Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1215

ตอนที่ 1215

หนึ่งคนสะท้านทั่วเฮยหุน

“บังอาจนัก!!”

“ถือดีอย่างไรมารุกรานเฮยหุนเต้าแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์! เจ้าเป็นใคร!?!?” เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงแผดร้องด้วยโทสะนับไม่ถ้วนดังเต็มอยู่ในจิตใจ ซึ่งมาพร้อมกับกระแสแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ใกล้เข้ามา

ถ้าเขาเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไป สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่มารวมตัวกันเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะกำจัดจิตใจของเขาไปได้โดยสิ้นเชิง

แต่กระนั้นเขายังคงก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เหมือนที่ข้ากล่าวไว้ ข้ามีนามว่าเมิ่งฮ่าว และมาที่นี่เพื่อกวาดล้างสำนักนี้!”

เมื่อเขากล่าวสามคำสุดท้าย เสียงนั้นก็คล้ายกับเป็นอำนาจแห่งสวรรค์ บดขยี้ออกไปจนเกิดเป็นเสียงดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าร้องคำราม ทำให้พลังแห่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่รวมตัวกันรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวแตกกระจายออกไปในทันทีราวกับเป็นหญ้าแห้ง!

ตูมมมมมมม!

เสียงแผดร้องแหลมเล็กนับไม่ถ้วน ได้ยินออกมาจากเฮยหุนเต้าที่อยู่ห่างไกลออกไป

“สังหารมัน!”

“คนนอกผู้หนึ่งกำลังบุกรุกเข้ามา! สังหารมัน!”

“ข้าจะดึงวิญญาณเจ้าออกมา และกลั่นสกัดให้กลายเป็นธวัช จากนั้นก็จะโบกสะบัดธวัชนั้นอยู่ในสายลมอันหนาวเหน็บของดินแดนลี้ลับ…ปล่อยให้เจ้าแผดร้องออกไปนับหมื่นปี!!”

ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวลงไป สายลมกรีดร้องระงม และพื้นดินก็สั่นสะเทือน ขณะที่ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนบินตรงมายังเมิ่งฮ่าว พวกมันทั้งหมดปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมา ในชั่วพริบตาท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยวิญญาณปีศาจนับไม่ถ้วน ส่งเสียงกรีดร้องพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ก้าวดินตรงไปอย่างต่อเนื่อง โบกสะบัดชายแขนเสื้อ และท้องฟ้าก็ส่งเสียงดังก้องออกมา ขณะที่รอยแตกขนาดใหญ่เปิดออกตรงเส้นทางที่ผู้ฝึกตนเหล่านั้นใกล้เข้ามา กลุ่มหมอกสีแดงม้วนตัวออกมาจากรอยแตกนั้น พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างน่ากลัว ศีรษะสีโลหิตปรากฏขึ้น และรอยแตกนั้นก็แยกออกมากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่บางสิ่งบางอย่างกำลังก้าวเดินออกมา

มันคืออสูรโลหิต!

อสูรโลหิตแผดร้องคำราม ขณะที่พุ่งตรงไป กลายเป็นทะเลแห่งโลหิตม้วนกวาดออกไปในทั่วทุกทิศทาง เมื่อมันบรรลุถึงผู้ฝึกตนเหล่านั้น เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวนับไม่ถ้วนก็ดังก้องออกมา วิญญาณปีศาจนับไม่ถ้วนถูกทำลายไป และผู้ฝึกตนจำนวนมากเริ่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง จากนั้นโลหิตก็เริ่มไหลซึมออกมาจากดวงตา, หู, จมูกและปาก พวกมันถูกดูดกลืนจนแห้งเหี่ยวไปอย่างรวดเร็ว

ภายในกลุ่มหมอกโลหิตนั้น ร่างจำแลงโลหิตปรากฏขึ้น ไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ กลายเป็นเงาโลหิตขณะที่มันพุ่งผ่านไป ทำให้ผู้ฝึกตนต้องแผดร้องออกมา ขณะที่ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็วและตกตายไป

