Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1165

ตอนที่ 1165

ทั่วทั้งตระกูลแสดงความเคารพ

เทียนอวิ๋นซ่างเหริน ถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ!

เมื่อมันตกตายไป เงาร่างชุดเกราะสีดำทั้งสี่ก็โค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว และกลายเป็นลำแสงพุ่งกลับเข้าไปในกระแสน้ำวน ซึ่งได้หยุดโคจรหมุนเวียนไปนานแล้ว และตอนนี้ดูคล้ายกับเป็นหลุมดำในความว่างเปล่า เงาร่างทั้งสี่หายตัวเข้าไปข้างใน และหลุมดำกระแสน้ำวนก็หายไป

ขณะที่เป็นเช่นนั้น ระลอกคลื่นในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็จางหายไป และความว่างเปล่าก็หยุดการสั่นสะท้าน แรงกดดันที่ออกมาจากการก้าวเข้าไปในเต๋าหายไป และทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับคืนเป็นปกติเหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม…ตลาดเมฆาสวรรค์ก็มีนามใหม่ไปชั่วกาลนาน กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ใหม่ของตระกูลฟาง

ฟางโส่วเต้าสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และปกปิดสีหน้าตกตะลึงที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาไว้ มองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็โบกสะบัดมือออกไป ทำให้เกราะป้องกันที่ปกคลุมสนามดวงดาวหายไป ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลไม่ได้ถูกผนึกไว้อีกต่อไป ทันใดนั้นผู้ฝึกตนที่ตื่นตระหนกจนขวัญหนีดีฝ่อก็เริ่มทยอยออกไปจากบริเวณนั้น

ขณะที่จากไป พวกมันแอบชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความหวาดกลัวและเกรงขาม สำหรับพวกมันแล้วเมิ่งฮ่าวไม่ใช่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเซียนทั่วไป แต่เป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลังในรุ่นผู้อาวุโส เขาคือเงาร่างอันยิ่งใหญ่ที่ยากจะลบเลือนไปจากจิตใจพวกมันได้

สามารถจะคาดคิดได้ว่า การจากไปของผู้ฝึกตนเหล่านั้น แทบจะทำให้ข่าวคราวเกี่ยวกับเทียนอวิ๋นซ่างเหรินที่มาหาเรื่องเมิ่งฮ่าว และจบลงด้วยการถูกสังหารไป ต้องกระจายออกไปทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าในทันที

มั่นใจได้ว่านามของเมิ่งฮ่าวจะถูกพูดถึงเป็นวงกว้างขึ้นอีกครั้งด้วยเช่นกัน สำนักและตระกูลทั้งหมดต่างก็สั่นสะท้าน และทุกคนต่างก็ตระหนักว่าเมิ่งฮ่าวไม่ใช่ผู้ที่อยู่ในกลุ่มรุ่นเยาว์อีกต่อไป เขาอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋า หรือบางทีอาจจะต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพมากกว่าอีกด้วย

ท่าทีของตระกูลฟางสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ทั้งหมด ทุกคนรู้ว่าถ้ามีใครกล้ามาเป็นศัตรูกับเมิ่งฮ่าว ตระกูลฟางก็จะตอบโต้ไปอย่างรุนแรง

สำหรับผู้ฝึกตนชุดม่วงแดง ซึ่งเคยเป็นศิษย์ของตลาดเมฆาสวรรค์ พวกมันยืนสั่นสะท้านอยู่ที่นั่น ยอมจำนนไปนานแล้ว พวกมันถูกรวมเข้าไปในตระกูลฟาง ซึ่งวิธีมากมายที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าพวกมันจะจงรักภักดีและอุทิศตนเองให้กับตระกูลต่อไปในอนาคต

กลุ่มฝูงชนแยกย้ายกันจากไป และในที่สุดกลุ่มคนที่เหลืออยู่ในสนามดวงดาวก็คือ สมาชิกของตระกูลฟางเท่านั้น มีทั้งหมดหลายร้อยคน ตอนนี้พวกมันทั้งหมดกำลังมองตรงไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความจงรักภักดีอย่างบ้าคลั่ง

นี่คือ…นายน้อยของพวกมัน!!

