ตอนที่ 1202
ตราบชั่วนิรันดร์ตลอดไป
ตอนนี้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวเงียบกริบไปโดยสิ้นเชิง สำหรับผู้ฝึกตนอาณาจักรวิญญาณ ที่เคยอยู่บนสะพานเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน และกำลังกระจัดกระจายออกไปในห้วงอวกาศอยู่ตอนนี้ เมิ่งฮ่าวช่วยเหลือพวกมันไว้ พร้อมกับผู้ฝึกตนอื่นๆ ที่ติดตามเขามาด้วยเช่นกัน ผู้ฝึกตนเหล่านี้เห็นกับตาด้วยตัวเอง ถึงการหายไปของสะพานเซียนเดินหน และการเกิดขึ้นมาของสุดยอดสะพาน ต่างก็เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของเมิ่งฮ่าว เริ่มส่งผู้ฝึกตนอาณาจักรวิญญาณกลับไปยังสำนักของแต่ละคน
เรื่องทั้งหมดได้ข้อสรุปที่สมบูรณ์ และเมิ่งฮ่าวก็สามารถจะตอบแทนบุญคุณได้แล้ว ไม่เพียงแต่จะช่วยหานซานและภรรยาได้เท่านั้น สุดยอดสะพานของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจอีกด้วย
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น ยิ้มให้กับหานซานอย่างอบอุ่น ครุ่นคิดไปถึงเรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน
ตอนแรกหานซานมีท่าทางสับสน แต่ในที่สุดแววตาท่านก็เริ่มแจ่มใสขึ้น ร่างของภรรยาท่านสั่นสะท้านขณะที่ตื่นขึ้นมา และมองไปยังรอบๆ บริเวณนั้นด้วยสีหน้าที่งุนงงด้วยเช่นกัน จากนั้นก็มองไปยังสามีตนเองและความงุนงงนั้นก็หายไป ถูกแทนที่ด้วยแววตาที่อ่อนโยน
ราวกับว่า…ไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหน หรือจะมีเรื่องยุ่งยากลำบากอย่างไร ตราบเท่าที่มีหานซานอยู่…นางก็จะไม่เป็นไร
หานซานลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ มองไปรอบๆ ชั่วขณะ ก่อนที่สายตาจะตกกระทบมาบนร่างเมิ่งฮ่าว แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมและหัวเราะออกมา “มีสุราหรือไม่…?”
เมิ่งฮ่าวยิ้มโบกสะบัดมือขึ้นไป ขวดน้ำเต้าสุราที่หานซานมอบให้เขาเมื่อหลายปีก่อนลอยออกมา หานซานคว้าจับมันไว้ แหงนหน้าขึ้นดื่มเข้าไปคำใหญ่
หานซานลดขวดน้ำเต้าสุราลง มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดจริงจัง “สหายน้อย ข้าจะจดจำความเมตตาที่เจ้ามีต่อพวกเราไว้ตราบชั่วนิรันดร์!”
ท่านไม่เอ่ยถึงสิ่งใดๆ ที่เมิ่งฮ่าวมาช่วยให้หลุดพ้นเป็นอิสระ คำขอบคุณก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือว่า…ท่านมีความเชื่อมั่นในตัวเมิ่งฮ่าว
สิ่งที่สำคัญคือท่านและภรรยาต่างก็ปลอดภัยทั้งคู่ และตอนนี้ท่านก็เป็นหนี้เมิ่งฮ่าวสองชีวิต นั่นคือสิ่งที่หานซานไม่มีทางจะลืมเลือนไปได้!
เมิ่งฮ่าวส่ายหน้า “พี่ใหญ่หานซาน ข้าต้องทำเช่นนี้อยู่แล้ว นี่คือคำสัญญาของข้า!”
เขามองไปยังหานซานและภรรยา และเห็นได้ว่าท่านทั้งสองมีความสุขมากแค่ไหน
หานซานไม่กล่าวอะไรอีก แค่ก้าวเดินตรงมาและโอบกอดเมิ่งฮ่าวไว้กล่าวว่า
“น้องเรา ข้าจะไม่พูดมาก ขอกล่าวสั้นๆ ว่า…ถ้าเจ้าต้องการพวกเราสองสามีภรรยาเมื่อใด ก็ให้บอกมา!”