ผู้ฝึกตนแห่งเฮยหุนเต้าเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับวิชาอันโหดเหี้ยมของพวกมัน และพวกมันก็เคยสังหารผู้คนมาอย่างมากมายจนยากที่จะนับได้ พวกมันเชื่อว่าตนเองเป็นผู้ที่มีความโหดเหี้ยมมากที่สุดในกลุ่มสำนักทั้งหมด แต่สิ่งที่พวกมันกำลังมองเห็นอยู่ในตอนนี้ ทำให้ผู้ฝึกตนเฮยหุนเต้าต้องประหลาดใจไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อพูดถึงเรื่องอำมหิตและความโหดเหี้ยมแล้ว พวกมันไม่อาจจะเทียบได้กับอสูรโลหิตและร่างจำแลงโลหิตแม้แต่น้อย

เมิ่งฮ่าวก้าวเดินไปอย่างเยือกเย็น โบกสะบัดมือออกไปอีกครั้ง ทำให้ภูเขาเซียนจำนวนมากตกลงมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น จนคล้ายกับเป็นเสียงของวันสิ้นโลกที่มาถึงยังที่แห่งนี้

“ช่างโอหังนัก!” เสียงแค่นเย็นชาดังก้องออกมา เต็มไปด้วยพลังอันน่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบ เสียงก้องกังวานนั้นทำให้อสูรโลหิตต้องสั่นสะท้าน ร่างจำแลงโลหิตต้องรู้สึกหวาดกลัว และภูเขาเซียนก็แหลกสลายกลายเป็นเสี่ยงๆ

ขณะที่เสียงนั้นดังก้องออกมา กลุ่มควันสีดำก็เริ่มลอยขึ้นมาจากหน้าผาสีดำที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น กลุ่มควันเหล่านั้นรวมตัวเข้าด้วยกันเพื่อก่อตัวเป็นใบหน้าของบุรุษวัยกลางคน ซึ่งมีดวงตาที่เจิดจ้าราวกับเป็นสายฟ้า ขณะที่จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าว

เฮยหุนเต้ามีปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แต่มันก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าธรรมดาทั่วไป เมื่อเมิ่งฮ่าวมองเห็นมันผ่านเส้นใยกรรม เขาก็สามารถจะรับรู้ได้ว่ามันเป็นผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสองแก่นแท้ แต่จากพลังที่มันกระจายออกมาในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะบอกได้ว่านี่ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งสองแก่นแท้…นี่คือราชันเต๋าสามแก่นแท้!

มันคือคนที่ด่าเมิ่งฮ่าวว่าโอหัง เป็นคำพูดที่ทำให้ทุกสรรพสิ่งที่ด้านบนและเบื้องล่างต้องสั่นสะเทือน อันที่จริงก็เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านั้นสามารถจะควบคุมพลังลมปราณแห่งฟ้าดิน จนก่อตัวเป็นพลังอันแข็งแกร่งระเบิดตรงไปยังเมิ่งฮ่าว!

ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดเล็กลง และจิตใจก็จมดิ่งลงไปเล็กน้อย

ในตอนนี้เองที่สิบชายชราได้บินออกมาอยู่รอบๆ ใบหน้ากลุ่มควัน เมื่อพวกมันปลดปล่อยพื้นฐานฝึกตนออกมา พลังอันน่าตกใจแห่งวงจรอันยิ่งใหญ่อาณาจักรโบราณก็ระเบิดขึ้นมา!

