Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1171

ตอนที่ 1171

ข้าคือเมิ่งฮ่าว

ชายชราโบกสะบัดมือออกไปในทันที และผู้ติดตามสิบกว่าคนก็แยกย้ายกันออกไป เริ่มทำการค้นหาไปทั่วเกาะในทันที ชายชราส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่พบเห็นอะไร มันขมวดคิ้วหันหน้าไปยังสามผู้ฝึกตนที่ส่งสัญญาณเตือนภัย และเริ่มสอบถามพวกมัน

เมื่อคนทั้งสามบอกมันว่า ผู้บุกรุกมีหน้าตาเหมือนกับเซิ่งจู่เป็นอย่างยิ่ง สีหน้าของชายชราก็เปลี่ยนไป จากนั้นคนทั้งสามก็เล่าให้ฟังว่าผู้บุกรุกได้บอกว่า สถานที่แห่งนี้คือบ้านของมัน ทำให้ชายชราต้องอ้าปากค้าง

ในตอนนี้เองที่แผ่นหยกเรืองแสงระยิบระยับ ลอยออกมาจากถุงสมบัติของชายชรา มันคว้าจับไว้และใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่าน สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน กัดฟันแน่นกล่าวว่า “พบมันแล้ว มันอยู่ใน…คฤหาสน์ศักดิ์สิทธิ์ ตรงจุดศูนย์กลางของเกาะ!”

ชายชราหายตัวตรงไปยังจุดศูนย์กลางของเกาะในชั่วพริบตา เวลาเดียวกันนั้นก็ส่งคำสั่งไปยังกลุ่มคนในสังกัดด้วยเช่นกัน ในที่สุดผู้ฝึกตนทั้งหมดที่กระจายอยู่ทั่วเกาะ ต่างก็มุ่งหน้าตรงไปยังอาคารที่อยู่ตรงจุดศูนย์กลาง

ผู้ฝึกตนทั้งสามพุ่งตามไปด้วยความวิตกกังวล พวกมันต่างก็กระวนกระวายใจ ไม่ใช่เนื่องจากว่ามีใครบางคนเข้ามาบนเกาะแห่งนี้ แต่เป็นเพราะว่าคนผู้นั้นอาจจะเป็นใครบางคน!

ไม่นานนักชายชราก็ไปถึงจุดศูนย์กลางของเกาะ ซึ่งศิษย์ของมันเพิ่งจะแจ้งว่าได้มองเห็นเมิ่งฮ่าวอยู่ในที่แห่งนั้น ตอนนี้ศิษย์ผู้นั้นกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นตรงหน้าคฤหาสน์ศักดิ์สิทธิ์ ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน

โครงสร้างของอาคารหลังนั้นจริงๆ แล้วก็ไม่ต่างไปจากกระท่อมไม้แม้แต่น้อย ไม่ได้ดูแปลกพิเศษไปแม้แต่นิดเดียว ผู้ฝึกตนมากมายที่มายังที่แห่งนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มักจะสงสัยว่าทำไมกระท่อมไม้ที่ดูเรียบง่ายธรรมดาเช่นนี้ ถึงถูกยกย่องว่าเป็นคฤหาสน์ศักดิ์สิทธิ์

ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังยืนอยู่ตรงปากประตูทางเข้า หันหลังให้กับคนทั้งหมดที่อยู่ด้านนอก กำลังตรวจสอบดูที่ด้านในของกระท่อม มองเห็นรูปปั้นสองรูปอยู่ตรงด้านใน นั่งอยู่ที่นั่นกำลังมองดูซึ่งกันและกัน

รูปปั้นทั้งสองสวมใส่ชุดวิวาห์สีแดง กำลังจับมือกันและยิ้มแย้มแจ่มใส ถูกแกะสลักขึ้นมาด้วยความประณีตงดงาม ทำให้ดูเหมือนกับมีชีวิตมากที่สุด

หนึ่งในรูปปั้นนั้นมีหน้าตาเหมือนกับเมิ่งฮ่าว อีกหนึ่งเหมือนกับสวี่ชิง…

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่นมองไปยังรูปปั้นด้วยความงุนงง ความทรงจำเอ่อล้นเข้ามาในจิตใจราวกับเป็นน้ำป่าที่ไหลเชี่ยว

