Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1253

ตอนที่ 1253

นี่คือตระกูลเมิ่ง

ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปในห้องท้องเรือ เมิ่งเต๋อไม่ได้คิดไปถึงเมิ่งเฉินแม้แต่น้อย และไม่รู้สึกประทับใจใดๆ ด้วยเช่นกัน แต่เหตุผลหลักที่ทำให้มันนึกขึ้นมาได้ก็คือ จากกลุ่มคนในตระกูลทั้งหมดที่ผ่านเข้าไปในสามสิบสามสวรรค์ ก็มีเมิ่งเฉินเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิตออกมาได้

เมิ่งเฉินยังได้ส่งมอบของวิเศษโบราณให้เมิ่งเต๋ออีกด้วย ทำให้มันรู้สึกพึงพอใจขึ้นบ้าง เนื่องจากเช่นนั้นจึงทำให้เมิ่งเฉินอยู่ในความทรงจำของมันบ้างเล็กน้อย

แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความหวังอย่างเข้มข้นว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเมิ่งเฉิน มันไม่ต้องการเป็นคนที่มีชีวิตรอดอยู่บนเรือลำนี้เพียงลำพัง เมื่อคิดไปถึงความเจ็บปวดอันน่ากลัวที่เพิ่งจะพบเจอมา ก็ทำให้จิตใจต้องสั่นสะท้าน มันอาจจะโง่เขลา แต่ก็ไม่ได้โง่เขลาจนเกินจะเยียวยา ถึงแม้ว่าจะเป็นคุณชายที่ถูกตามใจ แต่ก็ยังคงคิดถึงตัวเองอยู่

สำหรับการเป็นผู้ฝึกตน มันอยู่เพียงแค่ระดับเฉลี่ยเท่านั้น แต่เนื่องจากศักดิ์ฐานะของสายโลหิต ทำให้มันได้เป็นเสาจู่ (นายน้อย) แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่มันเลือก มันไร้ทางเลือกใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้

ตอนนี้มันไม่ได้คิดไปถึงศักดิ์ฐานะใดๆ แม้แต่น้อย เมื่อผู้คนมาพบเจอกับความตาย ศักดิ์ฐานะมักจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกมันจะนึกถึง มันแค่ต้องการใครบางคนจากตระกูลของตนเองมาอยู่เคียงข้าง เป็นใครบางคนที่สามารถจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์อันน่ากลัวนี้ได้

เมิ่งเต๋อพบว่าเมิ่งฮ่าวกำลังนอนหมดสติอยู่ตรงชั้นล่างสุดของห้องท้องเรือ มันรีบเดินตรงไป เมื่อแน่ใจว่าเขาแค่หมดสติไปเท่านั้นไม่ได้ตกตายไป เมิ่งเต๋อก็รู้สึกยินดี มันไม่ได้ครุ่นคิดมากนักว่าทำไมเมิ่งฮ่าวถึงยังมีชีวิตอยู่ ในขณะที่คนอื่นๆ ทั้งหมดตกตายไป

มันสันนิษฐานว่าเป็นเพราะพื้นฐานฝึกตนของเขาต่ำมากเกินไป ทำให้ถูกสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของบุรุษชุดดำกวาดไปอยู่ด้านข้าง และพวกมันก็ไม่ให้ความสนใจกับเขา หรือคิดว่าจะสังหารเขาภายหลัง

จากเหตุผลเช่นนั้น ทำให้เมิ่งเฉินไม่ตกตายไป

เมิ่งเต๋อหยิบเอาเม็ดยาออกมาด้วยความตื่นเต้น โดยปกติแล้วมันมักจะตระหนี่เกี่ยวกับเม็ดยา แต่ในกรณีนี้มันกลับใส่เข้าไปในปากเมิ่งฮ่าวทั้งหมด

“อย่าตายนะ เมิ่งเฉิน ตอนนี้มีแค่เราสองคนแล้ว เจ้ายังตายไม่ได้…”

