ตอนที่ 1225
ซือจุน ช่วยข้าด้วย
ขณะที่เมิ่งฮ่าวกำลังพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าและจะเริ่มต่อสู้ นักพรตชราก็ปรากฏตัวขึ้นในกลางอากาศ ฉีกยิ้มออกมาขณะที่ร้องตะโกนขึ้นว่า “ศิษย์ข้า ไม่ต้องหนี!”
ถึงแม้จะดูเหมือนว่ามันจะร้องตะโกนขึ้นตามปกติ แต่ก็ทำให้ท้องฟ้าต้องสั่นสะเทือนไปมาอย่างรุนแรง ราวกับว่ากำลังจะพังทลายลงไป อันที่จริงถ้ามองขึ้นไป ก็จะเห็นรอยแตกนับไม่ถ้วนกำลังเกิดขึ้นอยู่ในท้องฟ้า
กลุ่มหมอกสีแดงที่กำลังจะพุ่งลงมา ทันใดนั้นก็หดตัวกลับขึ้นไป ราวกับว่าใครบางคนที่แอบซ่อนอยู่ด้านในจู่ๆ ก็สั่นสะท้านขึ้นมา และทุ่มออกมาอย่างสุดกำลังเพื่อล่าถอยกลับไป
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง แต่ก็รู้สึกเสียใจด้วยเช่นกัน เดิมทีเขาคิดว่าจะออกไปจากดาวลั่วเหอนี้ และในช่วงที่กระตุ้นให้ผู้ถูกเลือกในกลุ่มหมอกสีแดงมาต่อสู้กัน เขาก็จะใช้อำนาจแห่งกรรมบังคับให้มันเป็นหนี้ตนเอง
เมิ่งฮ่าวจะคาดคิดได้อย่างไรว่านักพรตชราจะสอดมือเข้ามา? ระดับพื้นฐานฝึกตนของนักพรตผู้นี้ทำให้ดวงตาเมิ่งฮ่าวต้องเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันมีตำแหน่งที่สูงส่งอยู่ในสำนักเฮ่าหรัน และจากการที่มันร้องตะโกนขึ้นมาเมื่อครู่นี้
เมิ่งฮ่าวสามารถจะบอกได้ว่ามันคือราชันเต๋าสามแก่นแท้ เมื่อเทียบกับปรมาจารย์เฮยหุนแล้ว มันอาจจะสูงกว่าเล็กน้อย
ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องรู้สึกหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม ย้อนกลับไปในตอนที่เขาไม่อาจจะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าได้ เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับพวกมันแม้แต่คนเดียว แต่ตอนนี้เมื่อเขาสามารถจะต่อสู้กับพวกมันได้ กลับดูเหมือนว่าจะพบเห็นพวกมันได้เกือบทั่วทุกที่
ความเป็นจริงของเหตุการณ์นี้ก็คือว่า เนื่องจากเขาอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไปเป็นอย่างมากในตอนนี้ ทำให้ผู้คนที่เขาพบเจอมีความแตกต่างกัน ในขุนเขาทะเลใดๆ ก็ตาม จำนวนผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋ามักจะมีไม่เคยเกินสิบกว่าคน ส่วนใหญ่แล้วพวกมันจะมีศักดิ์ฐานะเป็นปรมาจารย์ของสำนักต่างๆ และด้วยเช่นนั้น ทำให้กลายเป็นบุคคลที่ผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไปไม่อาจจะพบเจอได้
ยกตัวอย่างเช่น ปรมาจารย์เฮยหุน ในสำนักที่มีผู้ฝึกตนนับแสน จะมีผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือปรมาจารย์เฮยหุน!
แต่เป็นเพราะว่าเมิ่งฮ่าวสามารถจะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อเขาต้องมาเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ใดๆ ก็มักจะต้องถูกขัดขวางจากพวกมัน เพื่อแก้ไขสถานการณ์เหล่านั้น
สำหรับนักพรตชราแห่งสำนักเฮ่าหรันผู้นี้ มันเป็นราชันเต๋าสามแก่นแท้จริงๆ และเป็นหนึ่งในสามผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าของสำนักนั้น อันที่จริงมันไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในคนทั้งสาม แต่เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับสองเท่านั้น!