บางคนยังได้มุ่งหน้าตรงมายังอสูรโลหิตและร่างจำแลงโลหิตอีกด้วย ในขณะที่คนอื่นๆ มุ่งหน้ามายังเมิ่งฮ่าวด้วยใบหน้าอันดุร้าย

นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ฝึกตนอีกนับร้อยที่อยู่ในอาณาจักรโบราณ ซึ่งถูกห้อมล้อมด้วยตะเกียงวิญญาณ ช่างเป็นภาพที่ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่พลังของพวกมันกระจายออกมา ก็ก่อตัวเป็นค่ายกลเวทขนาดใหญ่ ทำให้เกิดเป็นพลังพุ่งสูงขึ้นไปจนดูเหมือนว่าจะสามารถไปแทนที่สวรรค์ได้

ผู้ฝึกตนแห่งเฮยหุนเต้ากำลังบินมาเข้าร่วมกับการต่อสู้ระดับอาณาจักรเต๋านี้มากขึ้นไปเรื่อยๆ!

แสดงให้เห็นว่าพวกมันเป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน!

“สามแก่นแท้…แล้วจะอย่างไร? เมื่อข้ามาแล้วก็จะต้องทำให้ที่แห่งนี้จบสิ้นลงไปในตอนนี้!!” เมิ่งฮ่าวมั่นใจในสิ่งที่เคยเห็นมาผ่านเส้นใยกรรมจากก่อนหน้านี้ บางทีอาจจะมีสิ่งอื่นๆ ที่เขาไม่ได้ตระหนักถึง หรือบางทีคนผู้นั้นอาจจะเพิ่งทะลวงผ่านไปได้เมื่อไม่กี่วันมานี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อเมิ่งฮ่าวมาแล้ว ต่อให้เขาต้องต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งสามแก่นแท้ เขาก็จะทำ!

เมิ่งฮ่าวเดินไปเป็นก้าวที่สี่ และพลังก็พุ่งทะยานขึ้นไป ทำให้ทุกสรรพสิ่งสะเทือนมากขึ้นเป็นหลายเท่า แม้แต่ดินแดนบางส่วนในที่แห่งนี้ยังได้เริ่มพังทลายลงไปอีกด้วย ในเวลาเดียวกันนั้นก็ได้ยินเสียงแผดร้องคำรามดังออกมาจากด้านในถุงสมบัติของเขา

อ๋าวเฉี่ยนบินออกมา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ บริเวณนั้นสั่นสะท้าน ขณะที่พื้นฐานฝึกตนขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่อาณาจักรโบราณของมันระเบิดออกมาด้วยพลังอย่างน่าตกใจ

ยังมีภูติน้อยสีดำที่กำลังกรีดร้องพุ่งออกมาอีกด้วย จากนั้นก็กลายเป็นสำแสงสีดำ พุ่งตรงเข้าไปในกลุ่มฝูงชนอย่างน่าตกใจยิ่ง เมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียวกลับทำให้เฮยหุนเต้าทั้งหมดต้องสั่นสะเทือน!

เขาไม่บอกจุดประสงค์ว่าจะมารับวิญญาณของฉู่อวี้เยียนกลับไป นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจจะเปิดเผยออกมาได้ ด้วยเกรงว่าจะเป็นการเผยจุดอ่อนของตนเองออกมา แน่นอนว่าถ้าพวกมันยินยอมจะส่งมอบวิญญาณออกมา เขาก็คงไม่ต้องมาโจมตีพวกมันเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะทำให้เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนออกมาอย่างมากมายก็ตามที

แต่…ถ้าพวกมันไม่ยินยอมและตระหนักดีว่าทำไมเขาถึงต้องมา ก็คงจะทำให้

ฉู่อวี้เยียนต้องตกอยู่ในอันตรายอันร้ายแรง

ดังนั้นวิธีการที่ง่ายมากที่สุดก็คือ…กวาดล้างสำนักนี้ไปทั้งหมด และนำวิญญาณของฉู่อวี้เยียนจากไปด้วยกำลัง!