มันกล่าวพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลลงมานองหน้า ยกร่างเมิ่งฮ่าวขึ้นมาอยู่ในวงแขน พาไปพิงอยู่ที่ผนังท้องเรือ ใช้พลังจากพื้นฐานฝึกตนของมัน ทำให้เรือแล่นไปอย่างช้าๆ

มันพยายามติดต่อกับตระกูลครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้ว่าเกราะป้องกันจะถูกกำจัดออกไปแล้ว แต่ข้อความของมันก็ไม่อาจจะส่งผ่านไปได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ได้สติตื่นขึ้นมา

เมื่อเป็นเช่นนั้นเมิ่งเต๋อก็เข้ามาใกล้ด้วยความตื่นเต้น ทันใดนั้นความรู้สึกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันก็พุ่งขึ้นมา มันเริ่มคิดย้อนไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาในทันที ไม่นานนักเมิ่งเต๋อก็เกิดความรู้สึกราวกับว่าตนเองและเมิ่งเฉินเป็นสหายกัน

เวลาผ่านไปเมิ่งเต๋อคิดว่าคนทั้งสองต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป คนทั้งสองสลับกันควบคุมเรือ ให้มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของตระกูลเมิ่ง เดินทางไปด้วยความระมัดระวังตัวมากที่สุด ด้วยความหวาดกลัวว่าจะไปพบกับใครบางคนที่ไม่อาจจะตอแยด้วยได้

เมิ่งเต๋อไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้มาก่อนในชีวิต มันมักจะหยิบเอาแผ่นหยกออกมาเพื่อทำการติดต่อ แต่ก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ

ดังนั้นมันจึงไร้ทางเลือกนอกจากต้องอยู่ร่วมกับเมิ่งฮ่าว บินผ่านห้วงอวกาศไปด้วยความหวาดกลัว

คนทั้งสองพูดคุยกันเพื่อฆ่าเวลาไปอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็มาถึงจุดที่เมิ่งเต๋อไม่เก็บซ่อนสิ่งใดๆ ไว้อีกต่อไป มันพูดกับเมิ่งฮ่าวเกี่ยวกับตระกูล และสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด และยังได้เริ่มให้คำแนะนำเมิ่งฮ่าวอีกด้วย

“เมิ่งเฉิน พื้นฐานฝึกตนของเจ้าอ่อนแอนัก ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้…”

“เมื่อไหร่ที่พวกเรากลับไปถึงตระกูล ข้าจะให้พวกมันมอบเม็ดยาและวิชาบางอย่างให้เจ้า เจ้าต้องทำให้พื้นฐานฝึกตนสูงขึ้นกว่านี้ อย่างน้อยก็อยู่ในขั้นสูงสุดของอาณาจักรเซียน”

“ไม่ต้องวิตกไป ในวันข้างหน้า เจ้าสามารถจะพึ่งพาข้าได้ทุกเรื่อง”

“เจ้าคิดว่าพวกเราจะกลับไปถึงบ้านเมื่อไหร่…? ทำไมพวกเราถึงติดต่อกับตระกูลไม่ได้? มันไม่ได้ผลมาโดยตลอด…”

ในวันหนึ่งขณะที่เมิ่งเต๋อแล่นเรือไป จู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ มันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น และถามขึ้นมาในทันที “เมิ่งเฉิน ข้าเพิ่งจะคิดขึ้นมาได้ ครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้า ใบหน้าเจ้าเรียบรื่นราวกับเป็นเด็กทารก แต่ครั้งต่อมาจมูกของเจ้าก็แตกออก และมีรอยแผลเป็นเหล่านั้นทั้งหมด”

“ท่านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบเสียงราบเรียบ ในตอนนี้คนทั้งสองเดินทางอยู่ในห้วงอวกาศมานานเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เนื่องจากเมิ่งฮ่าวมีประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน ทำให้กลายเป็นผู้นำไปในตัว ถึงแม้ว่าเขาจะพูดไม่มากนัก แต่เมื่อไหร่ที่พูดออกมา เมิ่งเต๋อก็จะให้ความสนใจอย่างจริงจังไม่ว่าเมิ่งฮ่าวจะพูดอะไรออกมาก็ตาม