เมื่อมีผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าถึงสามคน ก็หมายความว่าสำนักเฮ่าหรันมีตำแหน่งที่สูงส่งเป็นอย่างมากในพันธมิตรเทพสวรรค์ ซึ่งมีแนวโน้มที่คล้ายคลึงกับขุนเขาทะเลที่เก้า
“ไม่ต้องหลบหนี ศิษย์ข้า มา, มา กลับไปยังสำนักเฮ่าหรันพร้อมกับเหล่าเต้า (นักพรตชรา) ด้วยการมีเหล่าเต้าอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าจะมาลงมือกับเจ้า!” นักพรตชราเข้ามาใกล้ จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เมิ่งฮ่าวรีบถอยไปทางด้านหลังโดยไม่รู้สึกตัวในทันที
ดูเหมือนว่านักพรตชราจะไม่สนใจ ยิ่งมันมองเมิ่งฮ่าวมากเท่าใด ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นอันเนื่องมาจากกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่เที่ยงธรรมบนร่างเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีความพิเศษมากเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่ากลิ่นอายนั้นกำลังจางหายไป
แต่ก็ยังพอจะมองเห็นได้ อันที่จริงมันแทบจะเป็นกลิ่นอายที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุด เท่าที่นักพรตชราเคยเห็นมาจากหลายปีที่ผ่านไป
“ฮ่าย, ถ้าได้พบเจ้าก่อนที่จะเริ่มฝึกตน เหล่าฟูคงจะช่วยให้เจ้ากลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ทรงพลังมากที่สุดในสำนักเฮ่าหรันแล้ว! แต่ยังไม่สายเกินไป มา, มา เจ้าเรียกว่าเมิ่งฮ่าว ใช่หรือไม่? ถ้าเจ้าเข้าสังกัดสำนักเฮ่าหรัน ก็จะมีนามนักพรตด้วย!”
“นามนักพรตของเหล่าฟูคือเฮ่าอี้หรันจื่อ ให้ข้าคิดสักครู่…” นักพรตชราตบไปที่ต้นขา ฉีกยิ้มออกมา กล่าวว่า “คิดได้แล้ว! นามนักพรตของเจ้าคืออี๋ฮ่าวจื่อ!” (เด็กน้อยฮ่าว)
ศิษย์สำนักเฮ่าหรันที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นสบตากันไปมาด้วยความอนาถใจ ทันใดนั้นพวกมันไม่ได้มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความเป็นศัตรูอีกต่อไป แต่มองไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีเขียวคล้ำขึ้นเล็กน้อย อี๋ฮ่าวจื่อ, อี๋ฮ่าวจื่อ…เมื่อได้ยินนามนี้ เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี ถ้าไม่ใช่เขารู้ว่านักพรตชราไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อตนเองแล้วละก็ เขาคงจะต้องมีโทสะขึ้นมาอย่างแน่นอน
“ไร้สาระ!” เมิ่งฮ่าวกล่าว โบกสะบัดชายแขนเสื้อ แค่นเสียงด้วยใบหน้าที่เย็นชา ไม่สนใจนักพรตชรา หมุนตัวพุ่งขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว เขาต้องการออกไปจาก ดาวลั่วเหอ แต่เวลาเดียวกันนั้นก็ระมัดระวังตัวต่อนักพรตชราผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้เมิ่งฮ่าวจะรู้สึกได้ว่ามันไม่ต้องการจะทำร้ายเขา แต่ก็ต้องระมัดระวังตัวไว้ก่อนดีกว่า เพื่อให้มั่นใจว่ามันไม่พยายามจะมาขัดขวางเขาอีก จึงกลายร่างเป็นวิหคยักษ์สีฟ้า กระพือปีกขึ้นลงพุ่งออกไป เหลือทิ้งไว้แต่เสียงกึกก้องอยู่ทางด้านหลัง
นักพรตชรายืนอยู่ที่นั่นไม่ทำอะไรที่จะมาขัดขวางเมิ่งฮ่าวอีก แต่มองไปด้วยรอยยิ้มที่ฉีกกว้าง ศิษย์สำนักเฮ่าหรันที่ด้านหลังมัน ต่างก็มีสีหน้าแปลกๆ ขณะที่พยายามจะคาดเดาว่าปรมาจารย์ผู้เหลวไหลวุ่นวายนี้กำลังจะทำอะไรกันแน่