เขาสามารถต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋า และสามารถสังหารมันไปได้อีกด้วย ด้วยพื้นฐานฝึกตนและตัวตนเช่นนั้น ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลทั้งหมดต้องสั่นสะเทือนและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

สิ่งสำคัญมากที่สุดคือเมล็ดเต๋าที่อยู่ภายในร่างของผู้ฝึกตนตระกูลฟางทั้งหมด จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมันจะยิ่งเคารพเมิ่งฮ่าวมากขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับจิตใต้สำนึกที่ส่วนใหญ่แล้วพวกมันไม่ได้ตระหนักดีถึงเรื่องนี้

มันเป็นความปรารถนาจากจิตใต้สำนึกที่รุนแรง หลังจากที่มองเห็นการกระทำของเมิ่งฮ่าวที่สังหารผู้ฝึกตนเสมือนเต๋าไปด้วยสองตาของตนเอง ความปรารถนานั้นก็ปะทุออกมา ทำให้แววตาพวกมันเอ่อล้นไปด้วยการยอมรับต่อเมิ่งฮ่าวอย่างบ้าคลั่ง

ผู้อาวุโสจำนวนหยิบมือซึ่งอยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง หลังจากที่สบตากันไปมา พวกมันก็มองไปยังอดีตตลาดเมฆาสวรรค์ เนื่องจากขนาดและประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ ทำให้มันคือเหมืองทองที่มีศักยภาพ และสมาชิกของตระกูลต่างก็ต้องการจะดูแลเพื่อได้รับผลประโยชน์อย่างลับๆ

ในตอนนี้เองที่ผู้เฒ่าสูงสุดฟางตงเทียนกล่าวขึ้นมา ทันใดนั้นก็บ่งชี้ไปถึงเรื่องที่สำคัญมากที่สุด ซึ่งก็คือการส่งมอบตลาด “ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าใครในตระกูลที่จะเหมาะสมมาดูแลตลาดแห่งนี้?”

คำพูดของมันเป็นการบ่งบอกด้วยเช่นกันว่านอกจากผู้อาวุโสแล้ว เมิ่งฮ่าว…คือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด

เมิ่งฮ่าวมองไปยังจุดที่เทียนอวิ๋นซ่างเหรินหายไป จากนั้นก็หันหน้ามองไปรอบๆ อย่างช้าๆ ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับฟางโส่วเต้าและผู้เฒ่าสูงสุดฟางตงเทียน

“จู่เหยียเยี่ย (ท่านทวด), ต้าจ๋างเหล่า (ท่านผู้เฒ่าสูงสุด) ข้าคิดว่าฟางซีเหมาะสมที่จะมาดูแลตลาดแห่งนี้มากที่สุด” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “นอกจากนั้นมันยังมีโอกาสที่จำกัดในการได้รับประสบการณ์ในตระกูล นี่จะเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับมันที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น” แทบจะในทันทีที่เขาตัดสินใจเปลี่ยนชื่อของที่แห่งนี้ให้กลายเป็นตลาดตระกูลฟาง เขาก็คิดไปถึงฟางซี เมื่อคิดว่าสถานที่แห่งนี้มีค่ามากแค่ไหน การส่งมอบให้กับมันน่าจะดีกว่าส่งต่อให้คนอื่นๆ

“ฟางซีเป็นเด็กที่ไม่เลว ปล่อยให้มันจัดการก็แล้วกัน” ฟางโส่วเต้ากล่าวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เมตตา สำหรับมันแล้วที่แห่งนี้ก็เป็นแค่ตลาดเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่ปฏิเสธเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อย โดยที่ไม่ต้องเอ่ยถึงศักดิ์ฐานะของเมิ่งฮ่าว ที่ทำให้แม้แต่จิตใจมันก็ยังต้องสั่นสะท้าน