ท่านและเมิ่งฮ่าวหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา ภรรยาหานซานยืนห่างออกไปที่ด้านข้าง จ้องมองมาอย่างเงียบๆ แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องจากกัน เมิ่งฮ่าวแนะนำหานซานและภรรยาให้ไปอยู่บนดาวหนานเทียน และยังได้มอบเหรียญแสดงตัวตนที่เหมาะสมเพื่อไปยังที่แห่งนั้นอีกด้วย หานซานไม่ปฏิเสธ ตอนนี้เมื่อท่านได้ภรรยากลับคืนมา ก็ไม่รู้ว่าจะไปยังที่แห่งใดดี
เมื่อดาวหนานเทียนคือบ้านของเมิ่งฮ่าว หานซานจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะไปยังที่แห่งนั้น
เมิ่งฮ่าวมองดูหานซานและภรรยาจากไป ในที่สุดก็มองเห็นแสงของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลแวบขึ้นมา และพวกท่านก็หายตัวไป ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวหมุนตัวและมองไปยังตำแหน่งครั้งสุดท้ายของสะพานเซียนเดินหนจากก่อนหน้านี้ จากนั้นก็หันหลังและมุ่งหน้าตรงไปยังประตูเคลื่อนย้ายทางไกลอีกแห่ง
ครั้งนี้เขาไม่ได้ไปทวงหนี้จากใครอีก แต่กำลังจะเดินทางไปยังกู่เซียนหลิง! (สุสานเซียนโบราณ)
กู่เซียนหลิงคือหนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน และเป็นสถานที่ซึ่ง…สหายเก่า, เสี่ยวพ่างจื่อ (เจ้าอ้วนน้อย) อาศัยอยู่
แต่ในตอนนี้ คงจะไม่เหมาะสมนักที่จะเรียกหลี่ฟูกุ้ยว่าเสี่ยวพ่างจื่อ (เจ้าอ้วนน้อย) ตอนนี้มันควรที่จะถูกเรียกว่า…ต้าพ่างจื่อ! (เจ้าอ้วนใหญ่)
ตอนนี้มันอ้วนมากจนต้องใช้สี่คนถึงจะโอบไปรอบตัวมันได้ แต่ก็ยังคงกระฉับกระเฉงร่าเริง และฟันของมันก็แหลมคมมากขึ้นกว่าเดิม กู่เซียนหลิงปฏิบัติต่อมันด้วยดี และมันก็บรรลุกลายเป็นเซียนแล้ว
เมื่อพูดถึงภรรยา มันก็มีมากกว่าเดิมอยู่ไม่น้อย ไม่ได้มีเพียงแค่หนึ่งร้อยคนอีกต่อไป ตอนนี้มันมีถึงห้าร้อยคน!!
เมื่อเมิ่งฮ่าวไปยังกู่เซียนหลิง และประกาศเจตนารมณ์ออกไป เจ้าอ้วนก็กลิ้งออกมาคล้ายกับเป็นลูกหนัง เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นมัน ปากก็ต้องอ้าค้างขึ้น
“เหล่าต้า (พี่ใหญ่) ท่าน…ในที่สุดท่านก็มาหาข้า!!” เจ้าอ้วนแผดร้องออกมา รีบวิ่งเข้ามากอดเมิ่งฮ่าว แต่น่าเสียดายที่พุงของมันใหญ่มากเกินไป และแขนก็ไม่ยาวพอ ทำให้ไม่อาจจะกอดได้…
เมื่อพุงขนาดใหญ่ของมันกระแทกไปบนร่างเมิ่งฮ่าว เขาก็ถอยโซเซไปทางด้านหลัง ส่งเสียงหัวเราะด้วยท่าทางอิหลักอิเหลื่อออกมา
มองไปยังลูกทรงกลมที่เป็นเจ้าอ้วน และเริ่มรู้สึกวิตกขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากที่ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ม้วนกวาดออกไป และเห็นระดับพื้นฐานฝึกตนของมัน ก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“เจ้าน่าจะกินให้น้อยลง…” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับฝืนยิ้มออกมา ขณะที่เจ้าอ้วนนำทางเข้าไปในกู่เซียนหลิง แน่นอนว่าตัวของสำนักเองก็ไม่อาจจะละเลยในการมาถึงของเมิ่งฮ่าวได้ และทุ่มออกมาจนสุดตัวเพื่อต้อนรับเขา แม้แต่ปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าเพียงหนึ่งเดียวก็ยังโผล่ออกมาด้วยเช่นกัน
เมิ่งฮ่าวตัดสินใจอยู่ที่นั่นหลายวัน ตลอดช่วงเวลานั้นเขาและเจ้าอ้วนก็จะหวนรำลึก พูดถึงช่วงเวลาเก่าๆ และความทรงจำอันสวยงามด้วยกัน
