Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1166

ตอนที่ 1166

ฮ่าวเอ๋อร์กลับมาแล้ว

ตอนที่เมิ่งฮ่าวจากไป เขาเป็นผู้ฝึกตนอาณาจักรวิญญาณ ถูกนำตัวไปโดยบิดาของฟางซี ในตอนนั้นเขาคือคนแปลกหน้าที่ไร้ชื่อเสียงใดๆ เป็นใครบางคนที่ตระกูลฟางแทบจะไม่เคยสังเกตเห็น ขุนเขาทะเลที่เก้าก็ไม่ได้สนใจเขามากมายนักเช่นเดียวกัน

ในตอนนั้น น้อยคนนักที่จะสนใจถึงความเป็นตายของเขา

เขาจากมาอย่างเงียบๆ บิดามารดาเฝ้ามองไปด้วยความโศกเศร้า ตอนที่เขากำลังออกจากดาวหนานเทียน เขาได้บอกกับตัวเองเรื่องหนึ่ง…

“สักวันหนึ่งเมื่อข้ากลับมา ข้าจะทำให้เตียเหนียง (บิดามารดา) ภาคภูมิใจในตัวข้า!”

วันนี้ เขากลับมาแล้ว!

พื้นฐานฝึกตนของเขาไม่ได้อยู่ในอาณาจักรวิญญาณอีกต่อไป แต่อยู่ในจุดที่สามารถจะทำให้ระดับเสมือนเต๋าอันน่ากลัวต้องสั่นสะท้าน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังรุ่นอาวุโส ก็ยังต้องใส่ใจต่อเขาด้วยความความเคร่งเครียดจริงจัง และปฏิบัติต่อเขาในฐานะที่เป็นสมาชิกที่แข็งแกร่งผู้หนึ่งในกลุ่มคนรุ่นเดียวกัน

เขาไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าไร้ชื่อเสียงเรียงนามอีกต่อไป เมิ่งฮ่าวมีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง จนนามของเขาถูกพูดถึงอยู่ทุกวันในขุนเขาทะเลที่เก้า นอกจากนี้เขายังเป็นนายน้อยฟางฮ่าวอีกด้วย!

ไม่มีใครจะสามารถเพิกเฉยต่อเขาได้ ไม่ใช่ขุนเขาทะเลที่เก้า, ไม่ใช่ไห่เมิ่งจื้อจุน, ไม่ใช่อาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมด!

เขากลับมาแล้ว ไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่มาพร้อมกับผู้แข็งแกร่งของตระกูลฟางทั้งหมด เพื่อมาแสดงความเคารพ!

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มองออกไปยังทิศทางของดาวหนานเทียน ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องราวหลายอย่าง ในที่สุดก็ร้องตะโกนออกไปเป็นเสียงดัง “เตีย, เหนียง, ฮ่าวเอ๋อร์กลับมาแล้ว!”

ขณะที่เสียงของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป ผู้ฝึกตนในสำนักและตระกูลทั้งหมดบนดาวหนานเทียนสั่นสะท้าน พวกมันรับรู้ได้ถึงแรงกดดันขนาดใหญ่ที่กดทับลงมาจากท้องฟ้า ถึงแม้ว่าพวกมันจะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนนักว่ามีอะไรอยู่ที่ด้านนอกนั่น แต่ก็รู้สึกราวกับว่าพวกมันกำลังหอบออกมา ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านนอก กำลังกระจายแรงกดดันออกมา ทำให้สวรรค์และปฐพีแทบจะต้องพังทลายลงไป

ในต้าถังแห่งดินแดนตะวันออก ในเมืองเล็กๆ ที่ถูกปกครองโดยตระกูลฟาง มีเจดีย์แห่งถังอยู่หลังหนึ่ง เป็นสถานที่ซึ่งฟางซิ่วเฟิงและเมิ่งลี่มักจะไปยืนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว และเฝ้าสังเกตดูบุตรของตนเอง นั่นคือสถานที่ซึ่งพวกท่านได้เห็นเมิ่งฮ่าวสร้างชื่ออยู่บนดาวตงเซิ่ง เป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มความยินดี, ความคาดหมาย…และความมุ่งหวังให้กับพวกท่าน