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวไม่สนใจที่จะเปิดเผยเรื่องศักดิ์ฐานะของเขาในตระกูลต่อสาธารณชน

ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป คงจะทำให้ทั่วทั้งขุนเขาที่เก้าต้องตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย และอาจจะมีผลกระทบต่อความสมดุลย์ของกองกำลังในอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมดอีกด้วย

เช่นเดียวกัน ฟางโส่วเต้าก็พอเข้าใจเกี่ยวกับตระกูลทุกชั้นฟ้าอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มากนัก มันจำเป็นต้องหารือกับเมิ่งฮ่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อทำให้ตระกูลฟางมีความโดดเด่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และกลายเป็นตระกูลทุกชั้นฟ้าที่แท้จริง เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ทำให้ฟางโส่วเต้าต้องปฏิบัติต่อเมิ่งฮ่าวด้วยความเคารพมากขึ้นกว่าเดิม

“ฮ่าวเอ๋อร์ ไปกันเถอะ เจ้าไม่ได้กลับดาวตงเซิ่งมานานแล้ว ให้จู่เหยียเยี่ยทดสอบพลังการฝึกตนของเจ้าบ้าง” มันกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา

เมิ่งฮ่าวประสานมือด้วยความเคารพ มองไปยังฟางโส่วเต้าและกล่าวว่า

“จู่เหยียเยี่ย อย่าเพิ่งรีบกลับดาวตงเซิ่งเลย หว่านเป้ย (ผู้เยาว์) ต้องการไปแสดงความเคารพต่อฟู่หมู่ (บิดามารดา) บนดาวหนานเทียนก่อน”

ฟางโส่วเต้าตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความครุ่นคิด ในที่สุดก็ยิ้มและพยักหน้า

“เจ้าสมกับที่เป็นฉีหลินจื่อ (บุตรกิเลน) แห่งตระกูลฟางโดยแท้ ไม่เพียงแต่จะไร้ผู้ต่อต้านเท่านั้น ยังเป็นบุตรกตัญญูอีกด้วย เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว เหล่าฟูช่างเลินเล่อนัก! แน่นอนว่าพวกเราควรจะไปยังดาวหนานเทียนก่อน”

“บิดาเจ้าคือคนที่เลี้ยงดูฉีหลินจื่อแห่งตระกูลฟางมา และยอมที่จะไปยังดาวหนานเทียนเพื่อเป็นผู้พิทักษ์อีกด้วย เพื่อช่วยเหลือตระกูลมันต้องแบกรับความลำบากมาอย่างมากมาย ตระกูลฟาง…ยากที่จะตอบแทนมันได้จริงๆ”

“เหล่าฟูตัดสินใจแล้วว่า จะให้ฟางซิ่วเฟิงเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่! ถึงมันจะไม่อยู่บนดาวตงเซิ่งก็ไม่เป็นไร ผู้ฝึกตนทั้งหมดของตระกูล ควรจะไปแสดงความเคารพต่อมัน!”

“เหล่าฟูจะเป็นผู้พิทักษ์เต๋าเพื่อช่วยให้ซิ่วเฟิงทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนด้วยตัวเอง ก้าวจากอาณาจักรโบราณเข้าไปสู่อาณาจักรเต๋า!” ฟางโส่วเต้าโบกสะบัดชายแขนเสื้อเพื่อออกคำสั่งอย่างเป็นทางการ

“ตงเทียน ส่งคำสั่งไปยังตระกูล ใครก็ตามที่เป็นเซียนขั้นห้าขึ้นไป ให้เตรียมตัวไปยังดาวหนานเทียนในทันที ผู้อาวุโสทั้งหมดต้องไปด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นสักขีพยานต่อการมอบของขวัญต่อผู้นำตระกูล!”

“สำนักและกองกำลังทั้งหมดในขุนเขาทะเลที่เก้า จะต้องรับรู้ว่าฟางซิ่วเฟิงคือผู้นำตระกูลคนใหม่ของตระกูลฟาง และเรียกร้องให้ทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้าต้องแสดงความเคารพ!”

