ตอนที่ 12
ศิษย์พี่หญิงสวี่ สบายดี?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สร้างความสนใจให้กับผู้ฝึกตนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ทั้งหมดมีสีหน้าเปลี่ยนไป หลายคนดูเหมือนมึนงง ไม่แน่ใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ขณะนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่ใช่บุคคลที่ใครจะมาตอแยด้วยได้
คนนอกไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สำหรับลูกค้าคนแรกของเมิ่งฮ่าวที่กำลังตัวสั่น มันเผชิญกับเหตุการณ์ด้วยตนเอง ในใจเต้นระรัว ตบถุงเก็บสมบัติ ตัดใจส่งมอบหินลมปราณทั้งหกก้อนออกไปให้เมิ่งฮ่าวอย่างนอบน้อม นึกรู้สึกเสียใจที่ไปยืนลังเลอยู่หน้าร้านขายยาสำหรับผู้ฝึกตน มัวเสียดายหินลมปราณในเวลานั้น จึงไม่ซื้อยาไว้ติดตัวไว้ ทำให้ต้องจบลงด้วยการที่เขาไม่มีเม็ดยารักษาตัว แต่แม้ตอนนี้จะเสียใจภายหลัง ก็ไม่มีหินลมปราณเหลือไปซื้อแล้ว
เมิ่งฮ่าวรับหินลมปราณ ส่งมอบเม็ดยาประสานโลหิต และเม็ดยาผ่อนคลายกระดูกให้กับอีกฝ่าย
“ขอบคุณที่อุดหนุน” เขาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “โปรดกลับมาซื้อใหม่นะขอรับ” อีกครั้งหนึ่งที่เขาดูอ่อนแอและบอบบาง แต่สำหรับผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขากลับคิดว่า เขาเป็นสัตว์ป่าในคราบลูกแกะ บุรุษผู้นั้นเดินจากไปด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน
หลังจากที่ลูกค้ารายนี้จากไป เมิ่งฮ่าวตัดสินใจไม่กลับไปยังจุดที่เขานั่งขายยาบนศิลาก้อนใหญ่อีก เขาถือป้ายผ้าที่เขียนว่า ร้านขายยาแบบเร่งด่วน เริ่มเดินไปเรื่อยๆ รอบๆ เขตส่วนรวม เขามาหยุดอยู่ใกล้กับศิษย์สายนอกสองคนซึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่ ปักป้ายผ้าลงไปบนพื้น
“พี่ท่าน ดูเหมือนว่าท่านจะบาดเจ็บนะ” เมิ่งฮ่าวกล่าว เดินไปข้างหน้า พูดกับคนหนึ่งที่กำลังต่อสู้ “ท่านดูเหมือนไร้เรี่ยวแรง ไม่อยู่ในสถานะที่จะต่อสู้กับใครได้เลย”
ศิษย์สายนอกทั้งสองมองมาที่เขาอย่างประหลาดใจ เมื่อครู่พวกมันเห็นเมิ่งฮ่าวซัดใครสักคนจนสลบไป พวกมันลังเลจากนั้นก็หยุดต่อสู้ พร้อมใจกันถอยหลังไป
“ข้ามีเม็ดยาลมปราณสดชื่น จากร้ายขายยาสำหรับผู้ฝึกตน รับไปสักเม็ด ท่านก็จะมีพลังสมบูรณ์ขึ้นมาใหม่ รับประกันได้เลยว่าชัยชนะก็จะเป็นของท่าน เนื่องจากวันนี้เป็นการเปิดร้านวันแรก คิดราคาแค่หินลมปราณหนึ่งก้อน รับประกันความคุ้มค่า” เมิ่งฮ่าวเดินหน้าไปเรื่อยๆ สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความจริงใจ
“ข้ามียาเม็ดของตัวเองแล้ว” บุรุษหนุ่มพูดแบบไร้เยื่อใย มันตบไปที่ถุงเก็บสมบัติ เม็ดยาลมปราณสดชื่นก็ปรากฏขึ้นในมือ