“ถ้าเจ้าต้องการจากไป เหล่าฟูก็จะไม่รั้งไว้ อี๋ฮ่าวจื่อ พวกเราถูกลิขิตให้เป็นอาจารย์และศิษย์ร่วมกัน เป็นโชคชะตาที่ถูกลิขิตมาโดยขุนเขาทะเล เป็นโชคชะตาที่…ภายในสิบลมหายใจ เจ้าต้องกลับมา” คำพูดของนักพรตชราลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง ยืนประสานมือไพล่หลังอยู่ที่นั่น มีท่าทางราวกับเป็นเทพเซียน จากรูปลักษณ์ภายนอกของมันแล้ว ก็ดูธรรมดาไม่มีอะไรแม้แต่น้อย
เมิ่งฮ่าวในรูปแบบของวิหคยักษ์สีฟ้าพุ่งออกไป และภายในช่วงเวลาสิบลมหายใจ ก็มองเห็นตรงด้านนอกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว มีลำแสงนับหมื่นกำลังพุ่งตรงมายังทิศทางของเขา
รังสีสังหารพุ่งขึ้นมาอย่างเดือดพล่าน ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องบิดเบี้ยวไปมา ถ้าทั้งหมดนั้นมีแค่นี้ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด เมิ่งฮ่าวจะยังคงเลือกจากไป แต่ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าในท่ามกลางลำแสงเหล่านั้น มีความผันผวนของผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าอยู่อย่างน้อยก็สิบคน
พวกมันทั้งหมดกำลังพุ่งตรงมายังทิศทางนี้!
แม้แต่เมิ่งฮ่าว ก็ยังต้องหนังศีรษะด้านชาเมื่อคิดไปถึงผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าทั้งสิบเหล่านั้น โดยที่ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าในท่ามกลางกลิ่นอายทั้งสิบนั้น มีอยู่สองคน…เกินกว่าระดับของราชันเต๋า!
ทำให้ตอนนี้เขาไม่มีทางจะจากไปได้! ต่อให้เขาออกไปจากดาวลั่วเหอนี้ได้ ก็คงไม่อาจจะหลีกเลี่ยงจากการถูกสังหารไปในที่สุด ช่างโชคร้ายเป็นอย่างยิ่ง…ที่ปรมาจารย์เฮยหุนเกลียดชังเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างมาก ทำให้มันยินดีที่จะกระทำทุกอย่างด้วยความชั่วร้าย
บางทีโดยส่วนตัวของผู้ฝึกตนแล้ว ก็อาจจะไม่สนใจแนวคิดที่ว่า ได้มันเป็นข้าทาสเป็นเวลาหนึ่งพันปี แต่สำหรับสำนักทั้งหมดแล้ว นั่นคือสิ่งที่ล่อใจเป็นอย่างมาก พวกมันจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาเป็นข้าทาส!
“พันธมิตรเทพสวรรค์…” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความเย็นชา พร้อมกับเสียงถอนหายใจ เขากลอกตาไปมา จากนั้นก็หันหลังมุ่งหน้ากลับลงไปยังพื้นผิวของดาวลั่วเหอ
ขณะที่เขาหันหลังไป ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าก็รวมพลังกันโจมตีมา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ เมื่อพลังแห่งแก่นแท้จำนวนมากเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา กลายเป็นลำแสงเจ็ดสีอันเจิดจ้า แทบจะคล้ายกับเป็นแส้ขนาดใหญ่ ตวัดออกไปในความว่างเปล่า กรีดเฉือนตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขาล่าถอยกลับลงไปยังพื้นดินบนดาวลั่วเหอ
เวลาเดียวกันนั้น ผู้ฝึกตนที่เหลือต่างก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วสูงสุด
ย้อนกลับไปยังด้านล่างบนดาวลั่วเหอ ผู้ฝึกตนจากสี่สำนักของดาวดาวนี้ เพิ่งจะมองเห็นเมิ่งฮ่าวจากไป แต่ไม่นานต่อมาเขาก็กลับมาอย่างน่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง มองเห็นลำแสงนับไม่ถ้วนอยู่ตรงด้านหลัง ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว รวมทั้งลำแสงเจ็ดสีด้วย
ขณะที่ลำแสงเจ็ดสีนั้นใกล้เข้ามา สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็สลดลง รีบร้องตะโกนไปยังนักพรตชราในทันที
“ซือจุน (ท่านอาจารย์) ช่วยข้าด้วย!!”
