ตอนที่ 1267
โดยพร้อมเพรียงกัน
แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองไปยังรูปปั้น ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสามคนที่อยู่ด้านในก็รับรู้ได้ และสีหน้าพวกมันก็เปลี่ยนไป
ปรมาจารย์จากสายโลหิตที่เก้ามองไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็สมาชิกในสายโลหิตของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมิ่งเต๋อซึ่งมีสีหน้าที่ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
ปรมาจารย์จากสายโลหิตที่แปดเคยต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวในช่วงสั้นๆ มาแล้ว ดังนั้นมันจึงนั่งกัดฟันแน่นอยู่ที่นั่น ไม่กล้าจะโผล่ออกไป แต่จิตใจก็เต็มไปด้วยความมุ่งหวังว่าปรมาจารย์จากสายโลหิตแรกจะออกไปต่อสู้
นั่นเป็นปรมาจารย์ที่ตื่นขึ้นมาล่าสุดจากกลุ่มคนทั้งสาม มันมีเส้นผมยาวสีแดงซึ่งลุกไหม้เป็นเปลวไฟอยู่ตลอดเวลา และตอนนี้ก็นั่งขัดสมาธิด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งอยู่ที่นั่น หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก มันก็ลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ และก้าวเดินไปปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอกรูปปั้นตรงหน้าเมิ่งฮ่าว
ในทันทีที่มันปรากฏกายขึ้นที่ด้านนอก สมาชิกตระกูลเมิ่งที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมองขึ้นมา แต่ไม่มีใครส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ คนทั้งหมดจ้องมองไปที่มันและเมิ่งฮ่าวอย่างเงียบๆ
“เจ้าไม่ใช่คนในตระกูลเมิ่ง” ชายชราผมแดงกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่เก่าแก่โบราณและน่ากลัว
“ข้าจะใช่หรือไม่ ก็ไม่สำคัญ” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ
“ก็จริง มันไม่สำคัญ เหล่าปา (อันดับแปด), เหลาจิ่ว (อันดับเก้า) ถ้าพวกเจ้าไม่ทำอะไรบ้าง ตระกูลเมิ่งของพวกเราก็จะตกอยู่ในกำมือของคนนอกแล้วในวันนี้” เปลวไฟพุ่งออกมาอยู่รอบๆ เส้นผมสีแดงของชายชรา แสดงแก่นแท้แห่งเปลวไฟออกมา ทำให้อากาศรอบๆ บริเวณนั้นบิดเบี้ยวไปมา
ย้อนกลับไปยังด้านในรูปปั้น ปรมาจารย์จากสายโลหิตที่แปดกัดฟันแน่น ในที่สุดก็ยอมโผล่ออกไป ปรมาจารย์จากสายโลหิตที่เก้า ซึ่งเคยพบกับเมิ่งฮ่าวมาแล้ว ก็โผล่ออกไปด้วยเช่นกัน
เมื่อสามปรมาจารย์ปรากฏตัวขึ้น ในที่สุดความมุ่งหวังและความตื่นเต้นก็เริ่มสาดประกายอยู่ในแววตาของผู้ฝึกตนตระกูลเมิ่ง ในจิตใจพวกมัน ต่อให้เมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งกว่าตอนนี้ เขาก็ไม่อาจจะต่อต้านการรวมพลังกันของปรมาจารย์ทั้งสามได้
“แค่พวกเจ้าสามคนยังไม่พอ” เมิ่งฮ่าวกล่าว มองไปยังพวกมัน จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปยังสองเงาร่างที่เหลือซึ่งกำลังหลับใหลอยู่ในรูปปั้น “พวกเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วเมื่อครู่นี้ ทำไมถึงแสร้งทำเป็นหลับอยู่? พวกเจ้าไม่มีโอกาสลอบโจมตีแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าทั้งห้ามาต่อสู้กับข้าคนเดียวเป็นอย่างไร?”