“ท่านได้ยินหรือไม่?” เมิ่งลี่ถามขึ้น สั่นสะท้านเล็กน้อย มองไปยังสามีของตนเอง ซึ่งมีท่าทางเศร้าหมองเหมือนเช่นเคย แต่ในเวลาเดียวกันก็เปล่งประกายความยินดีขึ้นมา

“ข้าได้ยิน” ฟางซิ่วเฟิงกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นอย่างถึงที่สุดขณะที่ยืนอยู่ที่นั่น “สตรีเช่นพวกท่านช่างตื่นเต้นนัก ฟางโหม่วไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่โตอันใด

ฮ่าวเอ๋อร์ไม่ใช่กลับมาพร้อมกับผู้คนอีกมากมาย? เจ้าเด็กผู้นี้แค่กลับบ้านมา ทำไมถึงทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนั้น? ช่างหนวกหูจริงๆ!”

ขณะที่ท่านจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เมิ่งลี่ก็จ้องมองไป เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยพอใจกับท่าทีเช่นนี้ของท่าน กล่าวว่า

“หือ? บุตรชายท่านนำคนในตระกูลมาแสดงความเคารพ หรือว่ามันทำผิดไป? หยุดเสแสร้งได้แล้ว ข้าจะไม่รู้จักท่านได้อย่างไร?” คนทั้งสองโผล่ออกมาจากบ้าน และบินขึ้นไปในท้องฟ้า

“เฮ้อ! สตรี” ฟางซิ่วเฟิงพึมพำด้วยเสียงราบเรียบ ไม่สนใจคำพูดของภรรยา คนทั้งสองเพิ่งจะเริ่มบินขึ้นไปในอากาศ แต่ทันใดนั้นฟางเซิ่งเฟิงก็โพล่งขึ้นมา “ท่านคิดว่าข้าสวมชุดนี้แล้วเป็นอย่างไร?”

ท่านมองลงไปและจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อยอีกครั้ง

“ไม่ใช่แค่ไปต้อนรับผู้อาวุโสและท่านปรมาจารย์? ท่านคือผู้ถูกเลือกในรุ่นก่อนของตระกูลฟาง ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่โตอันใด ทำไมต้องวิตกกังวลด้วย?” เมิ่งลี่กล่าวล้อเลียน

“ใครบอกว่าข้าวิตกกังวล? ฟางโหม่วม้วนกวาดไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีมานานหลายปี จะวิตกกังวลได้อย่างไร? ข้าแค่คิดว่าเมื่อฮ่าวเอ๋อร์กลับมา ก็น่าจะทำให้มันคิดว่าข้าดูอ่อนเยาว์ ดูดีขึ้นกว่าเดิม”

เมิ่งลี่เอามือปิดปากขณะที่หัวเราะ เสียงหัวเราะของนางยิ่งทำให้ฟางซิ่วเฟิงรู้สึกกระอักกระอ่วนมากขึ้นกว่าเดิม จริงๆ แล้วก็เป็นเช่นที่ภรรยาได้กล่าวมา ถึงแม้ว่าภายนอกท่านจะพยายามรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ แต่ภายในใจกำลังเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและตื่นเต้น

ตระกูลฟางคือครอบครัวของท่าน ถึงแม้ว่าท่านยินดีที่จะมาอยู่บนดาวหนานเทียนเพื่อเมิ่งฮ่าว แต่ท่านก็ไม่เคยลืมว่าท่านคือส่วนหนึ่งของพวกมันแม้แต่ครั้งเดียว

ดังนั้นเมื่อได้เห็นตระกูลทั้งหมดมายังที่แห่งนี้เพื่อแสดงความเคารพ ก็ทำให้ยิ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ

บิดามารดาเมิ่งฮ่าวกลายเป็นลำแสงสองสาย พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ตรงด้านนอกของดาวหนานเทียน

ซึ่งเป็นเขตชายแดนระหว่างดาวหนานเทียนและขุนเขาทะเลที่เก้าทั้งหมด นี่คือระยะทางที่ไกลมากที่สุดเท่าที่พวกท่านจะสามารถไปได้ จากดินแดนแห่งดาวหนานเทียน ในทันทีที่พวกท่านมาถึง ฟางซิ่วเฟิงก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว โดยมีสองปรมาจารย์กำลังยืนอยู่ที่ด้านหลัง และสมาชิกของตระกูลนับไม่ถ้วนที่ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบอยู่ห่างไกลออกไปด้านหลัง