เมื่อเห็นดังนั้น เมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจออกมา เขาได้มองบุรุษคนนี้อยู่ซักพัก ก่อนที่จะคิดว่ามันคงไม่มีเม็ดยา เมิ่งฮ่าวส่งเสียงไอเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปยังบุรุษอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา บุรุษผู้นั้นส่งเสียงเย็นชาในลำคอ จากนั้นก็หยิบเม็ดยากลืนกินลงไป เริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง เมิ่งฮ่าวได้แต่แอบถอนหายใจ
แต่เมิ่งฮ่าวก็มิได้ท้อแท้ เขาเดินวนกลับไปที่ศิลาก้อนใหญ่ ยังคงมองไปที่การต่อสู้ของคนทั้งสอง เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายของพวกมันดูเหมือนว่าจะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเม็ดยาของพวกมันถูกใช้ไปจนหมดแล้ว และแล้วจุดวิกฤตในการต่อสู้ก็ได้มาถึง ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ใกล้จะถูกตัดสิน
เมิ่งฮ่าวใจเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง ยกป้ายผ้าเดินเข้าไปหาพวกมันอีกครั้ง
“พี่ท่าน ช่วงเวลาวิกฤตของชีวิตได้มาถึงแล้ว ท่านไม่มีเม็ดยาเหลืออยู่อีกเลย แต่ไม่ต้องกังวล ข้ามีเม็ดยาชั้นเลิศ”
“ถึงจุดวิกฤตนี้ ซื้อเม็ดยาลมปราณสดชื่นของข้าเพียงหนึ่งเม็ด ก็จะช่วยฟี้นฟูพลังของท่านให้กลับมาอีกครั้ง รวมถึงฟื้นคืนพลังลมปราณได้โดยเร็วอีกด้วย พี่ท่าน ท่านไม่ได้ซื้อเม็ดยา แต่ท่านกำลังซื้อพลังลมปราณอยู่นะ โอย ท่านบาดเจ็บแล้ว!” เสียงของเมิ่งฮ่าวสร้างความว้าวุ่นให้กับคู่ต่อสู้ กระบี่บินได้ปักเข้าใส่ท่อนแขนของหนึ่งในนั้น เกิดเป็นน้ำพุโลหิตสาดกระเซ็น มันถอยหลังไปพร้อมกับส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
แต่เมิ่งฮ่าวถอยตามไปไวยิ่งกว่า ตามทันในพริบตา พูดต่อไปอย่างความรวดเร็ว ด้วยท่าทีอ่อนแอเหมือนนักศึกษาเช่นเคย
“พี่ท่าน ถึงเวลาแล้ว ฉวยโอกาสที่โลหิตของท่านยังไหลออกไม่มาก เร็วเข้า รีบมาซื้อเม็ดยาประสานโลหิต ถ้าไม่ซื้อท่านก็จะยิ่งมีอันตรายมากขึ้นไปอีก”
“ไสหัวไป!” บุรุษที่ได้เปรียบคำรามใส่เมิ่งฮ่าว กระโจนใส่ผู้ที่บาดเจ็บ
“ส่งยามาให้ข้า” ผู้บาดเจ็บร้องขอด้วยสีหน้าซีดขาว ถอยหลังพลางกัดฟันหยิบหินลมปราณโยนให้เมิ่งฮ่าว เขาก็โยนเม็ดยาประสานโลหิตไปที่บาดแผลบนแขนของผู้บาดเจ็บนั้น โลหิตที่ไหลออกมาอย่างรวดเร็วก็เริ่มไหลช้าลง แล้วก็หยุดไหลในที่สุด มันกระโดดกลับเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง
“โอย พี่ท่าน, ดูเหมือนว่าเม็ดยาของท่านก็หมดเช่นกัน ดูสิ ของข้ายังมีอีกมาก ตอนนี้คู่ต่อสู้ของท่านซื้อไปแล้วหนึ่งเม็ด มันก็มีพลังเพิ่มขึ้น แต่ท่านกำลังบาดเจ็บ ทำไมท่านไม่ลองซื้อเม็ดยาประสานโลหิตสักเม็ด?”