คำประกาศของฟางโส่วเต้าทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจของกลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลฟาง ผู้อาวุโสอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง การที่ฟางซิ่วเฟิงถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำตระกูลถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อย่างยิ่ง นอกจากนั้น แม้แต่ฟางโส่วเต้าก็เป็นแค่ผู้นำตระกูลชั่วคราวเท่านั้น

ผู้นำตระกูลคือผู้นำของคนในตระกูลทั้งหมด ทั้งในแง่ของตำแหน่งและศักดิ์ฐานะ ถือว่าถูกยกย่องอย่างสูงสุด ในมุมมองของขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมด คนผู้นั้นคือบุคคลที่สำคัญอย่างสูงสุด

การกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าฟางโส่วเต้ามีเจตนาดีต่อเมิ่งฮ่าวอย่างถึงที่สุด เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ผ่านมา และแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เมิ่งฮ่าวมีความสำคัญมากแค่ไหน

ด้วยวิธีนี้ เมิ่งฮ่าวก็จะกลายเป็นนายน้อยอย่างเป็นทางการที่แท้จริง!

และนั่นก็เป็นแค่ของขวัญชิ้นแรกเท่านั้น ชิ้นที่สองคือฟางโส่วเต้า พร้อมกับความช่วยเหลือจากฟางเหยียนซวี ทั้งสองต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าที่ทรงพลัง จะช่วยฟางซิ่วเฟิงให้ก้าวเข้าไปในอาณาจักรเต๋าด้วยตนเอง!

ด้วยการช่วยเหลือจากคนทั้งสอง และตระกูลเองที่ต้องทุ่มเทออกมาจนสุดตัว ก็สามารถจะช่วยลดอันตรายที่ท่านต้องเผชิญเมื่อพยายามก้าวเข้าไปในเต๋าได้อย่างชัดเจน ถึงตอนนั้นถ้าท่านยังคงไม่อาจจะทำได้สำเร็จ ก็ไม่ใช่ความผิดของตระกูลฟาง แต่เป็นตัวของฟางซิ่วเฟิงเอง

ตระกูลในขุนเขาทะเลที่เก้า ที่สามารถช่วยสนับสนุนในเรื่องเช่นนี้ มีอยู่น้อยมาก!

ของขวัญทั้งสองชิ้นนี้ช่างน่าเหลือเชื่อจนทำให้แม้แต่เมิ่งฮ่าวเองก็ยังต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็หันหน้าไปยังฟางโส่วเต้า ประสานมือ และโค้งตัวลงต่ำ

ผู้อาวุโสสายโลหิตหลักคนอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง และโค้งตัวลงให้กับฟางโส่วเต้าด้วยเช่นกัน จากนั้นก็หันหลังบินตรงไปยังประตูเคลื่อนย้ายทางไกลพร้อมกับฟางตงเทียน

ก่อนที่จะเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ฟางตงเทียนหันหน้ามามองเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาอันลึกล้ำ มันรู้ตัวดีว่าได้ทำผิดพลาดไปเมื่อในอดีต และหวังว่าการกระทำในตอนนี้ของมันจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้

ฟางโส่วเต้าหัวเราะและมองไปยังเมิ่งฮ่าวกล่าวว่า “ฮ่าวเอ๋อร์ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน มา มา มา เจ้าและเหล่าฟูมุ่งหน้าไปก่อน เมื่อไหร่ที่ระดมคนในตระกูลที่เหลือได้เสร็จสิ้น พวกเราทั้งหมดก็จะไปพบกันบนดาวหนานเทียน เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้นำตระกูลฟาง!”