ฟางซิ่วเฟิงไม่อาจจะรักษาความสงบนิ่งได้อีกต่อไป ใบหน้าเริ่มเป็นสีแดง ขณะที่ประสานมือและโค้งตัวลง อย่างไรก็ตามเมิ่งฮ่าวรีบเดินตรงมาและขัดขวางท่านไว้ จากนั้นก็คุกเข่าลงไปที่เบื้องหน้าท่าน กล่าวว่า

“ฮ่าวเอ๋อร์ขอคารวะเตียเหนียง!” ขณะที่เสียงของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป ผู้ฝึกตนตระกูลฟางทั้งหมด รวมทั้งสมาชิกสายโลหิตหลัก ต่างก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำ

“พวกเราขอคารวะ ท่านผู้นำตระกูล!!”

ขณะที่เสียงของพวกมันดังก้องออกไปในทั่วทุกทิศทาง ฟางซิ่วเฟิงก็จ้องมองไปด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ ท่านมองไปยังเมิ่งฮ่าว และจากนั้นก็มองไปยังใบหน้าที่ดูคุ้นตาทั้งหมดที่อยู่ห่างไกลออกไป ในที่สุดสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ฟางโส่วเต้า

“ท่านปรมาจารย์…นี่…”

“ซิ่วเฟิง เจ้าได้อุทิศตนโดยการเฝ้าพิทักษ์อยู่บนดาวหนานเทียน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังได้ช่วยเหลือตระกูลมาอย่างมากมาย ข้าได้พูดคุยเรื่องนี้กับเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลฟาง!”

ฟางโส่วเต้ามองไปยังฟางซิ่วเฟิงอย่างลึกซึ้ง พร้อมกับสีหน้าที่เศร้าหมองขณะที่ประสานมือและโค้งตัวลงไปเช่นเดียวกัน

“ฟางโส่วเต้าขอคารวะท่านผู้นำตระกูล!”

“ฟางเหยียนซวีขอคารวะท่านผู้นำตระกูล!” ในทันทีที่สองปรมาจารย์โค้งตัวลง สมาชิกสายโลหิตหลักของตระกูลก็ก้มศีรษะและโค้งตัวลงไปในทันที

“ขอคารวะท่านผู้นำตระกูล!”

“ขอคารวะท่านผู้นำตระกูล!”

เสียงพวกมันดังก้องออกไปคล้ายกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะเทือน เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกไปในความว่างเปล่า เสียงที่เปล่งออกมาโดยพร้อมเพรียงกันนับล้านเสียง ทำให้ได้ยินลงไปถึงดินแดนแห่งดาวหนานเทียนที่อยู่ด้านล่าง

ฟางซิ่วเฟิงกำลังสั่นสะท้าน และเมิ่งลี่ก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นมายืน และเดินตรงไปยังบิดาและมารดา จ้องมองไปยังมารดาอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็โอบกอดจนแน่น

“ฮ่าวเอ๋อร์ นี่…” เมิ่งลี่ตกตะลึงต่อสิ่งทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่ตั้งคำถาม ไม่อาจจะทำใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้ ก่อนหน้านี้คนทั้งสองคาดเดาว่าตระกูลแค่มาแสดงความเคารพอย่างพอเป็นพิธี แสดงความเคารพในฐานะที่เป็นของขวัญจากตระกูลเท่านั้น

ถึงแม้จะคาดเดาว่าอาจจะมีเหตุผลอื่นในการมาเยี่ยมครั้งนี้ แต่คนทั้งสองก็ไม่เคยคาดคิดว่า…จะเป็นการทำให้ฟางซิ่วเฟิงกลายเป็นผู้นำตระกูล!