ที่ด้านนอกของคฤหาสน์ศักดิ์สิทธิ์ ชายชรามองไปยังเมิ่งฮ่าว และรู้สึกได้ถึงความน่ากลัว, แรงกดดันที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ ซึ่งมีอยู่ภายในร่างเขา อย่างไรก็ตามแรงกดดันนั้นก็ไม่ได้กระจายออกมา มิเช่นนั้นชายชราก็แน่นใจได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นคงจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปในทันที

มันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา กลับยืนอยู่ที่นั่นด้วยความเคารพ ในตอนนี้ไม่ว่าผู้บุกรุกนี้เป็นใครต่างก็ไม่สำคัญ เมื่อคิดไปถึงระดับพื้นฐานฝึกตนของคนผู้นี้ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำอะไรเพื่อไปหยุดเขาได้ แต่ชายชราก็แอบบดขยี้แผ่นหยก เพื่อส่งข้อความไปยังผู้แข็งแกร่งของสำนัก แจ้งให้พวกมันรีบมา

ศิษย์คนอื่นๆ ที่ทำการค้นหาไปทั่วเกาะต่างก็มาถึง และยืนอยู่ที่ด้านนอกของคฤหาสน์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยความวิตกกังวล ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

หลังจากที่ผ่านไปเนิ่นนาน เมิ่งฮ่าวก็ถามขึ้น “ใครแกะสลักรูปปั้นทั้งสองนี้?”

จิตใจชายชราสั่นสะท้าน โดยที่ไม่ต้องขบคิดใดๆ รีบกล่าวตอบว่า “เป็น เป็น…ผู้อาวุโสดินแดนด้านใต้แกะสลักขึ้น ซึ่งรู้จักเซิ่งจู่เป็นอย่างดี”

เมิ่งฮ่าวหันหน้า มองไปยังชายชราถามขึ้นว่า

“พวกเจ้าคือศิษย์สำนักเซี่ยเยา?” (อสูรโลหิต)

ชายชราพยักหน้า และกำลังจะกล่าวอะไรออกมา แต่เมื่อมันเห็นใบหน้าของเมิ่งฮ่าว ก็รู้สึกราวกับว่าสายฟ้ากำลังฟาดลงมาในจิตใจ และยืนอยู่ที่นั่นด้วยความงุนงง ไม่เพียงแต่มันเท่านั้น ศิษย์ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด ต่างก็จ้องมองไปด้วยความตกใจด้วยเช่นกัน

พวกมันทั้งหมดเบือนสายตาจากเมิ่งฮ่าว มองตรงไปยังรูปปั้นที่อยู่ด้านหลังโดยไม่รู้สึกตัวในทันที

ทั้งสองต่างก็มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง!!

มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือ บุคคลที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกมัน ดูเหมือนจะเก่าแก่โบราณ ไม่ได้ดูเยาว์วัยเหมือนกับรูปปั้น

ชายชราหอบหายใจออกมา พึมพำขึ้น “ท่าน…ท่านคือ…”

“ข้าคือเมิ่งฮ่าว” เป็นคำตอบที่สงบนิ่งราบเรียบ

“เซิ่งจู่!!”

“คาดไม่ถึงว่า…จะเป็นเซิ่งจู่ นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร?!”

ในท่ามกลางเสียงร้องอุทานด้วยความตกตะลึงของชายชราและผู้ที่อยู่ใต้สังกัดมัน เสียงแผดร้องด้วยโทสะดังก้องออกมาจากที่ห่างไกล ลำแสงนับร้อยพุ่งฝ่าอากาศมา ผู้ที่นำหน้าเป็นบุรุษวัยกลางคน ตอนแรกใบหน้ามันบิดเบี้ยวขึ้นด้วยโทสะ แต่ในทันทีที่มองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง

“เซิ่งจู่!!”

คนทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย ดังนั้นเมิ่งฮ่าวจึงรอให้เงียบอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวว่า “ข้าต้องการผ่านราตรีในที่แห่งนี้ตามลำพัง ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเฝ้าดูแลสถานที่แห่งนี้มาโดยตลอด”

ด้วยเช่นนั้น เขาโบกสะบัดมือ ส่งเม็ดยานับร้อยให้ลอยออกไปยังคนเหล่านั้นทั้งหมด

จากนั้นก็หันหลัง เดินเข้าไปในกระท่อมไม้ ประตูที่ด้านหลังค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ ในที่สุดก็มองเห็นแสงตะเกียงตรงหน้าต่างกระดาษน้ำมัน

ตรงด้านนอกกระท่อมไม้เงียบกริบราวสุสาน บุรุษวัยกลางคนและผู้ฝึกตนอื่นๆ นับร้อยที่มันนำมายังที่แห่งนี้ แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ต่างก็สบตากันไปมา ถ่ายทอดข้อความซึ่งกันและกัน ไม่กล้าพูดจาเป็นเสียงดังออกมา จากนั้นคนทั้งหมดต่างก็ล่าถอยออกไปด้านหลัง นั่งลงขัดสมาธิ และเริ่มส่งข้อความผ่านแผ่นหยกกลับไปยังภูเขาอสูรโลหิต จากที่แห่งนั้นข่าวคราวก็แผ่กระจายออกไปยังดินแดนด้านใต้ส่วนที่เหลือทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

เท่าที่เมิ่งฮ่าวคิด นี่คือโอกาสน้อยมากที่เขาจะแสดงออกถึงความรู้สึกเช่นนี้ได้ตั้งแต่ออกจากดาวหนานเทียนไป ดังนั้นเขาจะใช้เวลาหนึ่งราตรีนี้อย่างเงียบสงบมากที่สุด นั่งอยู่ในกระท่อมไม้ มองไปยังรูปปั้นของสวี่ชิง และในที่สุดก็ไม่รับรู้ถึงกาลเวลาที่ผ่านไป

แต่กลับกันนี่เป็นหนึ่งในยามราตรีที่ไม่อาจจะหลับใหลลงได้สำหรับดินแดนด้านใต้ ข่าวคราวได้แพร่กระจายออกไปยังสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมดว่า ได้เห็นเมิ่งฮ่าวอยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่เป็นรุ่นอาวุโส ผู้ที่เคยต่อสู้เคียงข้างเมิ่งฮ่าวในสงครามที่ผ่านมาเมื่อในอดีต ต่างก็สั่นสะท้านไปโดยสิ้นเชิง

เป็นเวลานานหลายปีมาแล้วตั้งแต่เมิ่งฮ่าวจากไป และถึงแม้ว่ากลุ่มผู้คนจะมองเห็นภาพของเขาในโอกาสต่างๆ หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันออกไป ข่าวคราวจากสำนักเซี่ยเยา ได้บอกว่านี่คือเมิ่งฮ่าวจริงๆ และพื้นฐานฝึกตนของเขาก็สูงส่งจนยากที่จะหยั่งถึง

ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ เขาอยู่บนเกาะศักดิ์สิทธิ์ ไม่สำคัญว่าจะเป็นเมิ่งฮ่าวตัวจริงหรือไม่ ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดแห่งดินแดนด้านใต้ต่างก็ไม่ลังเลที่จะเดินทางไปยังที่แห่งนั้น ถ้าเป็นเมิ่งฮ่าวจริง พวกมันก็จะกราบกรานสักการะเขา ถ้าไม่ใช่…ใครก็ตามที่มาดูหมิ่นสถานที่แห่งนั้นก็จะต้องเผชิญกับความเกรี้ยวกราดจากดินแดนด้านใต้ทั้งหมด

ในช่วงของสงครามใหญ่แห่งดินแดนด้านใต้ เมิ่งฮ่าวถูกแต่งตั้งให้เป็นเซิ่งจู่อย่างแท้จริง จริงๆ แล้วเขาเป็นหนึ่งในสามเซิ่งจู่ อีกสองท่านคือตานกุ่ยและปรมาจารย์ซ่ง