เมิ่งฮ่าวกระจายกลิ่นอายอันน่ากลัวออกมา ก่อตัวเป็นคลื่นสีดำพุ่งกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ผู้ฝึกตนใดๆ ก็ตามที่ถูกโจมตีด้วยคลื่นนี้ ก็จะทำให้จิตใจต้องสับสนและเสียสติไปในทันที

เวลาเดียวกันนั้นพื้นฐานฝึกตนเซียนเต๋าทุกชั้นฟ้าของเมิ่งฮ่าวก็ปะทุเป็นพลังขึ้นมา เมื่อรวมเข้ากับเจ็ดก้าวเทพ ก็ทำให้พลังของเขาพุ่งทะยานสูงมากขึ้นไปเรื่อยๆ ขณะที่เดินไปเป็นก้าวที่ห้า

ขณะที่ทำเช่นนั้น ผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณสิบกว่าคนก็ใกล้เข้ามา ร่วมมือกับหกผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณ พวกมันปลดปล่อยพลังทำลายล้างขนาดใหญ่รวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นวิญญาณยมทูตที่ดูเหมือนจะโผล่ออกมาจากขุมนรก สวมใส่ชุดเกราะสีดำ ร่างครึ่งท่อนบนดูเหมือนมนุษย์ ครึ่งท่อนล่างเป็นอสรพิษขนาดใหญ่ ส่งเสียงแผดร้องคำราม กวัดแกว่งอาวุธไปมา พุ่งทะยานตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยพลังอันน่ากลัว

ในตอนนี้เองที่เท้าของเมิ่งฮ่าวเหยียบย่างลงไปเป็นก้าวที่ห้า และพลังก็พุ่งทะยานขึ้นไปมากกว่าเดิม สวรรค์สั่นสะท้านปฐพีสั่นสะเทือน พื้นดินเกิดเป็นรอยแตกร้าวเลื้อยไปมาเป็นจำนวนมาก ภูเขาลูกแล้วลูกเล่าเริ่มพังทลายลงไป

เพื่อตอบรับพลังที่พุ่งขึ้นมาของเมิ่งฮ่าว พื้นฐานฝึกตนของเขาทำให้เกิดเป็นลมพายุอันรุนแรงระเบิดขึ้นไป กลายเป็นเกราะป้องกันที่วิญญาณยมทูตพุ่งกระแทกเข้ามา ทันใดนั้นวิญญาณยมฑูตก็ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง คาดไม่ถึงว่า…มันไม่อาจจะทำอะไรกับเกราะป้องกันนี้ได้โดยสิ้นเชิง

จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงสิ่งใดๆ ที่กำลังจะพุ่งเข้ามาโจมตีเมิ่งฮ่าว พวกมันไม่อาจจะเข้ามาใกล้ภายในรัศมีหนึ่งร้อยจ้างจากตัวเขาได้

ไม่เพียงแต่วิญญาณยมทูตเท่านั้นที่ลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง ผู้ฝึกตนอาณาจักรโบราณทั้งหมดกระอักโลหิตออกมา เมื่อพวกมันกระแทกลงไปบนเกราะป้องกัน มีบางคนยังได้ระเบิดขึ้นอีกด้วย คนที่ไม่ถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณ ก็จะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ขณะที่พวกมันลอยละลิ่วปลิวไปทางด้านหลัง

ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรโบราณมองมาด้วยใบหน้าซีดขาว ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง

“เจ้าเป็นใคร?!?!”

นั่นคือคำถามที่เปล่งออกมา ขณะที่เมิ่งฮ่าวเดินไปเป็นก้าวที่หก พลังของเขาพุ่งทะยานขึ้นไปอีกครั้ง และพื้นฐานฝึกตนก็พุ่งกระจายออกไป ทำให้เกราะป้องกันที่มองไม่เห็นขยายกว้างออกไปจากหนึ่งร้อยจ้างเป็นสามร้อยจ้าง ผู้ฝึกตนที่ได้รับผลกระทบเริ่มมีมากขึ้น รวมทั้งศิษย์อาณาจักรเซียนก็ถูกผลักดันไปทางด้านหลังอย่างไม่ลดละ พวกมันหลายคนถูกสังหารไป และเสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจก็ดังก้องไปทั่วทั้งดาวเคราะห์แห่งนี้ ถึงตอนนี้แม้ว่าพวกมันจะไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่ก็รู้ดีว่าเขาคือผู้แข็งแกร่งอันน่ากลัว!