ในช่วงหนึ่งหลังจากที่คนทั้งสองดื่มกินและพูดคุยกันชั่วขณะแล้ว เจ้าอ้วนก็เริ่มร้องไห้ออกมา บอกกับเมิ่งฮ่าวว่ามันคิดถึงบิดามารดา และได้กลับไปยังดาวหนานเทียนอยู่หลายครั้ง แต่แคว้นจ้าวก็หายไปแล้ว และมันก็ไม่อาจจะค้นหาร่องรอยของพวกท่านได้
มันรู้ว่าต่อให้สามารถจะค้นหาพวกท่านพบ แต่บิดามารดาของมันก็คงจะตายไปนานแล้ว และคนในครอบครัวที่เหลืออยู่ของมันก็คงจะกระจัดกระจายจากไปแล้ว…
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงคิดถึงพวกท่านอยู่ และอันที่จริงแม้ขณะที่เวลาล่วงผ่านไป ความรู้สึกนั้นก็ยิ่งมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น บางครั้งมันยังรู้สึกด้วยอีกว่า ถึงแม้จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างยืนยาว และมีภรรยานับร้อยเช่นนี้ แต่ก็ยังคง…ปรารถนาให้บิดามารดาอยู่ด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นเจ้าอ้วนร้องไห้ออกมาเช่นนี้ ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องถอนหายใจขึ้น แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็คือนั่งรับฟังอยู่ที่นั่นและดื่มสุราลงไปเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเจ้าอ้วนไม่ค่อยจะมีโอกาสได้ระบายความในใจมากนัก หลังจากที่ร้องไห้เรียบร้อย มันก็เริ่มหัวเราะออกมาอีกครั้ง และในที่สุดคนทั้งสองก็พูดคุยถึงสำนักเอกะเทวะด้วยกัน
นั่นเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตของเจ้าอ้วน ในที่สุดคนทั้งสองก็เริ่มพูดไปถึงร้านค้าที่ช่วยกันก่อตั้งขึ้นมา และเมิ่งฮ่าวก็ต้องหัวเราะเป็นเสียงดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เจ้าอ้วนร่วมหัวเราะไปด้วย และในที่สุดเสียงหัวเราะของคนทั้งสองก็ดังก้องออกไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดเกี่ยวกับสำนักเอกะเทวะแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดถึงเรื่องของสวี่ชิง…
เจ้าอ้วนถอนหายใจ “ในวันที่ศิษย์พี่หญิงสวี่นำพวกเราสี่คนมายังสำนักเอกะเทวะ กลายเป็นว่าหวังโหย่วฉายดุร้ายมากที่สุด มันทำให้ลั่วเยี่ยหู (ทะเลสาบจันทร์ลาลับ) สั่นสะเทือนไปทั่ว คนที่นั่นเรียกมันว่านักฆ่าตาปีศาจ มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง…”
“ข้าอยู่ที่นี่ไม่ค่อยได้เรียนรู้และไร้ความสามารถนัก ที่ได้รับการยอมรับก็กล่าวได้ว่าเนื่องมาจากเหล่าต้าท่าน…แต่อย่าไปพูดถึงมันเลย ไม่รู้ว่าต๋งหู่จะเป็นอย่างไรบ้าง น่าเสียดายที่ไม่มีข่าวคราวจากมันแม้แต่น้อย”
“เมื่อคิดไปแล้ว ศิษย์พี่หญิงสวี่…ช่างมีสายตาที่แหลมคมนัก…”
“ใช่แล้ว เมิ่งฮ่าว ยังจำรอยแตกบนภูเขาต้าชิง และตอนที่เจ้าโยนเถาวัลย์ลงไปได้หรือไม่? ฮา ฮา ฮา! ข้าคิดว่าเจ้าคงจะโชคดีมาก มิเช่นนั้นคงจะไม่ถูกนำตัวไปยังสำนักเอกะเทวะแล้ว…”
เมิ่งฮ่าวกระแอมไอ สิ่งที่เจ้าอ้วนกำลังพูดออกมา ทำให้เขาต้องคิดย้อนไปถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนนั้น หลังจากที่พลาดในการสอบคัดเลือกเป็นขุนนางอีกครั้ง เขาก็เดินไปบนภูเขาต้าชิง ถอนหายใจให้กับชีวิตของตนเอง
ในตอนนั้นเขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าการเดินขึ้นไปบนภูเขาในวันนั้น…จะเป็นการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเองไปโดยสิ้นเชิง!?