พวกเขาคือผู้แข็งแกร่งมากที่สุดสามคนที่ยังมีชีวิตอยู่หลังจากสงครามสิ้นสุด ตานกุ่ยบรรลุกลายเป็นเซียน และออกไปจากดาวหนานเทียน กลายเป็นบุคคลในตำนานไป สำหรับปรมาจารย์ซ่ง เมื่อสงครามยุติลงท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากที่ไปนั่งเข้าฌาณตามลำพังก็ไม่เคยออกมาอีกเลย

จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็จากไปด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากว่าเขาได้ผนึกผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนทางเหนือไว้ในภูเขาที่ถูกเรียกว่าบาปแห่งทิศเหนือ ซึ่งจะช่วยให้พลังลมปราณของดินแดนด้านใต้ค่อยๆ ฟื้นฟูกลับคืนมา ภูเขานั้นยังคงตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่น และเป็นเพราะเรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของเมิ่งฮ่าวโด่งดังมากขึ้นไปอีก

หลังจากสงครามครั้งนั้น สำนักจื่อยิ่นและตระกูลซ่งกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไป พร้อมกับสำนักเซี่ยเยา กลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากที่สุดในดินแดนด้านใต้ สำหรับเกาะแห่งนี้ เนื่องจากงานวิวาห์ที่เริ่มขึ้นเมื่อหลายปีก่อนโน้น ดินแดนด้านใต้จึงทำให้มันกลายเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ไป

เป็นสถานที่สำหรับการระลึกถึงเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิง

ค่ำคืนนี้ สำนักทั้งหมดในดินแดนด้านใต้ต่างก็เรียกระดมพล ผู้อาวุโสที่เคยผ่านศึกสงครามในครั้งนั้นต่างก็บินตรงไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่ถือกำเนิดมาหลังจากนั้น

ที่ยิ่งน่าประหลาดใจมากไปกว่านั้น…ลึกเข้าไปในตระกูลซ่ง ปรมาจารย์ซ่งซึ่งนั่งเข้าฌาณมานานหลายปี จู่ๆ ก็ลืมตาที่เก่าแก่โบราณขึ้นมา เมื่อท่านได้ยินรายงานถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ท่านก็นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ชั่วขณะ จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ เต็มไปด้วยความเก่าแก่โบราณและเหน็ดเหนื่อย ท่านออกไปจากตระกูลซ่ง นำกลุ่มคนในตระกูลตรงไปยังเกาะศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับท่าน

การโผล่ออกมาของปรมาจารย์ซ่ง ทำให้ดินแดนด้านใต้ทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวายขนานใหญ่ ตลอดทั้งคืนนั้นผู้ฝึกตนทั้งหมดต่างก็คิดเกี่ยวกับเกาะศักดิ์สิทธิ์ หรือพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้!

ปรมาจารย์ซ่งมาถึงเกาะแห่งนี้ประมาณยามเที่ยงคืน ถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มคนจากตระกูลซ่ง หนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นเป็นสตรีวัยกลางคน นางมีหน้าตาที่งดงามแต่เริ่มแก่ชราลง และเห็นได้ชัดว่าเมื่อนางยังเยาว์วัย ต้องถูกถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความงดงามมากที่สุดในดินแดนด้านใต้

นางคือซ่งเจียนั่นเอง

เนื่องจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเมิ่งฮ่าว ทำให้ซ่งเจียมีตำแหน่งพิเศษอยู่ในตระกูลซ่ง นางเลือกที่จะไม่แต่งงาน และยังคงเป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้ เฝ้าจดจ่ออยู่แต่การฝึกตนเท่านั้น

ในทันทีที่ข่าวคราวเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวเริ่มแพร่กระจายออกไป นางก็โผล่ออกมาจากการเข้าฌานตามลำพังเช่นกัน และเข้าร่วมกับปรมาจารย์ซ่งอย่างเงียบๆ เพื่อมายังเกาะศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

การมาถึงของปรมาจารย์ซ่ง ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่บนเกาะต่างก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย พวกมันโค้งตัวลงต้อนรับด้วยความเคารพ ในเวลาเดียวกันนั้นก็เปิดทางให้ปรมาจารย์ซ่งเดินตรงไปยังกระท่อมไม้ด้วยเช่นกัน