“อาณาจักรเต๋า! มันอยู่ในอาณาจักรเต๋า!!” เสียงแผดร้องนับไม่ถ้วนได้ยินขึ้นมา เป็นเสียงแผดร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ไม่ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะโหดเหี้ยมหรืออำมหิตมากแค่ไหน แต่จิตใจของพวกมันในตอนนี้มีอยู่แค่อย่างเดียวเท่านั้น ก็คือความหวาดกลัว

ปรมาจารย์ของพวกมันอาจจะอยู่ในอาณาจักรเต๋า และถูกถือว่าเป็นผู้ทรงอำนาจในท่ามกลางผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าด้วยกัน แต่พวกมันก็ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าใดๆ ก็ตามคือบุคคลที่ทำให้จิตใจของคนทั้งหมดต้องหวาดกลัวขึ้นอย่างยากจะอธิบายออกมาได้

แทบจะในทันทีที่กลุ่มคนเริ่มร้องตะโกนออกมา ใบหน้าขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นมาจากกลุ่มหมอกสีดำก็อ้าปากขึ้น ทำให้เกิดเป็นสายลมสีดำม้วนกวาดออกไป

สายลมสีดำนั้นประกอบไปด้วยพลังแห่งแก่นแท้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันคือแก่นแท้แห่งสายลมอันน่าตกใจ และที่น่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือ มันผสมรวมเข้ากับวิญญาณอันดุร้ายนับไม่ถ้วน ซึ่งส่งเสียงกรีดร้องดังเต็มอยู่ในอากาศ วิญญาณที่ซ่อนเร้นอยู่ในสายลมสีดำที่ปกคลุมไปยังทุกสรรพสิ่ง พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ตอนนี้พลังของเมิ่งฮ่าวเพิ่มขึ้นมาด้วยก้าวที่หกที่เดินไป เขาใช้มือขวาขยับร่ายเวท และจากนั้นก็ผลักขึ้นไปในอากาศ ราวกับว่าเขากำลังผลักให้ท้องฟ้าพุ่งสูงขึ้นไป!

“แก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์!”

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องออกไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้ ขณะที่กลุ่มเมฆในท้องฟ้าเริ่มแตกกระจายออกไป แก่นแท้นี้ไม่ใช่สีโลหิต ไม่ใช่สีดำ และไม่มีวิญญาณแม้แต่ดวงเดียวที่จะสามารถมองเห็นอยู่ภายใน แต่มันเต็มไปด้วย…ทะเลแห่งเปลวไฟอันไร้ขอบเขต เปลวไฟม้วนตัวตรงไปยังสายลมสีดำที่พุ่งเข้ามา ทำให้อากาศในโลกแห่งนี้ทั้งหมดเริ่มร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนถึงระดับที่น่ากลัว

ท้องฟ้าก่อตัวเป็นทะเลแห่งเปลวไฟ และพื้นดินก็กลายเป็นสนามรบ เมิ่งฮ่าวกำลังใช้เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่อสู้กลับไปยังสายลมวิญญาณ!

พลังแก่นแท้ปะทุออกไป ทำให้โลกแห่งนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม แต่มันก็ไม่ใช่ดวงดาวที่แท้จริง มันคือดาวเคราะห์เทียมที่ก่อตัวขึ้นมาจากเศษชิ้นส่วนขนาดเล็กลงไป เมื่อแรงกดดันแห่งอาณาจักรเต๋ากดทับลงมาในตอนนี้ ก็ทำให้มันมีทีท่าว่าใกล้จะพังทลายลงไปได้ทุกเมื่อ รอยแตกร้าวเริ่มกระจายออกไปบนพื้นผิวของมันมากขึ้นเรื่อยๆ

จากนั้น…เมิ่งฮ่าวก็เดินไปเป็นก้าวที่เจ็ด!