“โอ ไม่นะ, ท่านโดนฟันอีกแล้ว ท่านต้องเมื่อยล้ามากอย่างแน่นอน ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ พี่ท่าน ข้ายังมีเม็ดยาผ่อนคลายกระดูก ที่ช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าอีกด้วยนะ”
“หนึ่งหินลมปราณสำหรับยาหนึ่งเม็ด ท่านควรจะรีบซื้อโดยเร็ว ท่านนักปราชญ์กล่าวไว้ว่า หินลมปราณถึงจะมากคุณค่า แต่ชีวิตก็หาค่ามิได้” เมิ่งฮ่าวค่อยๆ เดินวนเป็นวงกลมไปรอบๆ พวกมัน แน่นอนที่สุดว่า พวกมันใช้เม็ดยาไปหมดแล้ว และในไม่ช้า ด้วยความรู้สึกกดดันซึ่งกันและกัน คนทั้งสองก็มาขอซื้อเม็ดยาไปบางส่วน การต่อสู้ก็เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น รุนแรงยิ่งกว่าการต่อสู้ปกติสี่ถึงห้าเท่า
เดิมทีมันเป็นการต่อสู้ที่เรียบง่ายและยุติธรรม แต่ด้วยการมีร้านขายยาแบบเร่งด่วนมาเปิดที่นี่ ทำให้กลายเป็นการต่อสู้ที่ซับซ้อนยุ่งยากมากขึ้น ด้วยอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ที่รุนแรงในครั้งนี้ ทำให้คนทั้งสองไม่สามารถหยุดการต่อสู้ได้
ในที่สุด คนทั้งสองก็ใช้พลังลมปราณที่มีอยู่ทั้งหมดไป พวกมันล้มลงบนพื้นนอนสลบไม่ได้สติ ทั้งหินลมปราณ และเม็ดยาถูกใช้ไปจนหมดสิ้น แม้แต่ของวิเศษก็ถูกทำลายไปทั้งหมดในตอนต่อสู้ ช่างน่าอนาถใจยิ่งนัก
จากการที่เมิ่งฮ่าวเข้ามาสอดแทรกในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาคิดว่าเขาได้ช่วยชีวิตพวกมันไว้ มิเช่นนั้นจะต้องมีคนหนึ่งตาย จากนั้นเขาก็แบกป้ายผ้าร้านขายยาแบบเร่งด่วน เดินช้าๆ ไปรอบๆ พื้นที่ราบสูงนั้นต่อไป และอีกครั้งที่พบเห็นผู้ฝึกตนสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ดูจากสภาพการต่อสู้นี้แล้ว ถึงแม้พวกมันจะมีเม็ดยารักษาอาการบาดเจ็บ แต่ก็คงหมดไปเรียบร้อยแล้ว เมิ่งฮ่าวยืนถือป้ายผ้าด้วยสายตาวาววับ ใกล้ๆ กับสองคนนั้น
“พี่ท่าน ท่าทางของท่านดูเลวร้ายนัก ท่านคงมีการบาดเจ็บที่ร้ายแรง แต่ไม่ต้องกลัว ข้ามีเม็ดยารักษา หนึ่งหินลมปราณซื้อได้หนึ่งเม็ดยา รับประกันว่าร่างกายท่านจะฟื้นฟูกลับมาเหมือนเดิม”
“ทำไมท่านไม่พูดอะไรบ้าง? อย่าบอกนะว่าท่านไม่เชื่อข้า? ก่อนหน้านี้มีศิษย์คนอื่นซื้อยาของข้า ผลก็คือคู่ต่อสู้ของมันตายไปเรียบร้อย”
ในไม่ช้า คนทั้งสองก็ขอซื้อเม็ดยา ซื้ออีกครั้ง และอีกครั้ง จนกระทั่งพวกมันไม่มีหินลมปราณเหลืออยู่เลย หลังจากที่ต่อสู้ไปอย่างดุเดือดสักพัก พวกมันก็หยุดการต่อสู้โดยที่ไม่ได้อะไรเลย ยกเว้นถุงเก็บสมบัติที่ว่างเปล่า