เมิ่งฮ่าวผ่านเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทางไกลพร้อมกับฟางโส่วเต้าในทันที จากนั้นก็หายตัวไป

เป็นเรื่องธรรมดาที่ฟางโส่วเต้าจะมีเรื่องราวมากมายที่ต้องพูดคุยกับเมิ่งฮ่าวเป็นการส่วนตัว มีคำถามมากมายที่จำเป็นต้องได้รับคำตอบ

ถึงแม้ว่าพวกมันจะจากไปแล้ว แต่ตระกูลฟางก็ยังคงเดือดพล่านเหมือนก่อนหน้านี้ หลังจากที่สมาชิกของตระกูลกลับไปยังดาวตงเซิ่ง ข่าวคราวก็ถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และทั่วทั้งตระกูลก็เคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก

ถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่สงสัยต่อการตัดสินใจในครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะขัดคำสั่งของฟางโส่วเต้า ยิ่งไปกว่านั้นฟางเหยียนซวีก็โผล่ออกมาจากการนั่งเข้าฌานตามลำพังอีกด้วย และใช้ศักดิ์ฐานะของท่านดูแลตระกูลให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่นานนักตระกูลฟางก็รวมตัวกันเป็นระเบียบเรียบร้อย และสมาชิกของตระกูลมากกว่าหนึ่งล้านคนก็เรียงแถว ผ่านเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทางไกล มุ่งหน้าตรงไปยังดาวหนานเทียน

ข่าวคราวของเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปทั่วดาวตงเซิ่ง ทำให้สำนักและตระกูลทั้งหมดรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นความปั่นป่วนขึ้นมาอยู่ไม่น้อย

เจ็ดวันหลังจากนั้น แสงของการเคลื่อนย้ายทางไกลก็พุ่งขึ้นมาอยู่ด้านนอกดาวหนานเทียน แสงเจิดจ้านับไม่ถ้วนเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่สมาชิกของตระกูลฟางโผล่ออกมาด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม ขณะที่พวกมันจัดแถวอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ตรงด้านนอกดาวหนานเทียน ด้วยจำนวนคนที่มากมาย ทำให้ยากที่จะมองเห็นกลุ่มคนจากด้านหน้าไปจนถึงจุดสิ้นสุดได้

คนทั้งหมดสวมใส่เครื่องแต่งกายชุดพิธีของตระกูลฟาง ขณะที่ลอยตัวอยู่ที่นั่น หันหน้าตรงไปยังดาวหนานเทียน

ฟางเหยียนซวีอยู่ด้านหน้าของคนทั้งหมด ร่วมกับผู้เฒ่าโอสถ ด้านหลังคนทั้งสองเป็นผู้อาวุโส จากนั้นก็เป็นสมาชิกสายโลหิตหลักของตระกูล

สุดท้ายคือกลุ่มคนทั่วไปของตระกูล จัดแถวอย่างเป็นระเบียบ จนกลายเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือนและความว่างเปล่าต้องสั่นสะท้าน

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวและฟางโส่วเต้าก็โผล่ออกมาจากแสงของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลอีกแห่ง สีหน้าฟางโส่วเต้ายังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย แต่ดวงตาสาดประกายด้วยความยินดีและตื่นเต้น ซึ่งยากที่จะปกปิดไว้ได้ ฟางเหยียนซวีสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ขณะที่ฟางโส่วเต้าใกล้เข้ามา เมื่อฟางโส่วเต้าเห็นท่านก็พยักหน้าให้

ทันใดนั้นฟางเหยียนซวีก็สังเกตเห็นสิ่งหนึ่ง

นั่นก็คือฟางโส่วเต้าอยู่ที่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว เพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น ถึงแม้จะดูเหมือนว่าไม่มากนัก แต่สำหรับฟางเหยียนซวีแล้ว ก็สามารถจะบอกอะไรได้มากมาย

แววตาท่านสาดประกายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นในทันที

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่น ถูกขับเน้นด้วยสิ่งที่ดูเหมือนกับเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดของตระกูลฟางทั้งหมด จิตใจกำลังพุ่งขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ เขา…กลับมาบ้านแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!