เมิ่งเต๋อคือเสาจู่ แต่ถ้ามีคนที่ไม่รู้จักมองเห็นการกระทำและพูดคุยของคนทั้งสอง ก็จะสันนิษฐานว่าเมิ่งฮ่าวคือเสาจู่อย่างแน่นอน

“หือ? เกิดอะไรขึ้น?” เมิ่งเต๋อถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ

เมิ่งฮ่าวมองกลับไปและเห็นว่ามันไม่รู้จริงๆ จึงสันนิษฐานว่าเป็นแผนการของหัวหน้าผู้รับใช้ซึ่งเป็นผู้ฝึกตนวัยกลางคน จัดเตรียมให้เมิ่งเฉินไปบริการเสาจู่ตระกูลหาน ไม่ใช่ความคิดของเมิ่งเต๋อ แต่เป็นความคิดของหัวหน้าผู้รับใช้เพียงคนเดียว

เมิ่งฮ่าวส่ายหน้าและไม่พูดอะไรออกมาอีก

เมิ่งเต๋อเกาศีรษะและครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ไม่อาจจะคิดได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบนเรือ อย่างไรก็ตามมันก็รู้สึกได้ว่าเมิ่งฮ่าวต้องได้รับความอัปยศมาในที่สุด

“เมิ่งเฉิน เอ่อ…ข้าเคยเป็น…บุคคลที่น่ารังเกียจ แต่นั่นเป็นตอนที่พวกเรายังไม่รู้จักกันดี วางใจได้ นับจากนี้ไป อะไรที่เป็นของเมิ่งเต๋อ ก็จะเป็นของเจ้าด้วย!”

เมิ่งเต๋อตบไปที่หน้าอกตัวเอง มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความภาคภูมิใจ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมิ่งเต๋อเริ่มใส่ใจต่อสิ่งที่เมิ่งฮ่าวคิดเกี่ยวกับมัน

เมิ่งฮ่าวยิ้มเล็กน้อย มุมมองของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยเช่นกันเมื่อไม่กี่วันมานี้ ถึงแม้ว่าเมิ่งเต๋อจะเป็นคุณชายที่ถูกตามใจ และมักจะกระทำด้วยความโง่เขลาอยู่เนืองๆ แต่มันก็ไม่ได้หมดทางจะเยียวยาแต่อย่างใด

สองเดือนต่อมา ความพยายามที่จะติดต่อกับตระกูลอย่างต่อเนื่องของเมิ่งเต๋อ ในที่สุดก็ได้รับผลตอบแทนกลับมา เมิ่งเต๋อรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากในทันที ในที่สุดมันก็สามารถจะรายงานกลับไป และอธิบายถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้

หนึ่งวันหลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นห้าลำแสงเข้ามาใกล้จากที่ห่างไกลออกไป ที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำเป็นชายชราศีรษะขาวโพลน ดูน่ากลัวแม้ใบหน้าไม่ได้บึ้งตึง และพื้นฐานฝึกตนของมันก็อยู่ในอาณาจักรเต๋า ถึงแม้จะมีเพียงแค่หนึ่งแก่นแท้เท่านั้น แต่ก็ยังคงอยู่ในอาณาจักรเต๋า

สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่ยืนอยู่ด้านข้างเมิ่งเต๋อ

ด้านหลังชายชราเป็นสามบุรุษและหนึ่งสตรี สตรีนางนั้นอยู่ในวัยกลางคน แต่ก็ดูแลร่างกายเป็นอย่างดี ทำให้ยังคงดูงดงาม แต่คิ้วนางขมวดมุ่นขณะที่บินตรงมา เมื่อนางมองเห็นเมิ่งเต๋อ และสถานการณ์อันน่ากลัวของมัน ก็เริ่มร้องไห้ออกมา รีบพุ่งตรงมากอดมันไว้ในทันที

“เหนียง…ข้าไม่เป็นไร” เมิ่งเต๋อกล่าวแต่ก็ร้องไห้ด้วยเช่นกัน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เกินกว่าที่มันจะยอมรับได้ ถ้าไม่มีเมิ่งฮ่าวคอยช่วยเหลือ มันก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับมืออย่างไรดี