นักพรตชราที่ดูคล้ายกับเทพเซียนกระแอมไอออกมา ประสานมืออยู่ที่ด้านหลัง ค่อยๆ มองขึ้นไป และกล่าวว่า “ใครกำลังเรียกหาเหวยซือ? (อาจารย์)”
ดูเหมือนว่ามันกำลังสับสนอยู่ แต่จริงๆ แล้ว…มันค่อนข้างจะดีใจเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวยิ้มอย่างขมขื่นออกมา ที่ด้านหลัง ลำแสงเจ็ดสีกำลังใกล้เข้ามา เต็มไปด้วยรังสีสังหาร ถ้าสัมผัสโดนตัว ถึงจะไม่ถูกสังหารไปในทันที แต่คงจะเกิดเป็นบาดแผลขึ้นมาอย่างแน่นอน ซึ่งเขาต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นอย่างมาก
เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น กล่าวว่า “ข้า…ข้าคืออี๋ฮ่าวจื่อ ซือจุนผู้เฒ่า ถ้าท่านไม่ช่วยข้า ข้าก็จะไม่ยอมรับแล้ว!”
ทันใดนั้น แววตาของนักพรตชราก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้นราวกับเป็นดวงตะวันจันทรา
“ศิษย์ข้าไม่ต้องกลัว ซือจุนมาแล้ว!”
พร้อมกับเสียงหัวเราะด้วยความตื่นเต้น และมีท่าทางดีใจ มันรีบก้าวเดินตรงไปในทันที เมื่อเหยียบย่างเท้าลงไป ก็ไปอยู่ระหว่างเมิ่งฮ่าวและลำแสงเจ็ดสี ทันใดนั้นมันก็ยกมือขวาขึ้นไป ทำมือราวกับว่ากำลังถือพู่กันอยู่ และจากนั้นก็เริ่มเขียนตัวอักษรอยู่ในท่ามกลางอากาศ!
“พวกสารเลวกล้าดีอย่างไรมาข่มเหงศิษย์เหล่าฟู! อี๋ฮ่าวจื่อคือบุคคลที่เต็มไปด้วยความเที่ยงธรรม มีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่! ศัตรูของมันคือศัตรูของเหล่าฟู!”
“ที่นี่คือประตูแห่งดาวลั่วเหอ และที่นี่ก็คือสำนักเฮ่าหรัน! ไสหัวไปให้กับเหล่าฟู!”
สีสันแวบขึ้นไปและสายลมก็กรีดร้องระงม ขณะที่นักพรตชราโบกสะบัดมือเขียนตัวอักษร สัญลักษณ์เวทแวบประกายขึ้น เวลาเดียวกันนั้นกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่เที่ยงธรรมก็ระเบิดออกไปในทันที กลายเป็นสิ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นกลิ่นอายทั้งหมดของดาวลั่วเหอเอง พุ่งออกไปกระแทกยังลำแสงเจ็ดสีนั้น
เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ได้ยินขึ้น ขณะที่ลำแสงนั้นสั่นไปมา และจากนั้นก็พังทลายกลายเป็นเสี่ยงๆ เวลาเดียวกันนั้นกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่เที่ยงธรรม ก็พุ่งออกไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว กลายเป็นเสาแห่งลมปราณที่มองไม่เห็น ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวทั้งหมดสั่นสะเทือน ผู้ฝึกตนที่ใกล้เข้ามาต่างก็ตกตะลึงและหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่กล้าจะเข้ามาใกล้ไปกว่านี้
เสียงร้องตะโกนด้วยโทสะจำนวนมากได้ยินมา หลังจากที่ลำแสงเจ็ดสีพังทลายลงไป
“สวี่หรันปัญญาอ่อน เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร!?!?”