ในวันนั้นโลกได้สูญเสียนักศึกษาผู้หนึ่งไป และได้ผู้ฝึกตนเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน และอาณาจักรขุนเขาทะเล…ก็ได้ราชันในอนาคตของมันขึ้นมา!
เมื่อนามของสวี่ชิงถูกเอ่ยขึ้น เมิ่งฮ่าวก็คิดไปถึงงานวิวาห์สีเลือด และความรู้สึกก็จมดิ่งลงไป ในที่สุดเขาก็บอกกับเจ้าอ้วนว่า เขากำลังจะไปยังขุนเขาที่สี่เพื่อนำนางกลับมา
เจ้าอ้วนรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเมิ่งฮ่าวกำลังจมดิ่งลงไป ดังนั้นมันจึงโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไปอย่างรวดเร็ว เรียกให้หญิงสาวเยาว์วัยนางหนึ่งปรากฏขึ้นในที่ห่างไกล นางเดินเข้ามาใกล้ ประสานมือและโค้งตัวลงให้กับเมิ่งฮ่าว
“เหล่าต้า มา มา มา ข้าขอแนะนำหนึ่งในภรรยาของข้าให้กับท่าน นี่คือเสี่ยวซุ่ย ผู้ที่ข้ารักมากที่สุดอย่างแท้จริง…”
เมิ่งฮ่าวมองไปยังหญิงสาว ยิ้มและพยักหน้าให้ เมื่อคิดว่าเจ้าอ้วนเรียกนางว่าผู้ที่รักอย่างแท้จริง เมิ่งฮ่าวก็หยิบเอาของวิเศษส่งมอบให้
เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาเจ้าอ้วนก็สาดประกายขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น…
“เหล่าต้า นี่คือเสี่ยวหง ผู้ที่ข้าพึงพอใจมากที่สุด…”
“เหล่าต้า นี่คือเสี่ยวฟาง ผู้ที่เป็นจิตวิญญาณของข้า…”
“เหล่าต้า นี่คือ…” เจ้าอ้วนร้องเรียกภรรยาทั้งห้าร้อยคนของมันออกมาแนะนำให้กับเมิ่งฮ่าวทีละคน และยังได้เรียกชื่อสัตว์เลี้ยงของคนทั้งหมดออกมาอีกด้วย เมิ่งฮ่าวมองไปยังหญิงสาวทั้งหมด และมองไปยังรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ของเจ้าอ้วนพร้อมทั้งแววตาก็สาดประกายขึ้นมาด้วยความยินดี เขาไม่อาจจะทำอะไรได้นอกจากต้องฝืนยิ้มออกมา ขณะที่ส่งมอบของวิเศษให้เป็นของขวัญคนแล้วคนเล่า
เมื่อภรรยาคนสุดท้ายถูกแนะนำเสร็จสิ้น เมิ่งฮ่าวก็คิดว่าเรื่องราวคงจบสิ้นแล้ว แต่ต่อมาเจ้าอ้วนก็ร้องเรียกบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งมา
“ยังไม่โขกศีรษะให้กับท่านลุงเมิ่งอีก!?” เจ้าอ้วนกล่าว ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยโทสะ จากนั้นก็หันหน้ามาและยิ้มให้กับเมิ่งฮ่าว
“นี่คือบุตรชายข้า…”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเบิกกว้างขึ้น มองไปยังบุรุษหนุ่ม และจากนั้นก็มองไปยังเจ้าอ้วน หัวเราะหึๆ ออกมา ส่งมอบของวิเศษให้เป็นของขวัญรับหน้า หลังจากนั้น…เจ้าอ้วนก็แนะนำบุตรชายและบุตรสาวอีกกว่าสามร้อยคน…
และหลังจากนั้น…
“เหล่าต้า นี่คือหลานของข้า…”
เมิ่งฮ่าวรู้สึกหนังศีรษะด้านชาขึ้นมา เขาต้องเลื่อมใสเจ้าอ้วนอย่างแท้จริง ที่สามารถจดจำชื่อเล่นของภรรยาทั้งห้าร้อยคนได้โดยไม่ผิดพลาดแม้แต่คนเดียว เช่นเดียวกับที่ไม่ลืมชื่อของบุตรชายและบุตรสาวแม้แต่คนเดียว