“เต๋อเอ๋อร์ เจ้าต้องลำบากแล้ว…” มารดามันกล่าว ลูบศีรษะไปมา มีบางสิ่งที่แตกต่างกันออกไปเกี่ยวกับเมิ่งเต๋อ มันไม่มีท่าทางเอะอะโวยวายของคุณชายที่ถูกตามใจอีกต่อไป แต่มีท่าทางเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถึงแม้ว่ามารดามันจะรู้สึกยินดีต่อเรื่องนี้ แต่จิตใจนางก็ยังคงเจ็บปวดอยู่บ้าง

จากสามบุรุษที่มาพร้อมกับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าชรา หนึ่งอยู่ในขั้นสุดท้ายอาณาจักรโบราณ ห่างจากวงจรอันยิ่งใหญ่แค่เส้นใยเดียวเท่านั้น มีหน้าตาคล้ายคลึงกับเมิ่งเต๋อ หลังจากที่มองมายังเมิ่งเต๋อ ก็เข้ามาสวมกอดมัน

“เตีย…” เมิ่งเต๋อกล่าวพร้อมกับเสียงสะอึกสะอื้น

บุรุษอีกสองคนพุ่งร่างออกไป และเริ่มตรวจดูลำเรือ จดรายละเอียดสิ่งที่พวกมันสังเกตเห็นเป็นระยะ สำหรับผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าชรา มันมองมายังเมิ่งเต๋อด้วยสายตาที่อ่อนโยน จากนั้นก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่ข่มขู่คุกคาม

“เมื่อเจ้านายได้รับความอัปยศ ข้ารับใช้ต้องถูกสำเร็จโทษ เห็นแก่ที่เจ้าช่วยให้เจ้านายรอดชีวิตมาได้ จึงอนุญาตให้เจ้ากล่าวคำพูดสุดท้ายออกมา” ชายชรากล่าวเสียงราบเรียบ หนึ่งในผู้ฝึกตนที่กำลังตรวจสอบลำเรืออยู่ หมุนตัวมาทางเมิ่งฮ่าว และเริ่มเดินตรงมาด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วแอบถอนหายใจ เขามองข้ามเรื่องของหน้าตาไป ยิ่งมีผู้คนรู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือมากเท่าใด ตระกูลเมิ่งก็จะยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากขึ้นเท่านั้น เขาอาจจะเป็นสมาชิกของตระกูล แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ วิธีจัดการที่ง่ายที่สุดก็คือกำจัดผู้ที่มีส่วนรู้เห็นเช่นเขาทิ้งไป

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เองที่เมิ่งเต๋อดิ้นหลุดออกมาจากวงแขนของบิดา และพุ่งทะยานไปอยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว มองไปยังผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าชราด้วยท่าทางวิงวอนขอร้อง กล่าวว่า “เหยียเยี่ย (ท่านปู่) มันเป็นน้องชายข้า!”

ชายชรามองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเงียบๆ แต่ผู้ฝึกตนอีกคนไม่ได้หยุดเดิน เดินมาถึงตัวเมิ่งฮ่าวและกำลังจะคว้าจับเขาไว้

เมื่อได้เห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ เมิ่งเต๋อก็รีบร้องตะโกนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “มันช่วยชีวิตข้าไว้! ถ้าท่านสังหารมัน ข้าก็จะฆ่าตัวตาย!” ด้วยเช่นนั้นมันจึงวางมือลงไปบนศีรษะของตัวเอง และจ้องมองไปยังปู่ของมันด้วยท่าทางที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง เช่นเดียวกับปู่ของเมิ่งเต๋อ ผู้ฝึกตนที่เดินตรงมายังเมิ่งฮ่าวหยุดชะงักนิ่ง สำหรับบิดามารดาเมิ่งเต๋อ คนทั้งสองต่างก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน

เท่าที่พวกมันจำได้ เมิ่งเต๋อมักจะทำตัวเป็นคุณชายที่ถูกตามใจอยู่เสมอเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ แต่ก็ไม่เคยจะขัดใจพวกมันเลย ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้มากนัก แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ ตอนนี้จู่ๆ เมิ่งเต๋อก็ร้องตะโกนขึ้นมาต่อหน้าปรมาจารย์ของพวกมันอย่างคาดไม่ถึง และยังได้พูดจาข่มขู่ออกมาอีกด้วย แต่การกระทำเช่นนี้จริงๆ แล้วก็ทำให้บิดามารดาของมันต้องรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ชายชรามองไปยังเมิ่งเต๋อและความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวในดวงตาของมันอย่างละเอียด มันรู้จักหลานชายของตัวเองดี และตระหนักว่ามักจะเป็นคนที่อ่อนแอ

นี่เป็นครั้งแรกที่หลานชายมันแสดงออกมาเช่นนี้ หลังจากผ่านไปชั่วขณะ ชายชราก็หัวเราะขึ้นมาในทันที

“ดี ดูเหมือนว่าเจ้าจะเรียนรู้ว่าควรจะปกป้องผู้ติดตามแล้ว ยังได้ยืนกรานที่จะทำต่อหน้าเหล่าฟูอีกด้วย เต๋อเอ๋อร์ เจ้าเติบใหญ่แล้ว” ชายชราโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ส่งผู้ฝึกตนที่เดินมายังเมิ่งฮ่าวให้ลอยออกไป

จากนั้นชายชราก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวและกล่าวว่า “เต๋อเอ๋อร์มีจุดอ่อนอยู่มากมาย แต่ก็มีจุดแข็งที่โดดเด่นด้วยเช่นกัน มันยินยอมต่อต้านข้าเพื่อเจ้า ดังนั้นในวันข้างหน้า เจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี” พร้อมกับการมองไปยังเมิ่งฮ่าวเป็นครั้งสุดท้าย ชายชราหมุนตัวไปควบคุมเรือ ทำให้บินฝ่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวตรงไปยังตระกูลเมิ่งในทันที

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ตัวเรือกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปด้วยความรวดเร็ว มากกว่าที่มันเคยเดินทางมาจากก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็หายลับตาไป

สองวันต่อมา เรือก็พุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เข้าไปในอาณาเขตที่ถูกปกครองโดยตระกูลเมิ่ง

จากที่ห่างไกลออกไป มองเห็นตระกูลเมิ่งคล้ายกับเป็นทวีปขนาดใหญ่ ที่กำลังลอยอยู่ในท่ามกลางท้องฟ้า

มองเห็นได้ทั้งภูเขาและทะเล รวมทั้งตัวเมืองมากมาย แม้แต่สิ่งมีชีวิตหลากหลายเผ่าพันธุ์ก็มองเห็นได้ในทั่วทุกที่ กระจายเป็นแสงอันเจิดจ้าและระลอกคลื่นที่แข็งแกร่งออกมา และที่เชื่อมต่อกับทวีปหลักเป็นทวีปเล็กๆ อีกแปดทวีป

ดินแดนเหล่านั้นทั้งหมดเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างที่ภูมิฐานสง่างาม ทั้งหมดนั้นรวมตัวกันเป็นค่ายกลเวทขนาดใหญ่

นี่คือตระกูลเมิ่ง!

ตรงจุดศูนย์กลางของทวีป มองเห็นรูปปั้นขนาดใหญ่อยู่หนึ่งแห่ง

ที่แปลกมากที่สุดก็คือว่า ใบหน้าของรูปปั้นนั้นราบเรียบเกลี้ยงเกลา ไร้ใบหน้าใดๆ…แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังคงกระจายพลังอันแข็งแกร่งออกไปในทั่วทุกทิศทาง

ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวรับรู้ได้ถึงแรงกดดันนั้น ก็ต้องแอบตกตะลึงอยู่ภายในใจ

“รู้สึกคล้ายกับเป็นจักรพรรดิเต๋า…ไม่ถูกต้อง นั่นคือ…กระแสปราณแห่งขุนเขาทะเล!!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!