เมิ่งฮ่าวส่ายหน้าเก็บป้ายผ้า เดินไปหาลูกค้ารายใหม่เพื่อทำการค้าต่อไป
เมื่อดวงตะวันเริ่มตกดิน เมิ่งฮ่าวได้เดินไปทั่วทุกแห่งในบริเวณเขตส่วนรวมเพื่อขายเม็ดยา สุดท้ายไม่ว่าเขาจะไปที่จุดการต่อสู้ไหน การต่อสู้นั้นก็หยุดลงทันที และคู่ต่อสู้ก็เดินจากไป ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็พบเจอแต่ความว่างเปล่าบนที่ราบสูงนั้น เขาเอามือตบถุงเก็บสมบัติเบาๆ แล้วก็เดินจากไป
มันเป็นเวลาดึกแล้ว เมื่อเขากลับไปถึงถ้ำแห่งเซียน นั่งลงขัดสมาธิ และเริ่มตรวจนับหินลมปราณที่ได้มาในวันนี้อย่างตื่นเต้น
“หนึ่ง, สอง…” เขาตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่นับ “ทั้งหมด ห้าสิบสามก้อน ข้ารวยแล้ว วิธีนี้ช่างรวดเร็วกว่าการไปปล้นชิงจากคนอื่นมากนัก ทั้งปลอดภัยกว่ามาก แล้วก็ไม่ต้องสังหารใครอีกด้วย”
“เม็ดยาข้าเหลืออยู่ไม่มาก พรุ่งนี้ข้าต้องไปที่ร้านขายยาสำหรับผู้ฝึกตนเพื่อซื้อเพิ่ม ถ้าข้าต้องการให้การค้าดีกว่านี้ ข้าก็ควรจะซื้อเม็ดยาทั้งหมดในร้านของเดือนนี้มา ถ้าข้ามีหินลมปราณไม่พอ ข้าก็ควรซื้อให้มากเท่าที่จะซื้อได้ เมื่อเม็ดยาในร้านขายยาสำหรับผู้ฝึกตนขาดแคลน พวกมันก็จะมาซื้อเม็ดยาที่ร้านขายยาแบบเร่งด่วนของข้าง่ายขึ้น”
เมิ่งฮ่าวเปิดถุงเก็บสมบัติที่เขาได้จากผู้ฝึกตนที่สลบไปออกมาดู ด้านในมีหินลมปราณเล็กน้อย เม็ดยารวบรวมลมปราณสองเม็ด แล้วก็มีเม็ดยาสีชมพูหนึ่งเม็ด
เขายกเม็ดยาสีชมพูขึ้นมาตรวจสอบ ก็พบว่ามันเป็นเม็ดยาคงโฉมของร้านขายยาสำหรับผู้ฝึกตน ซึ่งมีราคาแพง มีค่าประมาณเม็ดยารวบรวมลมปราณสิบเม็ด และเป็นสินค้าที่แพงมากเท่าที่จะหาซื้อได้สำหรับร้านขายยาผู้ฝึกตน
“เม็ดยานี้ปรุงขึ้นมาเพื่อยังโฉมคงความงาม มันไร้ประโยชน์สำหรับข้าที่จะใช้มัน” เขาคิดว่าเจ้าของยาเม็ดนี้ก่อนหน้า คงตั้งใจจะเอาไปให้ศิษย์สตรีที่มันหมายตาไว้เพื่อเอาใจเป็นแน่ เขาคร้านที่จะคิดถึงเรื่องนี้ไปมากกว่านี้ จึงเก็บเม็ดยาสีชมพูลงไปในถุงเก็บสมบัติ
เมื่อเขามองไปยังหินลมปราณ และเม็ดยาทั้งหมดด้วยความพึงพอใจ ทันใดนั้นประตูศิลาของถ้ำแห่งเซียนก็เกิดเสียงดัง และเริ่มเปิดออก มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนเมิ่งฮ่าวไม่ทันที่จะเก็บหินลมปราณและเม็ดยาทั้งหมดที่วางอยู่
หญิงสาวเดินเข้ามา หันหลังให้กับรัศมีของแสงจันทร์ เป็นหญิงสาวที่งดงาม แต่เย็นชาและมีสีหน้าไร้ความรู้สึก นางสวมใส่ชุดยาวสีเงิน ซึ่งดูราวกับว่านางกำลังห่มแสงจันทร์ไว้
ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน นอกจากศิษย์สายในของสำนักเอกะเทวะ ศิษย์พี่หญิงสวี่
เมื่อนางได้เข้ามาในถ้ำแห่งเซียน แสงจันทร์ก็ส่องกระทบ หินลมปราณและเม็ดยาซึ่งวางอยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าวเป็นประกายสีเงินแวววาว ทำให้สีหน้าที่เย็นชาของนางเปลี่ยนเป็นประหลาดใจ
“ขอคารวะศิษย์พี่หญิงสวี่” เมิ่งฮ่าวกล่าวทักทาย รีบใช้มือขวากวาดหินลมปราณและเม็ดยาใส่ถุงเก็บสมบัติ ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางอึดอัดใจ
ศิษย์พี่หญิงสวี่ไม่กล่าววาจาใดๆ เพียงแค่มองดูเมิ่งฮ่าวแล้วก็พยักหน้า จากนั้นก็เดินออกไป
เมิ่งฮ่าวเดินตามนางไปด้วยความประหลาดใจ
“ศิษย์พี่หญิงสวี่ ท่านมาที่นี่อย่างยากลำบาก ทำไมไม่อยู่ต่อสักครู่หนึ่ง?”
“ไม่มีความจำเป็น” นางตอบกลับมาเสียงเย็นชา “ข้ากำลังจะปลีกสันโดษไปนั่งเข้าฌาณตั้งแต่วันพรุ่งนี้ แค่แวะผ่านมา จึงมาดูเจ้าเล็กน้อย” นางมองมาที่เขา จากนั้นก็เดินออกจากถ้ำไป
เมิ่งฮ่าวรู้สึกกระอักกระอ่วน แอบเสียใจที่ไม่น่านั่งนับหินลมปราณ เพราะหากเขาทำตัวให้ดูน่าสงสารสักหน่อย บางทีเขาอาจจะได้ประโยชน์จากการที่ศิษย์พี่หญิงสวี่มายังที่นี่มากขึ้น
ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยในจิตใจ ศิษย์พี่หญิงสวี่ถึงจะดูเย็นชาและแปลกแยก แต่นางก็มาที่นี่เพื่อเยี่ยมเขา ซึ่งหมายความว่านางจำเขาได้ หัวใจเขาเต้นระรัว ตบไปที่ถุงเก็บสมบัติ เม็ดยาสีชมพูก็ปรากฏขึ้น
“ข้ากำลังจะขอบคุณท่านอยู่พอดี ศิษย์พี่หญิงสวี่ ข้ารวบรวมเม็ดยารวบรวมลมปราณได้จำนวนหนึ่ง ทำให้สามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับเม็ดยาคงโฉมเม็ดนี้ ได้โปรดรับมันไว้ ในสายตาของข้า มีแต่ท่านที่คู่ควรกับเม็ดยาเช่นนี้”
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเข้าสังกัดสำนัก ข้าก็ใฝ่ฝันว่าท่านจะดูอ่อนเยาว์เช่นนี้ไปตลอดกาล และคงความเป็นโฉมสะคราญตลอดไป” เขาพูดโดยไม่กะพริบตา น้อมส่งยาออกไป ด้วยสีหน้านอบน้อม
ศิษย์พี่หญิงสวี่หยุดเดินและหันกลับมามองเขา จ้องไปที่เม็ดยาในมือเขาอย่างเงียบๆ เนิ่นนาน จากนั้นจึงหยิบมันไป
“ถึงแม้ว่าเม็ดยารวบรวมลมปราณจะหาได้ง่ายในสำนัก แต่มันก็มีฤทธิ์ได้จนถึงขั้นห้าของการรวบรวมลมราณ พวกเราเหล่าผู้ฝึกตนเห็นความสำคัญของระดับพลังลมปราณ ก้าวเข้าสู่ลกของการฝึกตน เท่ากับเหยียบย่างอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้อีกในแม้เจ้าจะฉลาดมีไหวพริบ แต่ก็สมควรขยันฝึกให้มากกว่านี้”
นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวได้ยินศิษย์พี่หญิงสวี่ พูดได้มากขนาดนี้ เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็พยักหน้าอย่างน้อมรับคำสอน
“ตราบเท่าที่ศิษย์พี่หญิงสวี่ชอบมัน ข้าก็ยินดีที่จะนำไปมันมาให้” เขากล่าวพร้อมกับค้อมศีรษะกะพริบตา เหมือนจะอายเล็กน้อย
“ยาเม็ดนี้…ข้าจะรับไว้แค่ครั้งนี้ แต่ครั้งหน้าห้ามนำเม็ดยาของเจ้าไปแลกเปลี่ยนเช่นนี้อีก” ศิษย์พี่หญิงสวี่เก็บเม็ดยาไว้ ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ดึงเอาจี้หยกสีชมพูมายื่นส่งให้เมิ่งฮ่าว
“นี่เป็นของวิเศษ” นางกล่าว “ใช้เพื่อป้องกันตัว” จากนั้นก็เริ่มเดินลงไปจากภูเขา
“ขอบคุณมาก ศิษย์พี่หญิงสวี่” เมิ่งฮ่าวเอ่ย “ได้โปรดให้ข้าเดินไปเป็นเพื่อนท่าน? ข้าไม่ได้พบเจอท่านเป็นเวลานานแล้ว และข้าก็มีคำถามบางอย่างเกี่ยวกับการฝึกตน ซึ่งหวังว่าท่านจะช่วยขจัดความโง่เขลาให้ข้าได้”
เขาทราบว่านี่เป็นโอกาสที่สำคัญ นี่เป็นบุคคลเพียงหนึ่งเดียวที่เขาจะพึ่งพาได้ในสำนักนี้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องหาทางใกล้ชิดนาง ถ้าเขาได้เดินไปพร้อมกับนางในเขตสำนักสายนอก และถูกศิษย์คนอื่นๆ พบเห็น บางทีผู้ที่จะกล้าหาเรื่องเขา จะลดน้อยลง
ศิษย์พี่หญิงสวี่ลังเล นางเป็นบุคคลที่เย็นชาไม่สนใจใคร และไม่ค่อยพูดมากนัก ไม่เคยมีศิษย์สำนักเพศชายมาติดตาม นางเกิดความรู้สึกแปลกๆ ที่มีเมิ่งฮ่าวมายืนอยู่ข้างกาย กำลังที่จะปฏิเสธ แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำของเมิ่งฮ่าวช่วงท้าย นางคิดถึงสีหน้าเอียงอายของเขาขณะมอบเม็ดยาคงโฉม จึงพยักหน้ารับคำอย่างเงียบๆ
โดยมีแสงจันทร์เคียงข้าง สาดส่องลงมาสู่แผ่นดิน ตกกระทบร่างทั้งสอง ที่เดินเข้าใกล้กันมากขึ้นทุกที
ณ เวลานั้น บนจุดสูงสุดของยอดเขาทิศเหนือ ชายชราร่างสูงในชุดยาวสีเทายืนขึ้น เมื่อมันได้มองลงมาเห็นเหตุการณ์ที่เบื้องล่าง สีหน้าก็แสดงออกถึงการยอมรับ
“ยอดเยี่ยม เจ้าเด็กเมิ่งฮ่าว ไม่เลวทีเดียว มันเข้าใจลึกซึ้งถึงแก่นแท้ของสำนักเอกะเทวะ รู้ว่าควรจะหาใครที่พึ่งพาได้ และรู้ว่าต้องรักษาความสัมพันธ์กับผู้ที่พึ่งพานั้นไว้ จึงจะมีที่พึ่งพาอยู่เคียงข้างตลอดไป” นี่เป็นชายชราคนเดียวกับที่แสดงท่าทียอมรับเมิ่งฮ่าวในวันแจกเม็ดยา มันยิ่งรู้จักเมิ่งฮ่าวมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นเท่านั้น