ก้าวที่เดินไปนี้ทำให้เจตจำนงของเขาหลอมรวมเข้ากับเจตจำนงแห่งฟ้าดิน ทำให้เมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นเทพ!

พลังของเมิ่งฮ่าวพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่เคยมีพลังสูงมากเช่นนี้มาก่อน ถ้าจะกล่าวกันตามความจริงแล้ว ถึงเขาจะยังไม่ปลดปล่อยสุดยอดสะพานออกมา แต่พลังพื้นฐานฝึกตนในตอนนี้ก็น่าหวาดกลัวจนเพียงพอที่จะทำให้อาณาจักรเต๋าต้องสั่นสะเทือน

ตอนนี้ร่างเมิ่งฮ่าวเริ่มขยายใหญ่มากขึ้น ในชั่วพริบตาก็กลายเป็นยักษ์ที่มีความสูงถึงหนึ่งพันจ้าง ท้องฟ้าเริ่มพังทลายลงไป ขณะที่เขากำมือเป็นหมัดและต่อยตรงไปยังใบหน้ากลุ่มควันที่กำลังลอยอยู่ตรงด้านบนหน้าผาสีดำ

นี่คือหมัดสังหารเทพ!!

ใบหน้าในกลุ่มควันมีท่าทางเคร่งเครียด รู้สึกได้ถึงอันตรายอันร้ายแรงอันเนื่องมาจากว่า เมิ่งฮ่าวเป็นบุคคลที่มีแต่ผู้แข็งแกร่งชราบางคนในขุนเขาทะเลที่แปดเท่านั้นที่จะสามารถต่อสู้กับเขาได้ เป็นสิ่งที่มันไม่เคยรู้สึกมาก่อนเป็นเวลานานมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม มันก็สามารถจะบอกได้ด้วยเช่นกันว่า นี่คือหนึ่งในการโจมตีที่ทรงพลังมากที่สุดของเมิ่งฮ่าว เขาสามารถจะใช้ออกมาหลังจากที่สร้างเป็นพลังอันมหาศาลขึ้นมาเท่านั้น ถึงแม้ว่าใบหน้านั้นจะสามารถต่อสู้กลับไปยังการโจมตีนี้ได้

แต่มันก็เห็นว่าไม่จำเป็นที่จะทำเช่นนั้น สิ่งที่มันต้องทำทั้งหมดก็คือเฝ้ารอให้เมิ่งฮ่าวใช้พลังนั้นไปจนหมดสิ้นก่อน

ดวงตาของใบหน้านั้นสาดประกายเย็นชาขึ้น รีบถอยไปทางด้านหลังจากหมัดที่โจมตีมาของเมิ่งฮ่าว และเริ่มจางหายไป ขณะที่ทำเช่นนั้น แสงเจ้าเล่ห์ก็แวบประกายขึ้นมาในดวงตาเมิ่งฮ่าว

ขณะที่ใบหน้านั้นเกือบจะจางหายไปโดยสิ้นเชิง หมัดของเขาจู่ๆ ก็กลายเป็นฝ่ามือ ทำท่าคว้าจับไปยัง…กระถางธูปที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสีดำ!!

จุดประสงค์หลักของเขาไม่ใช่การกวาดล้างสำนักไป เช่นเดียวกับที่เขาประกาศก้องเป็นเสียงดังออกมา แต่เป็น…วิญญาณของฉู่อวี้เยียน! ทุกสิ่งทุกอย่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาพยายามกระทำมาด้วยความระมัดระวังเช่นนั้น ก็เพื่อจะให้คู่ต่อสู้หลบเลี่ยงการโจมตีของเขาไป ทำให้เขาสามารถจะคว้าจับไปยังกระถางธูปนั้นได้ แต่ถ้าคนผู้นั้นไม่หลบเลี่ยง เมิ่งฮ่าวก็เตรียมตัวที่จะเคลื่อนไหวเป็นขั้นต่อไปไว้แล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!