันคือหมัดทำลายล้างชีวิต ตามมาด้วยหมัดกลายเป็นปีศาจ และจากนั้นก็เป็นหมัดสังหารเทพ!
“ตาย!” เมิ่งฮ่าวร้องตวาด รังสีสังหารพุ่งขึ้นไป
สามหมัดนี้โจมตีไปยังเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ด้วยความรู้สึกที่ถึงวาระตัดสินโทษ ซึ่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสิ่งที่มันรู้สึกได้จากเงาร่างชุดเกราะสีดำ มันแหงนหน้าขึ้นและแผดร้องออกมาด้วยความขมขื่นใจ โจมตีไปด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด เมิ่งฮ่าวอยู่ห่างจากอาณาจักรเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น และเทียนอวิ๋นก็เป็นผู้ฝึกตนเสมือนเต๋าที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ซึ่งกำลังหอบหายใจออกมา!
คนทั้งสองคล้ายกับเป็นดาวตกสองดวงที่พุ่งกระแทกเข้าหากัน ทำให้สีสันแวบขึ้นไปที่ด้านบน และสายลมขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมา
เกิดเป็นลมพายุพุ่งขึ้นไป บดบังสายตาของคนทั้งหมด แต่เมื่อมองเห็นได้ชัดเจน เมิ่งฮ่าวกำลังลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ดูคล้ายกับเป็นนักรบเซียนอยู่เล็กน้อย!
ที่เบื้องหน้าเขาคือเทียนอวิ๋นซ่างเหริน โลหิตกำลังไหลซึมออกมาจากมุมปากของมัน ขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่ขัดแย้งกันเอง เต็มไปด้วยความเสียใจขณะที่ร่างกายแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ และกลายเป็นเถ้าธุลีไป ซึ่งจากนั้นก็…จางหายไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว!
ในตอนนี้เองที่เงาร่างชุดเกราะสีดำทั้งสี่ ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว
ฟางโส่วเต้าและกลุ่มคนอื่นๆ ในตระกูลฟาง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ภายในร่างพวกมัน แสงสีฟ้าสาดประกายออกไป คล้ายกับแสงของเมิ่งฮ่าว!
“ปรมาจารย์ชั่วนิรันดร์แห่งตระกูลฟาง…” ฟางโส่วเต้าพึมพำด้วยความตื่นเต้น