ปรมาจารย์ซ่งมองไปยังแสงตะเกียงที่กำลังส่องสว่างอยู่ในหน้าต่างกระดาษน้ำมัน และดวงตาที่มืดสลัวของท่านก็ค่อยๆ สาดประกายเจิดจ้าออกมา ท่านเริ่มกระจายพลังคล้ายกับกระบี่ที่หลุดออกมาจากฝักอย่างช้าๆ

ตอนนี้ผู้ฝึกตนอื่นๆ ในบริเวณนั้น ต่างก็จ้องมองไปยังปรมาจารย์ซ่งด้วยความวิตกกังวล

“สหายน้อยเมิ่งฮ่าวใช่หรือไม่?!” ปรมาจารย์ซ่งถามขึ้นในทันที ด้วยเสียงที่ดังกระหึ่มราวกับเป็นเสียงฟ้าคำราม สายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า และพื้นดินก็สั่นสะเทือน เกิดเป็นคลื่นขนาดใหญ่ม้วนตัวออกไปทั่วทั้งพื้นผิวน้ำ

หลังจากผ่านไปชั่วขณะ เสียงของเมิ่งฮ่าวก็ได้ยินออกมาจากกระท่อมไม้ ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก “ผู้อาวุโสซ่ง โปรดเข้ามา”

ประตูกระท่อมไม้ค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นเป็นเมิ่งฮ่าว กำลังมองตรงมายังปรมาจารย์ซ่ง แววตาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความทรงจำ ขณะที่นึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่เคยต่อสู้ร่วมกันมา กับกองกำลังแห่งดินแดนทางเหนือที่รุกรานเข้ามา

ในทันทีที่ปรมาจารย์ซ่งมองเห็นเมิ่งฮ่าว ดวงตาท่านก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้า สั่นสะท้านอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความยินดี และตื่นเต้นที่ได้เห็นสหายเก่า

ท่านเดินผ่านเข้าไปในกระท่อมไม้ หลังจากนั้นประตูก็ค่อยๆ ปิดลง

“เป็นมันจริงๆ…” ซ่งเจียพึมพำ ดวงตาแวบประกายความซับซ้อนขึ้น

ยามราตรีผ่านไปอย่างช้าๆ ผู้ฝึกตนมารวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกกระท่อมไม้มากขึ้นไปเรื่อยๆ มีผู้ฝึกตนจากสำนักจื่อยิ่น และสำนักเซี่ยเยา

รวมทั้งคนอื่นๆ ที่เคยต่อสู้ร่วมกับเขาเพื่อต่อต้านการรุกรานจากดินแดนทางเหนือ แม้แต่บนชายหาดของทะเลสาบก็มีผู้ฝึกตนมารวมตัวกันอย่างหนาแน่น ดวงตาพวกมันเต็มไปด้วยความเกรงขามและเคารพบูชา สำหรับพวกมันแล้วนี่คือการเดินทางมาเพื่อความศักดิ์สิทธิ์

การที่ปรมาจารย์ซ่งเข้าไปในกระท่อมไม้ ก็ทำให้คนทั้งหมดเข้าใจได้อย่างชัดแจ้งว่า…นี่คือเซิ่งจู่เมิ่งฮ่าวที่แท้จริง!

ข่าวคราวนี้ทำให้คนทั้งหมดเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและมุ่งหวัง ผู้ฝึกตนที่เคยต่อสู้ร่วมกับเขามาในสงครามครั้งนั้น ต่างก็หวนรำลึกไปถึงสหายเก่าที่เคยอยู่ในอ้อมแขนของตนเอง สำหรับกลุ่มคนที่ไม่เคยพบเห็นเมิ่งฮ่าวมาก่อน ต่างก็หวังว่าจะได้เห็นเซิ่งจู่ผู้ยิ่งใหญ่นี้เพียงแค่แวบเดียวก็ยังดี

ไม่มีใครพูดจาออกมา พวกมันแค่นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เฝ้ารอคอยให้ประตูเปิดออก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!