“เดิมทีมันก็เป็นคนบ้าอยู่แล้ว!”
“นั่นคือเมิ่งฮ่าว! มันไม่ใช่ศิษย์ของเจ้า มันคือผู้ที่กวาดล้างเฮยหุนเต้าไปทั้งสำนัก!”
“สวี่หรัน สำนักเฮ่าหรันของเจ้าต้องการจะละเมิดคำสั่งแห่งพันธมิตรเทพสวรรค์หรืออย่างไร!?!?”
เมื่อเสียงร้องของพวกมันดังก้องออกมา ก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน แม่น้ำไหลย้อนกลับ และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องสั่นสะท้าน
“บางครั้งเหล่าฟูอาจจะบ้าไปบ้าง แต่ไม่ใช่วันนี้!” นักพรตชรากล่าวตอบด้วยเสียงที่ดังก้อง “คนที่บ้าคือพวกเจ้า! พวกเจ้ามองไม่เห็นอะไร แต่เหล่าฟูมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมิ่งฮ่าวมีกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่เที่ยงธรรม การที่มันมีกลิ่นอายเช่นนั้นก็หมายความว่า ใครก็ตามที่มันสังหารไปก็สมควรที่จะตายแล้ว!”
“ถ้ามันกวาดล้างเฮยหุนเต้า นั่นเป็นการบ่งบอกว่า…สวรรค์, ขุนเขาทะเลที่แปดเอง และแม้แต่เจตจำนงแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลทั้งหมด ต่างก็ปรารถนาที่จะให้เฮยหุนเต้าถูกกำจัดไป!”
“ไม่สำคัญว่ามันคือใคร เมิ่งฮ่าวก็ดีหรือฮ่าวอื่นๆ ก็ดี แต่วันนี้มันคือศิษย์ของเหล่าฟู, อี๋ฮ่าวจื่อ!” ด้วยเช่นนั้น มันโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มไปทั่วทั้งฟ้าดิน ขณะที่เรียกพลังของดาวลั่วเหอให้พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวออกมาอีกครั้ง
แน่นอนว่าสำหรับมันแล้วการกระทำเช่นนั้น เพื่อจะต่อสู้กลับไปยังผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋า และผู้ฝึกตนอื่นๆ นับไม่ถ้วน ทำให้โลหิตต้องไหลซึมออกมาจากมุมปากของมัน
เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านอยู่ภายในใจ มองไปยังนักพรตชราอย่างเงียบๆ เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอยู่เล็กน้อย
หลังจากที่ได้ยินมันพูดเกี่ยวกับกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่เที่ยงธรรม ทันใดนั้นเขาก็เริ่มคาดเดาว่าจริงๆ แล้ว ต้องมีบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกระแสปราณแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลอย่างแน่นอน
ตอนนี้คนทั้งหมดกำลังอับจนสิ้นหนทาง ผู้ฝึกตนที่มาด้วยความต้องการสังหารเมิ่งฮ่าว ยังคงอยู่ที่ด้านนอกของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ไม่ต้องการที่จะเข้ามาบนดาวลั่วเหอ นี่คือหนึ่งในดวงดาวดั้งเดิมของขุนเขาทะเลที่แปด ไม่ใช่ดาวเคราะห์เทียมที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยผู้ฝึกตนที่ทรงพลังบางคน มันคงอยู่มานานเท่ากับขุนเขาทะเลที่แปด และเป็นหนึ่งในสี่ดวงดาวที่เป็นเช่นนี้ สำนักใดๆ ก็ตามที่อยู่บนดวงดาวหลักเช่นนี้ ต่างก็เป็นส่วนสำคัญของพันธมิตรเทพสวรรค์
นอกจากนั้น…พวกมันทั้งหมดต่างก็มีเวทลับที่ทำให้สามารถจะควบคุมพลังแห่งดวงดาวเหล่านี้ได้!