รวมทั้งหลานอีกหนึ่งร้อยกว่าคนด้วยเช่นกัน สิ่งที่เมิ่งฮ่าวรู้สึกหวาดกลัวมากที่สุดก็คือในที่สุดก็พบว่าเจ้าอ้วนจริงๆ แล้วก็มีหลานอีกฝูงใหญ่ด้วยเช่นกัน…ถึงแม้ว่าบรรดาหลานเหล่านั้นจะยังเยาว์วัยหรือเป็นเด็กทารก แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังต้องมอบของขวัญให้กับพวกมันด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น เมื่อได้ส่งมอบของขวัญไปแล้วอย่างมากมายเช่นนั้น เขาจึงไม่อาจจะหยุดได้ในตอนนี้
เดิมทีเขาคิดว่าจะอยู่ต่อสักหลายวัน แต่เมื่อถึงวันที่สองเขาก็รีบจากไปในทันที ด้วยความวิตกว่าถ้ายังอยู่นานต่อไปอีก ทรัพย์สมบัติที่หามาได้ด้วยความยากลำบากในถุงสมบัติ ในที่สุดก็จะถูกแบ่งให้กับครอบครัวของเจ้าอ้วนไปทั้งหมด
“เมื่อข้าไม่อาจจะยึดครองเซียนกู่หลิงได้ เป้าหมายของข้าก็คือให้ลูกหลานรับช่วงต่อ!” เจ้าอ้วนกล่าวขึ้นขณะที่มองไปยังเมิ่งฮ่าว ดวงตามันสาดประกายขึ้นด้วยแสงแปลกๆ ขณะที่พูดแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ออกมา
เมิ่งฮ่าวอดที่จะชื่นชมในความคิดนั้นอย่างช่วยไม่ได้ เขาคิดว่าเจ้าอ้วนต้องสามารถจะทำให้ความคิดนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างแน่นอน แววตาสาดประกายขึ้นด้วยการให้กำลังใจ ตบไปที่ไหล่ของเจ้าอ้วนกล่าวว่า
“พยายามให้มากไว้ ข้าคิดว่าภรรยาทั้งห้าร้อยคนของเจ้าช่างเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีจริงๆ เจ้าน่าจะมีสักห้าพันคนเป็นอย่างน้อย ด้วยเช่นนั้นเจ้าก็น่าจะมีตระกูลอันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้!”
“เมื่อคิดไปแล้ว เจ้าน่าจะมีบุตรชายและบุตรสาวหลายพันคน เมื่อพวกมันมีบุตรขึ้นมา ก็คงจะเป็นจำนวนที่น่าประหลาดใจในที่สุด…” เมิ่งฮ่าวปลุกระดมเจ้าอ้วนอย่างขาดความรับผิดชอบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาเจ้าอ้วนก็เปล่งประกายขึ้น และเริ่มหัวเราะเป็นเสียงดังออกมา
“ช่างสมกับเป็นเหล่าต้าของข้าจริงๆ เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมนัก! ข้าก็คิดเช่นเดียวกันนี้ ข้ากำลังจะสร้างตระกูลขึ้นมา!” เมื่อได้เห็นความทะเยอทะยานอย่างบ้าคลั่งสาดประกายขึ้นมาในแววตาเจ้าอ้วน ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องไอแห้งๆ ออกมา หมุนตัวและจากไป
การจากกันในครั้งนี้ไร้ความทุกข์ใจใดๆ มีแต่รอยยิ้มเท่านั้น แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่เอ่ยว่าจะกลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่ และเจ้าอ้วนก็ไม่ถามด้วยเช่นกัน คนทั้งสองหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้
เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ รอยยิ้มของเจ้าอ้วนก็จางหายไป เอามือจับไปที่ไหล่ของเมิ่งฮ่าว
“เมิ่งฮ่าว…พวกเราเป็นพี่น้องกัน ตราบชั่วนิรันดร์ตลอดไป!”
“ตราบชั่วนิรันดร์!” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบพร้อมกับพยักหน้าให้อย่างหนักแน่นเด็ดเดี่ยว คนทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกันอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมาอีกครั้ง ในที่สุดก็แยกจากกัน หนึ่งมุ่งหน้ากลับไปยังสำนักของตนเอง อีกหนึ่งพุ่งห่างออกไปไกลจนหายลับตาไป…