“เหนียง, ข้าคือนายน้อยแห่งตระกูลฟาง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เตียควรจะเป็นผู้นำตระกูล ข้าไม่ยอมรับใครนอกจากท่าน”

เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา ถึงแม้จะดูเหมือนว่าคำพูดของเขาจะปกติธรรมดา แต่ในความเป็นจริงก็สามารถจะรับรู้ได้ถึงพลังสะกดข่มบางอย่างอยู่ในคำพูดนั้น

ดวงตาฟางซิ่วเฟิงสาดประกายเจิดจ้า และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ริมฝีปากขยับขึ้นลงเล็กน้อย ขณะที่ถ่ายทอดคำถามบางอย่างไปยังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวแค่ตอบกลับด้วยคำอธิบายสั้นๆ ของตระกูลทุกชั้นฟ้าและเมล็ดเต๋า หลังจากนั้นฟางซิ่วเฟิงก็สั่นสะท้าน

“มันถูกเรียกว่าเมล็ดเต๋านี่เอง…” ฟางซิ่วเฟิงพึมพำ ตระหนักดีว่าก่อนหน้านี้ที่สังเกตเห็นว่าพลังของตนเองแตกกต่างไปจากเดิม เป็นสิ่งที่ท่านพบว่ายากที่จะเชื่อได้ มันดูแปลกประหลาดไปโดยสิ้นเชิง แต่ตอนนี้เมื่อท่านรับรู้ถึงสาเหตุและผลกระทบ ทันใดนั้นฟางซิ่วเฟิงก็ตระหนักว่าเป็นเช่นที่เมิ่งฮ่าวได้กล่าวมา นอกจากตนเองแล้ว…เมิ่งฮ่าวจะไม่มีทางยอมรับผู้ใดมาเป็นผู้นำตระกูล

นั่นคือสิ่งเดียวที่ฟางโส่วเต้าและฟางเหยียนซวีรู้สึกกังวลใจ

“ขอบคุณมาก ท่านปรมาจารย์โส่วเต้าและท่านปรมาจารย์เหยียนซวี เมื่อตระกูลต้องการให้ข้าเป็นผู้นำ ถ้าเช่นนั้น…ฟางโหม่วก็จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่นี้”

ฟางซิ่วเฟิงไม่ปฏิเสธ ทันใดนั้นพลังของท่านก็เพิ่มขึ้นไปอย่างน่ากลัว ดวงตาสาดประกายคล้ายกับเป็นสายฟ้า ขณะที่มองไปรอบๆ ยังกลุ่มคนทั้งหมดของตระกูลฟาง พื้นฐานฝึกตนของท่านก็ปะทุเป็นพลังขึ้นมา

ในชั่วพริบตา พลังนั้นก็กลายเป็นลมพายุที่ทำให้ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะเทือน ทำให้จิตใจของคนทั้งหมดต้องสั่นสะท้าน ในเวลาเดียวกันนั้น ตะเกียงวิญญาณก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ร่างท่าน เผยให้เห็นถึงพื้นฐานฝึกตนที่อยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณในทันที!

ดูเหมือนว่าท่านจะมีความแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าเทียนอวิ๋นซ่างเหริน ห่างจากอาณาจักรเต๋าเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เป็นก้าวเดียวที่ท่านสามารถจะก้าวไปได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ

อย่างไรก็ตามถ้าท่านล้มเหลว ก็จะจบลงด้วยการอยู่ในอาณาจักรเสมือนเต๋า เหตุผลหลักที่ท่านต้องการจะหลีกเลี่ยงผลลัพธ์นี้

ไม่ใช่เป็นเพราะว่าท่านหวาดกลัวต่อความตาย ท่านต้องการจะมีชีวิตอยู่ให้นานมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้ท่านสามารถจะสร้างเป็นความหวาดกลัวให้กับศัตรูใดๆ ก็ตามของบุตรและบุตรี

ขณะที่พลังของท่านพุ่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง สมาชิกของตระกูลที่ก่อนหน้านี้รู้สึกลังเลที่จะยอมรับผู้นำคนใหม่นี้ ทันใดนั้นก็รับรู้ได้ว่าฟางซิ่วเฟิงแข็งแกร่งมากแค่ไหน

ยิ่งไปกว่านั้น ฟางซิ่วเฟิงคือผู้ฝึกตนกระบี่ เป็นผู้ฝึกตนกระบี่ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อรวมเข้ากับพื้นฐานฝึกตนของท่าน ก็ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋า!

ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า กฎธรรมชาติและแก่นแท้ยังได้หมุนวนอยู่รอบๆ ร่างท่านอีกด้วย ถึงแม้จะดูเหมือนว่าท่านไม่ได้ฝึกตนในขณะที่อยู่บนดาวหนานเทียน แต่ความเป็นจริงของเรื่องนี้ก็คือว่า ทางภายนอกท่านได้หยุดการฝึกตนไปนานแล้ว แต่ทำการฝึกที่ภายในแทน ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่กายเนื้อมานานแล้ว แต่ฝึกฝนที่จิตใจ

จนกระทั่งถึงวันนี้ ท่านไม่เคยเปิดเผยพลังอันน่าตกใจนี้ให้กับผู้ใดมาก่อน

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้น และทันใดนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปด้วยท่าทางที่เรียบง่าย นอกจากฟางโส่วเต้าแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถจะรับรู้ได้ถึงความหมายของการกระทำนี้

ในทันทีที่นิ้วของเมิ่งฮ่าวชี้ฝ่าอากาศไป เมล็ดเต๋าในร่างฟางซิ่วเฟิงจู่ๆ ก็ระเบิดเป็นพลังออกมา แสงสีฟ้าที่มีอยู่ภายในร่างก็เริ่มส่องประกายเจิดจ้ามากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นลำแสงสีฟ้าพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

ในทันทีที่ลำแสงสีฟ้าปรากฏขึ้น พลังของฟางซิ่วเฟิงก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น สีสันแปลกๆ แวบขึ้นไป และดาวหนานเทียนก็สั่นสะท้าน อย่างน่าตกใจยิ่ง…พลังแห่งเซียนทุกชั้นฟ้ากำลัง…ถูกปลุกขึ้นมาอยู่ภายในร่างฟางซิ่วเฟิง!

 

เนื่องจากเช่นนั้น ทำให้แสงสีฟ้าในร่างท่านเริ่มเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม พื้นฐานฝึกตนโคจรหมุนวนและโลหิตก็พลุ่งพล่านขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้นเจตจำนงจักรพรรดิก็สาดประกายขึ้นมาในดวงตาท่านอย่างฉับพลัน

เมื่อสมาชิกของตระกูลฟางมองเห็นเช่นนี้ พวกมันก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง สำหรับฟางโส่วเต้า ดวงตามันสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ พร้อมกับความตื่นเต้น

เห็นได้ชัดว่าเนื่องจากพลังแห่งสายโลหิต การตื่นขึ้นมาครั้งแรกของเซียนทุกชั้นฟ้าภายในร่างฟางซิ่วเฟิง ทำให้แสงสีฟ้าจากกลุ่มคนตระกูลฟางทั้งหมด สาดประกายเจิดจ้าขึ้นไปด้วยเช่นกัน

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้านและพื้นดินก็สั่นสะเทือน ราวกับว่าทั่วทั้งขุนเขาทะเลที่เก้ากำลังสั่นไหวไปมา แม้แต่อาณาจักรขุนเขาทะเลก็สั่นระรัวไปด้วย เห็นได้ชัดว่า…พวกมันทั้งหมดกำลังเป็นสักขีพยานต่อการปรากฏขึ้นของตระกูลทุกชั้นฟ้า!

“ขอคารวะท่านผู้นำตระกูล!”

“ขอคารวะท่านผู้นำตระกูล!” ยากที่จะบอกได้ว่าใครเริ่มร้องตะโกนขึ้นมาก่อน แต่ในที่สุดเสียงนั้นก็ดังก้องมากขึ้นกว่าเดิมราวกับเป็นลมพายุ

แต่กลับกันเมิ่งฮ่าวมีท่าทางเหน็ดเหนื่อย ถึงแม้จะดูเหมือนว่าการชี้นิ้วออกไปของเขาจะดูเรียบง่าย แต่ก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าพลังกำลังหมดไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นบิดามีท่าทางที่แข็งแกร่งทรงพลัง และมารดาก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ทั้งหมดนี้ก็คุ้มค่าแล้ว

เมิ่งฮ่าวยิ้มออกมา ยิ้มอย่างน่ารัก ยิ้มอย่างมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!