“ถ้าพวกเจ้าชนะ ข้าจะมอบของวิเศษนี้ให้” ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดมือออกไป ทำให้กระถางสายฟ้าก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาที่ด้านบน ปะทุขึ้นด้วยสายฟ้าและกลิ่นอายแห่งของวิเศษอันล้ำค่า ทำให้ดวงตาของสามปรมาจารย์เบิกกว้างขึ้น และจิตใจก็หมุนคว้าง
ทันใดนั้นสองกลิ่นอายก็กระจายออกมาจากภายในรูปปั้น หนึ่งในพวกมันไม่ได้อยู่ในระดับราชันเต๋าแต่ก็ใกล้เคียงเป็นอย่างยิ่ง อีกคนอยู่ในระดับราชันเต๋า และเห็นได้ชัดว่ากำลังเข้าไปใกล้กับสี่แก่นแท้ อย่างไรก็ตามการที่มันอยู่ห่างอีกแค่เล็กน้อยนั้นก็หมายความว่า มันยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งจักรพรรดิเต๋า
คนทั้งสองนี้คือปรมาจารย์ที่แท้จริงของตระกูลเมิ่ง และเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด ที่ตระกูลเมิ่งเคยมีมาในรอบหลายๆ ปีมานี้
ในทันทีที่กลิ่นอายพวกมันปรากฏขึ้น อากาศที่อยู่ด้านข้างของสามปรมาจารย์ที่กำลังยืนอยู่ด้านนอกรูปปั้นก็แวบขึ้น และคนทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า ดูแก่ชราอย่างน่าเหลือเชื่อและกระจายระลอกคลื่นอันแข็งแกร่งออกมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แข็งแกร่งเกือบสี่แก่นแท้ผู้นั้น มันสวมใส่ชุดยาวสีเทา และกระจายเป็นกลิ่นอายที่เน่าเปื่อยออกมา มองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าชนะ?”
“ถ้าข้าชนะ พวกเจ้าทั้งห้าต้องสาบานด้วยเต๋าว่าจะปกป้องสายโลหิตไว่ผอข้าเป็นเวลาหนึ่งพันปี” เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปยังปรมาจารย์เกือบสี่แก่นแท้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นคนที่คู่ควรแก่การให้ความสนใจมากที่สุด เขาอยากรู้ว่าการดูดซับผลเนี่ยผานลูกที่สี่เข้าไปได้โดยสมบูรณ์ จะทำให้ตนเองสามารถต่อสู้กับสี่แก่นแท้ขึ้นไปได้หรือไม่
“ทำไมแค่หนึ่งพันปีเท่านั้น?”
“เพราะว่าอีกหนึ่งพันปีนับจากนี้ไป ตราบเท่าที่ข้าไม่ตาย จะไม่มีใครในอาณาจักรขุนเขาทะเลจะกล้ามาทำร้ายเครือญาติของข้าแม้แต่น้อย” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเป็นคำพูดที่ป่าเถื่อนเย่อหยิ่ง สำหรับคนที่ได้ยินทั้งหมด แต่สีหน้าของห้าปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้น
หลังจากที่สบตากันไปมา คนทั้งห้าก็พยักหน้า ในความเป็นจริง พวกมันไร้ทางเลือกใดๆ นอกจากต้องต่อสู้เท่านั้น นอกจากนี้เดิมพันที่เมิ่งฮ่าวเสนอมาก็ช่วยลดความตึงเครียดได้เล็กน้อย และทั้งหมดนี้คือเรื่องภายในของตระกูลเมิ่ง การจัดการเช่นนี้ก็ถือว่าได้ผลประโยชน์ร่วมกัน
“ดี!” ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋าสี่แก่นแท้กล่าวขึ้น จากนั้นก็พุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ติดตามไปด้วยปรมาจารย์อีกสี่คน เนื่องจากว่าการต่อสู้ของอาณาจักรเต๋า ไม่อาจจะต่อสู้กันที่ด้านล่างได้ พลังการต่อสู้ที่กระจายออกไปเพียงเล็กน้อย จะทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างอยู่ในตระกูลเมิ่ง
เมิ่งฮ่าวมองไปยังไว่ผอ และมองเห็นความห่วงใยและความกังวลใจในแววตาท่าน เขายิ้มและพยักหน้าให้ จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
ทันใดนั้น สมาชิกตระกูลเมิ่งที่แข็งแกร่งบางคนก็ใช้วิชาเวทที่แตกต่างกันออกมา เพื่อฉายภาพของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอยู่ที่ด้านล่าง ดังนั้นสมาชิกคนอื่นๆ ของตระกูลก็สามารถจะมองเห็นการต่อสู้นี้ได้
สิ่งที่พวกมันมองเห็นก็คือเมิ่งฮ่าวไปปรากฏกายขึ้นที่สนามการต่อสู้และจากนั้น ห้าปรมาจารย์ก็โจมตีไปโดยพร้อมเพรียงกัน!
เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่วในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ในทันทีที่เมิ่งฮ่าวไปถึง ปรมาจารย์จากสายโลหิตแรกค่อนข้างจะรวดเร็วกว่าคนอื่นๆ ขยับมือร่ายเวททำให้ทะเลแห่งเปลวไฟพุ่งออกไป
จากนั้นก็กลายเป็นหัตถ์ยักษ์ยื่นตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าจะคว้าจับตัวเขาไว้
ปรมาจารย์จากสายโลหิตที่แปดแหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา ฟาดฝ่ามือทั้งสองออกไปที่เบื้องหน้า ทำให้สายลมขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา สายลมนั้นถูกเกื้อหนุนด้วยพลังจากพื้นฐานฝึกตน และแก่นแท้แห่งสายลมของมัน กลายเป็นลมพายุขนาดใหญ่ม้วนกวาดโจมตีไป
ปรมาจารย์จากสายโลหิตที่เก้าโจมตีไปอย่างแปลกๆ ขณะที่ขยับมือร่ายเวท ระลอกคลื่นก็กระจายออกมาจากเท้าของมัน เต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทำให้กระจกขนาดใหญ่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
การโจมตีมาทั้งสามนี้ดูธรรมดามากที่สุดในคนกลุ่มนี้ ยังมีอีกสองปรมาจารย์ที่เหลืออยู่ หนี่งในนั้นคือผู้ที่ใกล้จะกลายเป็นราชันเต๋า เริ่มเรืองแสงสีโลหิตขึ้นมา แสงนั้นประกอบด้วยเจตจำนงแห่งการสังหารอันเข้มข้น
อย่างน่าตกใจยิ่ง นี่คือชนิดของแก่นแท้ที่ฝึกฝนได้ยากมากที่สุด แต่ก็ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง…แก่นแท้สังหาร!
ปรมาจารย์คนสุดท้ายคือผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด มันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และขณะที่ทำเช่นนั้นแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า
ในชั่วพริบตาแม้แต่ร่างกายของมันก็กลายเป็นสีเขียว และวงแหวนสายฟ้าสีเขียวก็ปรากฏขึ้นอยู่รอบๆ ตัว ซึ่งก็คือเวทสายฟ้าเขียวนั่นเอง!
นี่คือเวทแห่งเต๋าที่แข็งแกร่งมากที่สุดในตระกูลเมิ่ง สายฟ้าเขียวกระจายเต็มอยู่ในบริเวณนั้นนับพันจ้างรอบๆ ร่างมัน แตกต่างไปจากสายฟ้าสีเขียวซึ่งหานชิงเหลยเคยใช้ออกมาในอาณาจักรสายลมโดยสิ้นเชิง
สีหน้าเมิ่งฮ่าวไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาดูดซับผลเนี่ยผานลูกที่สี่ได้โดยสมบูรณ์แล้ว แค่คิดก็สามารถเรียกประตูอาณาจักรโบราณออกมาได้ แต่ถึงแม้ว่าเขาไม่ต้องการจะทำเช่นนั้น ระลอกคลื่นอันแข็งแกร่งจากพื้นฐานฝึกตนของเขาก็อาจจะทำให้ประตูปรากฏขึ้นมาเองได้
“ถ้าเช่นนั้น ก่อนที่ข้าจะก้าวเข้าไปในอาณาจักรโบราณ ก็มาดูว่าพลังการต่อสู้ของข้าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่!” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าขึ้น ขณะที่พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์จากสายโลหิตแรก ปรมาจารย์ผู้นั้นขยับสองมือร่ายเวท ทำให้หัตถ์แห่งเปลวไฟขนาดยักษ์พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวเร็วขึ้นกว่าเดิม
หัตถ์ยักษ์นั้นก่อตัวขึ้นมาจากพลังแก่นแท้โดยสิ้นเชิง และแข็งแกร่งจนแม้แต่ผู้ฝึกตนเสมือนเต๋า ถ้ามาปะทะกับมันก็ยังต้องถูกทำลายไปในทันที โดยที่ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนที่อ่อนแอมากไปกว่านั้น แม้แต่ดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ก็ยังต้องแตกกระจายไป
หัตถ์ยักษ์ส่งเสียงหวีดหวิวฝ่าความว่างเปล่าเข้ามา ดูเหมือนว่าจะสามารถเผาไหม้ได้ทุกสรรพสิ่ง ขณะที่มันกดทับลงมาบนร่างเมิ่งฮ่าว
“เมื่อเจ้าใช้แก่นแท้เปลวไฟ คงไม่ยุติธรรมนัก…ถ้าข้าใช้สิ่งอื่นมาเอาชนะเจ้า!” เมิ่งฮ่าวกล่าว ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก เปลวไฟก็พุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ร่าง สำแดงแก่นแท้แห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวออกมาโดยสิ้นเชิง ขณะที่ปรากฏขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง ก็เริ่มส่งเสียงดังกระหึ่มพุ่งตรงไปยังแก่นแท้เปลวไฟของปรมาจารย์สายโลหิตแรกในทันที
นี่คือไฟต่อสู้กับไฟ และไม่สำคัญว่าใครจะสามารถควบคุมได้ดีกว่ากัน แต่คำถามก็คือ…แก่นแท้ของใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน!? แก่นแท้ของใครจะน่ากลัวมากกว่ากัน!?
เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือออกไป ทำให้แก่นแท้เปลวไฟที่อยู่รอบๆ ตัวกลายเป็นหัตถ์ยักษ์แห่งเปลวไฟ จากนั้นก็ต่อยตรงไปยังหัตถ์เปลวไฟของปรมาจารย์สายโลหิตแรก
ตูมมมมมมม…
ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนขณะที่หัตถ์เปลวไฟของปรมาจารย์ระเบิดขึ้น หมัดเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวก็แตกกระจายไปด้วยเช่นกัน เผยให้เห็นภาพของวานรตัวหนึ่ง ที่แหงนหน้าขึ้นและกู่ร้องออกมา
เสียงกู่ร้องนั้นทำให้เปลวไฟทั้งหมดที่อยู่ในท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องเดือดพล่านขึ้นมา จากนั้นพลังแห่งเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ก็ม้วนกวาดออกไปพร้อมกัน ก่อตัวเป็นปากขนาดใหญ่พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์สายโลหิตแรก ราวกับว่าจะกลืนกินมันลงไป แต่ในช่วงก่อนที่มันจะทำได้ เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียง ทำให้ปากเปลวไฟหยุดชะงักนิ่ง ส่งเสียงแผดร้องคำรามเพื่อต่อต้านขัดขืนออกมา และจากนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป
ปรมาจารย์จากสายโลหิตแรกกระอักโลหิตออกมากองโต จากนั้นก็ล่าถอยไปทางด้านหลัง สีหน้าเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มันต้องพ่ายแพ้ให้กับแก่นแท้ที่เหมือนกับของตัวเอง ถ้าไม่ใช่ว่าเมิ่งฮ่าวไม่มีความคิดฆ่าฟันแล้วละก็ มันก็คงจะถูกสังหารไปโดยไม่ต้องสงสัย!
“เจ้าแพ้แล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าว จากนั้นก็เดินไปอีกก้าว ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าปรมาจารย์สายโลหิตที่แปด และลมพายุที่กำลังกรีดร้องระงมของมัน ก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวอย่างบ้าคลั่ง
“ข้าไม่สามารถใช้แก่นแท้สายลม” เมิ่งฮ่าวกล่าว ส่ายหน้าไปมา ปล่อยให้ลมพายุกระแทกมาบนร่าง พลังอันน่ากลัวที่สามารถสังหารได้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเสมือนเต๋า แม้แต่ผู้ฝึกตนอาณาจักรเต๋าในระดับเดียวกัน ก็ยังหวาดกลัวต่อลมพายุนี้
แต่ขณะที่มันม้วนกวาดไปยังเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ว่าจะมีบาดแผลปรากฏขึ้นบ้าง…แต่ก็เป็นบาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ปรมาจารย์สายโลหิตที่แปดต้องหอบหายใจออกมา และหลบหนีไปในทันที
“ข้ายอมแพ้!” มันโพล่งขึ้นมา ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
สาเหตุหลักในความหวาดกลัวของมันก็คือว่า มันมองเห็นอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากลมพายุอันทรงพลังนั้น ไม่อาจจะตามทันกับการรักษาตัวเองอย่างรวดเร็วของร่างกายเมิ่งฮ่าวได้ บาดแผลที่ต้องใช้เวลาสองอึดใจเพื่อเกิดขึ้นมา ถูกรักษาให้หายดีดังเดิมแทบจะในทันที…
“ช่างเป็นกายเนื้อที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้! แล้ว…จะไปต่อสู้ได้อย่างไร!?!?”
เวลาเดียวกันนั้น สมาชิกทั้งหมดของตระกูลเมิ่งต่างก็มองไปยังภาพที่ปรากฏขึ้นมาบนจอภาพขนาดใหญ่
พวกมันมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมิ่งฮ่าวใช้แก่นแท้เปลวไฟเอาชนะปรมาจารย์สายโลหิตแรก และจากนั้นก็ใช้กายเนื้ออันน่าประหลาดใจเอาชนะเวทแก่นแท้เต๋าของปรมาจารย์สายโลหิตที่แปด
จากมุมมองของกลุ่มที่มุงดูอยู่ ดูเหมือนว่าเขาแทบจะเป็นผู้ที่ไร้พ่าย!
“เทียบ…เทียบกับครั้งที่แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะ…แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม!!”
“มัน…มันมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ระดับใดกันแน่? อายุมันยังน้อย! ทำไมถึงได้…แข็งแกร่งเช่นนี้!?!?”
นี่คือครั้งแรกที่ไว่ผอของเมิ่งฮ่าวได้เห็นว่าเขามีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงมากแค่ไหน ขณะที่ท่านมองไปยังจอภาพ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มกว้างมากขึ้น
ตอนนี้ท่านไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อยว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบในการกลับมาของสายโลหิตตระกูลเมิ่ง ไม่ว่าจะเป็นท่านหรือเมิ่งฮ่าวก็ไม่สำคัญแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะว่า…เขาคือไว่ซุน (หลานชาย) ของท่าน!